ตอนที่ 3

เดิมทีแล้วอาณาจักร วินเนอร์เป็นเพียงแค่อาณาจักรเล็กๆที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยป่าเวทมนตร์ที่อันตรายเมื่อ 300 ปีก่อนมีกลุ่มของเหล่าอัศวินซึ่งไม่รู้ที่มาที่ไปที่แน่ชัด พวกเขาเข้ามาขอพึ่งบารมีราชาแห่งอาณาจักร วินเนอร์ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีจักรพรรดิเป็นเพียงแค่อาณาจักรเล็กๆเท่านั้นพวกเขาลงหลักปักฐานในอาณาจักรแห่งนี้โดยตั้งตระกูลเป็นของตนเองโดยมีชื่อเรียกว่า โคเรส เพื่อเป็นการตอบแทนที่ราชาแห่งอาณาจักร วินเนอร์ ที่อนุญาตให้พวกเขาลงหลักปักฐานที่อาณาจักรแห่งนี้ผู้นำตระกูลคนแรกของตระกูลโคเรส ในขณะนั้นซึ่งมีนามว่าซอนญ่า โคเรส ซึ่งแน่นอนว่านามนี้คงไม่ใช้นามของบุรุษเพศอย่างแน่นอนเธอเป็นอิสตรีที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ของอาณาจักรวินเนอร์เพื่อเป็นการตอบแทนที่ให้พวกเขาอยู่ที่นี่จึงขออาสาช่วยขยายดินแดนที่ห้อมล้อมไปด้วยป่าเวทมนตร์ที่กินพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลทั้งทิศเหนือทิศใต้และทิศตะวันออกดินแดนป่าเวทมนตร์ที่ห้อมล้อมอาณาจักรเกือบทุกทิศ เหล่าตระกูลขุนนางพวกเขาต่างหัวเราะเยาะไม่เชื่อว่าตะกูลที่พึ่งถูกก่อตั้งขึ้นมาไม่นานจะสามารถรวบรวมดินแดนขยายดินแดนที่เต็มไปด้วยความอันตรายสัตว์อสูรมากมายอาศัยอยู่เต็มไปหมดได้อย่างไร

แต่แล้วพวกเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อพื้นที่ป่าเวทมนตร์ทางทิศใต้ถูกกวาดล้างไปเกินกว่าครึ่งเพียงระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้นจากนั้นก็ตามต่อไปเรื่อยๆทิศเหนือทิศใต้ อำมาตย์ขุนนางทั้งหลายต่างก็ตกตะลึงบ้างก็คิดไปต่างๆนานาว่าเธอคือเทพลงมาจุติที่ถูกส่งลงมาช่วยเหลืออาณาจักร วินเนอร์ ราชามองเห็นแล้วว่าอำนาจของตนกำลังถูกสั่นคลอนจึงได้แต่งตั้งนางให้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งอาณาจักร วินเนอร์ พร้อมลงบัญญัติให้ตระกูลโคเรสมีสิทธิ์เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์เมื่อสิ้นเชื้อสายสืบทอดราชวงศ์แล้วเท่านั้นซึ่งมีกฎระเบียบมากมายที่ทำไว้กับองค์ราชาแห่งอาณาจักรวินเนอร์ในตอนนั้น

ในห้องที่ดูเหมือนจะโล่ง บัดนี้กำลังมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยกำลังนอนแช่ในอ่างน้ำด้วยความสบายใจ หลังจากที่นอนแช่ติดเตียงมาเป็นแรมเดือน

"วันนี้ฉันขอพักตามใจตัวเองหน่อยก็แล้วกัน"หลังจากที่รอเหล่าแม่บ้านนำอาหารมาให้ที่ห้องฉันก็เดินไปที่ห้องอาบน้ำเพื่อรอพวกเธอก่อน เผื่อพวกเธอจะทำอาหารเสร็จก็นานพอสมควร "อืม พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำแล้วตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่ตรงมุมของห้องเมื่อเปิดตู้ออกมาก็ต้องผงะ ในตู้ที่เต็มไปด้วยชุดสีชมพูดูน่ารักเต็มไปหมด "ชุดหวานแหววพวกนี้ อดีตตัวฉันคนเก่าใส่ชุดพวกนี้เดินออกไปข้างนอกได้ยังไงเนี่ยยย..

- เอาล่ะฉันเก็บชุดพวกนี้ออกมากองไว้ที่พื้นต้องโละของพวกนี้ออกให้หมดแล้วล่ะหลังจากที่เก็บชุดพวกนี้ออกมาหมดแล้วฉันก็รอให้เมดนำมันออกไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของ " ก๊อกๆ " เรียนคุณหนูอาหารพร้อมแล้วเจ้าค่ะ.." นั่นไงมาพอดีเลย เข้ามาได้ เจ้าค่ะ เมดแม่บ้าน 2 คน เปิดประตูค่อยๆเข็นรถเข็นที่คลุมด้วยผ้าขาวสะอาดพวกเธอทำความเคารพฉันก่อนที่จะเข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยอาหารเข้ามาภายในห้องฉัน พวกเธอชะงักคู่นึงเหมือนพวกเธอจะเห็นชุดที่ฉันนำมันมากองไว้ที่พื้นก่อนที่พวกเธอจะหันไปจัดแจงอาหารให้ฉันต่อ

"นี่ๆพี่เมด ฉันหันไปเรียกเมดสาวทั้งสองที่กำลังจัดอาหารให้ฉันอยู่บนโต๊ะ "เจ้าค่ะคุณหนูมีอะไรให้พวกเรารับใช้หรือเจ้าคะ " ช่วยนำชุดข้าที่กองอยู่ที่พื้นนำไปเก็บไว้ที่อื่นที " แต่ว่าคุณหนูนั่นมันชุดที่คุณหนูโปรดปรานมากที่สุดเลยนะเจ้าคะ...เมดแม่บ้านพูดออกมาพร้อมกับทำตาโต "

ใช่ฉันโปรดปานชุดพวกนี้มากแต่ตอนนี้ชุดพวกนี้มันหมดประโยชน์สำหรับฉันแล้วล่ะฉันพูดพร้อมกับแกล้งทำหน้าเศร้า

เมดสาว 2 คนเมื่อเห็นปฏิกิริยาเศร้าหมองของนายของตนพวกเธอก็อดที่จะสงสารนายหญิงของตนไว้ไม่ได้เพราะพวกเธอรู้ความหมายของมันดีว่านายของตนหมายถึงอะไร ชายที่ตัวเองเทความรักให้หมดใจแต่เขากลับไม่แม้แต่จะหันมามองเหลียวแลเธอเลย...โถ่..นายหญิงของฉัน ... ข้าฝากเก็บชุดพวกนี้ด้วยนะ...เจ้าค่ะ..อ๋อ แล้วเอาชุดสำรองตัวใหม่มาให้ข้าที่ห้องด้วยนะห้ามเอาสีพวกนั้นมาล่ะ ..ฉันยั้มเตือนเมดอีกรอบเผื่อพวกเธอจะเข้าใจผิดเอาชุดสีชมพูหวานแหววพวกนี้มาอีก

หลังจากที่ เอเวนน่าสั่งให้เมดนำชุดไปเก็บเธอกำลังนั่งมองอาหารหลายๆอย่างที่จัดวางอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหาร ดวงตาของเธอเป็นประกายเพราะของทุกอย่างที่เมดนำมาให้เธอเป็นของที่เธอชอบกินทั้งนั้น เอเวนน่านั่งรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยจากที่เคยใช้ซ้อนเหมือนผู้ดีคนชั้นสูงแต่กลับหันมาใช้มือหยิบจับอาหารฉีกเนื้อราดซอสเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยทำให้มาดผู้ดีคนชั้นสูงมลายหายวับในพริบตา ""ใครจะว่ายังไงก็ช่างมาดผู้ดีตอนนี้ฉันไม่สนอะไรแล้วฉันรู้แค่ว่าตอนนี้ฉันกำลังหิวเอามากๆ

หลังจากที่เอเวนน่าทานอาหารเสร็จแล้วเธอก็นำชุดที่เมดสาวนำมาให้เธอที่ห้องมันเป็นชุดเดรสกระโปรงยาวสีขาวธรรมดา เอเวนน่า ไม่สนว่าชุดนั้นจะสวยแค่ไหนสิ่งที่เธอสนในตอนนี้คือใส่แล้วรู้สึกสบายตัว เอเวนน่า ถอดชุดนอนออกพร้อมเปลี่ยนชุดใหม่ทันทีหลังจากที่เปลี่ยนชุดเสร็จ สิ่งที่จะทำในตอนนี้คือการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเวทย์มนต์จากตัวฉันที่แล้วๆมาเอาเวลาส่วนใหญ่ไปวิ่งตามผู้ชายจนหมดทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้รักเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย " ในระหว่างนั้นเอเวนน่าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพระเจ้าได้มอบพรให้กับเธอ " ฉันคุ้นคิดอยู่คู่นึงเพราะพระเจ้าท่านก็ไม่ได้บอกว่าให้พรอะไรกับฉัน เพียงแต่บอกเอาไว้ว่าหากฉันฟื้นขึ้นมาถ้าต้องการจะใช้พลัง ก็ให้กล่าวคำว่า " โคเรสโอโตกัส " ซึ่งฉันเองก็นึกสงสัยอยู่ว่าทำไมคำเรียกที่ขึ้นต้นขอเปิดใช้พลังถึงขึ้นต้นด้วยสกุลของตระกูล ฉันเองก็ต้องการคำตอบในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกันแต่คิดไปก็ไม่ได้อะไรจึงได้ทิ้งความคิดนั้นไปความรู้ทั้งหมดที่เกี่ยวกับเวทย์มนต์ของฉันถ้าเทียบกับเพื่อนในห้องอันดับของฉันก็คงอยู่หลังท้ายเพื่อนเลยก็ว่าได้ " ก็มัวแต่เอาเวลาไปวิ่งตามผู้ชายจะไปมีเวลาไปใฝ่หาความรู้มาจากที่ไหนล่ะ " ตัวฉันนี่น้าาา..ถ้าได้ความทรงจำมาเร็วกว่านี้ฉันก็คงไม่เป็นอย่างที่เห็นนี่หรอกนะ ..

เมื่อคิดได้ว่าความคิดของตนเองกำลังลุดรอยนอกเรื่องมาไกลมากแล้ว เอเวนน่า จึงหลับตาลงตั้งจิตให้สงบจากนั้นเธอก็เป็นเสียงวาจาออกมา...โคเรสโอโตกัส...สิ้นคำกล่าวพั้นทวารแห่งการรับรู้ทั้งหมดก็ถูกเปิดออกดวงตาเบิกโพลง หัวใจเริ่มเต้นแรงมากยิ่งขึ้น กว่าเดิมเป็นเท่าตัวอัตราการไหลเวียนเลือดประสาทแห่งการรับรู้ทั้งหมดสมองจิตสำผัส ก็เต้นแรงด้วยเช่นกัน "อักขระเวทย์มนต์มากมายพั้นปรากฏต่อหน้า เอเวนน่า

อักขระเวทมนต์ปรากฏออกมาเรื่อยๆอันเก่าหายไปก็ปรากฏอักขระเวทมนตร์อันใหม่ขึ้นมาแทน มันขึ้นมาไม่หยุดไม่หย่อนจากที่ปรากฏขึ้นมาช้าๆก็เริ่มที่จะปรากฏขึ้นมาไม่มีทีถ้าว่าจะหยุดมันเลื่อนลอยไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว "

ในตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนแข็งทื่อตกตะลึงอยู่ตรงนั้นจนกว่ามันจะหยุด เวลาผ่านไปนาน 4 ชั่วโมง "หัวใจฉันเริ่มหยุดเต้นแรงปราสาทแห่งการรับรู้ทุกอย่างเริ่มกลับมาสงบเป็นปกติอีกครั้งฉันถอนหายใจออกมาคำโตด้วยความเหนื่อยอ่อน "ในที่สุดมันก็หยุดได้สักทีอักขระ เวทมนตร์ทั้งหมดได้หายไปแล้ว ตรงหน้าฉันตอนนี้ปรากฏตัวหนังสือเรืองแสงมากมายลอยอยู่เบื้องหน้าฉัน...

แล้วฉันก็เพิ่งสังเกตไปเห็นคำๆนึงมันเขียนไว้ว่า...สารจากพระเจ้า... "สวัสดีจักรพรรดิตัวน้อยของฉันตอนนี้เจ้าคงได้เปิดใช้พลังจากพรแห่งเราแล้วสินะ หวังว่าเจ้าจะสนุกกับการใช้ชีวิตใหม่ที่โลกแห่งนี้เจ้าเป็นมนุษย์คนแรกที่เราเป็นผู้เลือกเลยนะเอาล่ะข้าจะแถมพรให้เจ้าอีกข้อนึงก็แล้วกัน "เจ้าจงเป็นผู้ไม่รู้จักตายแม้แต่ผู้ควบคุมนรกอเวจีก็ไม่สามารถพรากความตายไปจากเจ้าได้ " บ๊ายบาย"ขอให้สนุกกับโลกนี้น้าาา..

เมื่อฉันอ่านจบฉันก็รู้สึกขอบคุณพระเจ้าอย่างมากด้วยชีวิตทั้งหมดของฉันคงตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ได้ไม่หมด..ขอบคุณนะคะคุณพระเจ้า..ฉันกล่าวขอบคุณพร้อมกับหันไปอ่านตัวอื่นๆต่อ ในตัวหนังสือพวกนี้ที่กำลังลอยอยู่เบื้องหน้าฉันจากเท่าที่ลองอ่านดูทั้งหมดแล้วหลักๆแล้ว มันเขียนบอกเกี่ยวกับพลังทั้งหมดที่มีในตัวฉันและวิธีในการใช้มันพลังที่มีอยู่ในตัวฉันตอนนี้มีอยู่ 3 ชนิดซึ่งเป็นพร 3 ข้อที่พระเจ้ามอบให้แก่คนอย่างฉัน พลังแต่ละอย่างนั้นเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นเทพเจ้าเลยก็ว่าได้

ซึ่งพรข้อที่ 1 ตัวฉันเป็นผู้ควบคุมศาสตร์เวทมนต์ทุกแขนงสามารถสร้างสิ่งของได้เพียงใจนึกตราบเท่าที่มานายังไม่หมด ส่วนพรข้อที่ 2 เป็นผู้ควบคุมพลังจิต ซึ่งความสามารถนี้เรียกได้ว่าอยู่ในขั้นเทพเจ้าเลยก็ว่าได้..โอ้ย...อะไรมันจะสุดยอดปานนี้ส่วนวิธีการใช้ก็แค่ฝึกจิตนิดหน่อยพรข้อที่สามคงไม่ต้องพูดถึงเพราะมันก็สุดยอดด้วยเช่นกันเป็นถึงผู้ไม่รู้จักตายไม่สุดยอดก็ให้มันรู้ไป ว่าแต่ไม่ตายแล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนฉันละเนี้ย?

ด้วยความตื่นเต้นเอเวนน่าจึงคิดอยากจะลองใช้พลังดูสักอย่าง " งั้นก็ลองพลังนี้ก่อนก็แล้วกัน " พลังจิต " ควบคุมสิ่งของ "ฉันเพ่งจิตมองไปยังสิ่งของภายในห้องของฉันแล้วก็คิดว่าอยากจะให้มันลอยอยู่เหนือพื้นเอเวนน่าพยายามเพ่งจิตไปยังสิ่งของภายในห้องของเธอตู้เตียงที่นอนแก้วสิ่งของต่างๆมันค่อยๆ ขยับเขยื้อน ใบหน้าเอเวนน่าตอนนี้ค่อยๆปรากฏเม็ดเหงื่อ คิ้วของเธอเริ่มมุ่ยเข้าหากัน "ซึ่งแสดงว่ามันไม่ง่ายเลยกับการใช้พลังครั้งแรก ทันใดนั้นสิ่งของทุกอย่างค่อยๆขยับลอยขึ้นเหนือพื้น " มันขยับแล้ว"เอเวนน่ากล่าวออกมาด้วยความดีใจแต่เธอก็ดีใจได้เพียงไม่นาน "และทันใดนั้นสิ่งของที่กำลังลอยขึ้นได้เพียงแค่ 30 cm ก็พั้นช์ร่วงตกลงมาพร้อมกัน ตึก..ตึกๆๆๆๆ.. เอเวนน่าถอนหายใจยาว " จิตใจวอกแวกไม่ได้เลยสินะ " ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีการฝึกฝนไม่มีสิ่งไหนที่ได้มาโดยง่ายถึงแม้พระเจ้าจะให้พรเธอมาแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะใช้มันได้ดั่งใจต้องการ

"จริงด้วยซิในปราสาทหลังนี้มีห้องสมุดของตระกูลอยู่นี่นา ฉันต้องไปหาความรู้เพิ่มหน่อยแล้วล่ะ ฉันแต่งตัวและก็เดินออกจากห้องไปยังห้องสมุดโดยมีเมดเดินตามมาคอยรับใช้ฉันหนึ่งคนเธอมีรูปร่างหน้าตาจิ้มลิ้มอายุหน้าจะประมาณอยู่ราวๆ15 ได้มั้ง

ในระหว่างที่ฉันเดินมาที่ห้องสมุด ฉันรู้สึกว่ามันแปลกๆแฮะ ทำไมวันนี้ถึงมีพวกทหาร อยู่ในปราสาทนี้มากผิดปกติน่ะ จากที่ฉันเดินผ่านมาฉันเห็นพวกนี้ยืนอยู่ตามจุดต่างๆของปราสาท เหมือนพวกทหารที่ยืนเข้าเวรวังในราชวัง อะไรอย่างนั้น แต่ก่อนไม่เห็นมีนี่นา "เอเวนน่าคุ้นคิด" หรือว่าดยุคมอแกนเป็นห่วงฉันถึงขนาดต้องเอาทหารมามากมายมาเฝ้าฉันเลยรึ .. เฮ้อ..ดยุคมอแกนนี่น้าาา แล้วฉันก็เดินมาถึงห้องสมุดโดยมีเมดสาวช่วยนำทางให้ภายในนั้นถูกจัดวางด้วยหนังสือตำลามากมายอยู่เต็มไปหมดมันถูกจัดวางอยู่บนชั้นเรียงอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งแต่ละชั้นนั้นล้วนเต็มไปด้วยหนังสือ สูงท้วมหัวฉันทั้งนั้น ฉันหันไปหาเมดน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม "เจ้าชื่ออะไรรึ,,ข้าน้อยชื่อ มาเวียร์เจ้าค่ะ "เมดน้อยตอบฉะฉาน " มีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือเจ้าค่ะ"นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าคงจะอยู่ที่ห้องสมุดนี้นานหน่อยเจ้าช่วยจัดเตรียมอาหารมาที่ห้องนี่ที""เจ้าค่ะ" ฉันเริ่มเดินมองหาหนังสือในชั้นซึ่งมันมีมากเหลือเกินฉันเริ่มที่จะอ่านไปทีละชั้น ....อ่านไปเลื่อยๆ ....ตื่นเช้ามาฉันก็เดินเข้ามาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดฉันใช้เวลาทั้งวันไปกับการอ่านจนวันเวลาผ่านล่วงเลยไปนี่ก็วันที่ 10 แล้ว

หลังจาก 10 วันผ่านไป ความรู้ของฉันก็เพิ่มพูนขึ้นเป็นเท่าตัวฉันพบว่าตัวเองนั้นยังมีความสามารถอีกอย่างคือการจดจำได้ทีละหลายๆอย่างเข้าไปในความทรงจำโดยที่ไม่ลืม อีกทั้งฉันยังฝึกควบคุมพลังจิตของฉันในระหว่างที่อ่านหนังสือในห้องสมุดของตระกูลอีกด้วยซึ่งมันช่วยเพิ่มทักษะของฉันได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ว่าแต่ว่า 10วันมานี้ฉันไม่ยักกะเห็นผู้เป็นบิดาเลยแฮะ

(ดยุคมอแกน ) ผู้นำตระกูล โคเรสคนประจุบัน และเป็นพ่อของเอเวณน่า

,.......................................................................................

ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ ....นั่นไงพูดถึงก็มาเลย ดยุคมอแกน เดินมาพร้อมกับอัศวินคู่กายด้วยร่างกายที่กำยำดูหน้าเกรงขามบวกกับเรือนร่างที่ถูกห่อหุ้ม ด้วยชุดเกราะ ทั้งตัว เดินตามหลังทิ้งระยะห่างพอประมาณ ฉันกล่าวทักทายผู้เป็นบิดา "อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านพ่อ พร้อมกับถอนสายบัว หลังจากกล่าวทักทายฉันก็กำลังจะถามผู้เป็นบิดาว่า10วันมานี้เขาไปธุระที่ไหน เมื่อฉันหันขึ้นไปมองก็ดูเหมือนว่าเขากำลังชะงักอ้าวปากค้าง เหมือนตกใจอะไรสักอย่าง "อ้าวชิบหายแล้วไงเมื่อฉันซุดคิดได้ดังนั้นฉันลืมไปเลยว่า เอเวนน่าไม่เคยทำกิริยามารยาทอ่อนช้อยต่อหน้าผู้เป็นบิดาเมื่อพบเจอหน้าเลยไม่ว่าเวลาไหนก็ตามเธอมักจะพุ่งเข้าไปหาโอบกอดผู้เป็นบิดา ซึ่งนิสัยอย่างนี้มันเป็นมาตั้งแต่เธอยังเด็กๆแล้ว "เอาแล้วไงตัวฉัน" เอ่อ...เอ่อ..ลูกสบายดีนะดยุคมอแกน พูดตะกุกตะกัก "ค่ะลูกสบายดีค่ะ "พอดีว่าพ่อได้ยินจากเมดว่าหลายวันมานี้ลูกเอาแต่หมกมุ่นอยู่แต่ในห้องสมุดพ่อก็เลยเป็นห่วงลูกนะ เพราะลูกเองก็เพิ่งฟื้นขึ้นมา อ๋อข้านึกว่าเรื่องอะไร "ข้าก็แค่อยากหาความรู้น่ะท่านพ่อไม่มีอะไรหรอกน่าาา ว่าแต่ท่านพ่อเถอะ 10 วันมานี้ท่านพ่อหายไปไหน ลูกไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ "ฉันทำหน้ามุ่ยใส่ผู้เป็นบิดา ดยุค มอแกนเมื่อได้ยินกิริยาท่าทางที่เธอพูดดูเหมือนว่า เธอจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนับจากที่เธอฟื้นขึ้นมา แล้วอีกอย่างข้าก็ได้ยินเมจที่มารายงานข้าว่า เธอนั้น อยู่ดีๆก็สามารถ ทำให้สิ่งของนั้นลอยได้ ซึ่งสร้างความตกใจให้กับข้าเป็นอย่างมาก นี่มันก็เหมือนกับ พลังของรุ่นที่ 1 เลยนี่ นับจากรุ่นที่ 1 จากไปผู้สืบทอดคนต่อไป ก็ไม่สามารถที่จะใช้พลังนั้นได้เลย ถึงแม้จะมีความแข็งแกร่งแต่ก็ไม่สามารถเทียบกับรุ่นที่ 1 ได้เลย

"พอดีว่าพ่อติดธุระสำคัญนะมันสำคัญมากๆ และมันก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกด้วยเช่นกัน ...หะเกี่ยวข้องกับฉันหรอ เอเวนน่า คุ้นคิดอยู่คู่นึง หรือว่า 10 วันมานี้ที่เขาหายไป จะไปล้างแค้นให้กับฉันที่ถูกทำร้าย ไม่ใช้ทำร้ายสิโดนผักตกกระไดต่างหาก

..."เอเวนน่า พ่อมีเรื่องอยากจะบอก"...

"หะจะสารภาพว่า ไปฆ่าเจ้าแกรนด์ดิสมาหรือไงฉันยืนจ้องดยุคมอแกนพร้อมกับตั้งอกตั้งใจฟัง

.... เอ่อ...เอ่อ ..อะไรกันอ่ำอี่งอยู่ได้ ในอีก 2 วันนับจากนี้เจ้าช่วยเตรียมตัวเป็นองค์จักรพรรดินีด้วยนะ

..............ห่ะ......เอ๊ะ....เอ๋ ๆๆๆ เอเวนน่าทำหน้างงๆดวยความตกใจ อยู่ดีๆก็ให้เธอเป็นองค์จักรพรรดินี ฉันนึกว่าเรื่องอื่นซะอีก ไม่น้าาา..... ชีวิตอิสระของฉ้าน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!