ตอนที่ 1 หยวนหยวนกับเครื่องรางอวยพร
“รอบนี้เอาเป็นเครื่องรางอวยพรก็แล้วกัน”
หยวนหยวนพึมพำเบา ๆ กับตนเองขณะที่กำลังตัดเศษผ้าเป็นรูปร่างตามแบบที่วาดไว้
“สักสิบชิ้นก็คงจะพอ ของดีไม่ควรมีเยอะ ไว้แอบเลาะเพิ่มตอนหลับก็แล้วกัน”
“เจ้าว่าจะเลาะอะไรเพิ่มอย่างนั้นหรือ”
ลมหายใจรินรดต้นคอทำเอาเด็กสาวสะดุ้งโหยงจนกรรไกรเกือบจะบาดมือ
นางหันควับกลับไปมองแล้วก็พบว่าใบหน้าของมังกรหนุ่มอยู่ห่างไปเพียงแค่คืบ
“ท่านสามี”
เจ้าหล่อนอุทานเสียงเบาพลางหลุบสายตาหนี
“ข้าถามว่าเจ้าจะเลาะอะไร”
เขาเน้นเสียงเข้มขณะดวงตาสีเทาพยายามจะเจาะทะลุยังจิตสำนึกอีกฝ่าย
“แค่ที่มีนั่นยังไม่พออีกหรือ”
“ก็พอแหละค่ะ”
หยวนหยวนทำแก้มอูมเล็ก ๆ รู้ดีว่าแผนการของตนไม่อาจสำเร็จแน่นอน “ข้าก็แค่อยากได้เพิ่มนิดหน่อยเอง”
“นิดหน่อยของเจ้านี่เท่าไหร่ล่ะ
เจ้าต้องการอะไรก็บอกข้ามาสิ
ข้าสามารถหาให้เจ้าได้ไม่ยากเลยโดยที่เจ้าไม่จำเป็นต้องนั่งหลังขดหลังแข็งทำของแบบนี้”
“ข้าขอแค่ปัจจัยสี่เท่านั้น”
“ปัจจัยสี่อะไรที่เจ้าว่านั่น
ข้าก็สามารถหามาให้เจ้าได้อยู่แล้ว”
เป็นความจริงที่เย่วเทียนสามารถให้ปัจจัยพื้นฐานแก่เด็กสาวได้อย่างง่ายดาย
ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เพียงแค่เขาพลิกฝ่ามือ(มีด้วยเหรอ เห็นแต่กลีบมือกลีบเท้า)
ทั้งเนื้อสัตว์และผักต่าง ๆ ก็สามารถมากองอยู่ตรงหน้านาง
เขามีบ้านหลังใหญ่ห้อมล้อมด้วยสวนไม้นานาพันธุ์ราวกับบ้านของเศรษฐีผู้มั่งคั่งซึ่งปลีกวิเวกเงียบ
ๆ แถวชานเมือง
สำหรับเครื่องอาภรณ์ทั้งไหมทั้งป่านชั้นดีเขาเนรมิตขึ้นได้ตามแต่นางต้องการ
และยารักษาโรค...แน่ล่ะ เขาคือจ้าวมังกรที่มีอายุยืนยาวหลายพันปี โอสถวิเศษ
สมุนไพรหายาก หรือแม้แต่ยาอายุวัฒนะเขาก็มอบให้แก่นางได้
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงจะยังดิ้นรนหาของพวกนี้
(ยกเว้นที่อยู่อาศัยกับเสื้อผ้าละนะ)
“ข้าไม่ได้ค้าขายกำไรเกินควรนะคะ
แล้วข้าก็บอกทุกคนแล้วว่าเครื่องรางนี้ไม่ได้มีอำนาจพิเศษใด ๆ สำหรับพกติดตัวไว้เพื่อความอุ่นใจเท่านั้นเอง”
นางรีบแก้ตัวเมื่อเขากำลังจะพูดอะไรขึ้นต่อ “แล้วข้าก็ไม่ได้ทำทุกครั้งที่เกล็ดท่านร่วงเสียหน่อย
นับแล้วก็นี่ครั้งที่สามได้”
2
เดือนที่หยวนหยวนมาอยู่กับมังกรหนุ่ม
นางเปลี่ยนชีวิตของเขาไปอย่างสิ้นเชิงราวกับหน้ามือเป็นหลังเท้า
เย่วเทียนอาศัยอยู่คนเดียวภายในบ้านไม้ใหญ่ซึ่งเป็นมิติแยกออกมาจากโลกมนุษย์
สิ่งมีชีวิตที่รูปลักษณ์เดิมไม่ใช่มนุษย์จะถูกเรียกว่ามารหรือเทพมาร
แต่ในโลกนี้นั้นมารไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายเสมอไป
มังกรคือสิ่งมีชีวิตชั้นสูงสุดของเทพมาร
ยิ่งบำเพ็ญเพียรมานานยิ่งมีอำนาจกล้าแกร่งและเป็นที่นับหน้าถือตา หากแต่เย่วเทียนเป็นเทพที่รักสันโดด
เขาจึงปลีกวิเวกมาอยู่ตามลำพัง ไม่มีใครรู้ถึงเหตุผลที่เขาไม่สุงสิงกับใคร
เพราะตำนานที่เล่าขานมาอย่างยาวนานถึงเทพมารอย่างเขาทำให้มีชาวบ้านพยายามจะตามหาจ้าวมังกรหนุ่มเพื่อหวังจะว่าจะประทานพรให้
ครั้นเมื่อพวกเขารู้ถึงที่พำนักของจ้าวมังกรแต่ก็ไม่อาจก้ามข้ามประตูแห่งเขตแดนได้
กระทั่งเหล่ามนุษย์ถอดถอนใจทว่าก็มิวายสร้างศาลสักการะเล็ก ๆ
หน้าทางเข้าของถ้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ก่อเกิดเป็นศาลเทพเจ้ามังกรซึ่งคนเดินทางผ่านหุบเขาไปมาต้องแวะมากราบไหว้บูชา
มันช่างน่ารำคาญเสียเหลือเกินที่มีเสียงผู้คนเจี๊ยวจ๊าวหน้าบ้านของตน
ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถทำเมยเฉยหูทวนลมปิดกั้นสรรพเสียงทุกอย่างไม่ให้เล็ดลอดเข้าไปได้
แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตอันแสนเงียบสงบก็ต้องผกผัน
เมื่อสตรีน้อยแปลกหน้านางหนึ่งก้าวผ่านเขตแดนเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
แถมยังมายืนประกาศตัวต่อหน้าว่าจะเป็นภรรยาของเขาผู้เป็นถึงเทพมารชั้นสูง
มนุษย์กระจ้อยร่อยผู้หาญกล้าท้าทายเทพ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป
แถมประตูเขตแดนยังเปิดรับให้นางตลอดเวลาจนเจ้าหล่อนลงหลักปักฐานทึกทักเอาเองว่าเขาและนางเป็นคู่สามีภรรยากันเรียบร้อย
“กำลังคิดเรื่องข้าอยู่หรือไงคะ”
เจ้าตัวดียิ้มกว้างยียวนทำเอาคนมองอยากจะประเคนมะเหงกงาม ๆ สักทีสองที
เสียแต่มือของตนไม่ใช่มือแบบมนุษย์นี่สิ “ท่านช่วยอวยพรใส่เครื่องรางให้หน่อยจะได้หรือไม่”
“ข้าไม่ใช่เทพแห่งการอวยพร”
เขาบอกปัดอย่างไร้เยื่อใย “ไม่ใช่หน้าที่ของข้าที่ต้องมาอวยพรให้กับเหล่ามนุษย์”
“ข้าไม่ได้จะให้ท่านใส่พลังในนี้เสียหน่อย
ก็แค่อวยพรเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนร่ายมนตร์เอาความขลังแค่นั้นเอง"
“ข้าอวยพรแล้วอย่างไร
จะทำให้มนุษย์โชคดีอย่างนั้นหรือ
โชคลาภของแต่ละคนไม่เหมือนกันข้าไม่สามารถไปกำหนดกะเกณฑ์ได้หรอกนะ”
เขาถอนหายใจยาวกับความคิดอันแปลกประหลาดที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เคยเข้าใจเสียที
“มันคือฟิลลิ่ง
เป็นความรู้สึกทางใจ”
“ข้าล่ะเหนื่อยใจกับเจ้าเสียเหลือเกินหยวนหยวน
เอาเป็นว่าข้าจะไม่ห้ามในสิ่งที่เจ้าทำ แต่ก็จะไม่ยุ่งวุ่นวายใด ๆ
แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่อาจจะนำพาความวุ่นวายมาในภายภาคหน้า ข้าอยากให้เจ้าตระหนักถึงจุดนี้ไว้
หากทุกอย่างสายเกินแก้ถึงเป็นข้าเองก็ไม่อาจช่วยอะไรเจ้าได้”
ประโยคตัดรอนตอนท้ายทำเอาเด็กสาวใบหน้าชาวาบ
ดวงตาสีดำหมองลงอย่างชัดเจนจนสังเกตเห็นได้
จ้าวมังกรหนุ่มเคลื่อนร่างเข้าไปประชิดเด็กสาวตัวเล็กก่อนจะใช้หางของตนโอบรัดเอวเจ้าหล่อนไว้อย่างหลวม
ๆ
“แต่วันเช่นที่ว่าคงไม่อาจมาถึง”
ใบหน้าของมังกรหนุ่มสัมผัสแก้มนวลเนียนของเด็กสาวพลางกระซิบคำพูดด้วยเสียงทุ้มนุ่มแผ่วเบา
“แม้แต่ปลายผมของเจ้าก็มีเพียงข้าเท่านั้นที่จะได้สัมผัสมัน”
ดวงหน้าน่ารักแดงซ่านดั่งลูกตำลึงกับคำหวานอันมีนัยยะ
จ้าวมังกรซุกไซร้ใบหน้าของตนกับสองแก้มขาวผ่องขณะที่เจ้าของร่างเล็กหลับตาปี๋ด้วยไม่อาจมองเขาได้อย่างเต็มตา
เทพมารดูจะพอใจกับอากัปกิริยาของนางจนอดไม่ได้ที่จะแกล้งแหย่มากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อลมหายใจอุ่นรินรดต้นคอทำเอาสาวน้อยสะดุ้งจนผงะจะก้าวถอย
แต่ด้วยหางที่ยังคงรัดพันไว้นางจึงไม่สามารถหลีกหนีเขาได้
“ทำไมเจ้านิ่งเงียบไปล่ะหยวนหยวน”
ได้ที่หยอกเย้าอย่างคนมีชัยเหนือกว่า
“ข้าอึดอัดเพราะท่านรัดข้าแน่นจนหายใจไม่ออกน่ะสิคะ”
เด็กสาวรีบแก้ตัว นางแสร้งทำท่าทีขืนตัวเพื่อจะยืนยันคำพูดของตน
มังกรหนุ่มกลั้วหัวเราะในลำคอก่อนจะปล่อยให้นางเป็นอิสระ
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าทำเครื่องรางอะไรนั่นเกินสิบชิ้น
และห้ามมาขอดเกล็ดของข้าเพิ่มเป็นอันขาด”
คำประกาศิตเด็ดขาดของเย่วเทียนทำเอาเด็กสาวหน้าเจื่อนลงทันที ดูท่างานนี้นางคงจะได้กำไรเพียงเล็กน้อยกระมัง
“ท่านจะไม่อวยพรสักนิดหนึ่งจริง
ๆ หรือ” หยวนหยวนยังคงทู่ซี้อย่างมีความหวังแม้จะถูกตอกกลับด้วยแววตาดุเช่นเคย
“ขี้งก” บ่นอุบอิบแต่เป็นเสียงที่เขาได้ยินชัดเจน
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”
ว่าจบ จ้าวมังกรหนุ่มก็หันหลังเตรียมจะลอยจากไป
เขาส่งคำพูดทิ้งท้ายที่ทำให้หัวใจของคนฟังพองโตโดยไม่รู้ตัว
“หากเป็นเครื่องรางของเจ้าก็อีกเรื่องหนึ่ง”
...ถ้าเป็นเรื่องรางของเราเหรอ...งั้นก็บอกว่าเป็นของเราทุกชิ้นแล้วค่อยแอบเอาไปขายทีหลังได้สินะ
“เจ้าไม่คิดจะปกปิดความในใจเลยสินะ”
เย่วเทียนพ่นลมหายใจด้วยความปลงอนิจจาเมื่อเผลอไผลไปอ่านความคิดของเด็กสาวตรงหน้า
“เดี๋ยวสิ
ไหนสัญญากันว่าจะไม่ละลาบละล้วงความคิดไงคะ ทำไมท่านมาอ่านใจข้ากันล่ะ”
หยวนหยวนประท้วงอย่างหงุดหงิด นางไม่พอใจที่ถูกอ่านความคิดทั้งที่ตกลงเป็นหมั้นเป็นเหมาะแล้วว่าการอยู่ด้วยกันจ้ะต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน
“ไม่ต้องห่วง
ข้าเลือกแค่เฉพาะบางเวลา”
“เวลาไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น”
หยวนหยวนแหวใส่อย่างร้อนตัว กี่ครั้งแล้วที่เขาคงจะแอบอ่านใจของนาง เมื่อคิดว่านางอาจจะหลุดคิดอะไรน่าอับอายก็ทำเอาใบหน้าร้อนผ่าวจนอยากจะหาอะไรมาพัดให้เย็นลง
“ข้าไม่ได้ทำบ่อยหรอกน่ะ
เฉพาะเวลาที่คิดว่าเจ้าต้องคิดอะไรแผลง ๆ เท่านั้น” สิ้นคำกล่าว
เขาก็อันตธารหายไปก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ตอบโต้
หากตอนนี้เขาแอบอ่านใจนางจากที่ไกล
ๆ ก็คงจะได้เห็นคำกร่นว่ามากมายผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดอย่างคนไม่คิดจะเก็บความรู้สึก
(จะเก็บยังไงละนี่)
“มังกรเจ้าเล่ห์ คอยดูเถอะ
หยวนหยวนผู้นี้จะเอาคืนท่านเป็นร้อยเป็นพันเท่าแน่นอน!”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 10
Comments