ตอนที่ 3 มังกรและสาวน้อย
เพียงแค่ก้าวข้าหนึ่งข้างข้ามเขตแดน หยวนหยวนก็ต้องประหลาดใจกับร่างที่ลอยรออยู่ตรงหน้าตนเอง
“ท่านมารอข้าหรือ”
“ข้าแค่ออกมาลอยเล่นยามเช้า”
คำตอบอย่างคน(เทพ)ปากไม่ตรงกับใจทำให้สาวน้อยเลิกคิ้วเล็ก ๆ
แต่ก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ให้เขารำคาญใจ
“วันนี้ก็ยังคงมากเช่นเดิม
เพิ่มติมคือมีซาลาเปาให้ท่านกับข้าคนละลูกด้วย”
หยวนหยวนยิ้มกว้างขณะอวดของกินใหม่ซึ่งวางกองเหนือมวลผัก
“แต่เพราะท่านไม่กินฉะนั้นมันจึงกลายเป็นของข้าทั้งสองลูก”
“ข้าจะกิน”
เขาบอกเรียบ ๆ ทำเอาเด็กสาวตาโตไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคอันน่าอัศจรรย์
“ท่านบอกเองว่าถึงท่านไม่กินไม่ดื่มท่านก็ไม่ตายนี่
แล้วทำไมท่านถึงจะกินมันล่ะ”
“จะกินอาหารต้องมีเหตุผลด้วยหรือ”
เย่วเทียนย้อนถาม หยวนหยวนคิดว่าวันนี้เขาช่างยียวนจนชวนหงุดหงิดลึก ๆ
“เป็นครั้งแรกนี่แหละที่ข้าจะเห็นเทพกินของเซ่นไหว้ของตัวเอง
ข้าจะจดจำช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้จนตราบชั่วชีวิตของข้าเลย”
คนตัวเล็กกว่ากวนอารมณ์กลับ นางทำท่าจะไม่สนใจต่อล้อต่อเถียงเพิ่มเติมแล้วกำลังจะก้าวเดิน
ฉับพลัน—ตะกร้าใบโตก็หายลับไปจากสายตาโดยไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าเป็นฝีมือของใครเหลือไว้เพียงแต่ห่อซาลาเปาในอ้อมแขนของหยวนหยวนเท่านั้น
เย่วเทียนไม่เอื้อนเอ่ยใด
ๆ เขาลอยผ่านหน้าหยวนหยวนราวกับจะบ่งบอกว่าให้นางเดินตาม
แม้จะไม่เข้าใจว่าเขาคิดจะทำการใดแต่คนตัวเล็กก็ยอมเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ กระทั่งทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่สวนใหญ่ของบ้านอันเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์
มีบ่อน้ำเล็ก ๆ เต็มไปด้วยปลามากมายหลายชนิดซึ่งทุกตัวมีสีเหลือบมุกงดงามจนเด็กสาวคิดว่าคงไม่ใช่ปลาบนโลกมนุษย์เป็นแน่
แม้จะได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเหล่านกแต่นางก็ไม่เคยได้เห็นตัวของพวกมันแม้สักครั้ง
มีเพียงผีเสื้อตัวใหญ่ราวฝ่ามือหยอกล้อกับดอกไม้ที่มักจะลู่ไปตามแรงลมอ่อน ๆ
คล้ายกับกำลังเต้นรำด้วยความสนุกสนาน
เดิมทีสวนแห่งนี้ไม่มีที่นั่งพักผ่อน
ทว่าตั้งแต่หยวนหยวนก้าวเข้ามา
หลายสิ่งก็ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยความรวดเร็วราวกับเป็นของขวัญให้แก่นาง
ชุดโต๊ะและเก้าอี้หินอ่อนวางตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับริมบ่อน้ำ
ห่างออกไปไม่ไกลมีศาลาไม้สักเล็ก ๆ พอให้ได้หลบแดดกันฝน ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันเขาก็สามารถเนรมิตได้เพียงแค่เจ้าหล่อนต้องการ
ในเมื่อเขาเอาใจใส่ขนาดนี้มีหรือที่หยวนหยวนจะไม่คิดเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายก็น่าจะพอมีใจให้นางอยู่บ้าง
แม้ความรู้สึกนั้นอาจจะประมาณเท่าเม็ดถั่วเขียวก็ตามที
ยามนี้ท้องฟ้ากำลังเริ่มสว่างสดใสขึ้นบ่งบอกว่าอรุณรุ่งกำลังมาเยือน
เป็นช่วงเวลาซึ่งเหมาะแก่การเดินเล่นซึมซับบรรยากาศอันงดงามเสียเหลือเกิน
ทว่าหยวนหยวนยังคงยืนนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
“เจ้าไม่นั่งหรือ”
“ข้าอยากจะนั่งข้าง
ๆ ท่าน”
“ข้าไม่จำเป็นต้องนั่ง”
“แน่ล่ะ
ท่านลอยอยู่นี่ แต่ว่าท่านนั่งลงบนเก้าอี้ไม่ได้เหรอ”
หยวนหยวนพยายามจินตนาการมังกรหนุ่มในสภาพขดตัวเหมือนงูบนเก้าอี้
ทว่านั่นคือการนอนมากกว่านั่งนี่นา
จะว่าไปแล้วนางก็ไม่เคยเห็นท่าทางที่ว่านั่นเลยสักครั้ง
นอกจากเห็นเขาลอยไปมาในอากาศ
เย่วเทียนถอดถอนใจกับความสงสัยในเรื่องไม่เป็นเรื่องที่มักจะผุดขึ้นมาได้ตลอดเวลาของคนอ่อนวัยกว่า
“มานี่สิ”
ว่าพลางขมวดม้วนหางเป็นวงกลม หยวนหยวนเลิกคิ้วสงสัยเพียงชั่วครู่ก่อนจะเข้าใจภายในเวลาไม่กี่อึดใจต่อมา
เขาให้นางนั่งบนหางของตนนั่นเอง
“ข้าตัวหนักนะคะ”
ดวงหน้ามนถูกแต่งแต้มด้วยรอยแดงจาง ๆ เป็นครั้งแรกที่นางจะได้นั่งบนตัวเขา
“เก้าอี้ก็มี ข้านั่งเก้าอี้ก็ได้” คนตัวเล็กลุกลี้ลุกลนจะนั่งลง
แต่แล้วร่างของนางก็ลอยคว้างเข้าหาเจ้ามังกรหนุ่ม
รู้ตัวอีกทีนางก็นั่งอยู่บนตัวของเขาแล้ว
“ตัวเจ้าเบายิ่งกว่าปุยนุ่นเสียอีก”
เขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้ทำเอาเจ้าหล่อนสะดุ้งตกใจ “เอามันออกมาสิ
เจ้าซาลาเปานั่นน่ะ”
หยวนหยวนรีบแกะห่อผ้าออกเผยให้เห็นซาลาเปาขาวอวบสองลูกซึ่งตอนนี้เย็นชืดไปเรียบร้อย
“ถ้ากินตอนอุ่น
ๆ คงจะดีกว่านี้” หยวนหยวนบ่นอุบอย่างเสียดาย
แต่ความคิดหวังของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นความงุนงง เมื่อจู่ ๆ ซาลาเปาทั้งสองก็อุ่นขึ้นมาทันที
“ท่านทำหรือ”
“ข้าใช้ลมหายใจของข้าทำให้มันอุ่นขึ้น”
เขาอธิบาย ทว่าดวงตาของเด็กสาวเป็นประกายวาววับ
“ลมหายใจมังกร!”
นางอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น “ดราก้อนเบรธ! มันไม่มีไฟพ่นออกมาเหรอ”
“พูดจาภาษาแปลกประหลาดของเจ้าอีกแล้วสินะ”
เขาส่วนหัวอย่างปลงอนิจจา”ทำไมข้าต้องพ่นไฟออกมาด้วยล่ะ”
“ก็เป็นท่าไม้ตายไง
เพื่อโจมตีศัตรู”
“ซาลาเปานี่น่ะหรือคือศัตรู”
ความคิดความอ่านของเด็กสาวช่างเหนือจินตนาการจนเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ถามหาความใด
ๆ จากนาง “ส่งมาสิ”
สาวน้อยยื่นซาลาเปาลูกหนึ่งให้กับจ้าวมังกร
เขามองมันราวกับเป็นอะไรสักอย่างที่ไม่อยู่ในสายตาก่อนจะพ่นลมใส่จนมันกระเด็นตกบ่อปลา
“ทำอะไรของท่านเนี่ย”
นางมองซาลาซึ่งถูกเหล่าปลารุมทึ้งจนหายลับไปด้วยเวลาไม่กี่วินาที “ไหนว่าจะกินไง”
“ก็กลิ่นมันไม่น่าสนใจนี่”
“ท่านสนกลิ่นด้วยเหรอ”
“มนุษย์อย่างพวกเจ้าสนรูปลักษณ์และกินไม่ใช่หรืออย่างไร
ข้าก็แค่ทำตามพวกเจ้าแค่นั้น”
“ท่านนี่ไม่มีสุนทรียภาพในการกินเอาเสียเลย
กลิ่นซาลาเปาอุ่น ๆ นี่หอมน่ากินจะตาย” ไม่ว่าเปล่า นางกัดลงเนื้อนุ่มคำโต
ภายในอัดแน่นด้วยไส้ถั่วแดงกวนฉ่ำหอมหวานซึ่งทำเอาเลอะติดมุมปาก
แล้วหยวนหยวนก็ต้องนิ่งค้างตะลึงงันกับการกระทำอันเหนือความคาดหมายของเย่วเทียน
เมื่อสัมผัสอุ่น ๆ จากปลายลิ้นของเขาต้องกระทบที่มุมปากของนาง
“รสหวานสินะ”
“ทะ—ท่าน”
ไม่อาจเปล่งวาจาใดออกมาด้วยริมฝีปากที่สั่นเล็ก ๆ
“น่าแปลกที่ข้ารู้สึกว่ากลิ่นอื่นมันหอมหวนมากกว่า”
คำกล่าวอย่างมีนัยยะของเย่วเทียนทำเอาหยวนหยวนครุ่นคิดหนักว่าเขาได้กลิ่นอะไรกันแน่
“ไม่กินต่อแล้วหรือไง” เขามองซาลาเปาซึ่งเหลือครึ่งลูก
“ข้าอิ่มแล้ว”
นางบอกเสียงห้วน
ทันใดนั้นเจ้าก้อนขาวครึ่งลูกก็ถูกโยนลงบ่อปลาแล้วอันตธารหายในบัดดลเฉกเช่นพี่น้องของมัน
เพียงชั่วพริบตาทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบอันน่าอึดอัด
ปกติเย่วเทียนก็ไม่ใช่คนพูดเยอะอยู่แล้วจึงไม่แปลกหากเขาจะไม่เป็นฝ่ายเอ่ยสิ่งใดออกมาก่อน
ทว่าหยวนหยวนนี่สิซึ่งทำตัวผิดวิสัยคนช่างจ้อ
ถึงอย่างนั้นมังกรหนุ่มก็ไม่คิดจะอ่านใจของนางด้วยคำสัญญาที่เคยให้ไว้
(ถ้าไม่จำเป็นหล่ะนะ)
“เจ้าให้เครื่องรางชายผู้นั้นไปหมดแล้วสินะ”
เพราะเห็นว่าเด็กสาวคงจะนิ่งเงียบไปอีกสักพักเขาจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“เทพมังกรที่มีงานอดิเรกในการแอบฟังแบบนี้
ข้าคงไม่สามารถปกปิดอะไรได้เลยสินะ” พูดกึ่งประชดประชันเจือปนความไม่พอใจน้อย ๆ
ไม่ว่านางจะทำอะไรก็อยู่ในสายตาของเขาหมดราวกับถูกจับตามองก็ไม่ปาน
“ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าที่นี่คือบ้านของข้า”
“แต่ข้าอยู่หน้าบ้านท่านก็ยังแอบฟังนี่”
พูดยังไม่ทันขาดประโยคสาวน้อยก็ต้องชะงักเมื่อฉุกใจคิดบางอย่าง คำว่าบ้านของเขาไม่ได้หมายถึงตัวบ้านที่อยู่ในขณะนี้
ความจริงทีทำเอาคนตัวเล็กต้องตาโตอย่างตื่นตกใจเมื่อคิดว่า ทั้งหุบเขาก็คือบ้านของเขา
“ถ้าจะให้ข้าช่วยยกตะกร้าผัก
เจ้าก็แค่เรียกข้าเท่านั้น”
หรือว่านี่คือสิ่งที่เขาจะสื่อเมื่อวานอย่างนั้นเหรอ
แต่ข้ากลับเข้าใจว่าเขาว่าข้าเป็นแค่ผู้อยู่อาศัย
“ได้เวลาที่เจ้าจะไปเตรียมอาหารเช้าแล้วสินะ”
ในตอนนี้ท้องฟ้าสว่างสดใสเป็นสัญญาณว่ารุ่งอรุณได้หมุนเวียนมาเรียบร้อย
“ข้าจะพาเข้าไปส่งที่ครัว”
“ข้ายังไม่หิวค่ะ”
หยวนหยวนช้อนดวงหน้ามองอีกฝ่าย นางเอนหลังพิงตัวของเย่วเทียนต่างพนักเก้าอี้
“ข้าอยากจะซึมซับกับอากาศดี ๆ แบบนี้ก่อน
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้มานั่งเล่นในสวนแห่งนี้กับท่าน” นางคลี่ยิ้มกว้างเต็มไปด้วยความจริงใจไร้สิ่งใดแอบแฝง
แต่แล้วร่างเล็กก็ต้องล่วงลงไปบนพื้นหญ้า
โชคดีที่ก่อนหน้าเขาลอยตัวต่ำก่อนจะปล่อยนางลงจึงไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ
“ทำอะไรของท่านเนี่ย”
มองเขาแววตาเขียวปั้ด นั่งกอดอกมองอย่างเอาเรื่องกับการปล่อยนางลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ข้าไม่ใช่เก้าอี้ไว้ให้เจ้านั่งชมนกชมไม้หรอกนะ”
“แหม
ข้าล่ะกำลังคิดอยู่เชียวว่าจะเอาท่านมาทำเป็นเตียงนอนหรือหมอนข้างดี” สิ้นประโยค
คนพูดก็คิดว่าตนเองพลาดไปเสียแล้วกับความคะนองปาก ราวกับป่าวประกาศไปว่าตนเองต้องการจะนอนเขาเสียอย่างนั้น
“ขะ...ข้าไปทำอาหารเช้าดีกว่า”
เด็กสาวพยุงตัวจะลุกขึ้นยืน
ฉับพลัน—ร่างของเธอกลับนอนแผ่หราลงไปกองกับพื้นโดยมีร่างใหญ่คร่อมอยู่ กลีบมือทั้งสองของจ้าวมังกรกุมมือเล็กของมนุษย์สาวตัวจ้อยไว้
ขณะที่ดวงตาสีเทาหรี่มองอีกฝ่ายอย่างพิจารณาบางอย่าง
“ท่านเย่วเทียน”
แววตาสีดำประหวั่นพรั่นพรึงชัดเจน นางมองใบหน้าอันน่าเกรงขามของเย่วเทียนอย่างกล้า
ๆ กลัว ๆ
“ดูท่าเจ้าอยากจะเปลี่ยนเตียงนอนในห้องสินะ”
เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้ซอกหูของหยวนหยวนแล้วกระซิบเสียงแผ่ว “เกล็ดของข้ามันค่อนข้างลื่นเจ้าคงไถลตกลงไปบนพื้น
เขาของข้าแม้จะไม่คมแต่ถ้าโดนเกี่ยวก็อาจจะมีบาดแผลลึกได้ ส่วนอื่น ๆ ของข้าที่เจ้ายังคงไม่เห็นอีกคงจะสร้างความลำบากใจให้เจ้าไม่น้อยเลยทีเดียว”
“ข้าจะลำบากใจหรือไม่ข้าจะตัดสินเอง”
หยวนหยวนที่เริ่มตั้งตัวได้พยายามกดน้ำเสียงให้ปกติที่สุด
“ถึงอย่างไรข้าก็เป็นภรรยาของเทพมังกร
สิ่งที่ท่านพูดมามันคือเรื่องปกติที่ต้องพบเจออยู่แล้วมิใช่หรือ”
นางคิดว่าตนเองยอกย้อนได้ดีเมื่อชั่วครู่หนึ่งเห็นแววตาของเย่วเทียนกระตุกกับคำพูดตอบโต้อย่างมีชั้นเชิงของตน
เย่วเทียนปล่อยให้หยวนหยวนเป็นอิสระก่อนจะใช้หางของตนพยุงร่างเล็กให้ลุกขึ้นนั่ง
“อย่าล้มเลิกปนิธานบ้า
ๆ นั่นของเจ้าในภายหลังก็แล้วกัน ข้ายังไม่ยอมรับเจ้าเป็นภรรยาหรอกนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ
ถึงข้าไม่ใช่ภรรยาท่าน แต่ท่านคือสามีของข้าแค่นั้นก็พอ”
หยวนหยวนยักคิ้วยียวนกวนโทสะเขา นางคิดว่าตอนนี้ตนเองถือไพ่เหนือกว่า
จะมาหยุดหยวนหยวนผู้มีความตั้งใจหนักแน่นยิ่งกว่าขุนเขาผู้นี้น่ะหรือ ไม่มีทาง!
“นิยามคำว่าสามีภรรยาของเจ้ามันช่างกว้างเสียจริงนะ”
เขายิ้มเยาะ แววตาสีเทาจ้องอีกฝ่ายเขม็ง “มันต้องบีบความหมายให้แคบลงกว่านี้
ไม่ใช่เพียงแค่ผู้อยู่อาศัยร่วมบ้านกันปกติธรรมดา
หากต้องเป็นผู้ที่ใช้ไออุ่นและลมหายใจร่วมกัน”
สิ้นคำกล่าวโดยไม่รีรอให้หยวนหยวนได้ตอบกลับใด ๆ เด็กสาวก็ถูกส่งตัวไปที่ครัวทันที
หยวนหยวนถูกปล่อยให้นั่งอยู่บนพื้นหินเย็น
ๆ ในห้องครัวพร้อมตะกร้าผักข้างตัว
นางรู้สึกขอบคุณเขาที่ส่งตนเองมาได้จังหวะเหมาะเจาะ เพราะตอนนี้นางรู้ดีว่าตนเองใบหน้าร้อนผ่าวแค่ไหน
“เอาล่ะสิ...ข้าต้องศึกษาเกี่ยวกับวิธีผสมพันธุ์ของงูแล้วสินะ”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 10
Comments