“ไป๋หวงกุ้ยเฟยช่างทำงานดีกว่าเปิ่นกงเสียอีก เห็นทีตราประทับหงส์ของเปิ่นกงคงไม่เหมาะสมกับเปิ่นกงเสียแล้วสิ”
หยางหลงว่าตกใจมากแล้ว ไป๋อิงฮวายิ่งตกใจหนักยิ่งกว่า
ไป๋เสวี่ยเฟินบ้าไปแล้วรึ? หรือคนชั้นต่ำนั้นมันกำลังหยั่งเชิงเธอ ตราประทับหงส์ใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าความสำคัญของมันนั้นรองมาจากตราประทับมังกรของฮ่องเต้ หากไป๋เสวี่ยเฟินมอบให้ไป๋อิงฮวาจริงก็ไม่ต่างอะไรจากให้ไป๋อิงฮวาขึ้นเป็นฮองเฮาแทน
“ตราประทับหงส์มักเหมาะสมกับคนที่คู่ควรเพคะ” ไป๋อิงฮวาตอบกลับ แต่ซ่อนแววตาที่เหยียดหยามไป๋เสวี่ยเฟินได้ไม่มิด ไป๋อิงฮวาไม่ได้บอกว่าไป๋เสวี่ยเฟินหรือตนเองเหมาะสม เพียงแต่บอกว่าคนที่คู่ควรกับตราประทับหงส์ตามที่จริงควรเป็นนาง
ไป๋เสวี่ยเฟินมองไป๋อิงฮวาก็รู้ว่านางคิดอะไร คงอยากได้จนตัวสั่นสินะ เพียงแต่รอไม่นานหรอก ข้าจะหมอบเจ้าเอง พี่สาวที่รักของข้า
“อากาศเริ่มเย็นแล้วคนรักทั้งสอง เจิ้นว่ากลับตำหนักกันเถิด” หยางหลงเอ่ยขึ้น จริง ๆ อากาศก็ไม่ได้เริ่มเย็นอะไรขนาดนั้น แต่เพราะหยางหลงรู้ว่าหากปล่อยให้เวลาผ่านไปอีกนิด น่าจะต้องเกิดศึกสองพี่น้องเป็นอย่างแน่
“พ่ะย่ะค่ะ พระองค์เองก็สมควรเสด็จกลับตำหนักของพระองค์เช่นกัน กระหม่อมไม่ส่งนะพ่ะย่ะค่ะ เปิ่นกงฝากไป๋หวงกุ้ยเฟยส่งฝ่าบาทด้วย เปิ่นกงขอตัว” พูดจบไป๋เสวี่ยเฟินก็ลุกขึ้นและเดินจากไปทันที ช่างไม่มีความเคารพหรือยำเกรงต่อผู้เป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดินเลยแม้แต่น้อย
ไป๋อิงฮวาคิดในใจ ก็แค่ถวายตัวให้ฝ่าบาทแล้ว เจ้าจะทำเช่นนี้ได้หรือไป๋เสวี่ยเฟิน ลูกบ่าวไม่พอ สันดานยังบ่าวอีก
หยางหลงถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนจะหันไปไป๋อิงฮวา “เจิ้นคงต้องรบกวนเจ้าแล้วอาอิง”
ประโยคนั้นของหยางหลงทำเอาต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวสี่ห้าวัน ได้รับฝนชุ่มจนเริ่มผลิใบเขียวอีกครั้ง
เมื่อถึงตำหนักอิงฮวา ไป๋อิงฮวาก็ถวายงานทันที เรื่องราวระหว่างหยางหลงและไป๋เสวี่ยเฟินถูกลมพัดหายไปทันที เมื่อฮ่องเต้กลับไปหาไป๋หวงกุ้ยเฟยดังเดิม
ส่วนทางด้านไป๋เสวี่ยเฟินกำลังคิดหาทางหนีออกจากวังหลวงอย่างไม่ตก เพราะแผนที่วางไว้ว่าจะยื่นขอหย่าถูกหยางหลงทำลายสิ้นเสียแล้ว จะหนีตอนงานคัดเลือกสนมเข้าวังก็ไม่ได้อีก เพราะหยางหลงให้คนมาแจ้งว่าไป๋เสวี่ยเฟินต้องเข้าร่วมงาน ยิ่งคิดไป๋เสวี่ยเฟินยิ่งปวดหัว ไม่เข้าใจหยางหลงเลยจริง ๆ เหตุใดถึงมายุ่งวุ่นวายกับตนได้ถึงเพียงนี้ ทำไมถึงไม่ทำเป็นเหมือนเขาไม่เคยอยู่ในสายตาแบบที่ผ่านมา ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว
“ฮองเฮาเพคะ ทรงหยุดเดินไปเดินมาเถิดเพคะ หม่อมฉันเวียนหัวแล้วนะเพคะ” ผิงผิงเอ่ยขึ้น เธอนั่งมองผู้เป็นนายเดินวนไปวนมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ข้าเครียดผิงผิง เหตุใดฝ่าบาทถึงมายุ่งวุ่นวายกับข้าเพียงนี้ ทีเมื่อก่อนข้าตามเขาแทบตายไม่เห็นจะสนใจ มาสนใจข้าตอนข้าไม่อยากสนใจเขาแล้ว ข้าไม่เข้าใจ”
“เพราะเพิ่งรู้ว่ารักรึเปล่าเพคะ”
ไป๋เสวี่ยเฟินหยุดชะงักทำหน้าไม่เข้าใจทันที รักรึ? คนอย่างหยางหลงเนี่ยนะ จะมารักตน? บอกว่าไก่ออกลูกเป็นตัวยังมหัศจรรย์กว่าอีก
“ตั้งแต่พระองค์ฟื้นขึ้นมาจากตกน้ำวันนั้น พระองค์ก็เปลี่ยนไป ไม่เข้าไปวุ่นวายกับฝ่าบาทเหมือนแต่ก่อน อีกอย่างนานนับร่วมสามเดือนที่พระองค์ไม่เสด็จออกไปนอกตำหนักเลย ฝ่าบาทคงเหงากระมังเพคะ”
“เหอะ เหงารึ ฝ่าบาทหรือจะเหงา สนมชายหญิงในวังมีตั้งมากมาย ไหนจะไป๋หวงกุ้ยเฟยที่ฝ่าบาททรงรักนักรักหนา จะเอาเวลาที่ไหนมาเหงา ไม่มีข้าสักคนฝ่าบาทคงยินดียิ่งนัก ที่ผ่านมาข้าก็ไม่เคยอยู่ในสายตาฝ่าบาทอยู่แล้วมิใช่รึไง”
“ฝ่าบาทสนใจพระองค์แล้วไม่ดีหรือเพคะ ที่ผ่านมาฝ่าบาทก็มิได้ไม่สนใจพระองค์ทั้งหมดไม่ใช่หรือเพคะ”
จะว่าไปหยางหลงก็ไม่ได้ไม่สนใจไป๋เสวี่ยเฟินไปเสียทั้งหมด หยางหลงมักจะหลับตาข้างหนึ่งเสมอ เวลาไป๋เสวี่ยเฟินเอาคืนเหล่าสนมหรือก่อกวนความสงบในวัง หยางหลงไม่เคยลงโทษตบตีเลยแม้แต่น้อย เพียงต่อว่าหรือไม่ก็ริบทรัพย์เล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นการลงโทษที่ไป๋เสวี่ยเฟินโดนปล่อยที่สุดก็คือกักบริเวณให้อยู่แต่ในตำหนัก นั่นทำให้ไป๋เสวี่ยเฟินจะไม่ได้เจอกับหยางหลงนานจนกว่าจะครบกำหนด และอีกฝ่ายก็ไม่มีทางที่จะมาหาตนด้วย นึกแล้วก็หน้าโมโห
“เมื่อก่อนหากฝ่าบาททำแบบนี้ข้าอาจจะดีใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วผิงผิง ข้าเหนื่อย ข้าอยากหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ข้าจะทำได้ ข้าอยากเริ่มต้นใหม่” ไป๋เสวี่ยเฟินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“แล้วพระองค์จะทำเยี่ยงไรเพคะ?” ผิงผิงถามด้วยความสงสัย เมื่อก่อนนางเคยช่วยไป๋เสวี่ยเฟินคิดวิธีที่จะให้หยางหลงสนใจ ได้เข้าใกล้ชิด แต่มาวันนี้กลับต้องคิดว่าหาทางที่จะเอาตัวให้ทางจากฝ่าบาท นางคิดไม่ออก
“สร้างเรื่องว่าข้ามีชู้ก็ไม่ได้เพราะข้าไม่ได้รู้จักใครเยอะ คนในตำหนักก็มีแต่คนแก่ หากถูกจับได้ก็เสี่ยงโดนประหารแทนที่จะโดนขับไล่ ข้ายังมิอยากตายและข้าไม่อยากให้มีใครตายเพื่อข้า”
ผิงผิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับความคิดของฮองเฮาของนาง
“หรือข้าจะสร้างเรื่องเผาตำหนักตัวเอง ข้าไม่รอดเลยตายภายใต้กองไฟนั้นดี”
ผิงผิงเหนื่อยใจกับความคิดของฮองเฮาเสียจริง ความคิดเหล่านั้นคงมาจากหนังสือที่นางเห็นว่าอ่านทั้งวันทั้งคืนเป็นแน่
“ฮองเฮาเพคะ ชีวิตจริงไม่ใช่วรรณกรรมตามตลาดนะเพคะ ขืนทำแบบนั้นเราจะตายกันหมดแทนที่จะหนีไปได้”
“โอ๊ย!! แล้วข้าจะทำเยี่ยงไรดี ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว! ไม่อยากอยู่กับคนไร้หัวใจ! ข้าเหนื่อยแล้ว!”
ไป๋เสวี่ยเฟินเหนื่อยแล้วจริง ๆ จะมีใครรู้บ้างว่าฮองเฮาปีศาจผู้ที่ฮ่องเต้ไม่รักนั้น แท้จริงทำสิ่งใดให้บ้านเมืองบ้าง
ไป๋เสวี่ยเฟินคอยช่วยเหลือช่วยชาวบ้านแถบชายแดนที่แม้แต่คนในวังแทบไม่รู้ว่ามีคนเหล่านี้อยู่ด้วย ขุนนางคนไหนคิดร้ายต่อบัลลังก์ก็รวบรวมหลักฐานยื่นต่อฮ่องเต้ในนามของเซียวเฟิ่ง ผู้เป็นหน่วยข่าวกรองของฮ่องเต้พระองค์ก่อน นามของคนผู้นั้นคือมารดาของไป๋เสวี่ยเฟินเอง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 50
Comments