EP.15 นี่น่ะไม่ใช่ประโยคบอกเล่าแต่เป็นประโยคคำสั่ง
ร้อนจัง อา ร้อนจัง นี่มันประเทศไทยหรือนรกเนี่ยทำไมร้อนขนาดนี้
ก๊อก ๆ
“ลูลูช ขอเข้าไปได้ไหม”
เสียงคุ้นเคยดังขึ้นทำให้ผมเริ่มได้สติว่านี่ไม่ใช่ทั้งประเทศไทยและนรกแต่คือในนี่นา ว่าแต่เมื่อคืนก่อนนอนผมลืมเปิดแอร์รึเปล่าทำไมมันถึงได้ร้อนขนาดนี้
“อื้อ เข้ามาสิไม่ได้ล็อกประตูไว้” ผมตอบเสียงงัวเงียแถมตอนนี้ยังรู้สึกปวดหัวตุ๊บ ๆ ยังไงไม่รู้
แอ๊ด
“ยังไม่ได้อาบน้ำหรอ”
โทมะเดินเข้ามาในห้องก่อนถามผมขึ้นผมเงยหน้ามองโทมะที่สวมชุดนักศึกษาอยู่ เดี๋ยวนะแต่งตัวเสร็จแล้วงั้นหรอ
“นี่กี่โมงแล้วหรอ” ปกติต้องเป็นผมที่ตื่นก่อนเขาทำไมวันนี้ผมถึงไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเลยนะ
“เจ็ดโมงครึ่งแล้ว”
“ห้ะ งั้นก็จะสายแล้วสิชั้นต้องรีบไปอาบน้ำก่อน”
“เดี๋ยวก่อน”
โทมะหย่อนตัวนั่งลงบนเตียงผมก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ หน้าของผม
“ไม่สบายหรอ”
“ห้ะ ไม่นี่” จะเอาหน้าเข้ามาใกล้ทำไมเนี่ย
และดูเหมือนว่าโทมะจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดไปเท่าไหร่นักดูได้จากการที่เค้าเอามือมาแปะอยู่ที่หน้าผากของผมในตอนนี้
“ตัวร้อนจี๋เลยไหนบอกว่าไม่ได้ไม่สบายไง”
“จริงหรอ” ผมแค่รู้สึกว่าร้อนเฉย ๆ แต่ไม่รู้ว่าถึงขนาดเป็นไข้
“น่าจะเพราะเมื่อคืนที่เรากินเหล้ากัน”
คงใช่แต่ตอนแรกที่ผมอยู่กับพี่เจไดยังดูปกติอยู่เลย
“เฮ้อ เราขอโทษนะเป็นเพราะเราเอง เราเมามากจนไม่ได้สติเลยไม่ได้คอยดูลูลูชเลย” โทมะทำหน้าหงอยก่อนจะคอตกก้มหน้ามองพื้น
“ไม่หรอกเราโตแล้วนะจะให้โทมะมาคอยดูแลอย่างเดียวมันก็ไม่ได้ซะหน่อย” ผมยื่นมือไปลูบหัวของโทมะเบา ๆ น่าสงสารจังเจ้าหมาชิบะ
“งั้นวันนี้ลูลูชไม่ต้องไปเรียนนะพักก่อนดีกว่าเดี๋ยวเราจะคอยจดพวกงานที่อาจารย์สั่งกลับมาให้เอง”
“เอาแบบนั้นหรอ” ผมไม่ค่อยอยากหยุดเรียนนี่สิปกติในชีวิตจริงก็ไม่ค่อยได้หยุดเรียนอยู่แล้วด้วย
“เอาแบบนั้นแหละห้ามปฏิเสธ” ดูเหมือนว่าโทมะจะอ่านสีหน้าผมได้ว่าผมดูลังเลก็เลยพูดดักไว้ก่อนเลย
“ก็ได้” ก็โดนดักทางไว้ขนาดนี้ก็คงต้องตามนั้นแล้วแหละ
“เดี๋ยวเราไปเอาน้ำมาเช็ดตัวให้นะ”
โทมะพูดก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ดีที่ผมยังจับแขนของเขาไว้ทัน
“ไม่ต้องหรอกใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วนายไปเถอะเดี๋ยวจะสายเอา”
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่”
ว่าแล้วว่าต้องไม่ยอมง่าย ๆ ครั้งนี้ผมตอบเลยกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น
“เข้าใจแล้ว” โทมะที่ทำหน้าหงอยแต่ก็ยอมในที่สุด
ในที่สุดผมก็ไล่โทมะไปเรียนจนได้แต่ตอนนี้นี่สิชักอาการปวดหัวดูจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ คงต้องออกไปหายาพารามากินไม่งั้นคงนอนต่อไม่หลับ
ผมแบกร่างของตัวเองเดินโซซัดโซเซผ่านสระน้ำเข้าไปก่อนจะเปิดประตูทางเข้าห้องครัว ตอนแรกผมคิดว่าที่บ้านตอนนี้จะเหลือผมแค่คนเดียวแต่ดูเหมือนว่าผมจะคิดผิด
“พี่คีตะสวัสดีครับ” แผ่นหลังของคนตรงหน้าแค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นของใคร
“อ้าว ลูลูชวันนี้มีเรียนไม่ใช่หรอนึกว่าออกไปพร้อมโทมะแล้วซะอีก”
พี่คีตะพูดพร้อมกับมองที่ผมอย่างแปลกใจ
“พอดีผมไม่ค่อยสบายน่ะครับน่าจะเป็นไข้นิดหน่อย”
ผมรู้สึกว่าผมจะกลายเป็นมนุษย์ไฟในเรื่องแฟนแทสติกโฟร์ยังไงก็ไม่รู้จะว่าไปพี่คีตะเค้าจะคิดว่าผมตั้งใจโดดเรียนรึเปล่านะนี่ก็เพิ่งเปิดเทอมด้วย
“คือผมไม่ได้ตั้งใจจะโดดเรียนนะครับ คือตอนแรกผมก็ว่าจะไปมอแต่โทมะบอกว่าผมควรพัก แต่ผมไม่ได้มีเจตนาจะโดดเรียนจริง ๆ นะครับ”
ผมพูดออกไปอย่างติด ๆ ขัด ๆ คือผมไม่ได้จะแก้ตัวนะแต่แค่สถานการณ์ร่างกายตอนนี้มันไม่อำนวยจริง ๆ
“ฮ่า ๆ”
ทันทีที่คีตะฟังสิ่งที่คีย์พูดจบเจ้าตัวก็หลุดหัวเราะออกมา
ห้ะ พี่คีตะหัวเราะนี่ไม่ใช่รีแอคชั่นที่ผมคิดว่าจะเจอไม่สินี่มันเกินกว่าที่คิดไว้เยอะเลยผมจะไปยังไงต่อล่ะทีนี้
“นี่ลูลูชตอนที่พี่ยืนอยู่ที่บ้านหลังนี้พี่อยู่ในถานะของพี่เราไม่ใช่ในถานะของอาจารย์มหาลัยหรอกนะ” พี่คีตะพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ได้จากการเพิ่งหัวเราะเสร็จเมื่อกี้
“อ่า ครับ” ผมว่าผมคงต้องตีตั๋วไปดาวอังคารแล้วล่ะดูท่าแล้วแค่ที่โลกนี้ไม่น่ามีที่มากพอให้ผมมุดหน้าหนี
“ไหนไม่สบายมากมั้ย” พี่คีตะพูดพร้อมกับก้าวเข้ามาหาผมก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม
“แค่เป็นไข้นิดหน่อยครับพี่พอจะมีพารา”
ระหว่างที่ผมกำลังพูดอยู่พี่คีตะก็ก้มตัวลงมามองหน้าผมและยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยคเจ้าตัวก็เอามือมาแปะที่หน้าผากของผมอีกแล้วเหมือนที่โทมะทำเมื่อกี้เลย
“ตัวร้อนมากเลยนะพี่ว่าเราควรเช็ดตัวก่อนนะให้พี่ช่วยมั้ย”
“ไม่เป็นไรครับ ๆ ผมขอแค่พาราก็พอแล้วครับลำบากพี่เปล่า ๆ”
ผมตอบปฏิเสธในทันทีเรื่องของฉากเซอร์วิสถอดเสื้อโชว์เนื้อหนังให้มันเป็นเรื่องของคนอื่นดีกว่าอย่าเอาผมไปรวมด้วยเลยไม่รู้ไอสิ่งที่เรียกว่าเบื้องบนที่น้องดรีมบอกมันคืออะไรและแอบมองผมอยู่รึเปล่าก็ไม่รู้
“งั้นไปนั่งที่โซฟาก่อนตอนแรกพี่ทำข้าวผัดไว้ให้แต่ตอนนี้กินโจ๊กน่าจะดีกว่ารอแปปนึงนะ”
“คือผมไม่”
“นี่น่ะไม่ใช่ประโยคบอกเล่าแต่เป็นประโยคคำสั่ง” ถึงคำพูดที่ออกมาจะดูน่ากลัวแต่พี่คีตะกลับพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอย่างกับเทพปั้นนั่นอีก
โบราณบอกว่าผู้ใหญ่พูดอย่าขัดผมเลยว่านั่งลงตรงโซฟาจนได้
“นี่ยากินไปก่อนนะรอพี่ทำโจ๊กแปปนึง” ผมรับยากับน้ำที่พี่คีตะยื่นให้ก่อนจะพยักหน้ารับเบา ๆ
ตอนแรกผมก็นั่งรอแต่เหมือนว่าน่าจะรอสักพักขอนอนรอละกันนะใช้สิทธิคนป่วยพี่คีตะคงไม่ว่า
ผ่านไปสักพักผมก็เริ่มได้กลิ่นหอมโชยมาตอนแรกก็ว่าไม่หิวนะแต่พอได้กลิ่นแบบนี้แล้วจู่ ๆ น้ำย่อยในกระเพาะก็เหมือนจะเริ่มทำงาน
“เสร็จแล้วให้รอซะนานเลยขอโทษนะ” พี่คีตะเดินถือถ้วยโจ๊กเข้ามาผมเลยรีบดีดตัวขึ้นมานั่งอีกครั้ง
“ไม่นานเลยครับขอบคุณนะครับ”
คีตะค่อย ๆ วางถ้วยโจ๊กลงบนโต๊ะก่อนเจ้าตัวจะนั่งลงข้าง ๆ คีย์
“กินเองไหวมั้ย”
คำตอบ
- ไม่ไหวครับพี่ช่วยป้อนผมหน่อยได้ไหมครับ
- ไหวครับ
เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่านี่มันจะเหมือนกับฉากในละครไทยที่พระเอกจะป้อนโจ๊กให้พร้อมกับสบตากันอย่างหวานซึ้ง พอก่อนเลยแค่คิดภาพตามผมก็ปวดหัวแล้วคือผมเป็นไข้ไงไม่ได้แขนหักสองข้างต้องเข้าเฝือกหรืออะไรเทือกนั้น
เลือกคำตอบ - ไหวครับ
“งั้นหรอ” พี่คีตะตอบก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“งั้นเรากินไปก่อนนะเดี๋ยวพี่ไปซื้อของข้างนอกแปปนึง” พูดจบพี่คีตะก็รีบเดินออกไปเลยยังไม่ทันที่ผมจะตอบเลยรีบไปไหนขนาดนั้นนะแต่นั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องของผมไม่ใช่หรอรีบกินรีบไปนอนต่อดีกว่า
อร่อยจังเลยน้าพี่คีตะนี่ทำอะไรก็อร่อยขนาดอาหารง่าย ๆ อย่างโจ๊กยังอร่อยเลยใช้เวลาแค่ไม่นานแต่ก็ทำโจ๊กได้ออกมาละเอียดประมาณนึงเลยผมไปชวนแกหุ้นกันแล้วเปิดร้านอาหารดีมั้ยน่าจะรวยเละเลย ฮ่า ๆ
แอ๊ด
ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ได้ไม่นานพี่คีตะก็เปิดประตูเข้ามานี่ผมเพิ่งกินไปได้ครึ่งด้วยเองนะพี่แกกลับมาไวจัง
คีตะเปิดประตูเข้ามาก่อนจะยืนหันหลังให้กับลูลูชพร้อมกับหอบหายใจอยู่สักพักนึงก่อนจะหันไปสบตากับลูลูช
แล้วทำไมเค้าไม่หันมา..
“เป็นไงอร่อยมั้ย” ไม่ทันที่ผมจะคิดจบพี่คีตะก็หันมาพอดีทำผมสะดุ้งอยู่นิดนึง
“อร่อยมากเลยครับ” ผมตอบพร้อมกับยิ้มกลับไป
ว่าแต่ทำไมเหงื่อออกเต็มหน้าเลยหรือว่าวิ่งจ๊อกกิ้งไปด้วยระหว่างทาง
คีตะค่อย ๆ หย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ คีย์ก่อนที่เจ้าตัวจะยื่นมือไปหยิบของที่อยู่ในถุงพลาสติกที่ตัวเองเพิ่งไปซื้อมา
“นี่มัน” ผมมองตามสิ่งที่พี่คีตะหยิบออกมาจากถุงซึ่งมันก็คือคูลฟีเวอร์
“เดี๋ยวพี่แปะให้”
คีตะฉีกซองคูลฟีเวอร์ออกก่อนจะแกะพลาสติกที่ติดอยู่กับแผ่นเจลออก
ที่พี่เค้าบอกว่าจะไปซื้อของคือไปซื้อไอนี่มาให้ผมงั้นหรอ
แหมะ
ในขณะที่ผมกำลังมึนงงกับความคิดของตัวเองอยู่พี่คีตะก็เอาคูลฟีเวอร์มาแปะไว้บนหัวของผม
คีย์ช้อนสายตาขึ้นมาสบตาคนที่เอามือแปะอยู่ที่หน้าผากของตนพร้อมกันกับที่คีตะเลื่อนสายตาจากมือของตัวเองมาสบตากับคีย์และเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้ทั้งสองคนไม่อาจเลื่อนสายตาออกจากกันและกันได้
“เอ่อ” ไม่รู้ว่าผมเผลอมองหน้าพี่คีตะไปนานแค่ไหนแต่จู่ ๆ ก็รู้สึกตัวว่าผมน่าจะมองหน้าเค้านานเกินไปแล้ว
ตอนแรกผมก็แค่หันไปมองพี่เค้าแต่พอได้มองไปในแววตานั้นแล้วก็ดูเหมือนว่าจะถูกสะกดด้วยอะไรสักอย่างเลยหรืออาจจะเพราะผมป่วยจนเบลอแล้วก็ได้
“อิ่มรึยังไปนอนต่อเลยมั้ย” คีตะถามคนที่อยู่ตรงหน้าเค้าด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ครับอิ่มแล้วครับ ขอบคุณนะครับทั้งเรื่องโจ๊กแล้วก็นี่ด้วย” ผมพูดพร้อมใช้นิ้วชี้มาที่หน้าผากของตัวเอง
“ไม่เป็นไร มาเดี๋ยวพี่พาไปส่งที่ห้อง” พี่คีตะลุกขึ้นก่อนยื่นมือมาหาผม
ผมมองไปที่มือของคนข้างหน้าอย่างลังเลแต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะยื่นมือออกไปจับมือข้างหน้านั้น
“ขอบคุณนะครับ”
____________________________
Talk with writer
ในที่สุดพี่คีตะก็กลับมาแล้วว ไหนมีใครทีมพี่คีตะบ้างมั้ยคะ
ไรท์ : ยกมือ
555555 ตอนแต่งตอนนี้ก็มึน ๆ เหมือนนุ้งคีย์เลยค่ะเข้าถึงอารมณ์ตัวละครสุด ๆ แต่น้องคีย์ป่วยจริง ๆ นะแค่อาจจะติดตลกไปหน่อย หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ
ไวน์ลดา
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 20
Comments