EP.20 ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องถามนี่ครับถ้าพี่ไม่อยากเล่า
“เอ ว่าแต่เราจะไปร้องที่ไหนกันดีน้า”
ไอเมื่อกี้ก็ดันด้นสดด้วยจะให้ไปที่บ้านก็คงไม่เหมาะเพราะโทมะอยู่ หรือไปห้องคาราโอเกะดีมั้ยนะก็ร้องเพลงเหมือนกัน ได้มั้ยนะจะเนียนมั้ยเนี่ย
“ตามมาสิ” พี่เจไดหันมายิ้มมุมปากให้ผมน้อย ๆ ก่อนจะเดินนำทางไป
“รอด้วยสิครับ” ผมพูดกลับพร้อมกับวิ่งไปข้างหน้าเพื่อให้ตามพี่เจไดทัน
ว่าแต่เราจะไปไหนกันนะ
ผมเดินตามพี่เจไดมาอย่างเงียบ ๆ ไม่แน่ใจว่าผมควรจะถามหรือพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อกี้มั้ยหรือจะปล่อยผ่านไปเลยดี
“ถึงแล้ว เข้ามาสิ”
พี่เจไดหยุดยืนอยู่ที่หน้าตึกแถวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ตรงด้านหน้าเป็นกระจกทั้งหมด พอมองเข้าไปแล้วก็พอดูออกว่าที่นี่เป็นร้านขายเครื่องดนตรี เห็นได้จากกีตาร์ที่โชว์อยู่หน้าร้านจำนวนมาก
ความจริงที่นี่ก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านพวกเราเท่าไหร่ผมเดินจากตรงมินิมาร์ทมาแค่สักพักก็ถึงแล้ว
พี่เจไดผลักประตูเข้าไปในร้านก่อนจะดึงประตูค้างไว้เพื่อให้ผมเดินตามเข้าไป
“ขอบคุณครับ” ผมก้มหัวเล็กน้อยขณะเดินเป็นการขอบคุณ
“สวัสดีครับ อ้าว ก็นึกว่าใครวันนี้พาเพื่อนมาด้วยหรอเจได” พี่ผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาหาผมแต่พอเค้าหันไปเห็นพี่เจไดก็พูดออกมาอย่างสนิทสนม
“อื้อ ลูลูชนี่พี่แจ็ค” พี่เจไดหันมามองหน้าผมก่อนจะพยักหน้าไปทางพี่คนเมื่อกี้เบา ๆ
“สวัสดีครับพี่แจ็ค ผมลูลูชเป็นรุ่นน้องพี่เจไดครับ” ผมยกมือขึ้นไว้พี่แจ็คพร้อมกันแนะนำตัว พี่แจ็คยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้เป็นการตอบรับ
“อ้อ รุ่นน้องนี่เอง เพิ่งเคยเห็นเจไดพาใครมาที่นี่ครั้งแรกเลยนะเนี่ยนึกว่าจะไม่มีเพื่อนคบซะแล้ว ฮ่า ๆ” พี่แจ็คพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
ส่วนผมตอนนี้คือทำหน้าตาเลิ่กลั่กแล้ว ไอคำพูดเมื่อกี้นี่มันก็แอบแรงเหมือนกันนะถึงพี่เจไดจะดูเหมือนไม่มีใครคบจริง ๆ ก็ตาม
“ไปข้างบนนะ” พี่เจไดดูไม่ได้สนใจที่พี่แจ็คหัวเราะขนาดนั้น
“เอาเลย ๆ เดะวันนี้พี่ปิดร้านและจะพาเมียไปเดินไนท์มาร์เก็ตซะหน่อย ฝากล็อคร้านด้วยนะ
เจไดพยักหน้ารับก่อนจะเดินตรงไปทางบันไดและหันกลับมามองหน้าคีย์ คีย์จึงรีบก้มหัวให้พี่แจ็คก่อนจะเดินตามเจไดไป
พอมาถึงชั้นสองก็มีประตูอยู่บานนึงดูเหมือนทั้งชั้นจะมีแค่ห้องเดียวแต่ผมไม่แน่ใจว่าคือห้องอะไร
แอ๊ด ~
พี่เจไดเปิดประตูห้องออกก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมเลยเดินเข้าไปในห้องมืด ๆ นั้นก่อน บรื๋อ มีผีป้ะเนี่ย
ปึก
แต่ความคิดไร้สาระของผมก็หายไปเพราะหลังจากที่พี่เจไดปิดประตูแล้วก็มากดเปิดสวิตช์ไฟ ทำให้เห็นว่าห้องที่ผมยืนอยู่ก็คือห้องซ้อมเต้น น่าจะใช่
เพราะทั้งห้องเป็นห้องโล่ง ๆ บนพื้นไม่แน่ใจว่าทำจากอะไรเป็นไม้สีอ่อน ๆ ที่ดึงดูดสายตาเลยคือผนังฝั่งตรงข้ามที่ติดกระจกทั้งฝั่ง โอเคนี่คือห้องซ้อมเต้นสินะ
ผมยังคงกวาดสายตาสำรวจไปรอบ ๆ ข้าง ๆ นี้มีโซฟาตัวเล็ก ๆ อยู่ตัวนึกและด้านข้างก็มีทีวีแบบติดผนังที่มีคีย์บอร์ดวางอยู่ข้างหน้าน่าจะเอาไว้ใช้กับเคสคอมพิวเตอร์ข้าง ๆ และยังมีไมค์กับลำโพงอยู่อีกด้วย
“ปกติชั้นจะมาซ้อมเต้นที่นี่” พี่เจไดพูดขณะที่เดินไปนั่งตรงโซฟา
ผมพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบรับจะว่าแปลกใจก็ไม่เชิงเพราะว่าผมรู้อยู่แล้วว่าพี่เจไดเป็นเด็กฝึกของค่ายซาต้า
“บางทีก็ซ้อมร้องเพลงด้วย” พี่เจไดพูดพร้อมกับพยักหน้าไปทางโซฟาผมจึงเดินไปนั่งข้าง ๆ พี่เขา
“จะไม่ถามหรอ” พี่เจไดถามผมแต่กลับมองไปข้างหน้าแทน
“เรื่องอะไรหรอครับ ห้องนี้หรอครับ มันเจ๋งมากเลย ผมไม่รู้เล”
“เรื่องที่ชั้นร้องไห้น่ะ เห็นใช่มั้ย” คราวนี้พี่เจไดหันมามองหน้าผมขณะที่พูดไปด้วยพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
“อ๋อ เรื่องนั้นเอง ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องถามนี่ครับถ้าพี่ไม่อยากเล่า” ผมพูดพร้อมกับยิ้มอ่อน ๆ เป็นการตอบกลับไป
“อีกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้นด้วย แค่ร้องไห้เองหนิตอนเราออกจากท้องแม่ครั้งแรกเราก็ร้องไห้ไม่ใช่หรอครับฮ่า ๆ ก็เราทุกคนเป็นมนุษย์นี่นา”
คีย์พูดพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ไปด้วยก่อนเจ้าตัวจะหัวเราะออกมาในตอนท้ายและก็หันไปสบตากับเจไดที่กำลังทำหน้าจริงจังอยู่ในตอนแรก
“เฮ้อ นั่นสินะ” ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าพี่เจไดดูมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นจากตอนแรก
เจไดเอนหลังไปอิงโซฟาก่อนจะมองขึ้นไปบนเพดานเหมือนกำลังคิดเรื่องราวมากมายอยู่ในหัวแต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจพูดออกมา
“วันนี้เป็นวันสอบ” พี่เริ่มพูดขึ้นแต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี สอบอะไรวันนี้วันหยุดไม่ใช่หรอ
“ชั้นเป็นเด็กฝึกของค่ายที่ชื่อว่าซาต้าเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ พวกเรา ชั้นและเด็กคนอื่น ๆ ฝึกซ้อมกันเพื่อวันนึงเราจะได้เดบิวต์เป็นนักร้องหรือที่คนอื่นเรียกกันว่า ไอดอล”
ผมนั่งฟังเรื่องราวที่พี่เจไดพูดเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรออกไป เวลานี้คงไม่เหมาะที่จะพูดเรื่องอะไรออกไป ผมอยากจะฟังเขามากกว่า
“ตอนแรกที่ชั้นเข้าไปในค่าย ตอนประมาณม.6 พวกเรามีกันเกือบยี่สิบคน” พี่เจไดเริ่มมีสีหน้าเศร้าหมองมากขึ้นพอพูดถึงเรื่องนี้
“ทุกอาทิตย์จะมีการสอบร้องกับเต้น และของอาทิตย์นี้คือวันนี้ ทุกครั้งที่มีการสอบประธานบริษัทและพวกครูฝึกจะเป็นคนประเมิน ถ้าคะแนนน้อยกว่าที่กำหนด เราอาจจะถูกไล่ออก” พี่เจไดเริ่มขมวดคิ้วมากขึ้นขณะที่เล่า
ผมยังคงเงียบและตั้งใจฟังเขาอยู่
“ตอนนี้เราเหลือกันเจ็ดคนและวันนี้ชั้นทำพลาด ชั้นล้มตอนที่สอบเต้น” หลังจากจบประโยคพี่เจไดหลับตาลงแต่ผมสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดและความเศร้าที่ออกมาจากตัวของเขา
“สองปีแล้วสินะ” ผมพูดขึ้นเบา ๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้พี่เจไดหันมามองหน้าผมได้
“สองปีแล้วสินะครับ ที่ต้องอยู่กับความกดดันขนาดนี้ต้องเหนื่อยมาก ๆ เลยใช่มั้ยครับ ทั้งเครียด กดดัน กังวล สับสน กลัว แล้วก็เศร้าด้วยใช่มั้ยครับ”
คีย์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน ไม่ได้ฟังดูเศร้าจนทำให้อีกฝ่ายอึดอัดและก็ไม่ได้ฟังดูเรียบเฉยจนเหมือนว่าเราไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เป็นน้ำเสียงที่สื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเรารับรู้และเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่
เจไดเองก็กำลังจ้องไปที่ดวงตาที่ดูใสซื่อแต่ก็ดูแน่วแน่ในเวลาเดียวของคีย์อยู่เหมือนกัน
“พี่ทำได้ดีแล้วครับ เก่งมาก ๆ เลย ถึงผมจะไม่เคยดูที่พี่สอบแต่วันนั้นที่ผมได้ฟังพี่ร้องเพลงก็รู้ได้เลยว่านอกจากพรสวรรค์แล้วก็ยังเป็นน้ำเสียงที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักด้วย มันเพราะมากเลยครับ” ผมพูดอย่างมั่นใจพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างชื่นชมคนข้างหน้าผมจริง ๆ
เจไดรีบหันหน้าหนีจากการมองหน้าคีย์ไปมองข้างบนเพดานแทนก่อนที่จะหลับตาและพยายามห้ามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา แต่สุดท้ายก็เหมือนจะกลั้นเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ เขาปล่อยให้น้ำใสค่อย ๆ ไหลออกมาจากตาขณะที่เขายังคงหลับตาอยู่
ในตอนนั้นเองคีย์ก็ตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างที่เขาเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าทำมาก่อนเหมือนกัน เขาค่อย ๆ ลุกจากที่นั่งก่อนจะเดินไปหยุดตรงหน้าของเจไดที่นั่งอยู่
ในตอนนั้นเองก็มีข้อความลอยขึ้นกลางอากาศ
คำตอบ
- ยื่นมือไปกอด
- ยืนมองเฉย ๆ
- เดินหนีออกไป
คีย์ยื่นมือออกไปแต่ก็หยุดไว้กลางอากาศพร้อมกับความลังเลที่อยู่ในแววตา แต่พอเขาหันไปเห็นน้ำใสที่ค่อย ๆ ไหลออกมาจากดวงตาของผู้ชายที่เขาคิดว่าดูเข้มแข็งมาก ๆ มาโดยตลอด
เลือกคำตอบ - ยื่นมือไปกอด
ในตอนนั้นเองที่คีย์ตัดสินใจว่าตัวเขาเองจะไม่ลังเลอีกต่อไป เขายื่นมือออกไปจับที่ไหล่ของเจไดก่อนจะค่อย ๆ ดึงตัวของเจไดเข้ามากอดช้า ๆ โดยที่การกระทำของเขาก็สร้างความประหลาดใจให้กับเจไดเหมือนกัน แต่เจ้าตัวกับไม่ได้มีท่าทีขัดขืนใด ๆ และได้เอามือขึ้นมากอดเอวของคีย์ไว้เหมือนกัน
ค่าความสัมพันธ์เจได + 20
เวลาค่อย ๆ ไหลผ่านไปจากตอนแรกที่บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อยกลับค่อย ๆ เปลี่ยนกลายเป็นบรรยากาศอบอุ่นมากขั้นเรื่อย ๆ
ติ๊ง ๆ ๆ ๆ
เฮือก เชี้ยใครมันโทรมาตอนนี้วะ ผมกับพี่เจไดดีดตัวออกจากกันเพราะจู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของผมมันก็ดังขึ้น ตกใจหมด ฟู่
ผมเหลือบตามองพี่เจไดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู
Toma Calling
“เอ่อ ผมขอออกไปคุยโทรศัพท์แปปนะครับ”
“อืม”
ผมก้มหัวเล็กน้อยก่อนจะผลักประตูออกมานอกห้องและกดรับสาย
“ลูลูชเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมออกไปนานจัง ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นใช่มั้ย!”
ทันทีที่รับสายโทมะก็รัวใส่ผมแบบไม่มีช่องไฟให้ตอบเลย เชี่ย ผมลืมเลยนี่หว่าว่าผมมาซื้อโค้กไปกินกับพิซซ่าและโทมะกำลังรออยู่ เวรละ
“เอ่อ โทมะคือตอนนี้เรามีธุระต้องทำด่วนพอดีอ่ะ นายกินไปก่อนเลยนะไม่ต้องรอเรา”
“ธุระ ธุระอะไร ทำไมเราไม่เห็นรู้เลยแล้วจะให้เรากินก่อนได้ไงเราสั่งมากินกับลูลูชนะ ถ้าไม่มีรีบกลับมามันจะไม่ร้อนและจะไม่อร่”
ขืนคุยแบบนี้ต่อไปไม่จบแน่
“โทมะ โทษทีเราต้องไปแล้ว แบตเราใกล้จะหมดด้วยนายกินก่อนเลยนะไม่ต้องห่วงเรา เดี๋ยวจะรีบกลับไปนะ”
ติ๊ด
ผมกดวางสายพร้อมกับกดปิดโทรศัพท์ด้วย ขอโทษนะโทมะแต่สถานการณ์ตอนนี้เราทิ้งพี่เจไดไปไม่ได้จริง ๆ ไว้จะเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่เป็นการตอบแทนนะ
ผมนึกในใจพร้อมกับยกมือไปด้วยเพราะรู้สึกผิดมาก ๆ แต่ยังไงตอนนี้วิธีนี้คงดีที่สุดแล้ว
______________________________
Talk With Writer
ชะวิ้งงง อีพีที่ 20 พอดีเลยฉลองการกลับมาของโมเม้นต์พ่อหนุ่มค่าตัวแรงที่หายากยิ่งกว่าเข็มในมหาสมุทร 55555555 เรียกได้ว่ากลับมาแบบยิ่งใหญ่สุด ๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะมีใครทีมพี่เจไดอยู่บ้างมั้ยจากที่รู้ว่ามีแค่ทีมโทมะกับพี่คีตะ 2 คน แต่บอกเลยว่าพ่อหนุ่มเทรนนีเจไดของเราก็มีดีไม่แพ้คนเลยนะ กวักมือชวนทุกคนลงเรือ 55555
ไวน์ลดา
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 20
Comments
เจียงหนานซี .✧◝(⁰▿⁰)◜✧
ต่อค่ะ
2024-02-11
1