ฮึกก ฮึกก
‘ขยับตัวไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกัน!!!’
เฟยคิดในใจ เพราะรู้สึกตัว กะว่าจะตื่นขึ้นมาหาอะไรรองท้องสักหน่อย แต่ทำไมกลับขยับตัวไม่ได้ เขานอนในท่านอนตะแครงขวา ผ้าห่มคลุมหัวไปซีกหนึ่ง
‘ขยับตัวไม่ได้ ใครก็ได้เข้ามาในนี้ที มาช่วยฉันที’
ตึก ตึก ตึก
เสียงคนเดินบันไดขึ้นมา สงสัยจะเป็นบ้งที่เข้ามาปลุกเฟยเป็นแน่
ตึก ตึก ตึก
บ้งเดินขึ้นมาจนสุดปลายบันไดแล้วแน่ๆ เฟยมองลอดใต้ผ้าห่มที่ปิดตาอยู่ซีกหนึ่ง สายตาเหลือบไปเห็นเท้าเปล่าเปลือย ในใจคิดไว้อยู่แล้วว่าน่าจะเป็นบ้ง จึงพยายามร้องให้บ้งปลุกตน
‘บ้ง ปลุกพี่ที พี่ตื่นแล้ว’ เฟย พยายามร้องเรียกอย่างสุดเสียง แต่ทำไมเสียงไม่ออก ทำไมเหมือนไม่มีใครได้ยินเขาเลย
เท้าเปล่านั้นค่อยๆเดินมาทางเฟย เดินมาหาเค้าอย่างช้าๆช้าๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ชายหนุ่มกลั้นหายใจ ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเอง!!!
เท้านั้นกลับเดินข้ามหัวเขาไป เดินอ้อมไปข้างหลังเขา และเดินวนรอบรอบตัวเขา ฟูกที่เขาปูนอนนั้นยุบย้วยลงไปตามน้ำหนักเท้า
‘ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยเข้ามาหาฉันที’ ในใจชายหนุ่มนั้นคิดไว้แล้วว่าเจ้าของเท้านั้นต้องไม่ใช่มนุษย์เป็นแน่
‘ ช่วยผมด้วย ออกไปสักที!!!!!’ ขณะที่เขานอนร้องไห้อยู่นั้น เท้าเปล่านั้นก็ได้ก้าวมาเหยียบตรงหัวของเขา ทั้งเหยียบและกดขยี้เขาอย่างแรง จนเค้าเริ่มจะหายใจไม่ออก
ภายในใจนึกถึงแต่พ่อและแม่ หวังว่าพ่อและแม่จะมาช่วยเขาได้ทัน
หึหึหึหึ หึหึหึหึหึ หึหึหึ!!!!
เสียงแหลมโทนผู้หญิงของเจ้าของเท้าที่เหยียบหัวเขาร้องหัวเราะอยู่ในลำคออยู่ข้างบนตัวเขา เสียงหัวเราะนั้นดังอยู่เกือบห้านาที
ฟึ้บบบบบบบบบ ตึกๆๆๆๆๆๆ
ทันใดนั้น เท้านั้นก็กระโดดข้ามหัวเขาไปและวิ่งลงบันไดไป เฟย ฟื้นคืนสติ ตกใจตื่นขึ้นมา เหงือแตกพลั่กทั่วตัว
ราวกลับไปวิ่งมาราธอนมา เค้าเหลือบไปมองบริเวณรอบรอบห้อง ก็ไม่เห็นใครเลยสักคน
‘ หรือเราจะฝันไป แต่ทำไมมันเหมือนจริงเหลือเกิน’ เฟยคิด
“ เราคงจะเหนื่อยเกินไป จึงทำให้เกิดภาพหลอน” เฟยพึมพำกับตนเอง พลางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
“ล้างหน้าสักหน่อยคงจะดีขึ้น”
“พี่ครับ ได้เวลาเตรียมตัวสวดมนตร์แล้ว หลวงตาให้ผมมาตาม” บ้งมาตามเฟย ทำให้เฟยแอบสังเกตเท้าของบ้ง เหมือนเท้าที่เขาเห็นในความฝันเมื่อครู่ไม่มีผิด แต่อาจจะคิดมากเกินไปก็ได้
“อืม พี่ตามไปทีหลัง”
หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นเป็นอันเสร็จ เค้าก็ได้เข้าไปในศาลาโบสถ์ เพื่อเตรียมสวดมนต์บทขอขมาลาบวช
“ เรียบร้อยดีใช่ไหมโยม” หลวงตาทักเฟย แต่เค้าสังเกตุเห็นสีหน้าของหลวงตาไม่ค่อยดี เหมือนมีอะไรอยากจะบอกเขา แต่ไม่กล้าบอกอย่างไรไม่รู้
“ ก็เรียบร้อยดีครับ”
“ ถ้ามีอะไรให้ปรึกษาเด็กวัดได้นะโยม ปรึกษาให้เข้าใจ จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด”
เฟยพยักหน้ารับหลวงตา แต่เค้าสังเกตุเห็นความกังวลบนสีหน้าของหลวงตา ‘ มันคืออะไรกันน?’
‘ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ’
ขณะที่สวดมนตร์อยู่นั้น ชายหนุ่มสังเกตุเห็นว่า หลวงตาได้ชำเลืองมองเขาอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากอะไรกับเขาสักคำ
“ ตั้งใจนะโยม ระหว่างสวดก็แผ่เมตตาไปด้วย มันจะเป็นการดียิ่งขึ้น”
‘งมงายชะมัด ก็แค่สวดๆไป ฉันมาที่นี่แค่อยากห่างไกลจากผู้คน ก็แค่นั้น…..’ เฟยคิดในใจ
‘ แต่ปวดไหล่จังเลยว่ะ สงสัยจะนอนผิดท่า ที่นอนก็แข็งเหลือเกิน นี่ฉันคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่มาที่นี่’
“ เสร็จแล้วก็ไปพักผ่อนเถอะโยม ก่อนเข้านอนก็อย่าลืมสวดมนต์ด้วยนะ” หลวงตากำชับ
“ครับ”
‘ สวดบ้าบออะไร เหนื่อยจะแย่’
หลังจากซ้อมบทสวดมนตร์เสร็จ เขาและบ้ง ก็เดินกลับที่พักด้วยกัน ระหว่างทางก็มีแต่ป่าและต้นไม้สูง แต่แปลกที่กลางคืนเงียบสงบผิดปกติ ไม่มีเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องเรียก ลมก็เงียบสงบเหลือเกิน ไม่มีแม้กระทั่งใบไม้ไหว มีแค่เสียงเท้าที่เหยียบใบไม้แห้งตามทาง แสงไฟริบหรี่จากตะเกียง ทำให้เห็นแค่ปลายทางข้างหน้าไม่กี่เมตร
“ผมจะนอนกับพี่แค่คืนนี้คืนเดียวนะ หลังจากนี้พี่ต้องนอนคนเดียว พี่ต้องฝึกจิต เพราะถ้าพี่บวชจริงๆพี่ก็ต้องนอนคนเดียว” บ้งพูดเสียงเรียบๆ แต่แฝงด้วยความกังวล
“เออ จริงๆปล่อยฉันนอนคนเดียวคืนนี้ก็ได้นะ ถ้าเอ็งไม่สะดวก”
‘ไอ้เด็กนี่น่าหงุดหงิดเสียจริง คิดดูถูกฉันหรือไง’
“คืนนี้ผมต้องอยู่กับพี่ก่อน หลวงตาสั่งไว้”
เมื่อมาถึงกุฎิที่พัก เฟยและบ้งเด็กวัด ก็แยกย้ายจัดแจงที่นอน โดยนอนคนละฝั่งของกุฎิ
“สวดมนต์ก่อนนะพี่ หลวงตากำชับไว้”
“วันนี้ขอผ่านก่อนเถอะ ตาจะปิดอยู่แล้ว”
“แล้วแต่พี่แล้วกัน ผมไม่เกี่ยวด้วยอยู่แล้ว” บ้งตอบกลับแบบเอือมๆ ชีวิตใครมันแล้วกัน เขาจะไม่ยุ่งด้วยแล้ว
หลังจากจัดแจงที่นอนกันเสร็จ เฟยก็ล้มตัวลงนอน ดับตะเกียงข้างหัวนอนเรียบร้อย ตาก็เริ่มหนัก และหลับไป
เฟยฝัน ฝันเห็นกุฏิที่ตนนอนอยู่ จากสถานที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูง กลับเป็นพื้นที่โล่งเตียน เขามองไปที่หน้าต่างข้างเขา
‘นั่นมันอะไร เงาอะไรอยู่ข้างนอกหน้าต่างนั่น ลักษณะคล้ายหัวของอะไรบางอย่าง’
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments