สรุปคืนนั้นหยางหลงก็ไม่ได้นอนที่ตำหนักอิงฮวากับไป๋อิงฮวา เขากลับมานอนที่ตำหนักเทียนเฉิงกับไป๋เสวี่ยเฟิน ที่ให้คนเอาเตียงมาเสริมอ้างเพราะเป็นบุรุษด้วยกันทั้งคู่ เตียงมันเล็กนอนไม่สบาย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้นอน หยางหลงอุ้มไป๋เสวี่ยเฟินให้มานอนข้างตัวเองที่เตียงใหญ่แบบเดิม
ตกเช้ามาข่าวที่ว่าไป๋หวงกุ้ยเฟย ไป๋อิงฮวา ตั้งครรภ์ก็กระจายไปทั่ว เหล่าขุนนางที่ทราบเรื่องก็ต่างพากันมาร่วมอวยพร คนอย่างไป๋เสวี่ยเฟินที่เป็นฮองเฮามีหรือจะพลาด
“เปิ่นกงได้ยินมาว่าพี่สาวตั้งครรภ์แล้ว” ไป๋เสวี่ยเฟินเอ่ยถามขึ้น แม้เขาจะรู้ความจริงอยู่แล้วว่านั่นคือเรื่องโกหก
“เพคะฮองเฮา”
“เปิ่นกงยินดีด้วย นี่เป็นสมุนไพรบำรุงครรภ์เปิ่นกงเอามาฝาก” ไป๋เสวี่ยเฟินวางห่อกระดาษสมุนไพรลงบนโต๊ะ
“ขอบพระคุณเพคะฮองเฮา” ไป๋อิงฮวารับห่อยาแล้วแกะดูทันที ว่ามันคือยาบำรุงจริงแท้หรือไม่ ห่อหนึ่ง สอง สาม เป็นยาบำรุงครรภ์จริง แต่ห่อสุดท้ายกลับไม่ใช่
“เป็นอะไรไปรึพี่สาว” ไป๋เสวี่ยเฟินเห็นท่าทีตกใจของไป๋อิงฮวาก็เอ่ยถามขึ้น
“นี่ไม่ใช่ยาบำรุงครรภ์! แกคิดจะฆ่าฉันรึ!” ไป๋อิงฮวาข่มอารมณ์โกรธไม่อยู่ ห่อยาสุดท้ายไม่ใช่สมุนไพรบำรุงครรภ์แต่มันคือสมุนไพรพิษ
“เปิ่นกงจะคิดฆ่าพี่สาวได้เยี่ยงไร เปิ่นกงหาใช่คนร้ายกาจอะไรขนาดนั้น สงสัยเปิ่นกงคงหยิบติดมาด้วยเป็นแน่ สมุนไพรห่อนี้มีคนคิดจะใช้กับเปิ่นกง” น้ำเสียงของไป๋เสวี่ยเฟินเย็นเฉียบ ไป๋อิงฮวารู้สึกวาบในอก มือทั้งสองข้างจับกันแน่นเพื่อข่มอารมณ์
“พี่สาวรู้หรือไม่หากได้รับติดต่อกันอย่างน้อยหนึ่งปีคนที่ได้รับจะค่อย ๆ ตายอย่างทรมาน ดีที่เปิ่นกงจับได้ก่อนจึงได้รับพิษแค่ไม่กี่เดือน จึงคลายพิษได้ แต่น่าเสียดายบ่าวผู้นั้นมันรักนายของมันเกินไม่ยอมปริปากเลยแม้แต่น้อยร้องขอความตายแทน เห็นเปิ่นกงร้ายกาจแบบนี้แต่เปิ่นกงก็เป็นคนมีเมตตาหนา เปิ่นกงเลยทำตามที่บ่าวผู้นั้นร้องขอ ปลิดชีพมันทิ้งด้วยตัวของเปิ่นกงเองเมื่อเช้านี้ ดูสิชายผ้าของเปิ่นกงยังมีรอยเลือดอยู่เลย” ไป๋เสวี่ยเฟินสะบัดปลายชุดให้ไป๋อิงฮวาดู หากไม่สะบัดให้ดูก็คงไม่เห็นเป็นแน่ว่ามีคราบเลือดอยู่
ไป๋เสวี่ยเฟินยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าไป๋อิงฮวาใบหน้าเริ่มซีด
ไป๋เสวี่ยเฟินกระตุกยิ้มมุมปาก “พี่สาวอย่าเอาเรื่องที่เปิ่นกงเล่าให้ฟังไปบอกฝ่าบาทหนา งานฝ่าบาททรงเยอะมากเปิ่นกงก็เพิ่งรู้ตอนไปนอนที่ตำหนักเทียนเฉิง อย่าเอาเรื่องของเปิ่นกงไปให้ฝ่าบาททรงคิดมากอีกเลย”
ไป๋อิงฮวากัดกรามแน่น ไป๋เสวี่ยเฟินคงรู้เป็นอย่างแน่ว่านางให้บ่าวไปวางยาตน แต่นางไม่รู้ว่าไป๋เสวี่ยเฟินฆ่าบ่าวผู้นั้นไปเรียบร้อยแล้ว ถึงว่าบ่าวผู้นั้นหายหน้าไปเลย แถมยังเอาเรื่องที่ตนได้ไปอยู่ตำหนักเทียนเฉิงมาโอ้อวดอีก เรื่องนี้นางต้องคุยกับฝ่าบาทให้รู้เรื่อง เหตุใดคนที่ฝ่าบาทรักอย่างนางถึงไม่ได้ไปอยู่ตำหนักเทียนเฉิง แม้แต่หน้าตำหนักนางก็ไม่เคยไป เหตุใดฮองเฮาที่ฝ่าบาทไม่รักถึงเข้าไปได้
“หากฮองเฮาไม่อยากให้ฝ่าบาทรู้ พี่สาวอย่างหม่อมฉันก็จะไม่บอกเพคะ”
“อีกเรื่องเปิ่นกงไม่รู้ว่าพี่สาวทราบหรือยัง ตำหนักของเปิ่นกงถูกไฟไหม้เพราะคนใจโฉด เปิ่นกงอยากให้พี่สาวระวังตัวไว้ด้วย ยิ่งมีครรภ์เยี่ยงนี้ยิ่งต้องระวัง”
หากคนภายนอกมองก็คงเป็นการแสดงความห่วงใยระหว่างพี่น้อง แต่ใครจะรู้ว่าทุกคำพูดมีความหมายแฝงทั้งนั้น
“ขอบคุณน้องชายที่เป็นห่วงพี่สาวกับหลาน”
“อย่างไรเสียเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เปิ่นกงไม่อาจมีลูกให้ฝ่าบาทได้ อย่างน้อยก็ยังมีพี่สาวที่มีลูกให้ฝ่าบาทได้ ฝ่าบาททรงรักพี่สาวมาก ยิ่งมีลูกเช่นนี้ฝ่าบาทก็ยิ่งรักขึ้นไปอีกเป็นแน่ ต่างจากเปิ่นกงที่ฝ่าบาทไม่รัก น่าน้อยใจยิ่งนัก” ใบหน้าของไป๋เสวี่ยเฟินแสร้งทำเป็นเศร้า
“พี่สาวจะบอกให้ฝ่าบาทดีกับน้องให้มากขึ้นกว่าเดิม” ไป๋อิงฮวาแสร้งปลอบใจ ให้ตายอย่างไรข้าก็ไม่มีไว้ญาติดีกับเจ้าแน่นอนไอ้ลูกบ่าว!
“ขอบคุณพี่สาวมาก เปิ่นกงรบกวนพี่สาวมามากพอแล้ว เปิ่นกงขอตัวกลับก่อน”
ไป๋เสวี่ยเฟินลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปทันที เพราะเขารู้ว่าอย่างไรเสียไป๋อิงฮวาก็ไม่ลุกขึ้นทำความเคารพเขาอย่างที่สมควรทำ
ในอีกด้านหนึ่ง
“ทูลฝ่าบาท พระปิตุลาหยางกวงและชนเผ่าอู๋เคลื่อนย้ายทัพแล้วพ่ะย่ะค่ะคาดว่าอีกประมาณสองเดือนก็จะเดินทางมาถึงประตูเมือง ช้าสุดก็สามเดือนพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์อวี๋รายงานเรื่องที่ตนสืบมาได้ทันที
หยางหลงครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ท่านลุงของเขาคงทราบเรื่องที่เขาไม่ใช่ลูกของฮ่องเต้และฮองเฮาจริง ๆ แล้วแน่นอน ถึงกล้าเคลื่อนทัพเพื่อบุกชิงตำแหน่งฮ่องเต้จากเขา
“แม่ทัพใหญ่เล่า”
“ยังอยู่แถบชายแดนพ่ะย่ะค่ะ มีการนัดพบกับท่านหยางกวงจริงแต่ไม่ได้ตกลงเข้าร่วมด้วยเพคะ เพราะไม่อยากให้ไป๋หวงกุ้ยเฟยเสียหาย”
“แต่ก็ไม่ส่งเรื่องมารายงานเจิ้น” น้ำเสียงของหยางหลงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“พวกท่านคิดว่าเราควรทำเยี่ยงไร?” หยางหลงเอ่ยถามเหล่าขุนนางที่กำลังวิตกกังวลเรื่องบ้านเมืองกำลังจะถูกโจมตี
“กระหม่อมคิดว่าเราปลดท่านแม่ทัพไป๋ แล้วแต่งตั้งผู้อื่นแทนพ่ะย่ะค่ะ” จางถานเถิง เสนาบดีกรมขุนนางเอ่ยขึ้น เดิมปกติเขาก็ไม่ใช่คนที่จะชอบคนตระกูลไป๋อยู่แล้ว ยกเว้นไป๋ฮองเฮาเท่านั้น หากฮ่องเต้หยางเฉินเป็นท่านลุงของไป๋เสวี่ยเฟิน เขาเองก็คงเป็นท่านอาของไป๋เสวี่ยเฟินเช่นกัน
ยามทราบเรื่องว่าเซียวเฟิ่งตายแล้ว ก็ผ่านมาสามปีพอดี ไม่มีใครส่งข่าวบอกเขาเลย จนเดินทางกลับมายังแคว้นตัวเขาก็กลายเป็นท่านอาไปเสียแล้ว ดีที่ไป๋เสวี่ยเฟินหน้าไปทางมารดาสามในสี่ส่วน เขาเลยยิ่งรู้สึกรักและเอ็นดูไป๋เสวี่ยเฟินมากขึ้นไปอีก
“ทูลฝ่าบาทท่านแม่ทัพไป๋ถานอาจกำลังส่งจดหมายแจ้งมาก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” หูอี้ฟ่าน เสนาบดีกรมกลาโหมเอ่ยขึ้น
หยางหลงยกยิ้มที่มุมปากทันทีเมื่อได้ยินหูอี้ฟ่านคนที่ร่วมมือกับกบฏ เอ่ยขึ้น
หูอี้ฟ่านผู้นี้เปรียบเสมือนพ่อค้า รับซื้อสินค้าจากชาวบ้านในราคาถูก จากนั้นเอาไปขายต่อได้ในราคาที่สูงขึ้น สร้างกำไรมากมาย มีเหรอที่คนหวังแต่ผลประโยชน์อย่างหูอี้ฟ่านจะไม่ยอมร่วมมือ ตัวเขามีหน้าที่รายงานความเคลื่อนไหวในวังให้หยางกวง ยิ่งรายงานมากก็ยิ่งได้เงินมาก
เขารายงานทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องฝ่าบาททรงออกราชการอะไร วันนี้ฝ่าบาททรงจุดโคมตำหนักใด เรื่องที่เขารายงานมากที่สุดก็คงเป็นเรื่องราวในวังหลังและดูเหมือนหยางกวงจะสนใจอยู่มากว่า วันนี้ไป๋ฮองเฮาทรงทำอะไรบ้าง ทรงกลั่นแกล้งผู้คนไปมากน้อยเพียงใด หรือทรงวิ่งร้องขอความรักจากฝ่าบาทอย่างไร
“วังหลวงกับชายแดนใช้เวลาส่งจดหมายมากสุดก็แค่เจ็ดวัน แม่ทัพไป๋ควรรายงานเจิ้นนานแล้ว แต่เหตุใดถึงไม่ทำ กลับทำตัวนิ่งเฉยหรือแม่ทัพใหญ่ไป๋คิดจะก่อกบฏ!”
หยางหลงตวาดเสียงดังลั่นด้วยความโมโห ทั้งท้องพระโรงเงียบกริบไม่มีใครกล้าพูดหรือขยับตัวแม้แต่น้อย เพราะเกรงว่าหากตนส่งเสียงดังจะยิ่งทำให้ฮ่องเต้ทรงกริ้วมากยิ่งขึ้น เพราะพวกเขาต่างทราบกันดีว่าฮ่องเต้หนุ่มผู้นี้น่ากลัวเยี่ยงไร
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 50
Comments