ตอนที่ 4 คำประกาศของหยวนหยวน

ตอนที่ 4 คำประกาศของหยวนหยวน

         ไม่มีอะไรให้ทำเลยเหรอ

          หยวนหยวนนอนแผ่หลาบนระเบียงทางเดินอย่างเกียจคร้าน

เพราะโดนบอกว่าไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดทุกวันนางจึงมีเวลาว่างเหลือเฟือเกินจำเป็น

เด็กสาวคิดเสมอว่าชีวิตของเขาช่างดูน่าเบื่อจืดชืดไร้ความสนุกสนาน

ก่อนหน้ามีเพียงตัวเขาอาศัยอยู่ในบ้านกว้างหลังนี้คนเดียว

แม้จะมีนางเพิ่มเข้ามาแต่ก็เกือบจะไม่ต่างจากเดิมเสียเท่าไหร่

เย่วเทียนมักจะเก็บตัวในห้องนอนหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้านที่นางไม่อาจรู้ได้

ขืนยังเป็นอย่างนี้ต่อไปความสัมพันธ์ของนางกับเขาคงจะไม่มีทางคืบหน้าเป็นแน่

            “ท่านเย่วเทียน” หยวนหยวนเอ่ยเรียก

            “มีอะไร”

มังกรหนุ่มโผล่ออกมาจากความว่างเปล่าปรากฏเหนือร่างของเด็กสาวทำเอานางสะดุ้งลุกขึ้นนั่งจนใบหน้าของตนเกือบจะแนบชิดกับปากของเขา

            “อย่าโผล่มากะทันหันแบบนี้สิคะ

เดี๋ยวข้าได้หัวใจวายตายกันพอดี”

เบือนสายตาไปทางอื่นไม่อาจมองเขาได้อย่างตรงไปตรงมา

            “เรียกข้ามีธุระอันใด”

            “จะเรียกหาสามีตัวเองต้องมีธุระด้วยหรือ”

แม้ปากจะพูดไปอย่างไม่อายฟ้าดิน แต่ในใจกลับเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ จนกลัวเขาจะได้ยิน

            เมื่อเห็นว่าหยวนหยวนยังคงมองด้านข้าง

เย่วเทียนจึงใช้ปลายหางของตนช้อนคางอีกฝ่ายให้หันกลับมาสบประสานดวงตากัน

            “บอกข้ามาสิว่าเจ้าต้องการอะไร”

            “ข้าเบื่อ” หยวนหยวนตอบเสียงเบา “สองสามวันมานี้ข้างไม่รู้จะทำอะไรดี

เพราะท่านไม่ให้ข้าทำความสะอาดทุกวัน”

            “ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปบ้านของเจ้าสิ”

            “ข้าไม่กลับ”

ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เจ้าหล่อนทำแก้มอูมเล็ก ๆ

ด้วยความไม่ชอบใจที่เขาหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกแล้ว

            “บุตรีของมนุษย์ เจ้าควรจะเข้าใจได้แล้วนะว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า”

            “ถ้าที่นี่ไม่ใช่ที่ของข้าก็ไม่มีที่ไหนเป็นที่ของข้าแล้ว

หากท่านไล่ข้าออกไปข้าก็จะกลายเป็นเด็กเร่ร่อนไม่มีที่ซุกหัวนอน” ว่าถึงตรงนี้

หยวนหยวนประคองตัวลุกขึ้นยืน ดวงตาสีดำมองเขาอย่างตัดพ้อเล็ก ๆ “ท่านคงรำคาญข้ามากถึงได้เอ่ยปากไล่บ่อยขนาดนี้”

จบคำพูด ร่างเล็กก็หันหลังให้กับจ้าวมังกรเตรียมจะก้าวเดินหนีทว่าก็ต้องหยุดชะงักกับประโยคต่อมาของเขา

            “เจ้าอยากจะไปเดินเล่นในเมืองหรือไม่”

            “ท่านว่าอะไรนะ”

หันหลังกลับมาหาด้วยความรวดเร็ว ใบหน้าที่เคยเศร้าหมองแปรผันเป็นเริงร่าขึ้นมาถนัดตา

“ท่านจะพาข้าเข้าไปในเมืองหรือ”

...นางช่างเปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วเสียเหลือเกิน...

“ท่านจะกลายร่างเป็นมนุษย์แล้วไปเดินกับข้าใช่มั้ย”

หยวนหยวนพยายามเก็บอาการตื่นเต้นที่ไม่ว่าอย่างไรก็แสดงออกชัดเจนบนใบหน้ามน

“ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วว่าข้าไม่มีร่างมนุษย์”

เขาตอบกลับอย่างไร้เยื่อไย

“ถ้าถึงได้ย้ำเตือนเจ้าเสมอว่าข้ากับเจ้าแตกต่างกันมากเพียงใด”

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาในเชิงสรีระวิทยาค่ะ”

หยวนหยวนใช้ศัพท์แปลก ๆ ที่ทำเอาคนฟังละเหี่ยใจอีกครั้ง

“เอาเป็นว่าสิ่งมีชีวิตต่างสายพันธุ์สามารถอยู่ร่วมกันได้ โลกที่ข้าจากมาก็เป็นเช่นนั้น”

ตรรกะความคิดของนางช่างป่วยจนยากจะเยียวยา

สิ่งที่เขาพร่ำบอกมาตลอดไม่เคยเข้าหัวนางสักพยางค์เลยสินะ

“แล้วท่านจะไปกับข้ายังไงคะ

จะจำแลงกายเป็นอะไร หรือว่าจะสิงร่างของข้า” ถึงตรงนี้หยวนหยวนเบิกนัยน์ตากว้างกับความคิดของตน

เย่วเทียนพ่นลมหายใจเสียงดังแทบอยากจะขอคืนประโยคที่เอ่ยชวนก่อนหน้า

“ข้าไม่ใช่ภูตผีปีศาจที่ต้องไปสิงร่างใคร

มีหลายวิธีที่ข้าจะไปด้วนกันกับเจ้าได้”

“แต่ท่านก็สิงร่างสิ่งมีชีวิตอื่น

ๆ ได้ใช่มั้ย” นางยังคงทู่ซี้ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ทำไมข้าต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ”

เขาอ่อนใจจนอยากจะรวบรัดการสนทนาที่เริ่มเลยเถิดจนเกินควร “เอาเป็นว่า

แค่ทำให้ไม่มีใครมองเห็นข้าก็พอ”

“แบบนั้นถ้าข้าคุยกับท่านคนไม่หาว่าข้าเป็นสตรีสติวิปลาสเหรอ

คนคงมองกันทั้งเมืองหากเห็นข้าคุยคนเดียว”

ข้าว่าเจ้าคงจะตื่นเต้นกับสิ่งรอบข้างจนไม่เป็นอันคุยกับข้าหรอก

“ทำไมเสียของท่านดังขึ้นในหัวข้าได้”

หยวนหยวนยกมือกุมขมับตอนเองเพราะเสียงของเย่วเทียนดังก้องในหัวของนาง

ข้ากำลังสื่อสารทางจิตกับเจ้า

หากเจ้าต้องการคุยกับข้าก็แค่พูดขึ้นในหัวของตนแค่นั้น

แบบนี้ต่อให้เราอยู่ไกลกัน

ข้าก็สามารถคุยกับท่านผ่านทางจิตแบบนี้ได้สินะ

ถ้าข้าไม่เชื่อมต่อจิตของข้ากับเจ้าก็ไม่มีทางทำได้

วันหนึ่งถ้าข้าหายไปแล้วท่านหาไม่เจอล่ะ

ท่านจะเชื่อมจิตของเราเข้าด้วยกันแล้วคุยกับข้าแบบนี้หรือเปล่า

เจ้าคิดจะหายไปอย่างนั้นหรือ

“ข้าไปเตรียมตัวดีกว่า”

หยวนหยวนไม่ตอบคำถามของเขา

“ได้ออกไปข้างนอกกับท่านทั้งทีข้าคงต้องแต่งตัวให้สวยงามเสียหน่อย”

“จำเป็นด้วยหรือ”

เย่วเทียนเลิกคิ้วสูง เขามองใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มกว้างของอีกฝ่ายอย่างสงสัย

“ผู้หญิงเราก็อยากงดงามในสายตาของชายผู้เป็นที่รักด้วยกันทั้งนั้น”

“เจ้าจะบอกว่าเจ้ารักข้าอย่างนั้นหรือหยวนหยวน”

คำถามของเขาทำให้เด็กสาวชะงัก ดวงตาสีดำขลับไหววูบเล็ก ๆ จนมังกรหนุ่มจับสังเกตได้

“ข้าเป็นภรรยาของท่าน”

“แต่ก็ไม่ใช่คนรัก”

คำพูดของเย่วเทียนถูกต้องทุกพยางค์

ทั้งสองต่างรู้ดีกว่าพวกเขาไม่ได้มีความรักให้แก่กัน

โดยเฉพาะเย่วเทียนที่เป็นเทพมาร

แต่จ้าวมังกรก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กสาวถึงได้ยังคงดื้อรั้นที่จะเป็นภรรยาของเขา

หากจะว่าไปแล้ว

หยวนหยวนก็เรียกได้ว่าเป็นเด็กสาวที่หน้าตางดงามคนหนึ่งแม้นางจะไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางใด

ๆ ก็ตาม นางมีเรือนผมยาวสีดำดุจแพรไพร

ใบหน้าเรียวรูปไข่ประดับด้วยดวงตากลมโตสีดำฉ่ำวาวน้อย ๆ

ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ผิวสีขาวนวลเนียนเปล่งปลั่งและมีส่วนโค้งเว้าเด่นชัด

ใครดูก็จะรู้ว่านางไม่มีทางเป็นแค่หญิงสาวชาวบ้านธรรมดาแน่นอน

ทว่าด้วยความที่มักจะสวมใส่อาภรณ์แบบทั่วไปมากกว่าจะแต่งตัวให้สมกับรูปลักษณ์ของตน

เขาจึงค่อนข้างประหลาดใจเมื่อเห็นนางประกาศว่าจะแต่งกายให้งดงามเพียงเพราะแค่ไปเดินเล่นในเมือง

“ตอนนี้เราอาจจะยังไม่ได้รักกัน

แต่ข้าเชื่อว่าในสักวันท่านจะต้องรักข้าแน่นอนค่ะ”

หยวนหยวนตอบกลับด้วยความมั่นใจกลายเป็นเย่วเทียนที่ต้องสะดุดกับคำกล่าวของนางแทน

ช่างตรงไปตรงมาเสียจริง

ๆ สตรีนางนี้...นางมักจะพูดในสิ่งที่คิดและต้องการออกมาตรง ๆ

จนข้าแทบไม่ต้องอ่านใจนางเลย

“ข้าจะรอดูก็แล้วกันว่าเจ้าจะใช้วิธีไหนทำให้ข้าหลงรักเจ้าได้”

“ข้าจะไม่ใช้วิธีใดทั้งนั้น”

คำตอบของหยวนหยวนเป็นอีกครั้งที่ทำให้เย่วเทียนงุนงง

“ข้าก็จะใช้ชีวิตไปตามเรื่องตามราวของข้าแบบนี้

เพียงแค่ว่า...ข้าจะใช้มันร่วมกับท่านก็เท่านั้นเอง”

เมื่อเห็นว่าจ้าวมังกรหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ เด็กสาวจึงชิงพูดขึ้นก่อน

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอไปเตรียมตัวก่อน

ท่านไปรอข้าที่หน้าประตูใหญ่หรือจะรอในห้องรับแขกก่อนก็ได้

เสร็จแล้วข้าจะเรียกท่านเอง”

จบคำพูด

หยวนหยวนก็รีบสาวเท้ามุ่งตรงไปยังห้องนอนของตนราวกับกลัวว่ามันจะอันตธารหายจากบ้าน

ความจริงแล้วเด็กสาวกำลังเขินอายในสิ่งที่ตนได้ประกาศออกไปแต่ต้องพยายามเก็บอาการให้เป็นปกติที่สุด

ในชาติที่แล้วหยวนหยวนไม่เคยมีแฟน ไม่เคยรักใคร เพราะนางตายด้วยวัยเพียง 18

ปีเท่านั้น

ชีวิตของนางไม่ต่างจากเรื่องราวในนิยายหรือในการ์ตูนสมัยนิยม

นางไม่เคยคาคคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตนเอง ในชาติที่แล้วหยวนหยวนคือเด็กสาวซึ่งเพิ่งจบมัธยมศึกษาปีที่

6 หมาด ๆ และเตรียมตัวจะเข้าสู่รั้วมหาลัย

แต่ก็ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าด้วยความเห็นแก่ตัวของคนอื่น

อนาคตที่กำลังจะสดใสเลยผลัดเปลี่ยนกลายเป็นว่า

เมื่อจำความได้นางก็มาอยู่ในต่างโลกเสียแล้ว แถมเป็นโลกแฟนตาซีสไตล์จีนโบราณซึ่งไม่ว่าจะนึกอย่างไรในชาติก่อนก็ไม่มีการ์ตูนหรือเกมส์เรื่องนี้ผ่านตาเลย

นางจึงสรุปแบบทึกทักเอาเองว่านี่คือโลกคู่ขนานแห่งหนึ่งที่มีมากมายร้อยแปดพันเก้า

เพราะความแตกต่างจากชาติที่แล้วดั่งฟ้าสูงกับเหวต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

หยวนหยวนจึงหวังว่านางจะได้ใช้ชีวิตแบบที่ใจอยากจนชุ่มปอดเช่นการมีสามีที่รักนางอย่างหัวปักหัวปรำและอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า

ตั้งใจไว้แบบนั้นแต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ตัวนางเกิดความคิดผิดแผกชนิดที่มนุษย์ปกติธรรมดาไม่ทำกัน

คงเพราะเสพสื่อชวนฝันมากเกินไปจึงเล่นใหญ่คว้าสิ่งมีชีวิตอันสูงส่งอย่างเทพมารมาเป็นสามี

ข้าไม่มีร่างมนุษย์หรอกนะ...คือคำบอกเล่าของเย่วเทียนซึ่งตอกย้ำความจริงว่าแตกต่างจากในนิยายที่เคยอ่านว่าพระเอกที่ไม่ใช่มนุษย์จะต้องมีร่างมนุษย์อันหล่อเหลาซ่อนอยู่

หลังจากอาศัยอยู่ด้วยกันมาจนเข้าเดือนที่สาม

หยวนหยวนก็ต้องยอมรับความจริงว่าเย่วเทียนคือเทพมาร

และเป็นมังกรเทพชั้นสูงที่มีรูปลักษณ์ของมังกรตามพิมพ์นิยม

นางจำได้ดีว่าสีผิวของเขาไม่ใช่สีเขียว ถึงกระนั้นก็ไม่ควรละลาบละล้วงถามจนเกินงามในเรื่องส่วนตัวของเขา

“ไม่มีชุดสวย

ๆ เลยแฮะ” นัยน์สีดำขลับกวาดมองเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุดในตู้ นางไม่ได้นำสิ่งของติดตัวมามากมายเพราะคิดว่าไม่จำเป็นเท่าไหร่นัก

“ไหน ๆ ก็เข้าเมืองแล้ว คงต้องซื้อของใช้ที่จำเป็นเพิ่มเติมเสียแล้วสิ”

สาวน้อยหยิบถุงผ้าแพรใบเล็กซึ่งซ่อนอยู่ในสุดของตู้ออกมาพลางมองมันอย่างใช้ความคิด

“ข้าขอใช้มันเลยแล้วกันนะคะท่านแม่”

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!