หยางหลงเดินโอบเอวไป๋เสวี่ยเฟินเดินมาตลอดทาง แม้ไป๋เสวี่ยเฟินจะบอกให้ปล่อยก็ยังไม่ยอมปล่อยเสียที จนไป๋เสวี่ยเฟินเลิกสนใจไปแล้ว
รู้สึกปลอดภัย แถมยังอบอุ่นอีก ไป๋เสวี่ยเฟินคิดในใจ เขาไม่รู้ว่าหยางหลงทำกับเขาแบบนี้เพราะอะไรกัน เพียงแต่มันทำให้เขาที่เริ่มจะตัดใจกลับตัดใจไม่ได้
ตอนที่เขารักทำไมถึงไม่เคยรักตอบ แต่พอเขาพยายามที่จะตัดใจทำไมถึงได้มากวนใจเขาแบบนี้กัน
อะไรถึงทำให้พระองค์เปลี่ยนไปแบบนี้กัน
“ทางนี้ไม่ใช่ทางกลับตำหนักของกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋เสวี่ยเฟินเอ่ยถามขึ้นเมื่อสองข้างทางเดินเริ่มไม่ใช่เส้นทางที่เขาคุ้นชิน
“ใครบอกว่าเจิ้นจะพาเจ้ากลับตำหนักเฟิ่งหวง”
“...?”
“เจิ้นจะพาเจ้ากลับตำหนักเทียนเฉิงของเจิ้นต่างหาก”
ได้ยินเช่นนั้นไป๋เสวี่ยเฟินก็ตาโตเพราะความตกใจทันที
“เวินกงกง”
“พ่ะย่ะค่ะฮองเฮา”
“ตามหมอหลวงมาดูอาการฝ่าบาทหน่อย”
หยางหลงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไป๋เสวี่ยเฟินจะตามหมอหลวงมาให้เขาทำไมกัน เขาหาได้ป่วยเสียหน่อย
“ตามทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เวินกงกงถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เปิ่นกงว่าฝ่าบาททรงได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะเป็นอย่างแน่”
เวินกงกงหลุดหัวเราะออกมาทัน “ฝ่าบาทไม่ได้รับการกระทบกระเทือนพ่ะย่ะค่ะ”
“อาเฟินคิดว่าเจิ้นป่วยรึ?” หยางหลงขมวดคิ้ว
“งั้นทรงทำแบบนี้กับกระหม่อมทำไม?” ไป๋เสวี่ยเฟินหันไปถามหยางหลงทันที
“ทำเพราะอยากทำ มันเป็นสิ่งที่สามีภรรยาควรกระทำต่อกัน”
เหล่าข้ารับใช้ต่างพากันเดินตามหลังห่าง ๆ ปล่อยให้นายเหนือหัวเดินคุยคู่กันไป
“ฝ่าบาททรงคิดว่าหม่อมฉันเป็นภรรยาด้วยรึเพคะ?”
“แล้วฮองเฮาคิดว่าเจิ้นมองเจ้าเป็นอันใดล่ะ”
“น้องชายของสนมรัก ล่าสุดก็คงคนอุ่นเตียงกระมังพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋เสวี่ยเฟินกล่าวไปตามความคิดของตนจริง ๆ แม้จะประชดหยางหลงไปก็ตาม
“ไม่มีพี่ชายคนไหนทำกับน้องชายแบบที่เจิ้นทำกับเจ้า แล้วก็ไม่ใช่คนอุ่นเตียงคนใดที่เจิ้นจะพาไปตำหนักของเจิ้น หากเจิ้น...”
ไป๋เสวี่ยเฟินมองหยางหลงอย่างสงสัยเขาอยากรู้ว่าหยางหลงจะพูดอะไรต่อ แต่หยางหลงไม่พูดอะไรต่อ หยางหลงกลับยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นไป๋เสวี่ยเฟินมีความอยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“หากอะไรพ่ะย่ะค่ะ?” ไป๋เสวี่ยเฟินทนไม่ได้ถามออกมาในที่สุด
“หากเจิ้นไม่...อนุญาต”
“ก็แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอพ่ะย่ะค่ะ ตำหนักเทียนเฉิงใช่ว่าใครจะเข้าไปได้ง่ายเสียที่ไหน”
“ถูกของฮองเฮา แต่เจ้าเป็นคนแรกที่เจิ้นพากลับตำหนักรู้หรือไม่”
ตึก ตึก ตึก
ไป๋เสวี่ยเฟินสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นราวกับลั่นกลองรบของตัวเอง นี่ไม่ใช่ฮ่องเต้คนเดิมอย่างแน่นอน “ทรงคิดจะทำอะไรกันแน่พ่ะย่ะค่ะ?”
“แล้วฮองเฮาคิดว่าเจิ้นจะทำอันใดเล่า” หยางหลงกระซิบที่ข้างหูของไป๋เสวี่ยเฟินเบา ๆ มือหนาที่โอบเอวเสวี่ยเฟินลูบขึ้นลง ทำเอาไป๋เสวี่ยเฟินรู้สึกขนลุก
“ฝ่าบาท!”
“เจิ้นจะพาเจ้าไปรับสำรับที่ตำหนัก เหตุใดถึงเสียงดังใส่เจิ้นเล่า อาเฟินคิดว่าเจิ้นจะพาไปทำอะไรหรือ?” หยางหลงกระตุกยิ้มมุมปาก เขารู้ว่าทุกคนต่างแปลกใจเรื่องท่าทีของเขาที่แสดงออกต่อไป๋เสวี่ยเฟินว่าเหตุใดถึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วแบบนี้
เขานึกถึงสิ่งที่พระมารดาของเขาได้เคยบอกเอาไว้ก่อนจะสิ้นใจว่า รักก็บอกว่ารัก การแสดงออกว่าเกลียดทั้ง ๆ ที่รักมันไม่ใช่เรื่องดีเลย อีกฝ่ายเขาก็มีความรู้สึกเหมือนกัน ไม่ผิดที่ลูกจะเลือกบ้านเมืองมากกว่าความรัก แต่ถ้าวันไหนลูกหันกลับมาแล้วไม่เจอน้อง วันนั้นบ้านเมืองก็จะไม่เป็นบ้านเมืองอีกเหมือนกัน น้องยังเด็กก็จริงแต่ถ้าลูกอธิบายให้น้องเข้าใจ แม่เชื่อว่าน้องจะเข้าใจลูกอย่างแน่นอนอาหลง
ถ้าตอนนั้นเขาตัดสินใจพูดคุยกับไป๋เสวี่ยเฟินให้เข้าใจ เขากับไป๋เสวี่ยเฟินอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากกว่านี้ก็เป็นไปได้
เหตุใดตอนนั้นลูกถึงไม่เชื่อเสด็จแม่กันนะ
ไป๋เสวี่ยเฟินขยับออกห่างเพราะความอาย เชื่อที่หยางหลงพูดก็บ้าแล้ว “กระหม่อมจะกลับตำหนักตัวเอง”
“หากดื้อเจิ้นจะอุ้มเจ้าเข้าตำหนัก”
“กระหม่อมไม่อยาก- เห้ย!”
เท้าของไป๋เสวี่ยเฟินไม่ติดพื้นไปเสียแล้ว หยางหลงช้อนตัวไป๋เสวี่ยเฟินขึ้น ไป๋เสวี่ยเฟินที่ตกใจกลัวตกรีบเอามือคล้องคอหยางหลงทันที เหล่าข้ารับใช้ต่างพากันก้มหน้าเขินอายกับการกระทำของฮ่องเต้และฮองเฮา
“ฝ่าบาท! ทำบ้าอะไรของพระองค์เนี่ย!” ไป๋เสวี่ยเฟินพูดออกมาด้วยความโมโห
“หากเฟินเฟินพูดมากพี่จะปิดปากเฟินเฟินด้วยปากของพี่” ไป๋เสวี่ยเฟินรีบเม้มปากตัวเองทันที หยางหลงยกยิ้มอย่างพอใจ
เรื่องราวสามวันดีสี่วันร้ายของฮ่องเต้กระจายไปทั่วทั้งวังล่าสุดกระจายออกออกวังไปด้วยเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่คัดเลือกสนมเข้าวังเพราะฮองเฮาไม่พอพระทัยใคร เรื่องทิ้งไป๋หวงกุ้ยเฟยไว้ที่งานแล้วทรงเดินออกจากงานพร้อมไป๋ฮองเฮาโดยไม่ทันกลับไปมองไป๋หวงกุ้ยเฟยเลย หรือเรื่องที่ฮองเฮาทรงเข้าร่วมงานในวังครั้งแรก แต่ที่ทรงมาเข้าร่วมงานเพราะถูกท่านราชครูผู้เป็นพี่บังคับมา หรือเรื่องที่ฮองเฮาทรงเปลี่ยนไปเป็นคนที่น่ากลัวขึ้น นิ่งขึ้น เดาใจไม่ถูกกันเลยทีเดียว
แต่มีหนึ่งเรื่องที่ไม่ได้กระจายออกไปด้วยคือตั้งแต่งานคัดเลือกสนมเข้าวังวันนั้น ไป๋เสวี่ยเฟินก็ไม่ได้กลับตำหนักของตนอีกเลย หยางหลงขังเขาไว้ที่ตำหนักเทียนเฉิงของตน
ถูกต้องหยางหลงขังเขาเอาไว้จริง ๆ
ไป๋เสวี่ยเฟินอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย กินนอนทั้งวัน ส่วนเจ้าของตำหนักตื่นเช้าก็ไปทำงาน บ่ายก็ไปอยู่กับเหล่าสนมรัก ตกเย็นกลับตำหนักมากินข้าวและนอนกับเขา เป็นแบบนี้มาหนึ่งอาทิตย์แล้ว
“ข้าเบื่อ ข้าเบื่อ เบื่อ เบื่อ เบื่อ!” ไป๋เสวี่ยเฟินบ่นเบื่องอแงราวกับเด็กน้อย
ผิงผิงและเวินกงกงต่างพากันส่ายหัว วันนี้ฮองเฮาของพวกเขาบ่นเบื่อทุกครึ่งชั่วยาม
“ทรงไปห้องหนังสือไหมพ่ะย่ะค่ะ ยังมีหนังสือน่าสนใจอยู่อีกเยอะที่พระองค์ทรงยังไม่ได้อ่าน” เวินกงกงเสนอทางเลือกให้ไป๋เสวี่ยเฟิน
“ข้าไม่อยากอ่านมีแต่เรื่องที่ไม่สนุก ข้าอยากกลับตำหนักของข้า” ไป๋เสวี่ยเฟินเบะปากอย่างไม่ชอบใจ
“สำรวมหน่อยฮองเฮา” เสียงเข้มลอยเข้ามาพร้อมกับร่างของหยางหลงที่เดินเข้ามาห้อง เหล่าข้ารับใช้ต่างพากันทำความเคารพยกเว้นไป๋เสวี่ยเฟินที่นั่งกอดอกไม่สนใจหยางหลงแม้แต่น้อย
“ฝ่าบาทจะทรงขังกระหม่อมไว้ที่นี่ไม่ได้!” ไป๋เสวี่ยเฟินตะคอกใส่หยางหลงจนข้ารับใช้พากันตกใจ
“เมื่อก่อนเป็นฮองเฮาเองไม่ใช่รึที่อยากมาอยู่ที่นี่กับเจิ้น”
ไป๋เสวี่ยเฟินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อก่อนเขาเป็นคนอ้อนจะมาอยู่กับหยางหลงให้ได้ เพราะไม่อยากอยู่ท้ายวัง แต่นั่นมันคืออดีตไปแล้ว ตอนนี้เขาไม่ได้อยากอยู่ที่นี่เลยแม้แต่น้อย
“แต่ตอนนี้กระหม่อมไม่อยากอยู่! กระหม่อมเบื่อ! อึก กระหม่อมอยากกลับตำหนัก!” ไป๋เสวี่ยเฟินร้องไห้ออกมาในที่สุด คนที่โตมากับธรรมชาติรายล้อมแบบเขาให้มาติดแง็กอยู่แต่ในห้องแบบนี้เขาไม่ชื่นชอบเลยแม้แต่น้อย
นี่อะไรกันแม้แต่บริเวณด้านนอกรอบตำหนักเขาก็ออกไปไม่ได้ ถ้ารู้ว่าจะโดนขังแบบนี้ ตอนนั้นไม่น่าอ้อนขอต่อสวรรค์ให้สักวันหนึ่งให้ได้เข้ามาอยู่เลย
“ก กระหม่อม อ อยากกลับตำหนัก ฮืออออ”
หยางหลงทำตัวไม่ถูกน้อยครั้งมากที่จะเห็นไป๋เสวี่ยเฟินร้องไห้ คนที่โตมาพร้อมกับความเกลียดชังแบบไป๋เสวี่ยเฟิน หากไม่เข้มแข็งจริงก็คงไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้
“กลับก็กลับ หยุดร้องเสีย” หยางหลงเกลี่ยหยดน้ำตาของไป๋เสวี่ยเฟินออก ทั้ง ๆ ที่สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้ไป๋เสวี่ยเฟินร้องไห้อีกแล้วแท้ ๆ
“จริงนะพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 50
Comments