EP.6 ได้สิถ้านายอยากไปชั้นจะไปเป็นเพื่อน
ผมกับโทมะเดินตามพี่เจไดจนมาถึงตึกนิเทศเหมือนว่าที่หน้าตึกคนจะเริ่มพลุกพล่านแล้ว
“น้องคณะนิเทศปี 1 รวมตัวกันตรงนี้ครับ”
เสียงของรุ่นพี่คนนึงตะโกนขึ้นเพื่อจัดแถวให้กับเด็กปี 1 ที่เพิ่งเข้ามาใหม่
“งั้นชั้นไปก่อนนะ” พี่เจไดหันมาบอกพวกผมก่อนจะยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกลา
“ขอบคุณนะครับพี่เจได แล้วเจอกันนะครับ” โทมะยิ้มอย่างร่าเริงพร้อมกับชูมือขึ้นสุดแล้วโบกมือบ๊ายบายพี่เจได
ช่างเป็นคนที่มีพลังงานเหลือล้นจริง ๆ พ่อหนุ่มคนนี้
ผมกับโทมะเดินมาต่อแถวที่รุ่นพี่บอกยืนอยู่ตรงนั้นสักพักจนเหมือนว่าคนมาต่อกันเยอะแล้วพวกรุ่นพี่ก็เดินนำ พาพวกผมเข้าไปในห้องเลคเชอร์ขนาดใหญ่
พวกผมก็เดินไปนั่งตรงที่ว่างแถวหน้าห้องรอสักพักจนทุกคนเข้ามาครบก็มีอาจารย์คนนึงเดินขึ้นไปบนเวทีนักศึกษาทุกคนจับจ้องไปที่อาจารย์คนนั้นเป็นตาเดียวกัน น่าจะเพราะรูปร่างที่สูงโปร่งจนดูสะดุดตา
ผู้ชายคนนั้นผมสีดำสนิทบนหน้าเค้าสวมแว่นตาทรงกลมขอบบางอยู่ ใบหน้าดูเรียบนิ่งขณะที่ก้าวเท้าเดินไปทางเวที เค้าสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงสแลคสีดำมองจากด้านข้างดูเหมือนจะสูงพอสมควรเลยดูได้จากขาที่ยาวจนก้าวแค่ไม่กี่ก้าวก็เดินมาถึงกลางเวทีแล้ว
ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงกลางเวทีที่มีไมค์ตั้งอยู่เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมหันไปสบตากับเค้าพอดี ดวงตาเรียวมองมาที่ผมก่อนที่จะเลิกคิ้วขึ้นข้างนึงเหมือนว่าประหลาดใจที่เห็นผมอยู่ตรงนี้
“สวัสดีครับนักศึกษาปี 1 คณะนิเทศศาสตร์ทุกท่าน อาจารย์เป็นอาจารย์ประจำวิชาสื่อการแสดงชื่อคีตะ ขอเป็นตัวแทนอาจารย์ทุกท่านมากล่าวต้อนรับนักศึกษาปี 1 ”
เดี๋ยวนะ นี่มันพี่คีตะหนิ…………..เหหหหหหหหหหห พี่คีตะเป็นอาจารย์ที่นี่งั้นหรอไม่เห็นรู้เรื่องเลย งั้นแปลว่าผมแชร์บ้านอยู่กับอาจารย์งั้นหรอแถมยังเป็นอาจารย์ในคณะด้วย โอ้ย ปวดหัว
“เอ้ะ ลูลูชนั่นพี่คีตะหนิใช่มั้ย” โทมะเอานิ้วมาจิ้ม ๆ ตรงไหล่ผมพร้อมกันพูดสิ่งที่ผมเพิ่งคิดไปเมื่อกี้นี่เอง
“อื้อ ดูเหมือนจะเป็นพี่คีตะจริง ๆ นั่นแหละ”
“ว้าว แบบนี้ก็เจ๋งเลยสิถ้าเราไม่เข้าใจที่เรียนก็จะได้ปรึกษาพี่คีตะได้ง่าย ๆ นี่เหมือนเรามีติวเตอร์ส่วนตัวเลยนะ เจ๋งสุด ๆ”
“งั้นหรอ แหะ ๆ” ดีกับผีน่ะสิเกร็งแย่เลยแบบนี้
“งั้นวันนี้อาจารย์ขอฝากไว้เท่านี้ก่อนนะครับยังไงเดี๋ยวให้รุ่นพี่ปี 2 มารับช่วงต่อแนะนำเกี่ยวกับการเรียนที่นี่ให้กับทุก ๆ คนนะครับ”
ดูเหมือนระหว่างที่ผมคุยกับโทมะอยู่พี่คีตะจะพูดเสร็จแล้วและคิวต่อไปคงเป็นคิวของพวกรุ่นพี่ขึ้นมาพูดแทน
“สวัสดีครับน้อง ๆ ทุกคนพี่ชื่อทิมเป็นรุ่นพี่ปี 2 คณะนิเทศศาสตร์วันนี้พี่และเพื่อน ๆ จะมาแนะนำน้อง ๆ เกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นในการเรียนของคณะเรานะครับ”
สายตาผมมองไปที่รุ่นพี่คนที่กำลังพูดอยู่และกวาดตามองไปยังรุ่นพี่คนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่บนเวทีไปเรื่อย ๆ ก่อนที่สายตาผมจะไปหยุดอยู่ที่รุ่นพี่คนนึง นั่นมันพี่เจได โอเควันนี้ผมพูดคำว่านั่นมันไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย
พี่เจไดยืนอยู่ข้าง ๆ พี่ทิมแต่ดูจากหน้าเค้าแล้วดูเหมือนจะไม่ค่อยจอยเท่าไหร่น่าจะถูกเพื่อนบังคับมามากกว่านะ
“ลูลูชดูสิพี่เจไดล่ะ” โทมะหันมาสะกิดผมอีกรอบ
“อื้อ เห็นแล้วล่ะ” เห็นชัดเต็มสองตาเลย
“เดี๋ยวจะแบ่งน้องตามห้องและจะให้พี่แต่ละคนเดินพาไปดูห้องเรียนนะครับว่ามีห้องไหนบ้าง ต้องเดินไปทางไหน ดูตารางเรียนยังไง เดี๋ยวน้องห้อง 1 มากับพี่นะครับ และก็น้องห้อง 2 ไปกับพี่คนนี้นะครับ”
พี่ทิมพูดพร้อมกับตอนจบประโยคชี้ไปที่พี่เจไดหน้าพี่เจไดอย่างตึงมองจากดาวอังคารก็รู้ว่าไม่เต็มใจ
และผมกับโทมะและเพื่อนห้อง 2 ทั้งหมดก็เดินตามพี่เจไดกับเพื่อนพี่เจไดไปตามห้องเรียนต่าง ๆ ก่อนจะมาหยุดที่ห้องที่ผมจะต้องเรียนในวันนี้
“ห้องนี้เป็นห้องที่ทุกคนต้องเรียนในวิชาแรกนะครับ และก็ช่วงเย็นหลังจากเลิกเรียนเสร็จจะมีกิจกรรมรับน้องถ้าใครที่สนใจก็มารวมกันที่ห้องประชุมของคณะได้เลยนะครับ” ถึงพี่เจไดจะเป็นคนพูดประโยคนี้ออกมาแต่ดูเหมือนว่าพี่เจไดจะแค่พูดตามสคริปต์ของรุ่นพี่ผู้หญิงอีกคนมากกว่า
“ขอโทษนะคะ พี่ชื่ออะไรหรอคะ” เสียงของผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมถามขึ้น
“ชื่อเจไดครับ” จบ แห้งสุด ๆ ไม่มีอะไรต่อหน่อยหรอผมนึกว่าพี่เจไดจะพูดอะไรต่อมากกว่านี้ซะอีก
“ขอถามหน่อยได้มั้ยครับ” ผู้ชายข้างหลังผมพูดพร้อมกับยกมือขึ้น
“เชิญครับ”
“ถ้าผมไม่อยากไปรับน้องได้มั้ยครับพอดีตอนเย็นผมมีธุระน่ะครับ”
“ได้ครับ กิจกรรมรับน้องทุกคนสามารถร่วมได้แต่ถ้าใครไม่อยากเข้าร่วมก็สามารถทำได้ครับ”
“แล้วถ้าไม่เข้าร่วมจะต้องโดนทำโทษมั้ยครับ” ผู้ชายคนเดิมถามต่อ
อืม นั่นสิปกติพวกรับน้องเนี่ยมันจะเป็นระบบ sotus ใช่มั้ยแบบบังคับให้ทุกคนเข้าร่วมถ้าใครไม่เข้าก็ไม่ถูกยอมรับจากรุ่นพี่และเพื่อนคนอื่น ๆ ก็จะโดนลงโทษด้วยเพราะเพื่อนไปกันไม่ครบทำให้เพื่อนคนอื่นไม่ชอบคนที่ไม่ไปรับน้องอีก
ที่มหาลัยผมก็เหมือนจะเป็นแบบนั้นแต่แน่นอนระดับผมแล้วโดดหมดไม่สนลูกใครยังไงก็ไม่ได้สนิทกับใครอยู่แล้วด้วยนั่นก็คงเป็นอีกสาเหตุนึงที่ผมไม่ค่อยมีเพื่อนในคณะสักเท่าไหร่
“ไม่มีครับ เราไม่ใช้ระบบเผด็จการและทุกคนสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองเป็นสิทธิมนุษยชนพื้นฐานอยู่แล้วครับ”
“เดี๋ยวพี่ขอแทรกนิดนึงนะคะ” รุ่นพี่ผู้หญิงข้าง ๆ พี่เจไดพูดขึ้น
“ที่มหาลัยรวมถึงคณะของเราเคารพในสิทธิและเสรีภาพของทุก ๆ คน กิจกรรมรับน้องจัดขึ้นเพื่ออยากให้น้อง ๆ สนิทกันมากขึ้นรวมถึงสนิทกับพี่ ๆ มากขึ้นด้วยค่ะ
โดยกิจกรรมของเราจะเป็นแบบสร้างสรรค์ไม่มีการ ลงโทษ ข่มเหง ทำร้ายร่างกายและการทำให้อับอายเกิดขึ้นค่ะ ถ้าน้อง ๆ คนไหนสมัครใจอยากร่วมกิจกรรมก็สามารถมาได้ที่ห้องประชุมแต่ถ้าหากน้อง ๆ คนไหนไม่อยากเข้าร่วมการรับน้องก็ไม่เป็นไรค่ะทุก ๆ คนก็ยังถือว่าเป็นนักศึกษาของคณะนิเทศเหมือนกันค่ะไม่แตกต่างกัน”
โอ้โห ตอนแรกผมก็มองว่ารุ่นพี่คนนี้หน้าตาน่ารักอยู่แล้วนะแต่พอพูดจบแล้วสวยขึ้นแบบ 200% เกมนี้ก็ดีเหมือนกันนะเนี่ยเค้าดูใส่ใจรายละเอียดพวกนี้ดีไม่ยัดเยียดความ Romanticize เข้าไปในเนื้อหาเกมมากจนเกินไป
“เข้าใจแล้วครับ” ผู้ชายคนที่ถามตอนแรกตอบรับพร้อมกับยิ้มขึ้น
“ดูน่าสนุกดีนะลูลูชเราไปรับน้องกันเถอะ”
คำตอบ
- ได้สิถ้านายอยากไปชั้นจะไปเป็นเพื่อน
- แล้วแต่นายเลย
- อื้อ ได้
What The Heck!! อันนี้เรียกช้อยจริงป่ะเนี่ยแถวบ้านผมเรียกไม่มีทางเลือกนะ โอเคเลยถ้าเกมจะเล่นแบบนี้กับผม ผมก็ไม่มีทางเลือกละครับ
เลือกคำตอบ - ได้สิถ้านายอยากไปชั้นจะไปเป็นเพื่อน
“ได้สิถ้านายอยากไปชั้นจะไปเป็นเพื่อน”
“จริงหรอ ขอบคุณนะลูลูช” โทมะยิ้มตาหยีจนแก้มแทบปริดูไปดูมาก็น่ารักดีนะเนี่ยเจ้าน้องหมาชิบะยักษ์
ก็อบ แก๊ป และนั่นก็คือเสียงกระดูกผมเอง โอ๊ย เมื่อยนั่งเรียนมาทั้งวันเลิกเรียนสักที
“ลูลูชเมื่อยหรอ มาเดี๋ยวเรานวดไหล่ให้”
“ไม่เป็นไรโทมะ เราโอเค”
“หันมาเถอะน่า” โทมะทำหน้างอแงเพราะผมปฏิเสธเค้าโอเค ก็ได้ๆ
“ก็ได้”
ผมเอี้ยวหลังไปทางโทมะก่อนที่โทมะจะเอามือมานวด ๆ บริเวณไหล่ผมแต่แรงเยอะเหมือนกันจะเนี่ยเริ่มจะเจ็บแล้วอ่ะ
“โอ้ย เจ็บอ่ะโทมะ” เจ็บ ๆ ทำไมแรงถึงเยอะขนาดนี้นะ
คีย์ทำหน้าเหยเกก่อนจะพยายามบิดตัวออกจากอุ้งมือของโทมะ
“ลูลูชอย่าดิ้นสิ ทนอีกแปปนะเดี๋ยวจะสบายขึ้น”
สบายขึ้นนี่หมายถึงขึ้นหวรรค์รึป่าว แบบตุย ค่อก ลาก่อนอะไรแบบนี้
“อ่ะเสร็จแล้วดีขึ้นมั้ย”
ในที่สุดโทมะก็ปล่อยมือออกจากหลังผม แฮ่ก เกือบตายแหนะมือหนักเป็นบ้าเลยโทมะนี่นะ แต่ เอ้ะเหมือนจะดีขึ้นจริง ๆ ด้วยแฮะ ฟ้าหลังฝนนี่มันเป็นแบบนี้นี่เอง
“ดีขึ้นแล้ว ขอบคุณนะ” โทมะยิ้มเป็นการตอบกลับ
“ป่ะ ไปกันเถอะ” โทมะยืนขึ้นก่อนจะจูงมือให้ผมลุกขึ้น
“เย้ ได้กลับบ้านไปนอนสักที” เตียงจ๋าพี่มาแล้วจ้ะ
“ลูลูชลืมแล้วหรอ”
ผมสบตากับโทมะก่อนจะกระพริบตาปริบ ๆ
“ลืมอะไรหรอ”
“เราต้องไปรับน้องกันต่อไงล่ะ”
“อ่าเด้ะ จะ จริงด้วย” เตียงจ๋าพี่คงต้องลาก่อนโถ่อุตส่าห์จะรีบกลับไปนอนกลิ้งที่ห้องแต่ลืมไปเลยว่ารับปากกับโทมะไว้ว่าจะไปรับน้องต่อ
“งั้นไปกันเถอะ”
ตัวผมปลิวไปตามแรงจูงของโทมะแต่ในหัวยังคงจินตนาการถึงเตียงอันเป็นที่รัก ฮือ
________________________________
Talk with writer
มาแว้ววว ไม่ได้อัพมา 3 4 วันได้กลัวทุกคนจะรอนานมากแต่เราติดภารกิจอันยิ่งใหญ่นั่นก็คือการนอน 5555 พอดีตรงกับวันหยุดแฟนด้วยก็เลยพากันดูหนังเล่นเกมกันยาวเลยแต่ก็ยังคิดถึงรีดทุกคนเลยรีบมาปั่นต่อให้
ถ้าใครอ่านแล้วชอบฝากคอมเม้นเป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะอยากแนะนำตรงไหนบอกได้เลยน้า ขอให้ทุกคนเอ็นจอยค่ะ
ไวน์ลดา
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 20
Comments