ขุนนางใหญ่เหล่านี้ส่งบุรุษหลานในตระกูลตนมายังวังหลวง ร่างกายของเขาอ่อนแอ ไร้สนมชายาและบุรุษชายสตรี การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงเพื่อใช้พวกเขาเป็นเชือกผูกมัดข้าราชบริพารเท่านั้น แต่ยังแสดงเพื่อความโปรดปรานเลือกที่รักมั่งที่ชัง แบ่งแยกกลุ่มขุนนางและบัณฑิตออกจากกัน ส่วนเหตุผลข้อที่ 3 ก็เพื่อดูว่าจะมีคนเก่งอนาคตสดใสที่ปลูกฝังความจงรักภักดีและอยู่รับใช้ตนหรือไม่
เพราะว่าตอนนี้เขาไม่มีแก่ใจแล้ว
"เข้ามานี่ให้เจิ้นได้เห็นหน้า" กู้ยวนไป๋กวักมือเรียกคุณชายน้อย" ใต้เท้าทังไม่ต้องถ่อมตัวไป ท่านมีชื่อเสียงในด้านการอบรมสั่งสอน เจิ้นเองก็เคยได้ยิน" คุณชายน้อยกั้นลมหายใจเดินไปหาฮ่องเต้ที่ด้านหน้า ส่วนแผ่นหลังของใต้เท้าถังเองก็เปียกเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น เพราะหลังจากที่ฮ่องเต้ชำระสะสางราชสำนักในคราวเดียวแล้ว เขาก็มักจะรู้สึกตึงเครียดเสมอเมื่อเผชิญหน้ากับพระองค์ อำนาจในราชสำนักของฮ่องเต้เพิ่มพูนขึ้น เขาจึงกังวลว่าบุรุษชายที่ทำกิริยาไร้มารยาทต่อหน้าพระองค์ โชคดีที่วันนี้ฮ่องเต้น่าจะอารมณ์ดี ทั้งยังเอ่ยถามด้วยความเป็นมิตรยิ่งคุณชายน้อยตอบทุกคำถาม อาการตะกุกตะกักในตอนแรกก็ผ่อนคลายลงกู้หยวนไป๋ต้องการจะยกถ้วยขึ้นดื่มชา ทว่าจู่ๆมือของเขาก็สั่นเทาอย่างไร้เรี่ยวแรง ถ้วยชาล่วงลงคือส่งเสียงดังแสบแก้วหู กู้หยวนไปมองไปยังเศษถ้วยชาบนพื้น ก็รู้สึกถึงเพียงไฟโกรธที่เข้าสู่จมหัวใจ เขาระคายคอและเริ่มไอ คุณชายน้อยสะดุ้งโหยง ก้าวขึ้นไปหาห้องใต้ตามสัญชาตญาณ นิ้วมือเขาขาวๆของฮ่องเต้ลูบๆ หน้าอก คิ้วขมวดแน่น ทั้งตกใจทั้งโมโห "ฝ่าบาท" คุณชายน้อยที่บังอาจเอื้อมมือฮ่องเต้เอ่ยถามด้วยความกังวล "พระองค์ไม่เป็นอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ"
เศษถ้วยชาถูกเก็บออกไปส่วนกู้หยวนไป๋ก็หยุดไอแล้ว และยิ้มแย้มออกมาครั้งหนึ่ง "เจิ้นไม่เป็นไร"
ถือชินอ๋องที่นั่งเงียบมาตั้งแต่เข้าตำหนักหัวเราะเยาะเย้ยพร้อมเสียงเอ่ยเย็นเยียบ ยามที่เสด็จพ่อยกแผ่นดินให้ฝ่าบาทในตอนนั้น พระองค์ยังมิได้อ่อนแอเช่นทุกวันนี้เลย" กู้หยวนไป๋ถอนใจ ก่อนเอ่ย "เหอชินอ๋องกล่าวถูกต้องแล้ว"
กูหยวนไปปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว เข้าลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกตำหนั แหงนหน้ามองท้องฟ้า" อากาศวันนี้ไม่เลวจริงๆ"
"พระว่าร่างกายของฝ่าบาทดีขึ้นมากแล้ว อากาศย่อมแจ่มใส" เสนาบดีกรมอากรเอ้ยเสริมทันที "หลายวันที่ผ่านมาฝ่าบาทประชวร ราษฎรในเมืองหลวงหน้านิ่วคิ้วขมวด อยู่บ้านอธิษฐานให้ฝ่าบาททุกวัน ฝ่าบาทปกครองแผ่นดินด้วยความเป็นธรรม หัวใจราชกฏเบิกบาน แม้แต่สวรรค์ก็ยังห่วงแหน"
ฮ่องเต้หัวเราะ เสนาบดีกรมอากรเห็นดังนั้นจึงเอ่ยปากอย่างไม่ลดละ "2 วันนี้อากาศน่าจะแจ่มใส ฝนในฤดูใบไม้ผลิมีค่าดั่งน้ำมันเมื่อไม่กี่วันก่อนมีฝนตกปรอยๆ ดอกไม้ใบหญ้าแถบชานเมืองก็บานสะพรั่งแล้ว บุตรชายของกระหม่อมกล่าวว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะมีการแข่งขันชู่จวี* ด้วยพะยะค่ะ"
"เอ๋?" กู้หยวนไป๋สนใจเป็นอย่างมาก"แข่งชู่จวีหรือ"
เรื่องที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันโปรดปรานชู่จวีนั้นคนทั่วหน้าต่างรู้ดี ใบหน้าของคุณชายน้อยแดงเรื่อ เขาคำนับก่อนเอ่ยด้วยความตื่นเต้น "พรุ่งนี้เป็นงานแข่งชูวี่ที่จัดขึ้นโดยบรรดาศิษย์ในสำนักศึกษา มีกลุ่มศิษย์ทั้งหมด 4 กลุ่มใช้เวลาการแข่งขัน 1 ชั่วยาม** ครึ่งพ่ะย่ะค่ะ" กู้หยวนไป๋เอ่ย "พูดไปพูดมาเจิ้นรู้สึกสนใจขึ้นมาเสียแล้ว พรุ่งนี้สำนักศึกษาของเจ้าจะจัดการแข่งขันชูจุ้ยขึ้นที่ใดยามใด เจิ้นอยากไปร่วมความครึกครื้นด้วย" คุณชายน้อยรับคำด้วยเสียงสั่นคลื่น "พ่ะย่ะค่ะพ่ะย่ะค่ะ"
สายตาเฉียบคมของเขียนฟูถึงสังเกตเห็นความอ่อนล้าปรากฏขึ้นบนหว่างคิ้วของฮ่องเต้ จึงรีบก้าวขึ้นหน้าเชิญให้เสนาบดีกรมอากรและบุตรชายออกไป ในช่วงเวลานี้เหอชินอ๋องที่ยืนใบหน้าเขียวคล้ำอยู่ด้านข้างเหมือนตอไม้ข้างทางจ้องมองกู้หยวนไป๋เขม็งแล้วสะบัดแขนเสื้อจากไปพร้อมกัน
______________________________________________*ชู่จวี หรือการเล่นลูกหนัง เป็นการละเล่นหรือกีฬาชนิดหนึ่งของจีนโบราณ มีลักษณะคล้ายกับฟุตบอลในยุคปัจจุบัน
**ชั่วยาม เป็นหน่วยนับเวลาของจีนในสมัยโบราณเท่ากับ 2 ชั่วโมง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments