EP.19 เอามาให้เยาทำไม เยาไม่ได้ขอชักหน่อย
นั่นมัน……….พี่เจไดหนิ!!!
ถึงแสงไฟจะเลือนรางแต่ไม่ผิดแน่คน ๆ นั้นคือพี่เจได ขาของผมเริ่มชาพอ ๆ กับส่วนอื่นของร่างกายที่นิ่งชะงักไปในฉับพลัน
นี่ผม…….…ควรทำยังไงดี
จะเข้าไปทักดีมั้ยนะแต่ถ้าพี่เค้าไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นเค้าตอนสภาพเป็นแบบนี้ล่ะแต่ว่าจะให้ปล่อยไปแบบนี้แล้วแกล้งทำเป็นไม่เห็นมันก็ โว้ย ทำไงดีวะ
ร่างกายของคีย์ยืนนิ่งไม่ไหวติงต่างจากสายตาที่มองสลับไปมาด้วยความสับสนด้วยสีหน้าลำบากใจกับสถานการณ์ที่เจออยู่ตรงหน้ามาก ๆ
ถ้าเป็นผมที่กำลังร้องไห้อยู่ตรงนั้นจะอยากให้มีคนเข้าไปปลอบมั้ยนะ
อยู่ ๆ ผมก็นึกถึงภาพความทรงจำวัยเด็กขึ้นมาในวันที่ผมร้องไห้ดังที่สุดในชีวิต
‘แม่ครับเมื่อไหร่พ่อจะกลับมาหรอ’ เสียงของเด็กน้อยวัยแค่หกขวบถามแม่ขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เริ่มงอแง เพราะคิดถึงพ่ออันเป็นที่รักของตัวเอง
‘อีกเดี๋ยวพ่อก็เลิกงานแล้วจ้ะ น้องคีย์เป็นเด็กดีต้องไม่งอแงรู้มั้ย’ คุณแม่ที่กำลังทำกับข้าวเย็นเพื่อรอกินข้าวพร้อมหน้ากับสามีของตนเอง โดยมีเด็กน้อยแก้มป่องแววตาใส่ซื่อคอยนั่งเป็นกำลังใจอยู่ไม่ไกล
‘แต่ว่า แต่ว่า น้องคีย์อยากกินลูกอมแล้วนี่นา’ เด็กน้อยแววตาใส่ซื่อนั่งคอตกเพราะเริ่มเศร้าใจที่คุณพ่อบอกว่าจะซื้อลูกอมมาฝากตั้งแต่เช้ายังไม่กลับมาบ้านสักที
‘เดี๋ยวคุณพ่อก็กลับมาแล้วรออีกแปปน้าน้องคีย์’ ใบหน้าของหญิงสาวยิ้มอย่างอ่อนโยนส่งมาให้ลูกน้อยของตนเองที่กำลังนั่งคอตกอยู่
ครืด……ครืด……
‘อ้ะ นี่ไงคุณพ่อโทรมาแล้วน้องคีย์หยิบโทรศัพท์มาให้แม่หน่อยสิครับ’
เด็กน้อยแก้มป่องลุกจากโซฟาก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะไปยื่นให้กับคุณแม่ที่กำลังล้างมืออยู่
‘ฮัลโหล คุณค’ ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยคเสียงของหญิงสาวก็หายไปกลางอากาศพร้อมกับดวงตาที่โตขึ้นราวกับว่าตกใจสุดขีด
‘ว่าอะไรนะคะ!!! รถชน ชะ ชน ที่ไหนหรอคะ สามี สามีของชั้นเป็นยังไงบ้างคะ!!! ค่ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ’
หญิงสาวตอบกลับปลายสายไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ ในขณะที่กำโทรศัพท์ไว้แน่นพร้อมกับสายตาที่สับสนราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งจะได้ยิน
‘น้องคีย์ น้องคีย์มานี่เร็วครับไปกับแม่’ หญิงสาวรีบวิ่งไปคว้าแขนของลูกชายตัวน้อยก่อนที่จะไปโบกแท็กซี่หน้าบ้านและรีบขึ้นใปด้วยความใจร้อน
‘แม่ครับ แม่ครับ แม่เป็นอะไรหรอครับ’ เด็กน้อยยังคงมีแววตาใสซื่อแต่นัยน์ตากับเริ่มสั่นเล็กน้อยเพราะสัมผัสได้ว่าแม่ของตนเองกำลังแปลกไป
‘ไม่มีอะไรลูก ไม่เป็นไรนะน้องคีย์ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร’ หญิงสาวหันไปดึงเอาลูกน้อยมากอดไว้ในอ้อมแขนและลูบหัวอย่างเบาบางด้วยมืออันสั่นเทา
‘จอดตรงนี้เลยค่ะ นี่ค่ะไม่ต้องทอน’
เธอรีบตะโกนให้แท็กซี่จอดเมื่อมาถึงจุดหมายตรงสี่แยกที่ไม่ห่างจากบ้านของเธอนักในตอนนี้มีรถพยาบาลและรถตำรวจเต็มไปหมด หญิงสาวรีบจ่ายเงินให้แท็กซี่ก่อนจะอุ้มลูกวิ่งไปตรงที่เกิดเหตุ
ภาพตรงหน้าที่เธอเห็นทำเอาแขนที่กำลังอุ้มลูกอยู่เริ่มอ่อนแรงจนแทบจะอุ้มต่อไปไม่ไหวมีรถยนต์และรถบรรทุกชนประสานงากันอยู่ ก่อนที่สายตาเธอจะค่อย ๆ เลื่อนลงไปที่พื้นถนน
‘ตรงนี้เข้าไปไม่ได้นะครับกรุณาถอยไปด้วยครับ’
‘ชั้นเป็นภรรยาของเค้าค่ะ ชั้นเป็น ๆ ภรรยาของคนที่ขับรถคันนี้ค่ะ น้องคีย์ยืนรอตรงนี้ก่อนนะลูก’
หลังจากได้ฟังคำพูดของเธอตำรวจจึงได้หลีกทางให้เธอเดินเข้าไปหญิงสาวเลือกที่จะวางลูกน้อยของเธอไว้ตรงนี้ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ ตรงที่เกิดเหตุ
หญิงสาวค่อย ๆ นั่งลงที่พื้นที่มีร่างของมนุษย์คนหนึ่งถูกผ้าคลุมไว้ทั้งตัวอยู่ก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปเปิดออก
‘คุณคะ คุณคะ คุณ ฮือ คุณ ฮืออ คุณ ไม่นะ ไม่จริง ไม่จริง’
เธอกรี๊ดออกมาสุดเสียงพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างสุดชีวิต เธอพยายามที่จะเอามือไปจับไหล่ร่างไร้วิญญาณของสามีเธอและเขย่าร่างของเขาอย่างเสียสติเพื่อหวังเล็ก ๆ ว่านี่อาจจะทำให้สามีของเธอฟื้นคืนกลับมาได้
‘ไม่จริง ฮือ คุณจะมาทิ้งชั้นกับลูกไปแบบนี้ไม่ได้ ไม่จริง ฮือ คุณฟื้นสิ ๆ คุณ ฮือออ’
เด็กน้อยที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากแม่ของเขามากมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยแววตาที่เบิกโพลงร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรง แต่ขากลับไม่มีแรงที่จะก้าวออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ก่อนที่เด็กน้อยจะร้องไห้ออกมาอย่างสุดเสียง
‘ฮือ พ่อครับ แม่ครับ ฮือ ไม่นะพ่อ ฮือ พ่อครับบบบบบบ’
หญิงสาวอุ้มลูกของเธอขึ้นรถพยาบาลมาพร้อมกับสามีของเธอที่ไม่หายใจแล้วในตอนนี้ เธอเดินตามเจ้าหน้าที่มาจนถึงหน้าห้องดับจิตพร้อมกับลูกน้อยของเธอ
‘น้องคีย์ไม่ร้องไห้นะครับคนเก่ง เดี๋ยวคนเก่งนั่งรอแม่ตรงนี้แปปนึงนะครับ เดี๋ยวแม่กลับมานะ’
เธอเช็ดน้ำตาให้ลูกพร้อมกับหันไปมองเคาน์เตอร์พยาบาล ก่อนจะเดินไปบอกกับพยาบาลว่าฝากดูลูกของเธอแปปนึงและเธอจึงเดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปในห้องดับจิต
‘ฮึก ๆ พ่อครับ ฮือ พ่อครับ’
หลังจากที่แม่ของเขาเดินจากไปน้ำตาของเด็กน้อยก็ไหลออกมาอย่างพรั่งพรูอีกครั้ง ใบหน้าของเขาแดงก่ำเสียงร้องไห้ของเขาเริ่มดังเบาลงเพราะร้องไห้ต่อกันมายาวนาน นานเกินที่เด็กคนนึงจะรับไหว
แต่ในขณะที่เด็กน้อยกำลังก้มหน้าร้องไห้อยู่บนเก้าอี้จู่ ๆ ก็มีบางอย่างยื่นมาตรงหน้าของเขา
‘อะไรน่ะ’ เค้าเริ่มเอามือมาปัดน้ำตาบนหน้าออกแต่ยังคงสะอื้นอยู่
‘ลูกอมไง ไม่เอาหรอ’ เสียงเล็กของเด็กชายตัวน้อยที่เป็นคนยื่นลูกอมให้กับเขาเป็นคนพูดขึ้น
‘เอามาให้เรา อึก ทำไม’ เด็กน้อยที่ยังคงสะอื้นอยู่พูดตอบกลับเด็กชายตรงหน้าไป
‘อยากให้ แต่ถ้าไม่อยากเอาก็ไม่เป็นไร’
เด็กชายกำลังที่จะดึงมือที่ถือลูกอมของตัวเองกลับแต่ในตอนนั้นเองมืออันสั่นเทาของเด็กน้อยก็ค่อย ๆ เอื้อมมาจับมือของเด็กชายไว้
เด็กชายมองที่มือที่ยังคงสั่นของเด็กน้อยก่อนจะดึงลูกอมกลับมาแล้วเริ่มแกะเปลือกลูกอมออก ก่อนจะยื่นให้กับเด็กน้อยอีกครั้ง
‘อ่ะ’
เด็กน้อยเอื้อมไปจับก้านของอมยิ้มที่ถูกแกะเปลือกออกแล้ว ก่อนจะค่อย ๆ เอาอมยิ้มนั้นเข้าปากของตัวเอง
‘ในที่สุดก็ไม่ร้องไห้แล้ว’ เด็กชายเผยรอยยิ้มออกมาอย่างดีใจ
‘เอามาให้เยาทำไม เยาไม่ได้ขอชักหน่อย’ เด็กน้อยที่กำลังอมลูกอมอยู่พูดออกมาพร้อมกับทำหน้ามุ่ย
‘แค่อยากให้ก็เลยให้ ก็แค่นั้น’ เด็กชายยิ้มออกมาอย่างไม่ยี่หระกับคำพูดของเด็กน้อย
‘เราต้องไปแล้ว เลิกร้องไห้ได้แล้วล่ะไม่งั้นเดี๋ยวจะโดนหาว่าเป็นเด็กขี้แงนะ’
เด็กชายพูดจบก็วิ่งออกไปก่อนจะหันกลับมายิ้มและโบกมือให้กับเด็กน้อยอีกครั้ง
ทำไม……..จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมากันได้นะเด็กผู้ชายคนนั้น
คีย์สะบัดหัวของตัวเองก่อนที่จะกลับมาโฟกัสกลับสถานการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง
หมอนั่นเคยบอกไว้ว่าแค่อยากให้ก็เลยให้สินะ งั้นชั้นจะลองดูมั่งละกันนะ
คีย์เริ่มก้าวเดินไปข้างหน้าเข้าไปในซอยก่อนจะไปยืนหยุดอยู่ด้านหลังของเจได
“พี่เจไดครับ” ผมเรียกชื่อเขาออกไปเบา ๆ
ร่างที่กำลังเอามือพิงกับกำแพงค่อย ๆ หันมาทางเขาอย่างช้า ๆ
“นี่….นาย มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
พี่เจไดตาโตทันทีที่เห็นหน้าของผมก่อนที่เค้าจะหันกลับไปทางกำแพงอีกรอบและมืดปัดบนใบหน้าและหันกลับมาอีกครั้ง
“เอ่อ ผมมาเมื่อกี้เองครับ พอดีมาซื้อของที่มินิมาร์ทและบังเอิญเห็นพี่”
“ในสภาพน่าเวทนาสินะ” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยคที่เจไดก็พูดขึ้นมาเสียก่อนพร้อมกับคลี่ยิ้มที่ดูเย้ยหยันออกมา
“เปล่าครับ ผมว่าจะชวนพี่ไปร้องเพลงอีกน่ะครับ ตอนนี้พี่ว่างมั้ยครับ?”
เจไดมีสีหน้าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่ฟังประโยคที่คีย์พูดจนจบ
“ร้องเพลง? ตอนนี้?”
“ใช่ครับพอดีว่าจู่ ๆ แล้วเห็นหน้าพี่เจไดปุ๊ปอารมณ์ศิลป์ผมก็ขึ้นปั๊บเลย ฮ่า ๆ”
“หึ ๆ เอาสิ” พี่เจไดหลุดยิ้มมุมปากออกมาในที่สุดก่อนจะหันมามองหน้าผมและตอบตกลง
____________________________
Talk with writer
เอื้อออ ทำไมตอนนี้มันออกมาเศร้าขนาดนี้!!! ตอนแต่งไอเดียอยู่ในหัวไรท์ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะขนาดนี้นะ 5555 แต่ส่วนตัวรู้สึกชอบที่ตัวเองแต่งตอนนี้มากเลยค่ะ ไม่รู้ว่าทุกคนจะชอบด้วยรึเปล่าแต่ก็แอบหวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ
ป.ล.ไรท์ผันตัวไปเขียนดราม่าเต็มเรื่องเลยดีมั้ย จริง ๆ มีพล็อตอยู่ด้วยค่ะเศร้าพอตัวเลย ถ้ามีโอกาสอาจจะได้เจอกันเรื่องหน้า อิอิ (รีดบอกมึงแต่งเรื่องนี้ให้จบก๊อนนน)
ไวน์ลดา
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 20
Comments