เจ้าหญิงปีศาจ
เจ้าหญิงปีศาจ
ตอน คำปฏิญาณ
รอบๆปราสาทมีเสียงไฟลุกโหม ควันขาวลอยขึ้นฟ้า ค่ำคืนสว่างไสวด้วยไฟสงคราม ชาวบ้านหนีตาย ทหารชั่วบุกเข้าปราสาทพระราชวัง ทหารดียืนถือดาบป้องกันปราสาทสูง
ทุกคนสวมชุดเกราะอัศวินสีเงินทั้งสองฝ่าย
เคร้ง! ๆ ๆ เสียงหอกเสียงดาบภายนอกท้องพระโรงกระทบกันสนั่นหวั่นไหว จากอัศวินทั้งสองฝั่ง ฝ่ายจงรักภักดีอีกฝ่ายปฏิวัติชิงบัลลังก์
การประทะทำให้อัศวินป้องกันปราสาทล้มตายไปจำนวนมาก
ในห้องพระโรงสีทอง บัลลังก์กลับว่างเปล่า มองไปรอบๆเห็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆนั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่
เบื้องหน้ามีศพของราชาและราชินีนอนกองอยู่บนพื้น ทั้งคู่ถูกขุนนางชั่ววางยาพิษจนขาดใจตายไปต่อหน้าเจ้าหญิงวัย9ขวบเศษ
ฮือ! ๆ ๆ
ดวงตาสีเขียวมรกตอิ่มชุ่มไปด้วยน้ำตา หยาดน้ำใสไหลเป็นเส้นสายพาดอาบแก้มน้อยลงมาเป็นทางยาว
หยดลงบนใบหน้าท่านพ่อและท่านแม่
ติ๋ง! ๆ
ซื่ด! ฮื่มมม! เสียงสูดหายใจรุนแรงอยู่เบื้องหลังเจ้าหญิงตัวน้อย
ครึ่ด! เสียงดาบยาวโง้งถูกชักออกมาจากกลางหลังของอัศวินชุดเกราะสีทองอร่าม
ใบดาบยาวใหญ่น่ากลัววางพาดลงบนบ่าเจ้าหญิงตัวน้อย สีเงินวาววับสะท้อนกับแสงเทียนยามราตรีกลายเป็นสีทอง
เคร้งงง! หมวกทองถูกถอดโยนลงพื้น มันกลิ้งไปอย่างไร้ค่าบนพรมสีแดง
ปรากฏใบหน้าคมคายของบุรุษวัยยี่สิบปี ร่างกายของเค้าล่ำใหญ่และถูกปกคลุมด้วยเกราะทองจนถึงคอ
"พวกเค้าตายไปแล้ว ได้โปรดรับข้าเป็นอัศวินของท่านเถิดเจ้าหญิง มอบหมายงานให้ข้า ให้ข้าอุทิศชีวิตเพื่อภารกิจ" เสียงทุ้มต่ำดังกังวาล
ฮือ! ๆ ๆ เด็กสาวตัวน้อยยังคุกเข่าร้องไห้กระซิก ๆ ดั่งกับว่าเธอยังเล็กเกินไป
"มิเรียเรส พวกเราต้านไม่ไหวแล้ว" เสียงอัศวินข้างนอกดังเข้ามา ฉับพลันก็ตามด้วยเสียงร้องโหยหวน เหมือนทั้งหมดนั้นขาดใจตาย
เคร้ง! ๆ ๆ เสียงอัศวินฝ่ายปฏิวัติวิ่งกรูเข้ามาถึงหน้าท้องพระโรง
ร่างสูงใหญ่สั่นเทา ใบหน้าหล่อเหลาเรียวขาวขมวดตึง สองมือจับดาบใหญ่ยักษ์ไว้มั่น ซึ่ดดด! ๆ เสียงลมหายใจรุนแรง ลมร้อนพวยพ่นลงบนหัวเด็กสาว
ฟู่ววว! ผมสีทองปลิวไหว
ตูม! ๆ ๆ เสียงหอกดาบฟันประตูบานใหญ่เหมือนมันจะพังทลายลงมาในไม่ช้า
"อนาสตาเซีย ได้โปรดรับข้าเป็นอัศวินของเจ้า" เสียงตะโกนก้อง ดังลั่นจากยอดปราสาทไปทั่วเมือง
"ฮือ! ๆ รับ ข้ารับแล้ว" เสียงเล็กแหลมดังขึ้น หลังจากเด็กสาวปาดน้ำตาแล้วถอดเสื้อคลุมวางปิดหน้าศพบิดาและมารดา
มิเรียเรสอุ้มเจ้าหญิงตัวน้อยไปนั่งอยู่บนบัลลังก์สีทองที่ตั้งตระหง่าน เค้าย่างกรายมายืนจังก้าอยู่หลังประตูอย่างตื่นเต้นระทึกขวัญ
ชุดเกราะทองส่องแสงระยิบระยับยามเค้าเคลื่อนไหวร่างกายอันสูงใหญ่ คิ้วดกเข้มขมวดตึง ดวงตาสีน้ำตาลเปล่งประกายมุ่งมั่นสุดใจ
ทว่าขณะเดียวกันแขนและขาที่ล่ำใหญ่ก็สั่นเทา ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงยิ่งกว่าเสียงฟ้าคำราม
สิ่งที่อัศวินหนุ่มกำลังเป็นอยู่คือความกลัวหรือหาญกล้า แบ่งแยกไม่ถูกเลย
หรือแท้จริงแล้วความกล้าไม่ได้เกิดจากการไม่กลัว หากแต่มันเกิดจากการกล้าทำสิ่งที่ถูกต้องถึงแม้จะเกรงกลัว
โครมมมม! ประตูบานใหญ่ถูกพังลงมาตรงใบหน้าเรียวขาว เหล่าอัศวินเกราะเงินวิ่งกรูเข้ามาทันที นับสิบ หรือนับร้อยไม่อาจนับได้
ฉับ! ๆ ๆ หัวของทหารร้ายถูกมิเรียเรสตัดขาดทีเดียวสามคนด้วยดาบใบใหญ่ยักษ์ของเขา
"เพื่ออนาสตาเซีย" เสียงดังก้อง อัศวินทองวาดดาบรอบตัวและกระโดดฟาดฟันอย่างบ้าคลั่ง
ดาบเฉือนทะลุเกราะศัตรู ศพแล้วศพเล่า ดั่งเค้ามีพละกำลังมากกว่าทั้งหมดตรงหน้ารวมกันเสียอีก
จากภาพที่เห็นดูจะเกินจริงไปนักเมื่อคนๆเดียวฆ่าคนนับสิบๆได้อย่างง่ายดาย
แท้จริงแล้วไม่แปลกเลยที่หนุ่มเลือดร้อนจะเก่งกาจขนาดนี้ ในเมื่อเค้าคือยอดฝีมือที่ก้าวขึ้นมาเป็นอัศวินทองของพระราชาด้วยวัยเพียงยี่สิบ นับว่าตะกายขึ้นจุดสูงสุดด้วยฝีมือล้วนๆ
ฉับ! เลือดสาดกระเซ็นเต็มท้องพระโรง ขณะที่เจ้าหญิงตัวน้อยนั่งตัวสั่นใบหน้าอันหล่อเหลาของอัศวินก็เลอะโลหิตเช่นกัน
ฝีมือของเค้าทำให้ทหารปลายแถวล้มตายไปหลายสิบ (ฝีมือของอัศวินทองผู้พิทักษ์พระราชา)
เหล่าอัศวินอีกหลายนายเดินเข้ามา เเต่แล้วก็ล้มตายไปตามๆกัน อัศวินวัยหนุ่มมุ่งมั่นฆ่าฟันด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว ยิ่งฆ่าก็บ้าเลือด สภาพของเค้าไม่ต่างอะไรกับกระทิงป่าวัยหนุ่ม
ทหารถอยออก อัศวินทองเข้ามาล้อมมิเรียเรสเอาไว้ พวกเค้าทั้งหมดคือพวกที่กลับใจร่วมมือกับขุนนางชั่วก่อการปฏิวัตินั่นเอง
"มิเรียเรส ส่งนางมา พวกข้าไม่ได้ต้องการชีวิตเจ้า แค่นาง" เสียงอัศวินทองสูงวัยเปล่งต่อหน้า
ดาบหลายอันชี้มาที่ใบหน้าหล่อ อัศวินหลายๆคนต่างเป็นเหมือนพี่เหมือนน้องของมิเรียเรส บางคนเป็นอาจารย์ที่สอนเพลงหอกเพลงดาบให้เค้าด้วยซ้ำ
หนุ่มรูปงามแสยะยิ้มทั้งใบหน้าที่เลอะเลือด
"หิ! ไอ้พวกเลวอย่างพวกแกไม่สมควรเป็นอัศวินด้วยซ้ำ"
"ข้าไม่ให้พวกแกฆ่าเจ้าหญิงหรอก แน่จริงก็ผ่านข้าไปให้ได้สิ" น้ำเสียงเย่อหยิ่งจองหอง
เคร้ง! ๆ ๆ ดาบนับสิบๆรุมฟันลงมา ดาบใหญ่ของมิเรียเรสรับเอาไว้ทั้งหมดจนตัวของเค้าทรุดลงไปคุกเข่า สองมือยันดาบไว้บนหัว
"มิเรียเรส ไม่" เจ้าหญิงตัวน้อยตะโกนบอก เธอส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง ราวกับจะส่งสัญญาณว่ายอมตายแต่โดยดี
"อย่าดูถูกข้าเจ้าหญิง" อัศวินหนุ่มไฟแรงตะโกนตอบ ดั่งเป็นเรื่องเล่นๆ เรื่องที่เค้ากำลังจะตาย
ตู้มมมม! ๆ ๆ
ผิดคาด! กระทิงหนุ่มเตะกวาดขาอัศวินทองที่ล้อมกาย ร่างพวกมันล้มลงไปนอนโครมคราม
ฉับบบบ! ดาบใหญ่ยักษ์ที่สูงเท่าหัวคนฟันผ่าร่างอัศวินชั่วขาดเป็นสองท่อน ดวงตาถลน ไส้ไหล เลือดนองท่วม หลายๆนายตายในสภาพเดียวกัน
"มาสิท่านอาจารย์ ท่านสอนดาบข้าใยไม่สอนให้ตัวเองเป็นคนดี" มิเรียเรสกวักมือเรียกอัศวินเฒ่าหลายนายอย่างอวดดี
"ฆ่าไอ้เด็กถือดีนี่เสีย" หัวหน้าอัศวินทองสั่ง ทุกๆคนที่เหลือกรูเข้ามาพร้อมๆกันในบัดดล
ตุบ! ๆ ๆ มิเรียเรสวิ่งถอยหลัง ชุดเกราะทองจวนจะชนหัวเข่าเด็กสาวที่นั่งบนบัลลังก์ เกิดอะไรกัน เค้ากลัวอย่างนั้นหรือ?
ครื่ดดด! มือใหญ่ชักหอกที่ยาวเท่าคนสองคนออกจากมือรูปปั้น มันไม่ใช่หอกที่ใช้รบฟัน แต่เป็นหอกจากมือรูปปั้นอัศวินยักษ์
วื่ดดด! โครมมม! ๆ ๆ การเหวี่ยงกวาดเพียงคราเดียวทำให้คมหอกฟันร่างหลายคนเหวอะหวะ บ้างล้มตายในทันที
ย๊ากกก! อัศวินหนุ่มกระโจนขึ้นสูง เจ้าหญิงน้อยเงยหน้าขึ้นตาม เธออ้าปากค้าง
เคร้ง! ดาบใหญ่เท่าคนฟันลงตรงๆ มันผ่าหมวกทองแบะออก เจ้าของร่างลงไปนอนดิ้นนอนงอในสภาพหัวแบะ
"หิ! ๆ เวรกรรมทำงานเร็วไปนะ" เสียงหนุ่มหล่อเย้ยหยันพวกทหารชั่วอย่างอวดดี
อัศวินทองเริ่มถอยหนีมิเรียเรส พวกมันซุบซิบกันก่อนจะแยกย้ายหายไป
หนุ่มใหญ่เดินกลับมายืนตรงหน้าร่างเล็กขาวจ้ำม่ำของเจ้าหญิงวัย9ขวบ เค้าลูบหัวเธอเบาๆ ผมสีทองเลอะเลือดจากมือกลายเป็นผมสีแดงฉาน
"ทำไม ทำไมทุกๆคนถึงอยากฆ่าเรามิเรียเรส เราผิดอะไร" เสียงเล็กแหลมดังแว่วพร้อมกับใบหน้ากลมขาวที่เงยขึ้น
ดวงตาสีเขียวกลมแป๋วทำให้ไฟบ้าคลั่งของกระทิงหนุ่มดับลงจนเค้าได้สติ
"ท่านกับท่านพ่อท่านแม่ไม่ผิดหรอก พวกมันต่างหากที่โหยหาอำนาจ" เสียงทุ้มต่ำดังกังวาล อัศวินทองคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กสาวตัวเล็ก
"แล้วเราต้องทำยังไง มิเรียเรส บอกข้าที" เสียงเล็กเบา ใบหน้าขาวละห้อย ดวงตาดูไร้ความหวัง
"ขะ ข้าก็ไม่รู้ ข้าต้องปกป้องนาย ข้าเป็นอัศวิน ข้ารู้แค่นั้น" มิเรียเรสตอบ
โครม! ๆ ๆ เสียงรองเท้าเหล็กวิ่งเข้ามาตามทางเดินวนขึ้นปราสาทสู่ท้องพระโรง ครืน! ๆ ๆ เสียงไฟลุกโหมไหม้ปราสาท ควันลอยเข้ามาถึงท้องพระโรงชั้นบนสุด
"เราหนีไป แล้วเราค่อยคิดกันว่าจะทำยังไงดี ดีไหม" เจ้าหญิงน้อยสลัดความกลัวแล้วรวบรวมสติปัญญาพูดออกมา
"อื่ม ท่านขี่บ่าข้า" อัศวินรูปงามเอ่ยแล้วยกร่างเล็กขาวขึ้นมานั่งบนบ่าข้างขวาที่กว้างใหญ่ของเค้า
กรุบ! ๆ ๆ เสียงชุดเกราะสีทองที่หุ้มตั้งแต่เท้าถึงลำคอ เหลือใบหน้าอันหล่อเหลาไว้มองรอบๆ
เค้าถือดาบใหญ่เท่าคนด้วยมือซ้าย ลากปลายดาบไปกับพื้น มือขวารวบขาเจ้าหญิงวัยเด็กให้นั่งบนบ่าข้างขวา
"มิเรียเรส" เจ้าหญิงนั่งมองไปข้างหน้า เธอคอยเป็นตาและชี้นิ้วบอกเมื่อมีศัตรูเข้าใกล้
ฉับ! ๆ โครมมมม! อัศวินทองฟันทุกคน ทุกชีวิตที่มุ่งเข้ามา ขณะเดียวกันก็แบกเจ้าหญิงเดินวนลงจากบันใดปราสาทสูง
หากไร้ควันไฟที่ช่วยพรางตัวทั้งคู่คงโดนรุมฆ่าไปตั้งแต่ในปราสาท
จวบจนรุ่งเช้าที่เดินโซเซออกจากเมือง ดาบยาวหล่นหายไปจากมือ ร่างใหญ่กำยำอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น
"มิเรียเรส ไหวไหม" เสียงเด็กสาวตัวน้อยดังกล่อมสติที่หลับไหล
"สบายมากเจ้าหญิง"
"ท่านอยากจะไปไหน ในโลกนี้บอกข้ามาเลย" หนุ่มรูปงามยิ้มมุมปาก เดินฝ่าทุ่งข้าวสาลีไปอย่างไร้จุดหมาย
"ไปตรงโน้น ตรงนู๊น ตรงนั้นด้วย" เจ้าหญิงวัย9ขวบชี้นิ้วไปตามดอกไม้
ดอกแล้วดอกเล่าก้มเด็ด ดอกแล้วดอกเล่าอัศวินทองยื่นให้เด็กสาวที่นั่งบนบ่า
ฮิ! ๆ สวยจัง! อนาสตาเซียสูดดมดอกไม้แล้วหัวเราะชอบใจ ราวกับของเหล่านี้ทำให้เธอลืมความโศกเศร้าได้ชั่วคราว
หิ! ๆ อัศวินทองหัวเราะตามเบาๆ เค้าไม่รู้ตัวหรือว่าโง่เขลาถึงได้ทำตามคำสั่งของเด็กคนเดียว
ร่างที่ไร้กำลังแบกเจ้าหญิงเดินผ่านเขาลูกแล้วลูกเล่า จากพุ่มดอกไม้หนึ่งถึงอีกพุ่มหนึ่ง ช่างไร้จุดหมาย
ชีวิตเหมือนไร้หนทาง ลมหายใจมีไปก็ไร้ค่า ภารกิจเดียวคือรับคำสั่งจากเด็กสาวตัวเล็กๆบนบ่าข้างขวา
อัศวินทองผู้นี้กล้าหาญหรือโง่เขลา
ล้ำเลิศหรือไร้สติปัญญา
เค้าจงรักภักดีหรือบ้าบิ่น
ไม่มีทางรู้เลย
ไม่มีใครรู้เลย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments