บทที่สาม​ กระทะทองแดงเซิ้นเจิ้น

วรานนท์เดินคอตกตามหลังยมบาลทดอีกครั้ง

“ท่าน ผมรู้ว่านะว่าตั้งแต่เกิดมาทุกคนทำชั่วกันทั้งนั้น แต่ความดีของผมนี่สิทำไมมีแค่หน้าเดียว ผมข้องใจตรงนี้มาก”

“เจ้าอาจจะเข้าใจว่าสิ่งที่เจ้าเคยกระทำเมื่อครั้นมีชีวิตคือสิ่งดีงาม แต่หาใช่ไม่”

“โธ่ท่าน แต่ผมว่าบัญชีหนังหมานั่นบันทึกข้อมูลผมผิดครับ”

ยมบาลทดส่ายศีรษะ

“ไม่ผิดหรอก ชื่อและนามสกุลก็ตรงทุกประการ อย่างไรก็ไม่พลาด เว้นเสียแต่…”

ยมบาลเทียนผู้คุมขุมแปดเอ่ยทักทาย ยมบาลทดจึงไม่ได้ต่อประโยคให้จบ

“สวัสดีท่านทด คราวนี้มาไกลถึงขุมแปดเชียว ไหนข้าขอดูบันทึกเจ้าวิญญาณนี่หน่อย”

ยมบาลทดยื่นกระดานดำสี่เหลี่ยมผืนผ้า

“วรนนท์ ทอประกายส่องแสง อืม… ใช่ย่อยเลยแฮะ เอาไปลองจุ่มในกระทะทองแดงก่อนก็แล้วกัน”

“จุ่ม?ท่านพูดอย่างกับว่าผมเป็นหมูดิบอย่างงั้นแหละ ผมต้องลงไอ้เจ้านี้จริงเหรอครับท่าน”

วรานนท์มองกระทะทองแดงที่เต็มไปด้วยน้ำสีแดงส้มกระทะตรงหน้าเขาไม่มีวิญญาณตนไหนอยู่ แต่กระทะรอบข้างเต็มไปด้วยวิญญาณที่กระทำผิดและต้องมาชดใช้ความผิด พวกเขาต่างร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด น้ำเดือนปุดกำลังกัดกินหล่อหลอมละลายผิวหนัง

“เอ๊ะ… ท่านจะไปไหน?”

เขาถามยมบาลทดที่กำลังจะเดินออกจากห้องกระทะทองแดง

“อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวแบบนี้สิครับ”

“เจ้าอยู่คนเดียวที่ไหน โน่น!”

ยมบาลทดหมายถึงดวงวิญญาณที่กำลังร้องอย่างทุรนทุราย

“ที่นี่ผมสนิทแค่กับท่าน”

“โห เดี๋ยวนี้เจ้าถึงขั้นสนิทกับวิญญาณเชียวรึท่านทด”

“ไอ้หนุ่มนี่มันโมเมไปเองท่านเทียน”

“อ่าวท่าน… แต่ท่านจะทิ้งผมจริง ๆ เหรอครับ”

วรานนท์ยังคงพยายามรั้งยมบาลตนเดียวที่รู้สึกสนิทใจด้วย

“ข้าไป ๆ มา ๆ ค่อยไว้เจอกันตอนข้านำวิญญาณตนอื่นมาที่นี่แล้วกัน ข้าไปละ”

“ท่านนนนนนนน~”

วรานนท์ยืนอาลัยจนกระทั่งยมบาลทดหายลับออกไปทิ้งให้เขายื่นอยู่กับยมบาลแปลกหน้าข้างกระทะทองแดง

“เลิกลีลาได้แล้ว ลงกระทะของเจ้าเสียเถอะเจ้าวิญญาณวรนนท์”

“ครับ… ลงก็ลงครับ”

เมื่อยมบาลเทียนเห็นวิญญาณในปกครองเข้าไปในกระทะแล้วจึงจะไปตรวจตราดวงวิญญาณอื่นของอีกฟากของห้อง

“ท่าน… ท่านจะไปไหนครับ?”

“เดี๋ยวมา”

ยมบาลเทียนไม่ตอบคำถามของวรานนท์ให้มากความ

ในที่สุดตอนนี้วิญญาณหน้าใหม่อย่างวรานนท์ก็นั่งอยู่ข้างในกระทะทองแดงขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุวิญญาณได้เกือบห้าสิบกว่าตน

วรานนท์นั่งแช่ทำตาปริบ ๆ มองสังเกตเพื่อนร่วมชะตากรรมที่กำลังดิ้น

เกือบชั่วโมงผ่านไปเขาก็เปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งเป็นลอยตัวเอามือเกาะขอบกระทะและตีขาเพื่อทรงตัวเหมือนตอนฝึกว่ายน้ำกับขอบสระ

ชั่วโมงที่สองเขาก็เปลี่ยนท่าทางโดยคราวนี้นอนหงายลอยตัวมองชมความว่างเปล่าสีดำมืดอย่างเบื่อหน่าย

“เจ้าวรนนท์!เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ!ทำไมถึงลอยตัวเล่นสบายใจเฉิบอย่างนี้”

ยมบาลเทียนที่เพิ่งกลับมาจากอีกฟากของห้องโวยวาย

เจ้าวิญญาณตนนี้หยามกันเหลือเกิน กล้ามากที่อดทนอดกลั้นลอยตัวราวกับกำลังพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด

“ผมนั่งรอท่านจนเมื่อยเลยลอยตัวรอแทนครับ”

เขาตอบหน้าซื่อจากนั้นจึงว่ายไปทั่วกระทะทองแดงและสนทนากับยมบาลตรงหน้าไปด้วย

“ท่านชื่อเทียนใช่ไหมครับ?”

“ข้าชื่อเทียน เจ้าไม่ร้อนรึไง?”

“ครับ ไม่ร้อนเลยสักนิด”

เขาตอบตามความจริงแต่นั้นยิ่งทำให้ยมบาลเทียนรู้สึกเหมือนกำลังถูกยั่วยวนโทสะ

“เจ้าบังอาจมาก ข้าจะทำให้เจ้าทุรนทุรายยิ่งกว่ากระทะอื่น”

ยมบาลเทียนหายไปสักพักก่อนจะกลับมายืนที่เดิม คราวนี้เขาถามย้ำกับวิญญาณจองหองอีกครั้ง

“ร้อนหรือยัง?”

“?”

วรานนท์ดำผุดดำไหว้ผลุบโผล่ไปทางนั้นทีทางนี้ทีจนทั่วกระทะราวกับกำลังดำน้ำเล่นอย่างสนุกสนาน

“ไม่ร้อนครับ”

ยมบาลเทียนขมวดคิ้วย่นหน้าเอามือจุ่มลงไปในกระทะที่คิดว่ากำลังเดือดหลายพันองศา

… ไม่ร้อน

… เจ้าวิญญาณตรงหน้าเขาไม่ได้ยั่วโมโหแต่อย่างใด

“เจ้าลองไปยืนอยู่กลางน้ำ”

เมื่อยมบาลเทียนออกคำสั่ง วรานนท์ก็ตีกันเชียงจ้วงซ้ายจ้วงขวาจนถึงที่หมาย

“ให้เกียรติกระทะของข้าบ้างเถอะเจ้าวรนนท์”

เขามองวิญญาณเด็กหนุ่มที่ยืนกวักสาดน้ำเล่น ยมบาลเทียนรอให้เวลาผ่านไปประมาณสิบนาทีก็ตะโกนถาม

“ร้อนหรือยัง?”

“ยังครับ!! เอายังไงต่อครับ?”

เขาตอบกลับพร้อมกับกระโดดโลดเต้นโบกไม้โบกมือ

“อยู่ตรงนั้นก่อน”

ยมบาลเทียนรอให้เวลาผ่านไปอีกยี่สิบนาทีรวมเป็นครึ่งชั่วโมงที่ปล่อยให้วรานนท์คอยและไม่มีทีท่าว่าจะร้อนทุรนทุรานสักทีจึงเรียกให้กลับเข้าฝั่งขอบกระทะ

วรานนท์ก็จ้วงน้ำเปลี่ยนหลายท่วงท่าไม่ว่าจะเป็นท่ากบ ผีเสื้อสมุทร ลูกหมาตกน้ำและสุดท้ายตีกันเชียงกลับมาเกาะขอบกระทะตามเดิม

“ไม่ร้อนเลยครับท่าน”

คำพูดของเขาย้ำทำให้ยมบาลเทียนเจ็บใจ ความจริงวิญญาณตนนี้ควรได้รับโทษตั้งแต่ที่ยมบาลทดพาตัวมา แต่นี่เขากลับปล่อยให้วิญญาณที่ต้องชดใช้กรรมเอ้อระเหยลอยชายหลายชั่วโมง หากเบื้องสูงรู้เข้าว่าเขาบกพร่องในหน้าที่มีหวังโดนลงโทษอย่างทรมานเป็นแน่

เขาคงต้องเขียนแจ้งเรื่องกระทะเจ้ากรรมที่ดันมาพังตอนที่จำเป็นต้องใช้ลงโทษพอดิบพอดี นี้อาจจะพอเป็นข้อแก้ตัวเพราะเกิดเหตุสุวิสัยขึ้น

“มันไม่ร้อน ผมขึ้นไปรอบนพื้นก่อนได้ไหมครับ?ตัวเปื่อยหมดแล้ว”

วรานนท์ก้มมองผิวหนังที่ยุ่ยเพราะแช่น้ำเป็นเวลานาน

“อืม ขึ้นมา”

วรานนท์หอบร่างตัวเองขึ้นจากกระทะทองแดงที่ใช้การไม่ได้ ตอนนี้ตัวของเขาเต็มไปด้วยสีส้มผสมแดงตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ท่าน!ทำไมตัวผมเป็นสีนี้”

สีที่ตัวของเขาได้มาจากสีของน้ำที่อยู่ในกระทะทองแดง

“สีผสมอาหารน่ะ”

ยมบาลเทียนพูดขณะที่กำลังก้มตรวจสอบใต้ฐานของกระทะทองแดงตรงหน้า

“หะ?ใส่สีผสมอาหารทำไมครับ?”

“ให้เหมือนสีของลาวาไง”

“แล้วกระทะนี่เป็นอะไรเหรอครับ?ทำไมมันถึงเย็นเจี๊ยบ”

“แก๊สหมด”

“หะ!?ในนรกก็ใช้แก๊สหุงต้มกับเขาด้วยเหรอครับเนี่ย!”

วรานนท์ตกใจซ้ำสอง คราวแรกก็สีผสมอาหารแถมที่กระทะไม่ร้อนก็เพราะแก๊สหมด ในสถานที่ที่เรียกว่า ‘นรก’ คงมีเรื่องที่อาจทำให้เขาแปลกใจอีก

“เมื่อกี้ท่านบอกว่าผมว่าทำสีให้เหมือนกับลาวา ทำไมถึงไม่เอาของจริงใส่ลงในนี้แทนสีละครับ”

ยมบาลเทียนมองหน้าวิญญาณชายหนุ่มที่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าหนูจำไม

“เจ้ามาจากที่ไหน?”

“โลกมนุษย์ครับ”

“ไม่สิ ข้าต้องถามว่าเจ้าเป็นคนประเทศใด?”

“ไทยครับ”

“อืม นรกขุมนี้ตั้งอยู่ในเขตของประเทศไทย ประเทศไทยมีภูเขาไฟทั้งหมดรวมแปดลูก ดับสนิทไปแล้วหกลูก ฉะนั้นจะให้หาลาวาจากที่ใดนอกจากผสมสีและใช้แก๊ส”

ยมบาลเทียนอธิบายสาเหตุของการใช้น้ำผสมสี

“อีกสองลูกที่เหลือละครับ เอาลาวาจากสองลูกนั้นก็ได้ ไม่เห็นต้องลำบากคอยผสมสี”

“เห้อ สองลูกนั้นถูกนรกเพื่อนบ้านซื้อสัมปทานไปน่ะสิ คราวนี้เจ้าคงหมดข้อข้องใจสักทีนะเจ้าวิญญาณวรนนท์”

“… ผมมีข้อข้องใจอีกข้อครับ คือว่าทำไมพวกท่านถึง…”

วรานนท์ไม่ทันได้ถามข้อสงสัยที่เก็บไว้ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในนรกแห่งนี้ ยมบาลทดก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

“อ้าว ทำไมเจ้าหนุ่มนี้ถึงมายืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ตรงนี้เล่าท่านเทียน? หรือมันต่อรองต่อปากต่อคำกับท่านเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงบทลงโทษ?”

ที่ยมบาลทดเอื้อนเอ่ยเช่นนั้นก็เพราะว่าเขาเข้าใจดีว่าวิญญาณหนุ่มตนนี้หน้ามึนและขี้สงสัยเพียงใด

“กระทะมีปัญหาน่ะท่าน แถมจะให้ไปลงกระทะอื่นก็ไม่ได้ ดันเต็มหมดทุกที่”

“ทำชั่วมาก็มาก แต่โชคดีเสียจริงเจ้าวรนนท์”

“ว่าแต่ท่านทดมีธุระอันใดถึงได้ย้อนกลับมา วิญญาณติดมือก็ไม่มีสักตน”

“กระผมลืมกระดานรายชื่อจึงย้อนกลับมาเอา แต่ไม่นึกเลยว่าเจ้าวิญญาณวรนนทจะโชคดีขนาดนี้”

“ว่าแต่เจ้ามีข้อใดข้องใดจะถามรึวรนนท์?”

ยมบาลเทียนวกกลับเข้าเรื่องที่ชายหนุ่มถามทิ้งไว้

“ทำไมพวกท่านถึงเรียกผมว่าวรนนท์?”

“ก็นั่นมันชื่อเจ้า จะให้พวกข้าเรียกอะไรเล่า?”

“ผมไม่ได้ชื่อวรนนท์ แต่ชื่อวรานนท์ครับ วะ-รา-นน ไม่ใช่ วอ-ระ-นน”

วรานนท์สะกดชื่อของตัวเองให้ยมบาลทั้งสองฟัง ทั้งยมบาลทดและยมบาลเทียนต่างหันหน้ามองกันอย่างตกตะลึง

“เจ้า...ไม่ใช่วรนนท์ นามสกุลทอประกายส่องแสงรึ?”

“ไม่ครับ ผมชื่อวรานนท์ ทอประกายส่องแสง”

“เจ้ารีบดูเร็วเข้าอย่ามัวยืนอ้ำอึ้ง”

ยมบาลเทียนเรียกสติ ยมบาลทดรีบพลิกกระดานรายชื่อที่หน้าตาคล้ายกระดานชนวนขึ้นเพื่อดูประวัติของวิญญาณที่เข้าเพิ่งนำตัวลงมาจากโลกมนุษย์ได้ไม่ถึงครึ่งวัน

รายชื่อและข้อมูลของวิญญาณปรากฏขึ้นหน้ากระดานดำ

‘นายวรนนท์ ทอประกายส่องแสง สิ้นอายุขัย ณ วันที่ 28 เดือน ตุลาคม ปี25xx มรณะเนื่องจากถูกยิง'

สาเหตุการตายของวิญญาณที่เข้าไปรับคือถูกยิง แต่เขาไปรับวิญญาณตนนี้ในดงอุบัติเหตุรถชนกัน...

“...บางทีกระผมอาจจะรับวิญญาณมาผิดตน”

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!