กู้เมืองคืนด้วยกิ่งไม้อันเดียว

เจ้าหญิงปีศาจ

    ตอน กู้เมืองคืนด้วยกิ่งไม้อันเดียว

    หัวเรือกระทบฝั่ง สาวน้อยปลุกอัศวินหนุ่มตื่นขึ้น

    ทั้งคู่เดินอ้อมเมืองใหญ่ตัดเข้าป่าเพื่ออำพรางตัวจากทหารชั่ว เนื่องด้วยพวกมันคอยมาลาดตระเวนและเก็บส่วยเข้าเมืองหลวงอยู่เป็นประจำ

    "เหย อยากเจอม้าดีๆซักตัวจังเลย ข้าเดินทั้งวันจนปวดขาหมดแล้วนะ" เจ้าหญิงบ่นพร่ำ

    ตุบ! ๆ ๆ เธอวื่งเซงหนุ่มใหญ่มาอยู่ข้างหน้าเค้า หันหลังกลับ เดินถอยหลัง ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองหนุ่มตัวสูง ปากพร่ำบ่นไม่หยุดไม่หย่อน

    "เอาไหมล่ะ ข้าจะซื้อม้าใหญ่ๆให้ซักตัว" อัศวินหนุ่มบ่นด้วยความรำคาณ

    "เอ ไม่เอาดีกว่า ข้าสงสารมันที่ต้องโดนขี่หลัง" เจ้าหญิงตอบ

   "เหอะ ๆ แล้วไม่สงสารข้าเลยหรือ ขี่หลังข้าอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน" มิเรียเรสบ่น

    "ไม่หรอก เจ้าเป็นชายชาตรีที่แข็งแกร่ง ชายรูปงามตามแบบฉบับพ่อพันธุ์ที่สาวๆต่างโหยหา" สาวน้อยตอบอย่างไร้เดียงสา

    "ปากดีไปเรื่อย" หนุ่มใหญ่หน้าแดง แกล้งบ่นกลบความเขินอาย

    "จริงนะ ถ้าไม่ติดว่าต้องชิงบัลลังก์เพื่อปกครองให้ชาวบ้านเป็นสุขข้าอาจพาเจ้าหนีไปไกลๆแล้วมีครอบครัวด้วยกัน" สาวน้อยเอ่ยขณะมองใบหน้าคมคายรูดลงมาถึงเป้าตุงของชายตรงหน้า

    "งั้นถ้าไม่ติดว่าต้องกอบกู้แผ่นดินข้าเลือกใครไม่ได้เลยหรือ ข้าไม่มีสิทธิ์เลือกครอบครัวเองหรือ" หนุ่มใหญ่พูดลองใจสาวน้อย

    "ไม่ได้ เจ้าประกาศแล้วว่าจะรับใช้ข้า เจ้าเป็นของข้าทั้งตัว จะรักใครไม่ได้ นอกจากข้าจะอนุญาติ ฮริ! ๆ " เจ้าหญิงหัวเราะแล้ววิ่งไปเด็ดดอกไม้ข้างหน้า

     เธอสานมงกุฎดอกไม้ใส่ไว้บนหัวแล้วเดินร้องเพลงผ่านทุ่งหญ้าข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่า

    โดยรอบมีฝูงแกะ ฝูงลา ต้นหญ้าเขียวชอุ่มและทุ่งดอกไม้สลับกันไปจนถึงเมืองใหม่

     เมืองเล็กๆตรงหน้าเป็นชนพื้นเมืองนอกเขตปกครองของวังหลวง มีผู้คนแต่งชุดขนสัตว์และกำลังร้องห่มร้องไห้

    เสียงลูกเด็กเล็กแดงโหวกเหวก เสียงคนร้องโอดโอยเหมือนกำลังทรมานอย่างแสนสาหัส

    "มิเรียเรสมาดู" เจ้าหญิงวิ่งปรี่จะเข้าไปยังเมืองเล็กที่มีไฟลุกท่วมบ้านหลายหลัง

    "อย่าไปสตาร์เซีย" หนุ่มใหญ่คว้าแขนเล็กเรียว ดึงร่างเพรียวบางถลากลับมากอดไว้แนบอก

    "ทำไม มีคนเจ็บ ข้าต้องไปช่วยรักษาด้วยสมุนไพร" สาวน้อยเอ่ยและก้าวเท้า ทว่ารู้ตัวอีกทีก็ก้าวไม่ออกด้วยโดนยกลอยจากพื้นในสภาพกอดไว้

    "ดูนั่น ทหารในวังมาปล้นฆ่าชาวบ้าน มันคงคิดขยายเมืองเลยต้องปราบชนเผ่าเหล่านี้ออกไป"

    เจ้าหญิงน้ำตาปริอาบแก้มเมื่อเห็นทหารม้าหลายนายกำลังควบม้าไล่ฟันชาวบ้านที่หนีตาย

    อำนาจทำให้คนเข่นฆ่ากันได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ทำไมนะ ทำไม! ความคิดเเว่วดังในหัว

    "เราช่วยอะไรพวกเค้าไม่ได้เลยหรือ มิเรียเรส" เจ้าหญิงเอ่ยทั้งน้ำตา

    หนุ่มใหญ่เงียบงัน มือข้างขวาที่ลูบหัวเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าต้องปล่อยให้คนตายต่อหน้าต่อตา

    "ไม่ ข้าจะช่วยพวกเค้า พวกชนเผ่าก็เหมือนชาวบ้าน ต่อให้ไม่ได้ปกครองด้วยวังหลวง" เจ้าหญิงบ่นและเอาสองมือแกะแขนท่อนใหญ่ๆที่รวบเอวของเธอ

    อึ๊บ! ๆ ดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออก ท่อนแขนใหญ่โตที่ยกร่างของเธอ

    "จะช่วยยังไง ไหนบอกข้าก่อน ถ้าเข้าไปตายข้าไม่ปล่อยนะ" อัศวินกระซิบข้างหู ดาบของเค้ายังไม่มีซักเล่มเดียว

    "ขอข้าคิดแปบนึงสิ" สาวน้อยตะคอกแล้วหลับตา นึกถึงตำราแขนงต่างๆที่เคยพร่ำเรียน ทุกศาสตร์ทุกแขนงเกิดภาพในหัวเป็นฉากๆ

    "ทำนายฝนฟ้า" เจ้าหญิงเอ่ยขึ้นแล้วนับนิ้วมือราวกับว่ากำลังคำนวณอะไรบางอย่าง

   "ข้ารู้แล้ว พรุ่งนี้จะมีพายุฝน ลมพายุใหญ่กำลังจะมา" เด็กสาวเอ่ยขึ้นพลางเบิกดวงตาสีเขียวมรกตกว้าง

    "อืม แต่ตอนนี้ตอนเย็น รอเช้าชาวบ้านก็คงตายหมดแล้ว" อัศวินค่อยวางร่างเพรียวบางอรชรลงยืน

    "เอางี้ ตัดกิ่งไม้กิ่งนั้นให้ข้าที แกะสลักด้วย กิ่งใหญ่ๆนั่นน่ะ ทำเป็นไม้เท้าหัวกะโหลกที่น่ากลัวๆ" สาวน้อยสั่งการ อัศวินหนุ่มใช้มีดพกเล่มเล็กสับไม้ทันที

    เจ้าหญิงเอามีดทำครัวกรีดข้อแขนตัวเอง เธอเอาเลือดทาที่ชุดแต่งกายและปาดเลือดไว้ตรงสองแก้ม ถึงแม้จะสวยแต่ดูแล้วน่ากลัวราวกับแม่มดสาว

    "ตามมา" สาวน้อยวิ่งฝ่าดงหอกดงดาบเข้าเมืองไปดื้อๆ หนุ่มใหญ่วิ่งตามไปเพื่อคอยรับมือกับคนที่จะเข้ามาฟันร่างของเธอ

    ร่างใหญ่กำยำพลิ้วไหวดั่งสายลม มีดสั้นเล่มเดียวกรีดแทงทหารชั่วลงไปตายอย่างง่ายดาย

    ตุ๊บ! ๆ สาวน้อยกระโดดขึ้นไปยืนบนหลังคากระท่อมไม้หลังนึง

    โอม! ๆ เธอชูไม้เท้าหัวกะโหลกโบกไปมาแล้วทำทีเป็นร่ายรำพร่ำคาถาไปมั่วๆ ตาเหล่มองลูกธนูไฟที่พุ่งเข้ามาอย่างเสียวใจ

    "ปกป้องนาง แม่มดดำมาช่วยพวกเราแล้ว" หัวหน้าชนเผ่าชี้มาที่เจ้าหญิง

    เฮ! ๆ ๆ ชาวบ้านชาวเมืองที่หนีตายวิ่งกลับเข้ามาในเมืองเล็ก ทุกคนดูฮึกเหิมขึ้นมาทันตา ผิดกับคนเดิมที่ร้องครวญหนีตายในตอนแรก

    "มิเรียเรส ช่วยด้วย" เจ้าหญิงแม่มดในชุดเลอะเลือดชี้ไปที่ข้างหน้าตัวเอง

     ฟุ่บ! ๆ ๆ ลูกธนูไฟนับร้อยปลิวออกจากคันศรทหารม้าไกลๆ ดวงไฟนับร้อยๆลูกแหวกอากาศตรงมา หมายจะปักพรุนร่างเด็กสาววัยสิบเก้าปี

    ย๊ากกก! อัศวินหนุ่มดึงแผ่นไม้กลมออกจากโต๊ะแล้วกระโจนขึ้นมายืนขวางหน้าแม่มดน้อย

   ปั่ก! ๆ ๆ ลูกธนูปักไม้กระดานที่เค้าถือบังไว้ ทั้งคู่รอดตายหวุดหวิด

    "น้ำมัน ๆ ผงถ่าน ขี้ม้าแห้ง กำมะถัน" สาวน้อยชี้นิ้วสั่งชาวบ้านที่ยืนข้างล่าง ทุกคนรื้อค้นของมากองไว้

    "พันๆ ยัดๆรวมๆกันแล้วโยนมาให้ข้า" เจ้าหญิงสั่งการชาวบ้านหลายสิบคน

    เธอคว้าระเบิดดินแล้วจุดชนวนด้วยไฟจากลูกธนูที่ไหม้ไฟ

    ฟ้าววว! มือน้อยๆขว้างลูกดินปลิวไปข้างหน้าสุดแรงเกิด

    ตูมมมม! ดวงไฟลูกใหญ่ลอยขึ้นฟ้า เสียงประทุดังระทึกกึกก้องจนแสบแก้วหู

    "ปีศาจ" ทหารชั่วตาเหลือกตาถลน ทุกคนรอบๆก็สะดุ้งกลัวเด็กสาว ไม่เคยมีใครเห็นอะไรแบบนี้เลย ลูกไฟเสียงดังมันเผาผลาญทหารม้าตายไปหลายนาย ศพชักงออยู่ในกองเพลิง

    หนี! ๆ ๆ หัวหน้าทหารหลวงสั่งลูกสมุนนับน้อยควบม้าหนีหายไปในความมืด

    "แม่พระมาโปรด ขอบคุณท่านแม่ ขอบคุณขอบคุณ" ชาวบ้านคุกเข่าเอาหัวเขกพื้นดินอย่างเคารพบูชาเด็กสาว

    "ข้าจะเซ่นไหว้ท่านด้วยชีวิตของข้าเอง ขอท่านจงรับไว้" หัวหน้าเผ่าทำท่าจะเอามีดกรีดคอตัวเอง

    "ไม่ต้องๆ ข้าขอแค่อาหารอร่อยๆกับไวน์แดงเท่านั้นเอง พวกเจ้าจำไว้นะว่าอย่าฆ่าใครเพื่อบูชาข้า แม่มดดำน่ะ" เจ้าหญิงเอ่ยบอก

    มิเรียเรสยังทึ่งในความฉลาดเฉลียวของเจ้าหญิงไม่หาย เค้าลงมานั่งกินข้าวกินปลากับเธอโดยมีชาวบ้านคุกเข่านั่งล้อมรอบ

    "เราไม่ต้องทำปราการป้องกันเมืองหรือสตาร์เซีย" หนุ่มใหญ่มองสาวน้อยที่ถือน่องไก่สองอัน สองไม้สองมือ

    "เอ้า กินไป พรุ่งนี้ข้าจะเสกพายุไล่มันไปเอง" สาวน้อยยัดน่องไก่ย่างหอมๆใส่ปากแดงๆ

    อุ๊บ! อัศวินหนุ่มตกใจ

    อึก! ๆ ๆ เออะ! เจ้าหญิงยกไวน์ชดพร่วดแล้วเรอเสียงดัง

   เฮ! ฮ่า! ๆ ๆ ชาวบ้านโห่ร้องดีใจที่ทำให้แม่มดสาวอิ่มหนำสำราญ พวกเค้าดูภาคภูมิใจในอาหารของตัวเอง

    มิเรียเรสคุมชาวบ้านซ่อมกระท่อมและขุดหลุมหลบภัยตามคำสั่งเจ้าหญิง เด็กๆช่วยกันดับไฟและเจ้าหญิงก็ทำสมุนไพรรักษาแผลคนเจ็บหลายๆคนจนดีขึ้น

   จากเย็นย่ำไปจนดึกดื่นทุกชีวิตจึงได้เอนกายนอน

    รุ่งเช้า ทหารม้านับพันเรียงหน้ามาตั้งแถวอยู่หน้าเมืองไกลๆ พวกมันมาแบบอาวุธครบมือ ดูแล้วเหมือนจะกวาดทุกชีวิตในเมืองให้ราบคาบ ทว่าชาวบ้านก็หาได้หวั่นกลัว ต่างก็ถือจอบถือเสียมมายืนเรียงแถวปกป้องบ้านหลังน้อยของตัวเอง

    "ทำไมท้องฟ้าใสล่ะ ไหนว่าพายุจะมา" อัศวินหนุ่มก้มกระซิบหูเจ้าหญิงตัวน้อยที่กำลังแหวกแถวชาวบ้านมายืนจังก้าท้าตาย

    "ก่อนจะเกิดพายุมันก็สดใสแบบนี้แหละ ข้าคงคำนวณฝนฟ้าอากาศไม่ผิดหรอกมั้งนะ" เจ้าหญิงลูบไม้เท้าที่สูงเท่าหัวตัวเองและเอ่ยตอบไปด้วย

    ครั้งแรกที่อัศวินหนุ่มส่อแววตาหวาดกลัวออกมา เค้ากลัวตาย กลัวชาวบ้านตาย หรือกลัวเจ้าหญิงตายไม่อาจทราบได้

   ต่อให้สิบอัศวินทองก็ไม่อาจทานทัพทหารม้าพันนายตรงหน้าได้เป็นแน่แท้ ไฉนชาวบ้านถึงตาถมึงทึงอย่างไร้กลัว เมื่อมีแม่มดอยู่ข้างแล้วพวกเค้าอาจหาญเกินคน

    โอมมะลึกกึ๊กกึ๋ย! ๆ ๆ เจ้าหญิงชูไม้เท้าหัวกะโหลกขึ้นฟ้าแล้วท่องคาถาเสียงดังมั่วๆ

    คึก! ๆ ๆ มิเรียเรสแทบกลั้นขำไม่อยู่

    ฮ่า! ๆ ๆ ทหารม้านับพันตรงหน้าไกลๆหัวเราะเยาะเย้ย เสียงพวกมันรวมกันดังเหมือนฟ้าคำราม กลบเสียงใสแจ๋วของเจ้าหญิง

    "ข้าจะให้โอกาสเจ้าพวกชั่วช้า สักพักถ้าไม่ถอยไปข้าจะเสกลมพายุหมุนมาหอบพวกเจ้าไปนรกให้หมด" สาวน้อยตะโกนลั่น

    ฮ่า! ๆ ๆ ฮา! ๆ ๆ พวกมันหัวเราะเกรียวกราวพลางควบม้าเดินเข้ามาช้าๆแบบแถวหน้ากระดาน

    "เอาไง เอายังสตาร์เซีย" หนุ่มใหญ่ที่ยืนข้างกายกุมมือน้อยๆไว้มั่น เค้าสองจิตสองใจว่าจะอุ้มเธอหนีแล้วปล่อยชาวบ้านตามยถากรรมดีไหม

     อึ๋ย! แม่มดน้อยเงยมองฟ้าแล้วทำตาละห้อย ชาวบ้านหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

    "เออ ก็ได้ งั้นข้าให้เวลาอีกแป๊บนึง เผื่อพวกแกจะสำนึกได้" เจ้าหญิงเอ่ยแล้วเม้มกัดริมฝีปากตัวเอง ตาเหล่มองขึ้นฟ้า แกล้งท่องบ่นคาถาไปเรื่อยๆ

    "หนีเถอะ อย่าตายแบบโง่ๆเลยเจ้าหญิง" หนุ่มใหญ่ก้มกระซิบใบหูสาวน้อย แขนเค้ารวบเอวเธอแน่น พร้อมอุ้มหนีทุกเวลา

    "อย่าเพิ่งสิ ข้าได้กลิ่นดินหอมๆแล้ว" เจ้าหญิงยืนหยัดสู้แม้จะขาสั่นจนก้าวไม่ออก

    "ฆ่ามัน ฆ่าผู้ชาย จับเด็กและผู้หญิงเป็นทาส" หัวหน้าทหารชั่วสั่ง ทหารม้าพันนายควบม้าดาหน้าเข้ามาฝุ่นตลบ

    เสียงเกือกม้ากระแทกพื้นดังสนั่น แผ่นดินสะเทือนยวบยาบชวนให้ขวัญหนีดีฝ่อ

    ตุบ! ๆ ๆ ชาวบ้านบางคนหนีถอย บางคนยืนหลับตารอรับความตายด้วยรู้ว่าไม่อาจหนีไปไหนทัน

    เปรี๊ยงงงง! จู่ๆสายฟ้าก็ฟาดลงมาบนพื้นดิน ซ่า! ๆ ๆ สายฝนโปรยปรายลงมาทั้งที่ไร้เมฆหมอก

    "ฆ่ามันให้หมดดด" ทหารม้ากรูเข้ามาใกล้ขึ้น อีกชั่วอึดใจก็จะถึงเหล่าฝูงชนหน้าหมู่บ้าน

     ครืน! ๆ ๆ พายุหมุนลูกใหญ่ไกลมาแต่หลังเขา มันหมุนวนรุนแรง ดูดทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปในพายุหมุน ใจกลางมีสายฟัาแลบแปล๊บปล๊าบ ทั้งควันทั้งไฟลุกไหม้ขณะเดียวกัน

    อ๊าก! ๆ โอ๊ยยยย! ทหารม้าโดนพายุหมุนพิโรธกวาดรูดหายไปในวังวนอากาศ พวกมันหายไปทีเดียวครึ่งกองทัพ ที่เหลือควบม้าถอยหนี

    "ปีศาจ ยัยนั่นมันเป็นปีศาจ โอ๊ย! อ๊าก! ทหารชั่วร้องโหวกเหวราวกับถูกเสกพายุใส่

    "มุดดิน ๆ อย่าเข้าบ้าน ๆ " เจ้าหญิงโยนไม้เท้าแล้วโกยอ้าวก่อนใคร ทุกคนแยกกันลงหลุมหลบภัยใกล้ๆตัว ซึ่งทุกหลุมลึกท่วมหัวคนและมีแผ่นไม้ปิดอยู่ข้างบนอย่างมิดชิด

    ครืน! ๆ เปรี๊ยง! ๆ ๆ พายุหมุนกวาดชีวิตทหารชั่วที่ขวางทางดับสูญสิ้น มันคือเฮอร์ริเคนลูกใหญ่ที่ร้อยๆปีจะมีหนนึง และเจ้าหญิงทำนายไม่ผิดเพี้ยนไปจากตำรา

    แฮ่ก! ๆ เจ้าหญิงนั่งบนตักอัศวินร่างใหญ่ที่โอบร่างเธอจมหายไปในอกกว้าง เนื้อตัวสั่นเทาจนเค้าต้องสวมกอดเธอแน่น

    "เจ้าเก่งจังสตาร์เซีย เอ๊ยเจ้าหญิง" หนุ่มใหญ่ลูบหัวเด็กสาวแล้วเอาคางวางตั้งไว้บนหัวของเธอ

    "แล้วอะไรแข็งๆมันดันตูดข้าเนี่ย เจ็บนะ อร๊าย! " เจ้าหญิงบ่น

    "ของที่ท่านชอบจับไง มันไม่โดนจับมานานเลยแข็งกระมัง" หนุ่มใหญ่กระซิบข้างหู

    อุ่ย! เจ้าหญิงตัวแข็งเมื่อโดนริมฝีปากร้อนแดงรูดใบหู ลมปากร้อนผ่าวกระแทกเข้ารูหูจนสติสตังปลิวกระเจิงไปไหนไม่รู้

    กร่อด! ๆ สาวน้อยขบกัดฟันขณะนั่งบดตูดงอนๆกับแท่งร้อนๆข้างใต้ หนุบหนับ! ๆ

    "โอ๊ย! อย่า อุ๊ย! เจ็บ" มิเรียเรสหน้าหงิกหน้างอเมื่อสาวน้อยส่ายสะโพกไปมา

    เธอบดตัวลงตักของเค้าแรงๆหวังจะแก้แค้นที่ทำให้สมองตื้อ รู้สึกตัวลอยหวิวๆ เสมือนร่างกายไร้น้ำหนักใด

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!