ตอนที่ 2 ข้ารับใช้ของเทพมังกร
แสงแดดยามทิวาทอประกายอ่อน
ๆ ลอดผ่านหมู่แมกไม้หนาทึบต้องกระทบศาลไม้เก่าซึ่งกำลังคละคลุ้งไปด้วยควันธูปซึ่งเพิ่งจะถูกจุดได้ไม่นาน
พืชผักสดใหม่ที่ยังคงมีคราบดินเปื้อนเป็นหย่อม ๆ วางเรียงรายในตะกร้าสานเคียงข้างกับดอกบัวตูมสามดอก
“วันนี้ก็เยอะอีกแล้วแฮะ”
หยวนหยวนมองผักกาดขาวอวบใหญ่กับผักชนิดอื่นซึ่งมีสีสดน่าลิ้มลอง
นางหยิบตะกร้ากับดอกไม้ขึ้นมาถืออย่างทุลักทุเลแล้วเดินกลับไปยังประตูเขตแดนทางเชื่อมระหว่างสองภพ
เพราะความที่ตะกร้าใบใหญ่จนเกินไปทำเอาเด็กสาวเกือบจะมองทางข้างหน้าไม่เห็น
กระทั่งนางเดินสะดุดธรณีประตูครัวเกือบจะล้มหน้าคะมำแต่โชคดีที่หางของใครบางคนคว้ารอบเอวเล็กไว้ได้ทันท่วงที
“เดินระวัง
ๆ หน่อยสิ” สุรเสียงดุของจ้าวมังกรทำเอาสาวน้อยหน้ามุ่ยเล็ก ๆ
นางอยากจะเดินสะดุดเสียที่ไหนกันล่ะ
“ก็ของมันเยอะบังทางเกือบมิด
ท่านก็น่าจะเห็นนี่” เจ้าตัวดีพูดกึ่งประชดประชัน
“แล้วทำไมถึงไม่เรียกข้าให้ช่วย”
“ข้าไม่รู้นี่ว่าท่านทำอะไรอยู่ที่ไหน
อีกอย่างมันก็เช้ามากด้วยถ้าท่านยังไม่ตื่นไม่กลายเป็นว่าข้าไปกวนท่านอย่างนั้นหรือ”
เย่วเทียนเปรยหางตามองตะกร้าผักในอ้อมแขนของคนตัวเล็ก
เพียงแค่ชั่วพริบตามันก็อันตธารหายไปจากตรงหน้าของนาง
ครั้นหยวนหยวนกวาดสายตามองรอบห้องครัวก็พบว่าทั้งผักและดอกไม้วางเป็นระเบียบอยู่ในตู้ไม้เรียบร้อย
สะดวกสบายเหลือเกินนะพ่อคุณ
เรียกใช้บ่อย ๆ เลยดีมั้ยเนี่ย
“ข้าจะกลับห้องแล้ว”
เขาบอกพลางคลายหางของตน
“ขอบคุณที่ช่วยข้า”
หยวนหยวนยังไม่ลืมที่จะขอบคุณแม้จะงอนเขาอยู่นิดหน่อยก็ตาม
“ดูเหมือนเจ้าจะลืมไปนะ
ว่าที่นี่เป็นบ้านของข้า” ประโยคเปรยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาสาวน้อยงุนงง
ดวงตากลมโตมองจ้าวมังกรอย่างใคร่รู้ความหมายแต่เขาไม่แม้แต่จะเมียงมองมา
มังกรหนุ่มเคลื่อนร่างลอยไปบนอากาศเช่นเคยปล่อยให้หยวนหยวนคาใจกับคำพูดของเขาโดยไม่คิดจะอธิบายใด
ๆ เพิ่มเติม
“จะย้ำว่าข้าเป็นแค่ผู้อยู่อาศัยรึยังไง
ข้ารู้ตัวเองดีน่ะ” เด็กสาวบ่นเสียงเบาอย่างหัวเสียน้อย ๆ ก่อนจะก้าวสั้น ๆ
ตรงเข้าหาดอกบัวที่วางไว้ในตู้ “ดอกบัวนี่กินได้สินะ”
ว่าแล้วก็แอบคิดถึงแกงสายบัวในชาติก่อน
สงสัยว่าจะสามารถคั่วพริกแกงในชาตินี้ได้หรือไม่ เนื่องด้วยรู้สึกว่าอาหารในโลกนี้ช่างจืดชืดและไม่หลากหลายเอาเสียเลย
“มื้อเช้าก็ยังคงเป็นผัดผักเหมือนเดิมสินะ”
กว่า
2 เดือนที่หยวนหยวนได้อาศัยอยู่ร่วมกับจ้าวมังกรเย่วเทียน
ในแต่ละวันของนางดำเนินไปอย่างเนือย ๆ ไร้ซึ่งความตื่นเต้น
ถึงอย่างนั้นหยวนหยวนก็ไม่ได้รังเกียจชีวิตอันแสนสงบนี้ที่เป็นอยู่
นางทำอาหารสำหรับตัวเองเพียงแค่นั้นเพราะมังกรหนุ่มอิ่มทิพย์ไม่จำเป็นต้องกินอาหารแบบมนุษย์
แต่เขาก็ยังคงนอนหลับพักผ่อนในยามค่ำ แน่นอนว่าเขากับนางแยกห้องกันนอน
แม้ห้องของพวกเขาจะติดกันนางก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เยื้องกรายก้าวขาเกินเลยธรณีประตู
หยวนหยวนเคยเข้าห้องของเย่วเทียนเพียงครั้งเดียวในวันที่นางมาปรากฏตัวต่อหน้าเขา
ตอนนั้นเขาอยู่ในร่างมังกรตัวใหญ่เกือบคับห้อง
ทว่าไม่รู้เพราะเหตุอันใดตอนนี้มังกรหนุ่มกลับอยู่ในร่างมังกรน้อยที่ขนาดพอ ๆ
กับผู้ชายสูง 6 ฉื่อ (1 ฉื่อ ราวๆ 3.33 เซนติเมตร)
นางจึงอนุมานว่าที่เขาต้องปรับขนาดตัวลงเพื่อให้รับกับขนาดตัวของนาง
(แต่ก็ยังสูงเกินไปนี่นา)
แม้จะสถาปนาตนเองเป็นภรรยาของจ้าวมังกรหนุ่ม
แต่ทั้งสองก็ไม่เคยร่วมหลับนอนในห้องเดียวกันแม้เพียงสักครั้ง
อันที่จริงแล้วนางคิดมาสักพักว่าตนเองเหมือนข้ารับใช้ของเทพมารตนนี้เสียมากกว่า
ทั้งทำความสะอาดบ้าน (เขาไม่ได้ร้องขอ) ดูแลรดน้ำต้นไม้ (ไม่รู้จำเป็นหรือเปล่า)
บำรุงรักษาศาลเจ้าหน้าทางเข้า (ซึ่งเขาพยายามจะทำลายมันทิ้ง)
เมื่อพิจารณาจากการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมา
นางคงต้องผันตัวเองมาเป็นข้ารับใช้อย่างจริงจังเสียแล้วกระมัง
“ไม่ได้สิหยวนหยวน! ในเมื่อตั้งใจแล้วก็ต้องเดินหน้าลุยให้ถึงที่สุด หน้าด้านหน้าทนประกาศตัวเองขนาดนั้นแล้ว
จะให้มายกเลิกกลางคัน—ให้ตายก็ไม่มีทางเด็ดขาด! ”
ยามขาล (ราว ๆ
03.00 – 04.59) ขณะที่ท้องฟ้าเกือบจะไร้ซึ่งแสงสว่างใด ๆ เพราะมวลหมู่เมฆาสีหม่นเคลื่อนตัวทาบทับบดบังรัศมีของดวงจันทร์ซึ่งกำลังทอแสงอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
ป่ายามนี้ช่างมืดครึ้มน่ากลัวราวกับจะกลืนกินทุกสรรพสิ่งที่พลัดหลงเข้ามา
หากแต่แสงรำไรจากโคมไฟเล็ก
ๆ กำลังตรงมาตามทางเดินอันแสนมืดมิดซึ่งทอดตรงมายังศาลเจ้าตรงหน้าถ้ำหินใหญ่
ปรากฏร่างสูงของชายฉกรรจ์ซึ่งตะกร้าบนหลังนั้นเต็มไปด้วยผักมากมาย
เขามองตะกร้าสานหน้าโต๊ะบูชาซึ่งว่างเปล่าด้วยสีหน้าพึงพอใจ และขณะที่เริ่มต้นจัดวางผักอยู่นั้นเอง
เสียงเรียกแหวกผ่านความมืดก็ทำเอาสะดุ้งสุดตัวจนเกือบลืมหายใจ
“เจ้าน่ะ”
“ท่านข้ารับใช้!” ชายฉกรรจ์อุทานเสียงดัง
“ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมข้าถึงไม่เห็นเลย”
“ข้ายืนอยู่ตรงนี้มาได้สักพักแล้ว”
หยวนหยวนตอบเสียงเข้ม รูปลักษณ์ของนางในครานี้แตกต่างจากปกติอย่างชัดเจน
เด็กสาวใส่หน้ากากรูปหน้ามังกรสีขาวที่เจ้าตัวบรรจงประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยตนเอง
ผมสีดำยาวสลวยรวบมันสูงเป็นหางม้า
ร่างเล็กห่อหุ้มกายด้วยชุดคลุมหน้าเพื่อขับให้ร่างของตนดูหนาตันปกปิดส่วนโค้งเว้าของอิสตรี
แม้แต่เสียงที่ใช้เอ่ยออกมานางก็พยายามดัดให้แปร่งจนคล้ายเสียงเด็กผู้ชายวัยกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงวัยหนุ่ม
“ผักสดของข้ายังคงถูกใจท่านเทพมังกรหรือไม่”
“แน่นอน”
หมายถึงถูกใจข้านะ...
“ข้าดีใจเหลือเกินที่ได้ยินเช่นนั้น”
เขาแสดงสีหน้าตื้นตันออกมาอย่างเด่นชัดแม้แสงสว่างจากโคมไฟจะริบหรี่ก็ตาม
“วันนี้ข้ามีซาลาเปาไส้ถั่วแดงมาฝากด้วยนะ รับรองว่าต้องถูกปากท่านแน่ ๆ”
ไม่ว่าเปล่า เขาหยิบห่อผ้าในเสื้อคลุมออกมายื่นส่งให้หยวนหยวน
นางสัมผัสได้ว่ามันยังคงอุ่นอยู่แม้ในยามที่อากาศเบาบางเช่นนี้
สองลูกพอดีเลยแฮะ...แถมลูกใหญ่อีกต่างหาก
คงคิดว่าท่านสามีกินจุสินะ
“ของท่านกับท่านเทพมังกรน่ะ”
ราวกับอีกฝ่ายล่วงรู้ความคิดของเด็กสาว หยวนหยวนมองเขาซึ่งกำลังส่งยิ้มกว้างให้
“ข้าไม่รู้ว่ามีข้ารับใช้ทั้งหมดอยู่กี่ตน มีเพียงท่านเท่านั้นที่ออกมาพูดคุยกับข้า
ข้าจึงแอบให้ท่านเป็นพิเศษเลย” เขากระซิบกระซาบราวกับกลัวใครจะได้ยิน
“ข้าก็มีของจะให้เจ้าเหมือนกัน”
น้ำเสียงของคนอ่อนวัยกว่าพราวระยับเจือปนความเจ้าเล่ห์
มือเรียวหยิบบางสิ่งออกมาจากเสื้อคลุมแล้วชูเด่นหราตรงหน้าคนตัวสูงกว่า
“เครื่องรางอวยพรให้โชคดี ข้างในใส่เกล็ดที่หมดสภาพแล้วของท่านเทพมังกร
ถึงอย่างนั้นมันก็ยังสวยงามราวอัญมณีเลยทีเดียว” ร่ายสรรพคุณความอลังการเรียบร้อยทำเอาอีกฝ่ายตาแวววาวอย่างคนเก็บอาการไม่อยู่
“โอ
ท่านข้ารับใช้ เฟยเตาผู้นี้ซาบซึ้งในความกรุณาของท่านเสียเหลือเกิน”
ชายฉกรรจ์คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม
“ลุกขึ้นเถอะ
เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณใด ๆ ข้า
หากแต่เป็นท่านเทพมังกรต่างหากที่ให้ความกรุณาแก่เจ้า” หยวนหยวนผายมือไปยังศาลเล็ก
ๆ ด้านข้าง เฟยเตาหันกลับไปคำนับด้วยความรวดเร็ว เด็กสาวรู้สึกได้ว่าเขาให้ความนับถือเย่วเทียนอย่างจริงใจแตกต่างจากผู้อื่น
เพราะชายผู้นี้เป็นเพียงคนเดียวที่ยังคงแวะเวียนมาสักการะตลอดเวลา
หยวนหยวนส่งเครื่องรางหนึ่งชิ้นให้กับเขาซึ่งใช้มืออันสั่นเทารับมันมาด้วยความปลาบปลื้ม
เฟยเตามองเครื่องรางราวกับเป็นของมีค่าที่สุดในชีวิตของตน
“เหมือนเดิมนะ”
เด็กสาวกระซิบเสียงแผ่วพลางหยิบเครื่องรางอีก 9 ชิ้นออกมา “ใช้ทักษะพ่อค้าของเจ้าเช่นเดิม
บอกไปว่าเป็นเกล็ดที่เจอในป่า ใครจะคิดว่าของจริงหรือไม่ไม่สำคัญ
ยากที่จะแยกแยะว่าสิงใดมาจากเทพหรือมาร หรือสัตว์ทั่วไป ใครใคร่ซื้อก็ซื้อ
ทำให้ดูกำกวมเข้าไว้”
“เชื่อมือข้าได้เลยท่านข้ารับใช้
อย่างไรของที่มีรูปลักษณ์หน้าตาแปลกประหลาดผู้คนต้องคิดว่าไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว
เกล็ดมังกรเป็นของหายากแม้แต่มารมังกรก็ตาม อย่างน้อย ๆ
ความสวยงามของเกล็ดก็เพียงพอจะยอมให้นักสะสมซื้อไปอยู่แล้ว”
“สมกับเป็นพ่อค้ามือฉมังจริง
ๆ” หยวนหยวนพึงพอใจกับคำตอบของอีกฝ่าย
“หากเป็นไปได้...เกิดมีผู้คนที่ต้องการคำอวยพรอย่างแท้จริง
ข้าอยากให้เจ้ามอบให้กับคนผู้นั้นโดยไม่คิดเงินแม้แต่อีแปะเดียว เพราะมันคงจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจชั้นดีให้กับคนที่ต้องการที่พึ่งทางใจ”
“ท่านช่างมีจิตใจดีเหลือเกินท่านข้ารับใช้
ข้าใคร่ขอทราบชื่อของท่านได้หรือไม่ เพราะข้าเลื่อมใสท่านอย่างแท้จริง”
“เรียกว่าข้าว่าหยุนก็แล้วกัน”
ชื่อถูกคิดขึ้นอย่างกะทันหันซึ่งออกเสียงคล้ายกับชื่อจริงของตน เฟยเตาคุกเข่าให้กับเด็กสาวทำเอานางประหลาดใจ
“ได้โปรดรับการคารวะจากข้าด้วยเถิดท่านหยุน”
“ถึงข้าห้ามเจ้าก็จะทำสินะ”
หยวนหยวนอ่อนใจกับชายผู้ที่แสดงออกด้วยความตรงไปตรงมาจนรู้สึกผิดเล็ก ๆ
กับการโกหกของตน “อย่างที่เจ้ารู้ ข้าไม่ได้มีของพวกนี้มาให้บ่อยนัก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องสมควรเลยที่จะเอาส่วนหนึ่งของท่านเทพมังกรมาหากำไรแบบนี้”
ว่าแล้วก็เจ็บแปลบในมโนธรรมแต่ก็ยังหลอกตัวเองว่าเพราะเย่วเทียนอนุญาตแล้วจึงไม่มีปัญหาอันใด
“ข้าเข้าใจ
เงินที่ได้จากการขายข้าจะนำมาถวายท่านเทพทุกอีแปะแน่นอน” เฟยเตายกมือขึ้นสาบาน
หากแต่หยวนหยวนรีบคว้ามือเขากระชากลง
“ส่วนแบ่งครึ่งต่อครึ่ง
ถือเป็นค่านายหน้า ท่านเทพไม่ใช้เงินหรอก” หยวนหยวนพูดรอดไรฟัน
เฟยเตาอยากจะเอ่ยถามข้อสงสัยของตนว่าถ้าเทพมังกรไม่ใช้เงินแล้วเงินจากคราวก่อนหายไปอยู่ที่ใด
แต่เขาก็ต้องเก็บงำความอยากรู้อยากเห็นนั้นไว้
เพราะมันคือเรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย
“ทำไมจู่
ๆ ข้าถึงรู้สึกเย็นสันหลังวาบก็ไม่รู้” เฟยเตาร้อน ๆ หนาว ๆ แปลก ๆ ทั่วร่างกาย
“อากาศมันก็เย็นปกตินี่
ทำไมข้าไม่เห็นรู้สึกแบบเจ้าเลยล่ะ”
“ตอนนี้มือของข้ามันเย็นมากเลยท่าน
ข้าว่ามันเย็นยิ่งกว่าส่วนอื่นเสียอีก” เขามองมือซึ่งขับถูกเกาะกุมด้วยมือเล็กของอีกฝ่าย
หยวนหยวนปล่อยมือทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองยังจับมือของชายฉกรรจ์ไว้
“น่าประหลาด มันหายเย็นแล้วท่านหยุน”
“มันเย็นเพราะข้าจับไว้หรือ
น่าแปลกเสียจริง มือข้าเย็นราวกับน้ำแข็งเลยหรือนี่” หยวนหยวนขมวดคิ้วมองมือตนเองอย่างงุนงง
“ขอข้าลองจับมือเจ้าได้หรือไม่”
นางยังคงสงสัยใคร่รู้จึงอยากทดลองดูว่าเขาจะเย็นมือเวลาที่นางจับอีกหรือไม่
เมื่อเฟยเตายื่นมือจะไปสัมผัสมือเรียวเล็กของหญิงสาว
ขนทั่วร่างก็ลุกชันด้วยความหนาวยะเยือก
“ข้าว่าอากาศท่าจะไม่ดีเสียแล้วสิ
คงต้องรีบกลับก่อนฟ้าสาง” ว่าพลางกระชับเสื้อคลุมของตนแน่น “ข้าขอขอบคุณท่านอีกครั้ง
หวังว่าจะมีโอกาสได้พบเจอท่านอีกเร็ว ๆ นี้”
“เราจะได้พบกันแน่นอน
ถ้าข้ามีของใหม่ ๆ มามอบให้แก่เจ้า”
“ไม่จำเป็นต้องมีอะไรให้ข้า
ข้าก็จะยังคงมาสักการะท่านเทพมังกรเช่นเดิม
เพราะท่านเทพคือผู้มีพระคุณในชีวิตของเฟยเตาผู้นี้” จบคำพูด
คนร่างสูงก็โค้งคำนับหยวนหยวนอย่างนอบน้อมอีกครั้งก่อนจะหันไปหาศาลเจ้าของจ้าวมังกรแล้วทำความเคารพก่อนจากลา
หยวนหยวนยืนส่งเฟยเตากระทั่งร่างของเขากลืนหายไปในความมืดมิดราวกับป่ากำลังปิดประตูไล่หลัง
“ผู้มีพระคุณเหรอ...เรื่องเครื่องร่างเนี่ยนะ
สงสัยคงจะได้โชคครั้งใหญ่เลยละมั้ง”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 10
Comments