"ไม่เมา...." เด็กหนุ่มผมชมพูที่สีดูเหมือนเนื้อแซลม่อนพึมพัมออกมาเบาๆ เขย่าตัวจนสุดก่อนที่จะเด้งตัวขึ้นมาด้วยความดีใจสุดขีด
แขนทั้งสองข้างชูไปบนฟ้าพร้อมกับตะโกน
""หายเมายานพาหนะแล้ววว!!/ ไอซ์!!"" นัตสึกับคู่หูของเขาตะโกนออกมากลางขบวนรถไฟ
คนที่นั้งอยู่รอบๆ เริ่มมองมาที่พวกเขาและคิดว่าหัวของนัตสึน่าจะไปกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างถึงได้ดูเพี้ยนๆ แบบนี้
"นั้งลงเถอะนัตสึมันรบกวนคนอื่นเขานะ" เลวี่ได้แต่ส่ายหน้าแต่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นว่าการค้นขว้าของเธอประสบผลสำเร็จ
แบบนี้คงสามารถเอาไปใช่กับกาซีลได้แล้วสิเนี้ย...เมื่อคิดถึงชายคนนี้เลวี่ก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้
"บ้า...คิดอะไรของเรากันเนี้ย" เธอพึมพัมออกมาเบาๆ และพยายามเลิกคิดถึงเรื่องของอีกคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่
โดยที่ไม่ได้รู้สึกถึงนัตสึเลยว่าตอนนี้เขาเข้ามานั้งจ้องหน้าของเธอชนิดที่แทบจะสิงร่างกันอยู่แล้ว เนื่องจากเด็กหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวร่างเล็กจู่ๆ ก็หน้าแดงเลยนึกว่าเป็นไข้
เขาจึงเข้ามาดูไกล้ๆ ด้วยความเป็นห่วง
"เลวี่เธอไม่าสบายงั้นเหรอ?" เลวี่ได้สติหันมาตามเสียงพูดของนัตสึก่อนที่จะตกใจเพราะใบหน้าของเขามันไกล้มาก และการหันมาเมื่อกี้ของเธอจมูกของเขาเเละเธอเองก็แทบจะชนกันอยู่แล้ว
"อ้าย!" เรวี่ตกใจร้องออกมาก่อนที่จะเผลอใช้มือทั้งสองข้างพลักใบหน้าของนัตสึออกไปอย่างเเรง
"หะ! เดียว-"
ก้อง!
โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรหัวของนัตสึก็ถูกกระแทกเข้ากับที่นั้งไปสะแล้ว ดวงตาของเด็กหนุ่มขาวโพลนดูเหมือนว่าการลอบโจมตีเมื่อกี้จะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่สิ!-
"อะ นัตสึเป็นอะไรไหม!? เมื่อกี้ฉันแค่...ตก...ใจ" เมื่อเห็นสภาพของเด็กหนุ่มที่สลบน้ำลายยืดเลวี่ก็ถึงกับพูดต่อไม่ออก
"ดูเหมือนจะสลบไปแล้วนะไอเซอร์!" แฮปปี้บอกออกมาเมื่อเห็นว่าพ่อของตนเองสลบไปแล้ว
เลวี่รู้สึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายสลบไป เธอจึงเปลี่ยนที่นั้งไปนั้งข้างๆนัตสึแทน (เมื่อกี้ทั้งสองคนนั้งหันหน้าเข้าหากัน) ก่อนที่จะนำหัวของเขามาหนุนที่ตักของเธอ และเอากระเป๋าสำภาระวางไว้ที่นั้งของเธอแทน
แฮปปี้เองก็ย้ายไปนั้งอยู่กับกระเป๋าเช่นกันเนื่องจากที่นั้งไม่พอให้นั้งได้สามคนในที่เดียว
"หวังว่าแบบนี้จะไม่ทำให้หัวของนัตสึกระแทกเพิ่มนะ" เธอพูดออกมาเบาๆ ให้ตัวเองได้ยินเป็นการปลอบใจตัวเอง
หลังจากที่จัดท่าทางของนัตสึเสร็จ เธอก็มองออกไปที่นอกหน้าต่างคาดหวังกับภารกิจที่พวกเธอกำลังจะไปทำ
ได้แต่หวังไว้ว่ามันจะไม่ยุ่งยากเกินไปละนะ
.....
ณ ปราสาทของพระราชาซึ่งอยู่ใจกลางของอานาจักรฟิโอเล่
พระราชาโทมะ อี ฟิโอเล่ ทำหน้าเครียดหลังจากที่ได้รับข่าวสารใหม่จากข้ารับใช้ถึงเรื่องสัตว์ประหลาดแปลกๆ ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
พระราชาเป็นชายวัยกลางคนมีผมสีขาวซึ่งก็เป็นไปตามวัยสังขาล ร่างของเขาไม่สูงมากนักหากจะให้เทียบก็คงจะราวๆ มาสาเตอร์จากกิลล์แฟรี่เทลที่มีส่วนสูงไกล้เคียงกัน
"ว่ายังไงนะ จู่ๆ มันก็โผล่ออกมาจากหลุมสีดำที่ปรากฏออกมาจากอากาศ!? เจ้าแน่ใจงั้นรึ?"
ข้ารับใช้พยักหน้ายืนยันในขณะที่ยังคงคุกเข่าอยู่ที่หน้าพระพักของพระราชา
"ขอรับจากข่าวสารที่สามารถยืนยันได้ เจ้าสัตว์ประหลาดนั้นมันออกมาจากหลุมสีดำกลางอากาศซึ่งน่าจะมาจากเวทมนประเภทมิติขอรับ"
สัตว์ประหลาดที่พวดเขาพูดถึงนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาได้สักพักแล้ว เนื่องจากว่าจู่ๆ ก็ได้รับรายงานเดี่ยวกับพวกมันประมาณหนึ่งตัวเมื่อเดือนก่อนแต่เพราะมันไม่ได้มีมากมายอะไรจึงไม่มีใครสนใจมากนัก
แต่พอมันเริ่มสร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านก็มีคนออกภารกิจให้ไปกำจัดมันแต่ทว่าจอมเวทที่รับภารกิจไปไม่ตายก็รอดมาแบบไม่ครบสามสิบสองและกลายเป็นบ้ากันไปหมด เอาแต่พึมๆ อะไรไม่รู้ออกมา
บางก็บอกว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดที่เหมือนมังกร บางก็บอกว่ามันมีรูปร่างเหมือนโกเลม และมีอีกสิ่งที่น่าสงสัยก็คือมีคนที่รอดบอดมาว่ามันมีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์
เวทมนตร์ปกติไม่สามารถทำความเสียหายให้กับมันได้นอกจากเวทมนตร์โบราณ พระราชาที่เริ่มรับรู้ถึงวิกฤติก็เริ่มส่งมือดีเข้าไปตรวจสอบถึงเรื่องนี้และก็เพิ่งจะได้ข้อมูลใหม่มาสดๆ ร้อนๆ
"เฮ้อ....หวังว่าจอมเวทจากกิลล์แฟรี่เทลจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์นี้ได้นะ" พระราชาที่นั้งอยู่บนบรรลังค์กล่าวออกมาด้วยความเหนื่อยใจ
ตอนนี้คงได้แต่คาดหวังไว้กับเวทมนโบราณของซาลาแมนเดอร์กับอีกคนที่มาจากทีมชาโดว์เกียผู้มีความสามารถในการอ่านภาษาโบราณแล้วล่ะ
พระราชาเฝ้ารอการมาถึงของทั้งสองคนอย่างใจจดใจจ่อ
.....
"เอ้า! นัตสึพวกเรามาถึงเมืองหลวงแล้วนะ" เลวี่ตะโกนเรียกนัตสึที่นอนเอามือกุมปากไว้อยู่ ใบหน้าของเขามันดูซีดเซียวจนไม่มีสี
สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าคาถาที่เลวี่ร่ายเอาไว้มันหมดฤทธิ์นะสิ ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่สมบูรณ์แบบสะทีเดียวคงต้องค้นขว้ากันต่อไป
"อุก....ช่วย....ด้วย" นัตสึคลานมาเกาะขาของเลวี่ท่ามกลางสายตาของประชาชีที่มองอยู่ หญิงสาวร่างเล็กรู้สึกอายขึ้นมาทันที
"นี้นัตสึอย่าทำแบบนี้สิมันน่าอายนะ!" เธอกระซิบบอกเสียงเบาในขณะที่พยายามแงะมือของนัตสึออกจากขาของเธอให้ได้อยู่
"จะอ้วก...แล้ว อุก" นัตสึเริ่มทำท่าจะคายอาหารเช้าที่กินไปออกมา
เลวี่ร้องกรี้ดทันทีเนื่องจากว่าเขาทำท่าจะอ้วกรดขาของเธอ
"แฮปปี้มาช่วยหน่อยสิ!" เรวี่หันไปหาตัวช่วย
"ไอซ์ นัตสึกินปลาหน่อยไหมเผื่ออาการจะดีขึ้น" แฮปปี้ยื่นปลาสดมาไกล้ใบหน้าของนัตสึ ซึ่งจากกลิ่นคาวของมันบวกกับคนกำลังคลื่นใส้อยู่ก็เท่ากับ-
"อ้วกกก"
"......." เรวี่
"......" ประชาชนที่มองอยู่
"อืม...เค้าไม่ผิดนะ" แฮปปี้
และสุดท้ายเลวี่ก็ต้องมาเก็บกวาดเองอยู่ดีด้วยเวทมนง่ายๆ อย่างการเขียนคลีนทำให้คราบใฟ้ไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน ก่อนที่จะรักษาอาการของนัตสึเบื้องต้นด้วยการให้เขากินยากับร่ายเวทด้วยการเขียนอักษรของเธอลงไปบนตัวของเด็กหนุ่มไป
"คืนชีพพพ! ฮาๆๆ!" พออาการหายปุปก็กลับมาคึกคักเหมือนเดิม "ขอบคุณนะที่ช่วยเลวี่!"
นัตสึยิ้มแฉ่งให้ เลวี่ได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนเเรงตอบและคิดในใจไปด้วยว่า 'ลูซี่จังรู้สึกแบบนี้เหมือนกันรึเปล่านะ? เฮ้อ'
เนื่องจากว่าพึ่งจะเดินทางมาถึงเหนื่อยๆ พวกเขาเลยไปหาร้านอาหารเพื่อเติมพลังสักหน่อยก่อนที่จะไปพบกับผู้จ้างวาน ซึ่งก็คือพระราชาของอานาจักรแห่งนี้
รับประทานอาหารจนอิ่มหน่ำสำราญกันเสร็จโดยที่มื้อนี้นัตสึเป็นคนเลี้ยงเป็นการขอบคุณเลวี่ที่ช่วยเขาไว้หลายครั้งในวันนี้ และโชคดีที่เขายังมีเงินเหลือจากภารกิจก่อนๆ ไม่งั้นคงไม่พ้นเลวี่ต้องเป็นคนจ่ายแทนแหง่ๆ
"งั้นพวกเราไปพบพระราชากันเถอะ!" เลวี่บอกโดยมีเสียงร้อง "โอ้!" กับ "ไอเซอร์!" ตามหลังเธอมา
รู้สึกเหมือนกับกลายเป็นพี่เลี้ยงยังไงก็ไม่รู้แฮะ เลวี่ได้แต่คิดแต่ไม่ได้พูดออกมา
พวกเขาเดินทางไปที่ประสาทซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของเมืองหลวงเป็นสถานที่ๆ เด่นสุดๆไปเลยจึงสามารถมาถึงได้ง่ายมาก
พอเอาเอกสารยื่นให้กับทหารยามที่เฝ้ารักษาประตูอยู่ก็ถูกนำทางมาที่ห้องรับแขกในประสาทหลังใหญ่โตแห่งนี้ เอะ...หรือว่าจะเรียกว่าวังดี?
ใหญ่ขนาดนี้น่าจะวังนั้นแหละ
นั้งรออยู่สักพักก็มีข้ารับใช้เข้ามาพาไปยังที่ๆ พระราชาอยู่เพื่อเข้าเฝ้า
"เอาล่ะมาถึงแล้วขอรับ...ก่อนจะเข้าไปกระผมขอเตือนไว้ก่อนเลยนะว่าอย่าได้เสียมารยาทกับฝ่าบาทเด็ดขาด"
เลวี่รู้เลยว่าอีกฝ่ายน่าจะกังวลน่าดู ก็นะกิลล์ของพวกเธอเป็นกิลล์ที่ไม่ค่อยสนกฏเกนณ์อะไรเลยสักนิดกลัวว่าจะทำอะไรเสียหายต่อหน้าจองพระราชาก็ไม่แปลก
หลังจากที่ประตูเปิดออกนัตสึกับเลวี่และแฮปปี้ที่ตอนนี้เกาะอยู่บนไหล่ของนัตสึอยู่ก็เดินเข้าไปตามพรมสีแดง
"ถวายบังคม" ข้ารับใช้คุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพ
เลวี่เองก็ทำตามแต่นัตสึนั้น....ไม่เขายื่นนิ่งๆ และจ้องหน้าของพระราชาก่อนที่จะทำหน้ายัวะโมโหขึ้นมา
"ขอต่อยสักทีเถอะ" เด็กหนุ่มชนหมัดกับฝ่ามืออีกข้างจนมีประกายไฟปะทุ
คนที่อยู่ในห้องตกใจและที่ตกใจที่สุดก็คือเลวี่ เธอรีบลุกขึ้นมาเกาะตัวของนัตสึเอาไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะรีบกล่าวออกมา ไม่งั้นมีหวังพวกเธอได้หัวกุดข้อหาทำร้ายพระราชาของอานาจักรแน่ๆ
"ขอโทษด้วยนะคะ! พอดีว่าเขาแค่โมโหที่ไม่ได้ไปสอบเพื่อเลื่อนเป็นระดับเอสนะคะ!"
"ฮะๆ ไม่เป็นไรๆ เราเข้าใจ" พระราชาโทมะหัวเราะออกมาแห้งๆ พร้อมกับเหงื่อตกและรํสึกผิดที่ทำให้ทั้งสองคนไม่ได้ไปสอบ
"เอาล่ะพวกเจ้าไปจัดเตรียมสถานที่ให้หน่อยเรากับจอมเวทจากแฟรี่เทลจะหารือเกี่ยวกับภารกิจที่พวกเขาจะได้รับไป" พระราชาโทมะสั่งข้ารับใช้
"ทราบแล้วขอรับ" ข้ารับใช้คานรับและเดินออกไปทำตามคำสั่งของพระราชาอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้สถานที่ๆ ต้องการแล้วพวกเขาก็ย้ายไปยังสถายที่นั้นก่อนที่จะเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเนี้อหาของภารกิจที่นัตสึและเลวี่จะได้รับไป
"เอาล่ะเราต้องขอโทษด้วยที่ต้องลากพวกเธอให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งๆ ที่ติดภารกิจสำคัญอยู่" พระราชาโทมะกล่าวขอโทษออกมาด้วยความจริงใจ
แม้นัตสึจะรู้สึกหัวร้อนอยู่บ้างแต่เมื่อได้รับการขอโทษแล้วเขาก็ใจเย็นลงและพร้อมกับจะรับฟังเนื้อหาเต็มของภารกิจจากผู้จ้างวานแล้ว
"ไม่เป็นไรหรอกคะท่าน หากพวกเราสามารถทำได้ก็ไม่เกี่หรอกว่าจะเป็นภารกิจแบบไหน" เลวี่ยิ้มให้ด้วยความมั้นใจโดยมีนัตสึผงกหัวเสริมส่วนแฮปปี้ก็นั้งกินปลาของเขาไป
"งั้นเหรอ เป็นงั้นเองอย่างนี้ทางเร่ก็ค่อยโล่งอกหน่อย"
"เนื้อหาภารกิจที่เราจะจ้างวานนั้นมันค่อนข้างที่จะคลุมเครือไปหน่อย..." แล้วพระราชาก็บอกเนื้อหาเท่าที่ได้รับรู้มาให้ทั้งสองฟัง
เหตุเกิดจากสัตว์ประหลาดปริศนาปรากฏขึ้นมาจากวังวนสีดำรูปร่างไม่แน่ชัดเพราะมันสามารถเปลี่ยนได้หลายแบบ มีความสามารถสังหารจอมเวทได้ง่ายดาย
เวทมนปกติไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย
"แบบนี้ก็ค่อนข้างที่จะงานหยาบเลยสิคะ" เลวี่เริ่มประหม่า
"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเดียวจะใช้เวทมนนี้ซัดพวกมันจนหมอบให้ดู" นัตสึจุดประกายไฟบนฝ่ามือก่อนที่จะกำหมัดกลายเป็นลุกไหม้ทั่วทั้งมือของเขา
"ใช่แล้วไอซ์! พลังทำลายของนัตสึหาใครเทียบได้อยู่แล้ว
"ได้ยินแบบนั้นเราก็วางใจ" พระราชายิ้ม "ส่วนหลังจากที่พวกเธอสาทฝมารถจัดการมันได้แล้วอยากจะใฟ้สืบค้นดูว่าพวกมันคือตัวอะไรกันแน่ให้หน่อยได้ไหม?"
"จะบอกว่าให้ฝ่าศพพวกมันเหรอคะ?"
"ทำนองนั้น" พระราชาพยักหน้าให้เป็นการยืนยัน
พวกเขาพูดคุยถึงเรื่องต่างๆ เผื่อข้อมูลยิบย่อยมันจะเป็นประโยชน์เลวี่ตดบันทึกข้อมูลทุกอย่างลงไปในโน้ตที่เธอเอาออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ
ส่วนนัตสึกับแฮปปี้นั้นก็แทบจะหลับแหล่มิหลับแหล่อยู่แล้วเนื่องจากข้อมูลทั้งหลายนั้นมันมากเกินไป เกินกว่าที่สมองของพวกเขาจะรับไหว
ทันใดนั้นจู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงที่แจ่งตัวดูดีหรูหราอายุประมาณสิบเอ็ดปีเดินเข้ามายังสถานที่ๆ พวกเขากำลังคุยกันอยู่
"ท่านพ่อ!"
"ชิซุย" พระราชาแปลกใจเมื่อเห็นลูกสาวมาหา
นัตสึกับแฮปปี้ตื่นขึ้นมา เลวี่เองก็มองไปยังเด็กสาวคนที่ชื่อว่าชิซุย
เธอมีผมสีเขียวมัดไว้เป็นทรงหางม้าดูดีเหมาะกับวัยเด็กแบบเธอมาก ดวงตาสีเดียวกับเส้นผมของเธอจ้องมองมาที่ทั้งสามคนอย่างแปลกใจ
เมื่อพระราชาโทมะเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวขึ้นมา
"ขอโทษที่แนะนำตัวช้านะ นี้ลูกสาวของเราเองชื่อ ชิซุย อี ฟิโอเล่" พระราชาตบหลังของลูกสาวเบาๆ เพื่อเป็นเชิงให้กำลังใจ "เอาสวัสดีพวกพี่เขาสิ"
"สะ สวัสดีคะทุกคน" เธอพูดออกมาเขินๆ
เลวี่ดวงตาเป็นประกายเพราะเด็กสาวคนนี้น่ารักมาก
"สวัสดีคะองค์หญิง พี่ชื่อเลวี่นะ"
"สวัสดีเราชื่อแฮปปี้!"
"ว่าไง! ส่วนฉันชื่อนัตสึ" เด็กหนุ่มยิ้มให้กับเด็กสาวจนหน้าแดงด้วยความเขินอายเธอรีบไปหลบที่หลังของพ่อเธอทันที
ในชีวิตของเธอยังไม่เคยคุยกับเพศตรงข้ามมาก่อนเลยโดยเฉพาะอายุที่ไกล้เคียงกันแบบนี้?
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments