2

"ไม่เมา...." เด็กหนุ่มผมชมพูที่สีดูเหมือนเนื้อแซลม่อนพึมพัมออกมาเบาๆ เขย่าตัวจนสุดก่อนที่จะเด้งตัวขึ้นมาด้วยความดีใจสุดขีด

แขนทั้งสองข้างชูไปบนฟ้าพร้อมกับตะโกน

""หายเมายานพาหนะแล้ววว!!/ ไอซ์!!"" นัตสึกับคู่หูของเขาตะโกนออกมากลางขบวนรถไฟ

คนที่นั้งอยู่รอบๆ เริ่มมองมาที่พวกเขาและคิดว่าหัวของนัตสึน่าจะไปกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างถึงได้ดูเพี้ยนๆ แบบนี้

"นั้งลงเถอะนัตสึมันรบกวนคนอื่นเขานะ" เลวี่ได้แต่ส่ายหน้าแต่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นว่าการค้นขว้าของเธอประสบผลสำเร็จ

แบบนี้คงสามารถเอาไปใช่กับกาซีลได้แล้วสิเนี้ย...เมื่อคิดถึงชายคนนี้เลวี่ก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้

"บ้า...คิดอะไรของเรากันเนี้ย" เธอพึมพัมออกมาเบาๆ และพยายามเลิกคิดถึงเรื่องของอีกคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่

โดยที่ไม่ได้รู้สึกถึงนัตสึเลยว่าตอนนี้เขาเข้ามานั้งจ้องหน้าของเธอชนิดที่แทบจะสิงร่างกันอยู่แล้ว เนื่องจากเด็กหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวร่างเล็กจู่ๆ ก็หน้าแดงเลยนึกว่าเป็นไข้

เขาจึงเข้ามาดูไกล้ๆ ด้วยความเป็นห่วง

"เลวี่เธอไม่าสบายงั้นเหรอ?" เลวี่ได้สติหันมาตามเสียงพูดของนัตสึก่อนที่จะตกใจเพราะใบหน้าของเขามันไกล้มาก และการหันมาเมื่อกี้ของเธอจมูกของเขาเเละเธอเองก็แทบจะชนกันอยู่แล้ว

"อ้าย!" เรวี่ตกใจร้องออกมาก่อนที่จะเผลอใช้มือทั้งสองข้างพลักใบหน้าของนัตสึออกไปอย่างเเรง

"หะ! เดียว-"

ก้อง!

โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรหัวของนัตสึก็ถูกกระแทกเข้ากับที่นั้งไปสะแล้ว ดวงตาของเด็กหนุ่มขาวโพลนดูเหมือนว่าการลอบโจมตีเมื่อกี้จะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่สิ!-

"อะ นัตสึเป็นอะไรไหม!? เมื่อกี้ฉันแค่...ตก...ใจ" เมื่อเห็นสภาพของเด็กหนุ่มที่สลบน้ำลายยืดเลวี่ก็ถึงกับพูดต่อไม่ออก

"ดูเหมือนจะสลบไปแล้วนะไอเซอร์!" แฮปปี้บอกออกมาเมื่อเห็นว่าพ่อของตนเองสลบไปแล้ว

เลวี่รู้สึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายสลบไป เธอจึงเปลี่ยนที่นั้งไปนั้งข้างๆนัตสึแทน (เมื่อกี้ทั้งสองคนนั้งหันหน้าเข้าหากัน) ก่อนที่จะนำหัวของเขามาหนุนที่ตักของเธอ และเอากระเป๋าสำภาระวางไว้ที่นั้งของเธอแทน

แฮปปี้เองก็ย้ายไปนั้งอยู่กับกระเป๋าเช่นกันเนื่องจากที่นั้งไม่พอให้นั้งได้สามคนในที่เดียว

"หวังว่าแบบนี้จะไม่ทำให้หัวของนัตสึกระแทกเพิ่มนะ" เธอพูดออกมาเบาๆ ให้ตัวเองได้ยินเป็นการปลอบใจตัวเอง

หลังจากที่จัดท่าทางของนัตสึเสร็จ เธอก็มองออกไปที่นอกหน้าต่างคาดหวังกับภารกิจที่พวกเธอกำลังจะไปทำ

ได้แต่หวังไว้ว่ามันจะไม่ยุ่งยากเกินไปละนะ

.....

ณ ปราสาทของพระราชาซึ่งอยู่ใจกลางของอานาจักรฟิโอเล่

พระราชาโทมะ อี ฟิโอเล่ ทำหน้าเครียดหลังจากที่ได้รับข่าวสารใหม่จากข้ารับใช้ถึงเรื่องสัตว์ประหลาดแปลกๆ ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

พระราชาเป็นชายวัยกลางคนมีผมสีขาวซึ่งก็เป็นไปตามวัยสังขาล ร่างของเขาไม่สูงมากนักหากจะให้เทียบก็คงจะราวๆ มาสาเตอร์จากกิลล์แฟรี่เทลที่มีส่วนสูงไกล้เคียงกัน

"ว่ายังไงนะ จู่ๆ มันก็โผล่ออกมาจากหลุมสีดำที่ปรากฏออกมาจากอากาศ!? เจ้าแน่ใจงั้นรึ?"

ข้ารับใช้พยักหน้ายืนยันในขณะที่ยังคงคุกเข่าอยู่ที่หน้าพระพักของพระราชา

"ขอรับจากข่าวสารที่สามารถยืนยันได้ เจ้าสัตว์ประหลาดนั้นมันออกมาจากหลุมสีดำกลางอากาศซึ่งน่าจะมาจากเวทมนประเภทมิติขอรับ"

สัตว์ประหลาดที่พวดเขาพูดถึงนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาได้สักพักแล้ว เนื่องจากว่าจู่ๆ ก็ได้รับรายงานเดี่ยวกับพวกมันประมาณหนึ่งตัวเมื่อเดือนก่อนแต่เพราะมันไม่ได้มีมากมายอะไรจึงไม่มีใครสนใจมากนัก

แต่พอมันเริ่มสร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านก็มีคนออกภารกิจให้ไปกำจัดมันแต่ทว่าจอมเวทที่รับภารกิจไปไม่ตายก็รอดมาแบบไม่ครบสามสิบสองและกลายเป็นบ้ากันไปหมด เอาแต่พึมๆ อะไรไม่รู้ออกมา

บางก็บอกว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดที่เหมือนมังกร บางก็บอกว่ามันมีรูปร่างเหมือนโกเลม และมีอีกสิ่งที่น่าสงสัยก็คือมีคนที่รอดบอดมาว่ามันมีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์

เวทมนตร์ปกติไม่สามารถทำความเสียหายให้กับมันได้นอกจากเวทมนตร์โบราณ พระราชาที่เริ่มรับรู้ถึงวิกฤติก็เริ่มส่งมือดีเข้าไปตรวจสอบถึงเรื่องนี้และก็เพิ่งจะได้ข้อมูลใหม่มาสดๆ ร้อนๆ

"เฮ้อ....หวังว่าจอมเวทจากกิลล์แฟรี่เทลจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์นี้ได้นะ" พระราชาที่นั้งอยู่บนบรรลังค์กล่าวออกมาด้วยความเหนื่อยใจ

ตอนนี้คงได้แต่คาดหวังไว้กับเวทมนโบราณของซาลาแมนเดอร์กับอีกคนที่มาจากทีมชาโดว์เกียผู้มีความสามารถในการอ่านภาษาโบราณแล้วล่ะ

พระราชาเฝ้ารอการมาถึงของทั้งสองคนอย่างใจจดใจจ่อ

.....

"เอ้า! นัตสึพวกเรามาถึงเมืองหลวงแล้วนะ" เลวี่ตะโกนเรียกนัตสึที่นอนเอามือกุมปากไว้อยู่ ใบหน้าของเขามันดูซีดเซียวจนไม่มีสี

สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าคาถาที่เลวี่ร่ายเอาไว้มันหมดฤทธิ์นะสิ ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่สมบูรณ์แบบสะทีเดียวคงต้องค้นขว้ากันต่อไป

"อุก....ช่วย....ด้วย" นัตสึคลานมาเกาะขาของเลวี่ท่ามกลางสายตาของประชาชีที่มองอยู่ หญิงสาวร่างเล็กรู้สึกอายขึ้นมาทันที

"นี้นัตสึอย่าทำแบบนี้สิมันน่าอายนะ!" เธอกระซิบบอกเสียงเบาในขณะที่พยายามแงะมือของนัตสึออกจากขาของเธอให้ได้อยู่

"จะอ้วก...แล้ว อุก" นัตสึเริ่มทำท่าจะคายอาหารเช้าที่กินไปออกมา

เลวี่ร้องกรี้ดทันทีเนื่องจากว่าเขาทำท่าจะอ้วกรดขาของเธอ

"แฮปปี้มาช่วยหน่อยสิ!" เรวี่หันไปหาตัวช่วย

"ไอซ์ นัตสึกินปลาหน่อยไหมเผื่ออาการจะดีขึ้น" แฮปปี้ยื่นปลาสดมาไกล้ใบหน้าของนัตสึ ซึ่งจากกลิ่นคาวของมันบวกกับคนกำลังคลื่นใส้อยู่ก็เท่ากับ-

"อ้วกกก"

"......." เรวี่

"......" ประชาชนที่มองอยู่

"อืม...เค้าไม่ผิดนะ" แฮปปี้

และสุดท้ายเลวี่ก็ต้องมาเก็บกวาดเองอยู่ดีด้วยเวทมนง่ายๆ อย่างการเขียนคลีนทำให้คราบใฟ้ไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน ก่อนที่จะรักษาอาการของนัตสึเบื้องต้นด้วยการให้เขากินยากับร่ายเวทด้วยการเขียนอักษรของเธอลงไปบนตัวของเด็กหนุ่มไป

"คืนชีพพพ! ฮาๆๆ!" พออาการหายปุปก็กลับมาคึกคักเหมือนเดิม "ขอบคุณนะที่ช่วยเลวี่!"

นัตสึยิ้มแฉ่งให้ เลวี่ได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนเเรงตอบและคิดในใจไปด้วยว่า 'ลูซี่จังรู้สึกแบบนี้เหมือนกันรึเปล่านะ? เฮ้อ'

เนื่องจากว่าพึ่งจะเดินทางมาถึงเหนื่อยๆ พวกเขาเลยไปหาร้านอาหารเพื่อเติมพลังสักหน่อยก่อนที่จะไปพบกับผู้จ้างวาน ซึ่งก็คือพระราชาของอานาจักรแห่งนี้

รับประทานอาหารจนอิ่มหน่ำสำราญกันเสร็จโดยที่มื้อนี้นัตสึเป็นคนเลี้ยงเป็นการขอบคุณเลวี่ที่ช่วยเขาไว้หลายครั้งในวันนี้ และโชคดีที่เขายังมีเงินเหลือจากภารกิจก่อนๆ ไม่งั้นคงไม่พ้นเลวี่ต้องเป็นคนจ่ายแทนแหง่ๆ

"งั้นพวกเราไปพบพระราชากันเถอะ!" เลวี่บอกโดยมีเสียงร้อง "โอ้!" กับ "ไอเซอร์!" ตามหลังเธอมา

รู้สึกเหมือนกับกลายเป็นพี่เลี้ยงยังไงก็ไม่รู้แฮะ เลวี่ได้แต่คิดแต่ไม่ได้พูดออกมา

พวกเขาเดินทางไปที่ประสาทซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของเมืองหลวงเป็นสถานที่ๆ เด่นสุดๆไปเลยจึงสามารถมาถึงได้ง่ายมาก

พอเอาเอกสารยื่นให้กับทหารยามที่เฝ้ารักษาประตูอยู่ก็ถูกนำทางมาที่ห้องรับแขกในประสาทหลังใหญ่โตแห่งนี้ เอะ...หรือว่าจะเรียกว่าวังดี?

ใหญ่ขนาดนี้น่าจะวังนั้นแหละ

นั้งรออยู่สักพักก็มีข้ารับใช้เข้ามาพาไปยังที่ๆ พระราชาอยู่เพื่อเข้าเฝ้า

"เอาล่ะมาถึงแล้วขอรับ...ก่อนจะเข้าไปกระผมขอเตือนไว้ก่อนเลยนะว่าอย่าได้เสียมารยาทกับฝ่าบาทเด็ดขาด"

เลวี่รู้เลยว่าอีกฝ่ายน่าจะกังวลน่าดู ก็นะกิลล์ของพวกเธอเป็นกิลล์ที่ไม่ค่อยสนกฏเกนณ์อะไรเลยสักนิดกลัวว่าจะทำอะไรเสียหายต่อหน้าจองพระราชาก็ไม่แปลก

หลังจากที่ประตูเปิดออกนัตสึกับเลวี่และแฮปปี้ที่ตอนนี้เกาะอยู่บนไหล่ของนัตสึอยู่ก็เดินเข้าไปตามพรมสีแดง

"ถวายบังคม" ข้ารับใช้คุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพ

เลวี่เองก็ทำตามแต่นัตสึนั้น....ไม่เขายื่นนิ่งๆ และจ้องหน้าของพระราชาก่อนที่จะทำหน้ายัวะโมโหขึ้นมา

"ขอต่อยสักทีเถอะ" เด็กหนุ่มชนหมัดกับฝ่ามืออีกข้างจนมีประกายไฟปะทุ

คนที่อยู่ในห้องตกใจและที่ตกใจที่สุดก็คือเลวี่ เธอรีบลุกขึ้นมาเกาะตัวของนัตสึเอาไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะรีบกล่าวออกมา ไม่งั้นมีหวังพวกเธอได้หัวกุดข้อหาทำร้ายพระราชาของอานาจักรแน่ๆ

"ขอโทษด้วยนะคะ! พอดีว่าเขาแค่โมโหที่ไม่ได้ไปสอบเพื่อเลื่อนเป็นระดับเอสนะคะ!"

"ฮะๆ ไม่เป็นไรๆ เราเข้าใจ" พระราชาโทมะหัวเราะออกมาแห้งๆ พร้อมกับเหงื่อตกและรํสึกผิดที่ทำให้ทั้งสองคนไม่ได้ไปสอบ

"เอาล่ะพวกเจ้าไปจัดเตรียมสถานที่ให้หน่อยเรากับจอมเวทจากแฟรี่เทลจะหารือเกี่ยวกับภารกิจที่พวกเขาจะได้รับไป" พระราชาโทมะสั่งข้ารับใช้

"ทราบแล้วขอรับ" ข้ารับใช้คานรับและเดินออกไปทำตามคำสั่งของพระราชาอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้สถานที่ๆ ต้องการแล้วพวกเขาก็ย้ายไปยังสถายที่นั้นก่อนที่จะเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเนี้อหาของภารกิจที่นัตสึและเลวี่จะได้รับไป

"เอาล่ะเราต้องขอโทษด้วยที่ต้องลากพวกเธอให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งๆ ที่ติดภารกิจสำคัญอยู่" พระราชาโทมะกล่าวขอโทษออกมาด้วยความจริงใจ

แม้นัตสึจะรู้สึกหัวร้อนอยู่บ้างแต่เมื่อได้รับการขอโทษแล้วเขาก็ใจเย็นลงและพร้อมกับจะรับฟังเนื้อหาเต็มของภารกิจจากผู้จ้างวานแล้ว

"ไม่เป็นไรหรอกคะท่าน หากพวกเราสามารถทำได้ก็ไม่เกี่หรอกว่าจะเป็นภารกิจแบบไหน" เลวี่ยิ้มให้ด้วยความมั้นใจโดยมีนัตสึผงกหัวเสริมส่วนแฮปปี้ก็นั้งกินปลาของเขาไป

"งั้นเหรอ เป็นงั้นเองอย่างนี้ทางเร่ก็ค่อยโล่งอกหน่อย"

"เนื้อหาภารกิจที่เราจะจ้างวานนั้นมันค่อนข้างที่จะคลุมเครือไปหน่อย..." แล้วพระราชาก็บอกเนื้อหาเท่าที่ได้รับรู้มาให้ทั้งสองฟัง

เหตุเกิดจากสัตว์ประหลาดปริศนาปรากฏขึ้นมาจากวังวนสีดำรูปร่างไม่แน่ชัดเพราะมันสามารถเปลี่ยนได้หลายแบบ มีความสามารถสังหารจอมเวทได้ง่ายดาย

เวทมนปกติไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย

"แบบนี้ก็ค่อนข้างที่จะงานหยาบเลยสิคะ" เลวี่เริ่มประหม่า

"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเดียวจะใช้เวทมนนี้ซัดพวกมันจนหมอบให้ดู" นัตสึจุดประกายไฟบนฝ่ามือก่อนที่จะกำหมัดกลายเป็นลุกไหม้ทั่วทั้งมือของเขา

"ใช่แล้วไอซ์! พลังทำลายของนัตสึหาใครเทียบได้อยู่แล้ว

"ได้ยินแบบนั้นเราก็วางใจ" พระราชายิ้ม "ส่วนหลังจากที่พวกเธอสาทฝมารถจัดการมันได้แล้วอยากจะใฟ้สืบค้นดูว่าพวกมันคือตัวอะไรกันแน่ให้หน่อยได้ไหม?"

"จะบอกว่าให้ฝ่าศพพวกมันเหรอคะ?"

"ทำนองนั้น" พระราชาพยักหน้าให้เป็นการยืนยัน

พวกเขาพูดคุยถึงเรื่องต่างๆ เผื่อข้อมูลยิบย่อยมันจะเป็นประโยชน์เลวี่ตดบันทึกข้อมูลทุกอย่างลงไปในโน้ตที่เธอเอาออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ

ส่วนนัตสึกับแฮปปี้นั้นก็แทบจะหลับแหล่มิหลับแหล่อยู่แล้วเนื่องจากข้อมูลทั้งหลายนั้นมันมากเกินไป เกินกว่าที่สมองของพวกเขาจะรับไหว

ทันใดนั้นจู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงที่แจ่งตัวดูดีหรูหราอายุประมาณสิบเอ็ดปีเดินเข้ามายังสถานที่ๆ พวกเขากำลังคุยกันอยู่

"ท่านพ่อ!"

"ชิซุย" พระราชาแปลกใจเมื่อเห็นลูกสาวมาหา

นัตสึกับแฮปปี้ตื่นขึ้นมา เลวี่เองก็มองไปยังเด็กสาวคนที่ชื่อว่าชิซุย

เธอมีผมสีเขียวมัดไว้เป็นทรงหางม้าดูดีเหมาะกับวัยเด็กแบบเธอมาก ดวงตาสีเดียวกับเส้นผมของเธอจ้องมองมาที่ทั้งสามคนอย่างแปลกใจ

เมื่อพระราชาโทมะเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวขึ้นมา

"ขอโทษที่แนะนำตัวช้านะ นี้ลูกสาวของเราเองชื่อ ชิซุย อี ฟิโอเล่" พระราชาตบหลังของลูกสาวเบาๆ เพื่อเป็นเชิงให้กำลังใจ "เอาสวัสดีพวกพี่เขาสิ"

"สะ สวัสดีคะทุกคน" เธอพูดออกมาเขินๆ

เลวี่ดวงตาเป็นประกายเพราะเด็กสาวคนนี้น่ารักมาก

"สวัสดีคะองค์หญิง พี่ชื่อเลวี่นะ"

"สวัสดีเราชื่อแฮปปี้!"

"ว่าไง! ส่วนฉันชื่อนัตสึ" เด็กหนุ่มยิ้มให้กับเด็กสาวจนหน้าแดงด้วยความเขินอายเธอรีบไปหลบที่หลังของพ่อเธอทันที

ในชีวิตของเธอยังไม่เคยคุยกับเพศตรงข้ามมาก่อนเลยโดยเฉพาะอายุที่ไกล้เคียงกันแบบนี้?

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 10

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!