แสงปฏิพัทธ์
เทียร์นักศึกษาปี 2 คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ กำลังเดินคอตกอยู่ที่ตลาดหลังมอ เพราะวันนี้เป็นวันสอบมิดเทอม แต่เขากลับทำข้อสอบในครั้งนี้ไม่ค่อยได้ 'นี่ขนาดอดหลับอดนอนอ่านหนังสือแล้วนะ' และระหว่างที่เขากำลังเดินเหม่ออยู่กับความคิดตัวเอง บวกกับความง่วงทำให้เทียร์ไม่ทันได้สังเกตถึงระดับพื้นที่ต่างกันจนเผลอสะดุดเข้าเต็ม ๆ
"เชี่ยยยย!!!"
และเหมือนกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดในจังหวะเดียวกันก็มีชายคนหนึ่งเดินสวนมาพอดี ทำให้เขาล้มไปทับตัวผู้ชายคนนั้นจนล้มคะมำกันทั้งสองคน ถ้าหากว่าเรื่องมีแค่นั้นก็คงดี แต่เทียร์ไม่ใช่คนที่โชคดีขนาดนั้นพราะตอนนี้ปากของเขาและผู้ชายคนนั้นกำลังแนบชิดติดกัน!!! 'ฉิบหายแล้ว'
เมื่อได้สติคนที่อยู่ด้านบนอย่างเทียร์ก็รีบดีดตัวลุกชึ้นในทันที แล้วจึงรีบขอโทษและผู้ชายคนนั้น ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นเช่นกันแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ เทียร์ก็ชิงเดินหนีเสียก่อน
เนื่องจากเสียงอุทานของเขาเมื่อกี้ทำให้สายตาทุกคู่ในบริเวณใกล้เคียง ได้หันมาจับจ้องเหตุการณ์น่าอายเมื่อครู่ในหัวของเขาตอนนั้นมีความคิดอยู่สองอย่าง คือไม่แกล้งเป็นลมให้รู้แล้วรู้รอด ก็ต้องเดินหนีให้ไวที่สุด และใช่เขาได้เลือกอย่างที่สอง เทียร์ในตอนนี้รีบสาวเท้าตัวเองให้เร็วที่สุด เพื่อออกจากบริเวณตรงนั้นโดยที่ไม่หันไปมองผู้ชายคนเมื่อกี้เลยสักนิด 'ผมขอโทษจริงๆ ครับ ฮือออ'
ตอนนี้เขากำลังนั่งเอามือปิดหน้าตัวเองอยู่ พร้อมกับบ่นพึมพำว่าทำไมถึงซุ่มซ่ามได้ขนาดนี้ ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นเรื่องที่น่าอายที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว
ยิ่งผมเห็นสีหน้าของผู้ชายคนนั้นที่อยู่ในอาการตกใจสุดขีด เขารู้สึกผิดต่อผู้ชายคนนั้นจริงๆ นะ แต่หน้าของเทียร์เองก็ไม่ได้หนาพอที่จะยืนรับสายตาทุกคู่ตรงนั้นเลยตัดสินใจรีบเดินออกมา ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงทำได้แค่ขอโทษผู้ชายคนนั้นซ้ำๆ ในใจและภาวนาให้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นไม่มีคนที่รู้จักเขา เพราะเรื่องนี้จะกลายเป็นความลับขั้นสุดยอดของหนุ่มที่ชื่อว่า เทียร์
"เอาน่าอย่าไปคิดมา มึงไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย" เสียงโยหรือวาโย เพื่อนสนิทของเทียร์ทักขึ้น ตอนนี้เขาและโยกำลังทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารในมหา'ลัย พร้อมกับมีผู้หญิงกลุ่มนึงกำลังเพ่งสายตามาทางโต๊ะที่พวกเขานั่งยู่ แล้วหันไปซุบซิบกัน เพราะเมื่อตอนเช้าเทียร์เผลอไปเข้าห้องน้ำผิด ก็ดันเดินไปเข้าห้องน้ำหญิงน่ะสิ ด้วยความเบลอจากการนอนที่ไม่ค่อยจะเพียงพอในช่วงนี้
"มึงก็พูดได้ดิ ไม่ได้เป็นคนเข้าห้องน้ำผิดหนิ แถมตอนกำลังจะวิ่งออกกูดันลื่นจนล้มอีก อายชิบ"
เทียร์ได้แต่ตัดพ้อเบาๆ แต่กระนั้นหน้าของวาโยในตอนนี้ก็พยายามกลั้นขำอย่างสุดขีด 'อย่าให้ถึงคราวกูบ้างแล้วกันนะ ไอ้โยเพื่อนรัก'
"พูดก็พูดเหอะ นอนบ้างนะมึงอ่ะ ช่วงนี้เบลอจัดวันนี้ก็เข้าห้องน้ำผู้หญิง วันก่อนก็สะดุดบันไดจนล้มหน้าคว่ำ แล้วนี่ยังไม่รวมถึง......" เมื่อเห็นว่าไอ้โยเริ่มร่ายวีรกรรมของเทียร์ในช่วงนี้ เจ้าตัวจึงเบรกมันเสียก่อนที่เรื่องน่าอายของเขาจะเข้าหูโต๊ะข้างๆ
"เออๆ รู้แล้ว อย่าตอกย้ำกันได้ป่ะ แต่จะว่าไปก็นึกถึงตุลย์ว่ะ พักหลังมานี้มันไม่ค่อยมาเจอพวกเราเลย"
จู่ๆ เทียร์ก็นึกถึงเพื่อสนิทต่างคณะของเขาอีกคน ปกติแล้วตุลย์จะเป็นที่คอยปลอบเทียร์เสมอเวลาเจอเรื่องแย่ๆ เหมือนอย่างกับว่าเขาเป็นลูกชายตัวน้อยของตุลย์เลย ซึ่งต่างจากโยโดยสิ้นเชิง...
แต่ตั้งแต่เปิดเทอม2มานี้ เขาแทบจะไม่ได้เจอหน้าตุลย์เลย ไลน์ไปถามก็บอกว่าเรียนหนัก จนบางครั้งเขาก็แอบคิดว่าตุลย์พยายามหลบหน้าพวกเขารึเปล่า แต่ตุลย์คงจะยุ่งจริงๆ นั่นแหละ เพราะเขาเห็นเพื่อนในคณะเดียวกับตุลย์ก็บ่นๆ อยู่ว่าช่วงนี้เรียนหนัก
ตอนนี้ก็เป็นช่วงเย็นแล้ว เรียนเสร็จเทียร์กับโยก็แยกกันกลับคอนโดของตน แต่ในระหว่างเทียร์กำลังเปิดประตูรถ สายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่เพิ่งบ่นถึงไปเมื่อตอนเที่ยง กำลังเดินมา
"ตุลย์" ไวกว่าความคิดก็ปากของเขานี่แหละ เมื่อเห็นเพื่อนตัวน้อยในรอบหลายสัปดาห์ความดีใจของเทียร์มันก็ซ่อนไว้ไม่อยู่ จึงได้เผลอตะโกนเรียกชื่อเพื่อนออกไปด้วยเสียงอันดัง
ตุลย์สะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงเรียกที่ดึงดูดความสนใจของคนแถวนี้เกือบทั้งหมด ตุลย์ได้มองไปยังต้นเสียง ก็ได้พบกับเพื่อนของเขาที่ตอนนี้กำลังโบกมือให้กันอยู่
"ไงครับเพื่อน หายหน้าหายตาไปหลายวัน"
"ช่วงนี้ผมยุ่งๆ เรื่องเรียนที่คณะน่ะครับ" ตุลย์เพื่อนของเทียร์คนนี้เป็นที่พูดเพราะมาก แทบจะไม่มีคำหยาบหลุดออกมาจากปากของตุลย์เลย นั่นจึงทำให้เทียร์เวลาคุยกับตุลย์ต้องใช้คำพูดที่สุภาพกว่าปกติ อันที่จริงตุลย์ไม่ได้ถือสาหรอก แต่คนมันไม่ชินนี่นา ถึงจะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถมก็ตามที
"อืมๆ ก็พอได้ยินมาว่าช่วงนี้บริหารเรียนหนัก ว่าแต่วันเสาร์นี้ว่างไหม ว่าจะชวนไปดูหนัง" จังหวะช่างพอเหมาะพอดี เพราะเสาร์นี้หนังรักเรื่องนึงกำลังจะเข้าฉาย ที่จริงเทียร์เองไม่ค่อยชอบหนังแนวนี้เท่าไหร่ แต่ที่ไปดูเพราะเขาเป็นแฟนคลับของนางเอกของเรื่องยังไงล่ะ
"ได้ครับ เสาร์นี้ผมว่างพอดี"
คำตอบนั้นทำให้เทียร์ดีใจมาก จนเกือบจะกลั้นความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อทั้งสองพูดคุยเรื่องจิปาถะต่อกันเล็กน้อยเทียร์ก็ได้ขอตัวกลับหอเพราะนี่มันเริ่มจะเย็นแล้ว และก่อนกลับเขาก็ไม่ลืมจะโทรชวนวาโย ซึ่งโยเองก็ตอบตกลง
ตอนนี้ทั้งสามคนกำลังยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ที่โรงหนังในห้าแห่งหนึ่ง โดยทั้งพวกเราได้แบ่งหน้าที่กัน ตุลย์ทำหน้าที่ไปซื้อตั๋ว ส่วนเทียร์กับโยรับหน้าที่ไปซื้อป๊อปคอร์นและน้ำ
ตุลย์ยื่นตั๋วหนัง 3 ใบให้กับพนักงานตรวจตั๋ว โดยรอบหนังที่พวกเราเลือกที่จะดูนั้นเป็นรอบสี่ทุ่มเพราะกลางคืนผู้คนไม่เยอะเท่าตอนกลางวัน และหนังที่พวกเขา(เทียร์คนเดียว)เฝ้ารอจะดูนั่นก็คือ "Timeline จดหมายทรงจำ"(*) พวกเขานั่งประจำตำแหน่งที่ได้ระบุไว้ในตั๋วของแต่ละคน โดยที่มีเทียร์เป็นคนนั่งคั่นตรงกลาง
ซึ่งหนังจะเล่าถึงเรื่องราวของแทน หนุ่มเชียงใหม่ที่สอบติดมหา'ลัยใน กทม. การมาเรียนใน กทม.ครั้งนี้ แทนมาเพื่อหาทั้งความรู้ มิตรภาพ ความฝัน และความรัก ในวันรับน้องเขาได้เจอกับจูนหญิงสาวที่มีความคิดเป็นของตัวเอง และกล้าที่จะทำตามความฝัน เขาและเธอได้ทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยกันจนทั้งสองกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน
จูนมีรุ่นพี่ที่รู้จักอยู่คนนึงชื่อว่าอร ครั้งแรกที่แทนได้เจอกับอร แทนก็ตกหลุมรักเธอในทันที แทนพยายามทำทุกทางเพื่อที่จะได้คุยกับอร และความพยายามของเขาก็ไม่เสียเปล่า แต่หารู้ไม่ว่ามีคนที่แอบชอบแทนอยู่เหมือนกัน คนๆ นั้นคือจูน เพื่อนสนิทของเขาเอง
เรื่องราวดำเนินไปอย่างรวดเร็ว จนวันนึงจูน ขาดการติดต่อไม่มาเรียนหลายวัน แทนมารู้ทีหลังว่าจูนได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว เขามารู้ใจตัวเองทีหลัง แต่มันก็สายเกินไป เพราะตอนนั้น จูนไม่ได้อยู่ให้เขาบอกความรู้สึกของเขาให้เธอรู้อีกแล้ว
ฉากจบของหนังนั้น ถึงกับทำให้คนที่ร้องไห้ยากอย่างเทียร์มีน้ำใสๆไหลออกจากจากตา เขากะจะหันไปให้ตุลย์ปลอบ แต่พอหันไปถึงกลับพบว่าตุลย์อาการหนักกว่าเขาเสียอีก น้ำตาที่ไหลอาบแก้มจนเปียกไปหมด อีกทั้งยังสะอื้นจนตัวโยน ดูท่าแล้วเขาคงจะต้องเปลี่ยนเป็นคนปลอบเพื่อนแทน
เมื่อผู้คนเริ่มทยอยเดินออกจากโรงหนัง เทียร์จึงหันไปปลุกโยที่หลับไปตั้งแต่หนังเพิ่งเริ่มฉายได้ครึ่งชั่วโมงแรก...
"ไอ้โยตื่น"
วาโยลืมตาตื่นแล้วขยี้ตาสองสามที ปกติโยไม่ใช่คนที่เข้านอนไวอะไรหรอก แต่โยไม่ค่อยชอบหนังแนวนี้ซักเท่าไหร่ พอดูไปสักพักก็รู้สึกเบื่อเลยเผลอหลับไป
เมื่อออกมาทั้งพวกผมก็แยกย้ายกันโดยที่วาโยจะไปท่องราตรีต่อตามวิสัย ส่วนตุลย์นั้นกลับคอนโดกับเทียร์ เพราะขามาตุลย์นั่งแท็กซี่มา ตอนนี้ค่อนข้างดึกแล้ว เทียร์เลยบอกให้ไปค้างที่ห้องตัวเองก่อนเพราะไม่อยากปล่อยเพื่อนไปคนเดียวกลางคืนมันอันตราย ตอนเช้าเขาค่อยไปส่งที่บ้าน เมื่อเห็นว่าเพื่อนหวังดีตุลย์ก็ไม่ได้ขัดอะไร
พวกเขากลับมาถึงที่คอนโดของเทียร์ประมาณเกือบๆ ตี1 เพราะกว่าหนังจะจบก็ปาไปเที่ยงคืนแล้ว เทียร์แตะคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าห้องไปก่อน และในจังหวะที่ตุลย์กำลังเดินผ่านประตูเข้าห้องตามผมมานั่นตุลย์ก็ชะงักไปชั่วขณะ หางตาของเขาเหลือบเห็นคนคนหนึ่ง ที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นคนรู้จัก ตุลย์กำลังจะชะโงกออกไปมองอีกครั้ง แต่เทียร์ดันทักขึ้นเสียก่อน
"มีอะไรรึเปล่า"
"คือเหมือนเราจะเห็นคนรู้จักน่ะครับ แต่คงตาฝาดไปเอง" ตุลย์ส่งยิ้มน้อยให้ผมก่อนเดินตามมา
ตุลย์ใช้สายตาสำรวจห้องใหม่ของเทียร์เล็กน้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ตุลย์มาห้องเพื่อนหลังจากที่เทียร์ย้ายคอนโด
"ตุลย์ เรามีเรื่องอยากถามมึงเรื่องนึงอ่ะ" นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เทียร์จะได้ถามถึงความเป็นอยู่ของเพื่อนสนิทบ้าง เพราะหน้าก็ไม่ค่อยได้เจอ ทักไปก็ไม่ค่อยจะตอบ แต่ดูท่าตอนนี้เรื่องสารทุกข์สุกดิบคงต้องวางไว้ก่อน มีอีกเรื่องที่เขาอยากรู้มากกว่า
"อืม ว่ามาสิ"
"ยังชอบไอ้โยมันอยู่เหรอ" ตุลย์ทำหน้านิ่งเหมือนสมองหยุดการทำงานไปชั่วขณะ ร่างกายชาวาบเหมือนโดนไฟช็อต
"..."
"ถ้าไม่โอเคไม่ต้องตอบเราก็ได้" เมื่อเทียร์เห็นตุลย์เงียบไป จึงเลือกที่จะพูดขึ้นก่อนเพื่อทำลายเดดแอร์
เรื่องที่ตุลย์แอบชอบวาโยนั่น เทียร์รู้ตั้งแต่ม.4แล้ว เพราะเขาจับพิรุธของตุลย์ได้ ทั้งการที่เอาใจใส่โยเป็นพิเศษ ทั้งการพูดปกป้องที่ในบางครั้งออกจะเกินหน้าเกินตาไปหน่อย
เทียร์เป็นพวกที่ไม่ชอบให้มีคำถามค้างอยู่ในใจ เลยหาจังหวะที่คิดว่าเหมาะสมถามตุลย์ไปตรงๆ และคำตอบที่ได้ก็เป็นไปดังที่ตัวเขาเองคิด
ในตอนแรกตุลย์กังวลมากว่าเมื่อเขาจับได้ เพราะตุลย์กังวลว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะไม่เหมือนเดิม กลัวว่าเทียร์จะรังเกียจตุลย์ เพราะในตอนนั้นเรื่องของความหลากหลายทางเพศยังคงไม่เป็นที่ยอมรับสักเท่าไหร่ แต่ทว่าไม่ใช่กับเทียร์ เพราะเขาคิดว่ามันคือรสนิยมส่วนตัวที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน การที่ผู้คนจะตกหลุมรักกัน เรื่องเพศไม่ใช่ตัวกำหนด สุดท้ายแล้วถ้าจะรักกัน เรื่องที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ คือเรื่องของนิสัย และความเข้ากันได้ต่างหาก
ตุลย์ที่รู้ว่าผมคิดแบบนี้ ก็ทำหน้าโล่งอก แต่กลับต้องหุบยิ้มอีกครั้งกับประโยคที่ผมพูดต่อ
"แต่รู้ใช่ไหม ว่าไอ้โยชอบผู้หญิง"
"อืม เรารู้" ตุลย์ตอบผมด้วยเสียงสั่นๆเล็กน้อย ประโยคที่เทียร์เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของตุลย์ แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้โกรธเพื่อน เพราะมันคือความจริง ความจริงที่เขาสมควรยอมรับมันให้ได้
"เอาจริงๆ เราก็อยากตุลย์ตัดใจนะถ้ายังทำได้ ก่อนที่ความรู้สึกมึงจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้" จริงๆ เทียร์ก็อยากเชียร์ให้ตุลย์ได้สมหวังเหมือนกัน แต่จากที่เขารู้จักและเป็นเพื่อนกับโยมา เขาคิดว่าการตัดใจอาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้
"ตุลย์ฟังเรานะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่ข้างตุลย์เสมอ"
หลังจากได้ยินนั้น บวกกับมิตรภาพหลายปีของพวกเขา ตุลย์นี่แทบจะเลื่อนสถานะเทียร์จากเพื่อนสนิทให้เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดของเขาอีกคนเลยทีเดียว
ตุลย์รับปากกับเทียร์ว่าจะตัดใจ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตัดได้หรือเปล่า เพราะตอน ม.5 เทียร์ต้องย้ายโรงเรียนมาเรียนที่กรุงเทพฯ เขาจึงไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นเลย
"ไม่เป็นไร เราตอบได้" หลังจากเงียบไปสักพัก ตุลย์ก็ยอมพูดขึ้น "ใช่ เรายังชอบโยอยู่"
และเป็นอีกครั้งที่คำตอบ ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของเทียร์ เพราะเขาผิดสังเกตตั้งแต่ตุลย์หายไปแล้ว ที่น่าแปลกคือโยไม่พูดถึงตุลย์สักคำ ปกติสองคนนี้ตัวติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋
แถมวันนี้ที่เจอกันตุลย์กับโยไม่พูดกันสักคำ พอมาถึงตอนที่ตุลย์แจกแบ่งตั๋วหนัง กลับเป็นเขาที่นั่งตรงกลาง ทั้งที่ปกติคนที่นั่งตรงกลางจะเป็นตุลย์ เนื่องจากตุลย์ไม่ค่อยชอบนั่งใกล้คนแปลกหน้า
ดังนั้นเขาคิดว่าทั้งโยและตุลย์ต้องมีเรื่องอะไรที่ผิดใจกันแน่ ถ้าให้เดาคงจะเป็นเรื่องที่โยรู้แล้วว่าตุลย์แอบชอบเขาอยู่ เขาเลยตัดสินใจถามไปอีกรอบ
"มันรู้แล้วเหรอ"
"เปล่าหรอก โยยังไม่รู้"
"อ้าว แล้วหลบหน้ากันทำไม"
"ไม่มีอะไรหรอก เทียร์คิดมากไปเองแหละ เราบอกไปแล้วไงว่าช่วงนี้เรายุ่งๆ น่ะ"
ถึงเทียร์ไม่ค่อยอยากจะปักใจเชื่อเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเพื่อนบอกว่าไม่มีอะไร สำหรับเขาก็ต้องไม่มีอะไร หากอีกฝ่ายพร้อมที่จะบอกเมื่อไหร่ เขาก็พร้อมที่จะฟังเมื่อนั้น แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากบอก เทียร์ก็ไม่อยากจะล้ำเส้นไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของตุลย์ให้มากไปกว่านี้
"ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว หลังจากนี้ถ้าว่างก็มาหากันบ้าง เวลาตุลย์หายไป เราคิดถึ้งงง คิดถึง"
"อย่ามา พอเราหายไปไม่มีคนคอยเอาใจเทียร์ล่ะสิ" ตุลย์ตีแขนเทียร์เบาๆ ไปทีนึง ก่อนมองด้วยสายตารู้ทัน
"ฮ่าๆๆ เกลียดจริงพวกรู้ทัน"
บทสนทนาดำเนินไปอย่างไม่ขาดช่วง เนื่องจากทั้งสองคนไม่ได้มีโอกาสมาคุยกันแบบนี้เป็นเวลานานมากแล้ว ทำให้มีเรื่องราวต่างๆ มากมายที่จะเล่าสู่กันฟัง โดยเฉพาะเทียร์กับวีรกรรมของเขาช่วงนี้ พอตุลย์ได้ยินก็ทำท่าโอ๋ใหญ่เลยเหมือนดังว่าเทียร์เป็นเด็กประถมที่ขี้ซุ่มซ่ามแล้วงอแง บทสนทนาดำเนินไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีใครคิดที่จะหยุดมัน นั่นทำให้พวกเขาได้เข้านอนตอนเกือบตี2
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments