เจ้าหญิงปีศาจ
ตอน สิบปีต่อมา
อัศวินทองผู้ไร้ดาบได้กลายเป็นหนุ่มใหญ่วัย30ปี เจ้าหญิงตัวน้อยกลับกลายเป็นหญิงงามวัย19ที่สวยสง่าผิดจากสาวชาวบ้าน
สิบปี สิบปีเต็มๆที่มิเรียเรสพาเจ้าหญิงอนาสตาเซียร่อนเร่ไปทั่ว เค้าสอนหนังสือให้เธอและอ่านตำราวิชาการโบราณให้ฟังทุกค่ำคืนแทนการเล่านิทาน
เจ้าหญิงได้เห็นเมืองต่างๆและวิถีชีวิตของชาวบ้านชาวเมืองทุกแว่นแคว้นแดนดิน
ผู้คนต่างอดอยากระส่ำระสายด้วยการปกครองของขุนนางชั่วที่แย่งอำนาจไปจากพระราชบิดาของเธอ
ทหารชั่วรีดภาษีจากชาวบ้านมากขึ้น ข้าวสารและอาหารแห้งต่างถูกรีดเค้นจากทุกบ้านให้ส่งส่วยไปยังเมืองหลวง
มิเรียเรสเที่ยวพาอนาสตาเซียไปทุกๆเมืองเพื่อให้เธออ่านตำราและศึกษาศาสตร์ต่างๆจนวิชาการแก่กล้า อาวุธเดียวของเจ้าหญิงคือสมอง เธอฉลาดล้ำเลิศกว่าใครๆทั้งหมด
ณ.เมืองท่าริมทะเลสาบ
เจ้าหญิงรูปร่างผอมเพรียวกำลังขี่หลังหนุ่มใหญ่เดินออกจากป่ามาสู่ท่าเรือเล็กๆ
"ข้าหนักไหมมิเรียเรส" เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากข้างๆหู แก้มนวลนิ่มแนบบดลำคอบุรุษใหญ่พาลให้เค้าเสียวเกร็ง คางเล็กๆตั้งอยู่บนบ่าใหญ่ ดวงตาสองคู่มองไปข้างหน้าพร้อมๆกัน
"เบามากๆเลยสตาร์เซีย" มิเรียเรสตั้งชื่อใหม่ให้เจ้าหญิง เพื่อความปลอดภัยของเธอ
"เบาจริงๆเหรอ ข้าโตขึ้นเยอะแล้วนะ ฮิ ๆ" สาวน้อยสอดแขนคล้องคอและเอาขาหนีบเอวหนุ่มกำยำล่ำบึ๊กไว้แน่น
มือใหญ่ๆข้างขวาของเค้าช้อนตูดงอนนุ่มของเธอไว้และประคองอยู่อย่างนั้น ราวกับว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ที่สาวน้อยใกล้ชิดคือหลังของบุรุษรูปงามผู้นี้เอง หาได้ใช่พื้นดินไม่
"ทำไมต้องขี่หลังข้าทุกๆทีที่เข้าเมือง ไม่อายคนอื่นหรือห๊ะ" หนุ่มใหญ่หันมาบ่นเสียงดุ
"ก็อยู่บนหลังของเจ้าข้ารู้สึกปลอดภัยที่สุดเลย ขี่หลังแค่นี้เองไม่ได้หรือ" สาวน้อยตอบด้วยน้ำเสียงง้องอน
ฟู่วส์! หนุ่มใหญ่ถอนหายใจและไม่พูดต่อ เค้านึกถึงวันที่พาสตาร์เซียนั่งบนบ่าหนีออกมาจากวังหลวง จึงนึกได้ว่าคงเป็นแผลในใจของสาวน้อย เธอคงหวาดกลัวจนไม่กล้าห่างจากตัวเค้าเลย แม้นาทีเดียว
ฟุ่บ! มือใหญ่ข้างซ้ายยกขึ้นมาลูบบนหัว ขยุมผมสีน้ำตาลเบาๆ "ไม่ต้องกลัวอะไร ข้าจะดูแลเจ้าเอง เจ้าหญิง"
อุ้ย! เจ้าหญิงสะดุ้งเบาๆ "ความรู้สึกนี้มันอะไรกันนะ ทำไมมันอบอุ่นดีจัง" เสียงแว่วในหัว
พอเดินออกจากแนวป่าก็มาเจอบ้านเรือนไม้ มีร้านค้าและคอกม้า มีโรงตีดาบและตลาดขายผักผลไม้ ผู้คนเมืองนี้ยิ้มแย้มดูมีความสุขเพราะห่างไกลจากเมืองหลวงที่มีทหารชั่วคอยรังแก
"หูว! อยากกินแอปเปิลเขียวจังเลย ไม่ได้กินมานานมาก" สตาร์เซียชี้นิ้วพาดบ่ามิเรียเรสไปข้างหน้า
"เหอะ ๆ เงินทองเราไม่ค่อยจะมีแล้วนะ ต้อวเก็บไว้ซื้อตำราไม่ใช่เหรอ" อัศวินหนุ่มในชุดหนังบ่น
"ขอกินซักลูกเถอะน่ะ ที่จริงไม่ต้องซื้อตำราก็ได้ ข้าอ่านแปบเดียวก็จำได้หมดทั้งเล่ม" สาวน้อยเถียงไม่หยุด
เอา! ๆ ๆ หนุ่มใหญ่บ่นก่อนจะพาสาวน้อยขี่หลังเดินเข้าตลาด ผู้คนต่างหันมามองทั้งคู่อย่างแปลกใจเมื่อขี่หลังกอดคอกันไม่ปล่อย
อันที่จริงมิเรียเรสพาสตาร์เซียเดินผ่านป่ามานานมาก ไกลจนเธอเมื่อยขาและเดินเองไม่ไหว
หนุ่มใหญ่ซื้อแอปเปิลเขียวลูกใหญ่ที่สุดแล้วยื่นมาข้างหลัง สาวน้อยอ้าปากกัด กร้วม! ๆ
กรุบ! ๆ ๆ ฮิ! ๆ เธอเคี้ยวกินและเอามือเล็กๆจับแอปเปิลป้อนเข้าปากหนุ่มใหญ่ สลับกันกินคนละคำ จนหมด
พอหาตำราไม่เจอก็พากันมาขึ้นเรือใบลำเล็กๆเพื่อจะข้ามแม่น้ำไปยังอีกเมืองข้างหน้า เพียงก้าวเท้าเหยีบขึ้นมาบนเรือก็เจอกับกลุ่มชายฉกรรจ์สี่คนถือดาบวิ่งมาล้อมไว้ จะถอยก็ไม่ได้เมื่อเรือแล่นออกจากฝั่งเสียแล้ว
"หยุด ส่งของมีค่ามาให้หมด" เสียงโจรร้ายขู่ มีดดาบสี่อันชี้มาตรงใบหน้าหล่อๆของอัศวินหนุ่ม
"เอาไป" เจ้าหญิงดึงหนังสือเล่มเล็กเล่มใหญ่จากกระเป๋าหลังโยนลงพื้น โครม! ๆ
"ห้า! ๆ ๆ คิดว่าหนังสือนี่คือของมีค่าเหรอยัยโง่ พวกข้าต้องการเงินหรือทองเท่านั้น" โจรร้ายอีกคนเอ่ยขึ้น พวกมันที่เหลือหัวเราะเยาะเสียงดัง
"เอ๋า ก็ตำรานี่แหละที่มีค่าที่สุด ข้าไม่มีเงินทองจะให้หรอกนะ" เจ้าหญิงเอ่ยขณะที่ยังขี่หลังมิเรียเรส
"งั้นแก ไอ้ตัวใหญ่ แกส่งยัยนั่นมาแล้วข้าจะไว้ชีวิตแก" หัวหน้าโจรตัวดำปี๋ง้างดาบจ่อลำคอมิเรียเรส
"พวกนี้สมควรตายรึยัง บอกข้ามาทีสิสตาร์เซีย" หนุ่มใหญ่สบถเสียงดุ เจ้าหญิงยังสะดุ้ง
"ความจนทำให้พวกเค้าเลือกที่จะปล้น ไม่ถึงตายควรไว้ชีวิต" เสียงเเจ้วๆดังอยู่บนบ่าขวาข้างๆหู
อุว๊ะ ฮ่า! ๆ ๆ ๆ สี่โจรร้ายหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
พอพวกโจรหยุดเจ้าหญิงก็พูดต่อ "แต่ปล้นแล้วก็ฆ่าคน ข่มเหงชำเราผู้หญิง อันนี้สมควรตาย"
"เหร๋อ! แล้วตายยังไง" โจรตัวเล็กยื่นหน้าแลบลิ้นก่อนจะถาม
เจ้าหญิงเอาแขนพาดบ่าอัศวินแล้วชี้นิ้วไปข้างหน้า ปากเอ่ยพร่ำทำมืออธิบาย
"เจ้าตัวดำ เจ้าจะตายด้วยดาบของตัวเอง เจ้าตัวใหญ่โดนตัดคอกระเด็น หัวน่าจะหล่นอยู่ตรงนั้น" เจ้าหญิงชี้นิ้วไปมา
"ไอ้ตัวผอม เอิ่ม จะแทงดีไหมล่ะ คงจะเลือดหมดตัวค่อยตายช้าๆน่ะนะ"
ฮ่า! ๆ ๆ ๆ สี่โจรร้ายหัวเราะร่วน ถุย! พวกมันถุยน้ำลายลงพื้นเรือแล้วกรูเข้ามา
"ฆ่ามันแล้วข่มขืนยัยนี่" หัวหน้าโจรสั่งแล้วง้างดาบฟันมาตรงหน้ามิเรียเรส
หมับ! เค้ายกมือซ้ายจับปลายคมดาบอย่างว่องไว
กล้ามแขนใหญ่เบ่งตึง เส้นเลือดเส้นเอ็นปูดขึ้น พละกำลังมหาศาลถูกส่งไปยังปลายลำแขนและมือใหญ่
ขวับ! มิเรียเรสพลิกปลายดาบแล้วกระชากกลับมาหาตัว โจรร้ายเซถลา ปึ๊ก! ด้ามดาบกระแทกลำคอมันเอง
ฟ้าววว! ดาบใหญ่โยนขึ้นสูง หมุนขวับ ๆ แล้วหล่นกลับลงมาในมืออัศวินหนุ่ม
ฉับบบ! อ๊าคคค! ตวัดครั้งเดียวคมดาบเฉือนหน้าอกโจรเนื้อหนังขาดกระจุย
หมุนตัวหนึ่งครั้งแล้วฟันกวาด หัวอีกคนหล่นลงพื้น กลิ้งตุบ ๆ ไปยังตำแหน่งที่เจ้าหญิงเคยบอก
ย๊ากกกก! สองคนที่เหลือกระโจนเข้ามาพร้อมๆกัน ซ้ายขวา
ฉึก! มิเรียเรสก้มหลบได้หวุดหวิด คมดาบมันตัดผมยาวสลวยของเจ้าหญิงปลิวร่วงหนึ่งหย่อม
ฉึกกก! อัศวินหนุ่มแทงดาบทะลุท้องคนแรก มันล้มลงไปนอนตาเหลือกชักดิ้นชักงอ
วืด! ๆ ๆ คนสุดท้ายไล่ฟันไม่ยั้ง มิเรียเรสถอยหลบได้อย่างง่ายดาย เค้าว่องไวมากทั้งๆที่เจ้าหญิงยังขี่หลังอยู่
นี่ขนาดใช้เพียงมือซ้ายข้างเดียวและดูเหมือนยังไม่เอาจริง นึกไม่ออกเลยว่าถ้าหนุ่มคนนี้โกรธและใช้สองมือจะมีใครต่อกรเค้าได้บ้าง
มือซ้ายจับดาบ มือขวาประคองตูดงอน ใบหน้าหล่อโยกหลบไปมา ใบหน้าเล็กสวยตั้งอยู่บนบ่าขวา
ตูมมมม! ยกเท้าถีบทีเดียว โจรร้ายลอยละลิ่วปลิวลงน้ำ มันว่ายๆจมๆผลุบๆโผล่ๆด้วยหนักชุดเกราะของตัวเอง
"ไปบอกกับพวกแกว่าข้ามาแล้ว ต่อไปนี้แผ่นดินจะร่มเย็น ถ้าใครไม่กลับใจก็รอรับความตายได้เลย" เจ้าหญิงชี้นิ้วตะโกนก้อง
"แผ่นดินจะต้องสงบสุข ชาวบ้านจะต้องมีกิน ข้าพร้อมแล้วที่จะคืนบัลลังก์" เด็กสาวตะโกนลั่น ผู้คนต่างวิ่งมายืนริมฝั่งรุมมองมายังเรือนร่างเล็กขาวบนเรือใบ
"แล้ว แล้วเจ้าคือใคร" โจรที่ว่ายน้ำตะโกนถาม
ตุบ! สาวน้อยโดดลงจากหลังอัศวิน เอาสองมือป้องปากตะโกนขึ้นบนฟ้า "ข้า ชื่อสตาร์เซีย เอ๊ย อนาสตาเซีย"
เฮ้อ! หนุ่มใหญ่ส่ายหน้า พลางก้มลงไปค้นเงินจากกระเป๋าของโจรที่นอนตายจมกองเลือด
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments