เซียวเฟิ่ง หญิงสาวรับใช้จวนตระกูลไป๋ แต่ใครจะรู้เล่าว่าแท้จริงนางคือคนของฮ่องเต้หยางเฉินที่ใช้ให้มาแฝงตัวสืบเรื่องราวภายในของจวนตระกูลไป๋ แต่เรื่องมันเลยเถิดไปเพราะเซียวเฟิ่งดันไปมีสัมพันธ์กับแม่ทัพไป๋อวี๋จนตั้งครรภ์เสวี่ยเฟินขึ้นมา
ระหว่างที่ตั้งครรภ์ก็โดนเหล่าฮูหยินท่านประมุขตระกูลกลั่นแกล้งสารพัดจนเกือบแท้งหลายครั้ง แต่เพราะเด็กในครรภ์แข็งแรงนางและลูกจึงไม่เป็นอะไร
พอครบกำหนดคลอดวันที่ไป๋เสวี่ยเฟินลืมตาก็เป็นวันที่เซียวเฟิ่งหลับตาไปตลอดกาล นางเสียเลือดมากเพราะโดนพิษที่สาวใช้ที่นางคิดว่าเป็นสหายวางยามาตลอด ความจริงสตรีนางนั้นเป็นคนของฮูหยินใหญ่ที่ถูกสั่งมาให้ทำดีกับนาง
เซียวเฟิ่งมองลูกน้อยในอ้อมกอดก่อนจะเอ่ยชื่อของลูกน้อยว่า “เสวี่ยเฟิน” เบา ๆ ก่อนจะสิ้นใจตายในที่สุด
ไป๋เสวี่ยเฟินเติบโตมาไม่ต่างอะไรกับลูกบ่าวไพร่ ฮ่องเต้หยางเฉินเพิ่งทราบข่าวว่าเซียวเฟิ่งสิ้นใจเพราะคลอดลูกก็นึกโกรธตัวเองทันที หากเขาไม่โกรธที่เซียวเฟิ่งไปมีสัมพันธ์กับแม่ทัพไป๋อวี๋จนตั้งครรภ์จนไม่ได้คุยกันนานนับปี เพราะความเทิดทูนความรักของเซียวเฟิ่งที่มีต่อแม่ทัพไป๋อวี๋ทำให้หยางเฉินตัดขาดกับเซียวเฟิ่งตั้งแต่วันนั้นมา แต่ก็เพราะตัวหยางเฉินเอง หากเขาไม่คิดให้เซียวเฟิ่งปลอมตัวไปสืบข่าว เซียวเฟิ่งคงไม่ต้องตายเยี่ยงนี้
เซียวเฟิ่งตายแล้ว สหายของเขาตายแล้ว หยางเฉินทั้งโกรธทั้งเกลียดคนในตระกูลไป๋เป็นอย่างมากที่เป็นสาเหตุให้สหายเพียงคนเดียวของเขาต้องตาย หยางเฉินอยากจะไปรับศพของเซียวเฟิ่งมาทำพิธีให้เหมาะสม แต่ด้วยหากทำเช่นนั้นความลับที่ว่าเซียวเฟิ่งคือคนของฮ่องเต้ก็จะแตก หยางเฉินจึงได้แต่แอบมองร่างของสหายที่ถูกไฟเผาโดยไร้พิธีที่สมควรจะทำ
หยางเฉินแอบเข้ามาดูลูกของเซียวเฟิ่ง เด็กน้อยคนนี้ช่างเหมือนสหายของเขาเหลือเกิน หยางเฉินจึงรู้สึกเอ็นดูจึงเอ่ยปากขอรับลูกของเซียวเฟิ่งมาเลี้ยง
ตระกูลไป๋ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ยอม หากปล่อยให้ฮ่องเต้หยางเฉินเอาเสวี่ยเฟินไปเลี้ยง เด็กคนนั้นก็จะกลายเป็นคนมีอำนาจทั้ง ๆ ที่แม่มันเป็นแค่บ่าว เด็กนั้นนำความอัปยศมาให้แก่ตระกูลไป๋ จะให้มันไปได้ดิบได้ดีได้เยี่ยงไร ตระกูลไป๋จึงไม่ยินยอมยกเสวี่ยเฟินให้หยางเฉิน อ้างว่าเสวี่ยเฟินเป็นคนของตระกูลไป๋ เป็นคุณชายเล็กของตระกูล อย่างไรก็ยกให้ไม่ได้ แถมยังบอกอีกว่าตระกูลไป๋จะดูเสวี่ยเฟินเป็นอย่างดี แม้หยางเฉินจะรู้ว่านั้นคือเรื่องโกหกแต่ก็ไม่อยากทำให้มากความ ในเมื่อพ่อเด็กมิยินยอม เขาก็ไม่ควรดื้อดึงต่อไป
แต่หยางเฉินก็ไม่วายปล่อยให้ไป๋เสวี่ยเฟินเติบโตมาแบบลำพัง เขาส่งองครักษ์ฝีมือดีหนึ่งชายหนึ่งหญิงเข้าไปดูแลไป๋เสวี่ยเฟิน สองคนนั้นคือคนที่ไป๋เสวี่ยเฟินเรียกว่าท่านลุงท่านป้า
พอไป๋เสวี่ยเฟินอายุครบเจ็ดขวบหยางเฉินผู้เป็นลุงของเด็กน้อยที่แอบมาหา ก็ถามไป๋เสวี่ยเฟินว่าอยากไปอยู่ในวังกับเขาหรือไม่ หากเป็นเด็กคนอื่นคงบอกว่าไป แต่เด็กที่เป็นสายเลือดของเซียวเฟิ่งกลับตอบว่าไม่ เหตุเพราะไป๋เสวี่ยเฟินอยากอยู่กับคนเป็นพ่อ แม้ว่าพ่อจะไม่รักตนมากก็ตาม การบูชาความรักนี้มันถ่ายทอดได้ด้วยรึ หยางเฉินคิดแล้วก็ได้แต่เหนื่อยใจ
พอไป๋เสวี่ยเฟินอายุราวสิบเอ็ดปีเขาก็ได้เจอกับหยางหลง ไป๋เสวี่ยเฟินตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น หยางหลงคือทุกอย่างของเขา พอหยางเฉินทราบเรื่องก็ยื่นข้อเสนอให้ไป๋เสวี่ยเฟินว่าจะจัดพิธีสมรสพระราชทานให้ เพราะหยางเฉินก็อยากให้ไป๋เสวี่ยเฟินมาอยู่ในวังตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ไป๋เสวี่ยเฟินตอบตกลงทันทีเพราะก่อนหน้านั้นไป๋เสวี่ยเฟินรู้เรื่องที่หยางหลงคิดกับตัวเองแค่น้องชาย และรักไป๋อิงฮวาพี่สาวต่างมารดาของไป๋เสวี่ยเฟิน อย่างน้อยไป๋เสวี่ยเฟินก็มีสายเลือดความอยากเอาชนะของตระกูลไป๋ที่หยางเฉินยังพอรู้สึกพอใจอยู่มาก ไป๋เสวี่ยเฟินตอบตกลงทันที
หยางเฉินรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ไป๋เสวี่ยเฟินคือหลานของเขา แม้ลูกชายตัวดีจะไม่รัก แต่อย่างน้อยชีวิตของไป๋เสวี่ยเฟินก็ไม่ต้องรองมือรองตีนคนของตระกูลไป๋
ความสุขที่เห็นหลานมีความสุขของหยางเฉินอยู่ได้ไม่นาน หลังจากสมรสพระราชทานผ่านไปเพียงหกเดือนฮ่องเต้หยางเฉินก็สิ้นพระชนม์เพราะอาการป่วย ทุกคนต่างโทษว่าเป็นเพราะไป๋เสวี่ยเฟินฮ่องเต้ถึงได้ตาย เพราะว่าก่อนหน้าที่หยางเฉินจะสิ้น หยางเฉินมักจะพูดคุยกับลูกสะใภ้อย่างไป๋เสวี่ยเฟินตลอด ทำให้ทุกคนต่างพากันคิดว่าใครที่อยู่ใกล้ไป๋เสวี่ยเฟินมักมีอันเป็นไปหรือได้รับโชคร้ายบ้าง
หรือจะสร้างเรื่องว่าตัวเขาเป็นกาลกิณี ฮ่องเต้หยางหลงถึงยังไม่มีลูกสักที?
ไป๋เสวี่ยเฟินคิดแล้วก็ยิ้มอย่างมีเล่ห์ ผิงผิงที่มองอยู่เห็นรอยยิ้มแบบนี้แล้วต้องมีเรื่องหน้าปวดหัวอีกแน่ ๆ
“คิดเรื่องอะไรอยู่เพคะฮองเฮา?”
“เจ้าว่าข้าเป็นตัวกาลกิณีหรือไม่ ฝ่าบาทถึงยังไม่มีโอรสหรือธิดาเสียที”
“ฮองเฮา! ทรงตรัสแบบนั้นได้อย่างไรเพคะ!”
ไป๋เสวี่ยเฟินเห็นท่าทางโมโหของผิงผิงก็รู้สึกขบขัน หากนางตีเขาได้คงตีเขาไปแล้ว
“ถ้าปล่อยข่าวพวกนี้ไป พวกขุนนางที่ไม่ชอบข้าต้องดิ้นรนยื่นเรื่องสนับสนุนเป็นแน่ ฝ่าบาทจะโดนกดดัน พอทนไม่ไหวก็เนรเทศข้าออกไปแน่เลย” ไป๋เสวี่ยเฟินยกยิ้มอย่างพอใจกับแผนการของเขา
“แต่กว่าเรื่องจะกระจาย หากพระองค์ทรงพระครรภ์ขึ้นมาเสียก่อน...”
คำพูดของผิงผิงทำให้ไป๋เสวี่ยเฟินหุบยิ้มทันที เขาลืมไปได้อย่างไรว่าเขาเคยมีอะไรกับหยางหลงสี่วันสี่คืนเต็ม ๆ แต่คงไม่มีท้องขึ้นมาแน่นอนเพราะเขากินยาเรียบร้อยแม้จะมากินวันที่สามก็ตาม อีกอย่างผู้ชายก็ท้องยากจะตายไป เรื่องที่เขาท้องได้ก็มีแค่ไม่กี่คนที่รู้
“ข้าดื่มยาแล้ว อีกอย่างชายเยี่ยงข้าตั้งครรภ์ยากจะตายไป”
“แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีโอกาสนะเพคะ”
“ตกลงเจ้าเข้าข้างข้าหรือฝ่าบาทกันแน่เนี่ยผิงผิง นู่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้” ไป๋เสวี่ยเฟินเริ่มโวยวายขึ้น เขาเสนอแบบนี้ แต่ผิงผิงก็ยังยกข้อโต้แย้งมาขัดขาเขาได้ตลอด
“เจ้าก็เห็นที่ผ่านมาข้าต้องเจ็บปวดเพียงใด เจ้ายังจะใจร้ายไม่ช่วยข้าอีกรึไง”
“พระองค์จะทำอะไรหม่อมฉันก็ต้องทำตามอยู่แล้ว เพียงแต่หม่อมฉันขอถามได้หรือไม่เพคะ ว่าทรงไม่รักฝ่าบาทแล้วจริง ๆ ใช่หรือไม่”
“ข้า...”
ไป๋เสวี่ยเฟินไม่รู้จะตอบคำถามของผิงผิงอย่างไรดี
ไป๋เสวี่ยเฟินตอบ “ไม่ใช่ไม่รักแล้ว เพียงแค่เหนื่อยที่จะรักแล้ว” แววตาและน้ำเสียงของไป๋เสวี่ยเฟินเศร้าลงทันที
“ข้ากับฝ่าบาทเรารู้จักกันมานาน ตอนนั้นข้ายังเด็ก ความรู้สึกของข้าตอนนั้นคือรักจริง ๆ ท่านลุงชอบบอกว่าข้อเสียของข้าเหมือนของท่านแม่ เทิดทูนความรักจนเกินตัว รู้ว่าเขาไม่รักแต่ขอเพียงได้อยู่ใกล้เขาสักวันหนึ่งเขาอาจจะรักเราขึ้นมา”
ดวงตาของไป๋เสวี่ยเฟินเริ่มเหม่อลอย หยดน้ำใสใสเริ่มไหลออกมาจากหางตา ผิงผิงเองน้ำตาก็เริ่มคลอเบ้า
“ข้าเกิดมาจากความผิดพลาดไม่ใช่ความรัก ข้าไม่อยากให้ลูกข้าเกิดมาเป็นแบบข้า หากพลาดขึ้นมาจริง ๆ ข้าขอพาลูกไปลำบากที่อื่นที่มีแต่คนรักเขาดีกว่าอยู่ที่นี่แล้วต้องรับรู้ว่าพ่อไม่เคยรักเขากับแม่เลย”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 50
Comments