“หย่าอย่างนั้นรึ?” หยางหลงพูดทวนคำบอกขององครักษ์หลิวอีกครั้ง
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” องครักษ์หลิวยืนยันคำตอบอีกครั้ง
เขาตั้งใจจะไปหาฮองเฮาและหมอหลวงจูอยู่แล้ว แต่พอได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานก็ไม่อยากเอาตนไปขัดความสุขเลยแอบมองและฟังอยู่เงียบ ๆ จนมาได้ยินเรื่องที่ฮองเฮาจะขอหย่ากับฮ่องเต้
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินฮองเฮาพูดเช่นนั้น เขาเล่าทุกอย่างให้หยางหลงฟัง เพียงแต่ไม่ได้เล่าที่พูดถึงเรื่องที่บอกว่าฮ่องเต้และฮองเฮาไม่ได้ดื่มสุรามงคลร่วมกัน
หยางหลงกำหมัดแน่นด้วยความโมโห ไป๋เสวี่ยเฟินเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ที่อยู่สงบเสงี่ยมในตำหนักถึงสามเดือนเพื่อเตรียมตัวหย่ากับเขาอย่างนั้นหรือ ไม่เคยมีฮองเฮาของฮ่องเต้พระองค์ใดยื่นฎีกาขอหย่า
“เวินกงกง” หยางหลงเอ่ยขึ้น
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“เย็นนี้เจิ้นจะจุดโคมตำหนักฮองเฮา”
“พ พ่ะย่ะค่ะ”
คำสั่งของหยางหลงสร้างความประหลาดใจให้ผู้เป็นข้ารับใช้อย่างมาก ฮ่องเต้ทรงแต่งงานกับฮองเฮามานานถึงห้าปี เคยร่วมหมอนกันแค่ตอนเข้าหอ หลังจากนั้นก็ไม่เคยจุดโคมตำหนักฮองเฮาอีกเลย เหตุใดครั้งนี้จึงจุดโคมตำหนักฮองเฮา เพราะฮองเฮาคิดหย่ากับพระองค์อย่างนั้นหรือ?
ทางด้านไป๋เสวี่ยเฟินพอทราบข่าวก็ร้อนรนเป็นอย่างมาก เหตุไฉนหยางหลงถึงจุดโคมตำหนักของตน แล้วทำไมต้องมาใกล้กับช่วงที่เขากำลังจะส่งใบหย่า ตนอุตส่าห์อยู่เงียบ ๆ แล้วหนา หยางหลงยังจะนำความวุ่นวายมาให้เขาอีกหรือ
หากเขาจำไม่ผิดชาติที่แล้วหยางหลงมาหาเขาที่ตำหนักเพราะความโกรธหาว่าเขาผลักไป๋อิงฮวาตกน้ำจนนางเกือบตาย หากฝ่าบาทสังเกตสักนิดน้ำในบ่อนั้นสูงเพียงเอวไป๋อิงฮวาจะตกน้ำตายได้อย่างไรกัน อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ผลักไป๋อิงฮวาเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวกระโดดลงไปเอง ไม่เหมือนกับที่ไป๋อิงฮวาผลักเขาตกสระบัว สระนั้นน้ำลึกเกือบสามช่วงคนไม่งั้นเขาไม่จมน้ำตายมาแล้วครั้งหนึ่งหรอก
และเพราะความโกรธนั้นไป๋เสวี่ยเฟินจึงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหยางหลงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว แต่นั่นก็ทำให้มีเจ้ามังกรน้อยมาอยู่ในท้องของตน
แต่ช่วงที่ผ่านมานี้เขาไม่ได้ออกไปไหนเลย เรียกได้ว่าไม่ได้กล่าวเท้าออกจากตำหนักเลยก็ว่าได้ เขาไม่ได้สร้างเรื่องอะไร แล้วเหตุใดหยางหลงถึงบุกมาที่ตำหนักของเขาแบบฉับพลันแบบนี้
“ถวายพระพรฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะทรงพระเจริญหมื่น ๆ ปี” ไป๋เสวี่ยเฟินทำความเคารพด้วยใบหน้านิ่งเรียบสร้างความตกใจให้แก่เวินกงกงเป็นอย่างมาก
เหตุใดฮองเฮาถึงไม่ตื่นเต้นอย่างพระสนมคนอื่น ๆ ยามฝ่าบาทเสด็จไปหา?
“ตั้งสำรับเถิด” หยางหลงกล่าวเช่นนั้น นางในเหล่านั้นจึงรีบตั้งสำรับเย็นทันที
อาหารมากสีสันถูกจัดวางเต็มโต๊ะ แม้จะไม่ได้มากมายอย่างอาหารในตำหนักฮ่องเต้ แต่สีสันของมันดูสวยงามมากกว่าแม้จะเป็นอาหารชนิดเดียวกัน
เมื่ออาหารวางอยู่บนโต๊ะเวินกงกงก็รับทำหน้าที่ตรวจสอบพิษทันที เมื่อตรวจครบทุกจานและเห็นว่าไม่มีพิษจึงเอ่ยปากบอกว่าเชิญเสวยได้
หยางหลงจับตะเกียบคีบอาหารขึ้นมาทานก่อน จากนั้นไป๋เสวี่ยเฟินจึงคีบตาม หยางหลงชิมอาหารทุกจานก็สร้างความประหลาดใจให้กับหยางหลง อาหารตำหนักฮองเฮาอร่อยกว่าตำหนักของตนอีกหรือ?
“อาหารตำหนักเจ้ารสชาติดีใช้ได้” หยางหลงกล่าวขึ้น
“ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาทรงเป็นผู้ทำอาหารเหล่านั้นด้วยตัวพระองค์เองเพคะ” ผิงผิงรีบตอบทันที เพราะดูเหมือนฮองเฮาของนางจะไม่ได้ฟังคำถามของฮ่องเต้เลย หรือฟังแต่แกล้งทำเป็นไม่ได้สนใจ
“เจิ้นเพิ่งรู้ว่าฮองเฮามีฝีมือเยี่ยงนี้”
“ชีวิตของกระหม่อมเป็นเยี่ยงไรพระองค์ก็ทรงทราบ” คำพูดของไป๋เสวี่ยเฟินสร้างความหนักอึ้งให้แก่หยางหลงยิ่งขึ้น
เหตุใดเขาจะไม่รู้กันเล่า ก่อนหน้านั้นไป๋เสวี่ยเฟินลำบากเพียงใด แต่พอได้เป็นฮองเฮากลับวางอำนาจดั่งวัวลืมตีน ทำให้หยางหลงไม่ชอบใจในตัวไป๋เสวี่ยเฟินเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดต่อ ต่างพากันรับประทานอาหารไปอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ไป๋เสวี่ยเฟินชอบพอเป็นอย่างมาก ต่างจากหยางหลงที่รู้สึกอึดอัด ข้าราชบริวารก็ทรงรู้สึกเช่นเดียวกัน ทรงเป็นการรับประทานอาหารที่บรรยากาศช่างน่าอึดอัดเสียจริง เหมือนฮองเฮาจะปล่อยรังสีกดดันออกมาจากตัวเลยทั้ง ๆ ที่ฮองเฮาทรงไม่มีวรยุทธ์
หลังรับประทานอาหารเสร็จ หยางหลงและไป๋เสวี่ยเฟินก็เข้าห้องนอนของไป๋เสวี่ยเฟินทันที
หยางหลงเพิ่งจะเคยเห็นด้านในของตำหนักเฟิ่งหวงเลย ช่างดูราบเรียบ เป็นระเบียบ หากคนนอกเห็นคงจะคิดว่าช่างเป็นตำหนักที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งฮองเฮาเลยแม้แต่น้อย
“เจิ้นไม่ได้มาเพื่อนั่งเฝ้าเจ้าทำงานหนาฮองเฮา” หยางหลงเอ่ยขึ้น เขานั่งรอไป๋เสวี่ยเฟินที่เตียงนอนมาครึ่งชั่วยามแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่มานอน กับนั่งขีด ๆ เขียน ๆ ที่โต๊ะทำงาน ราวกับไม่ได้สนใจถึงการมาอยู่ที่ห้องของเขาเลย
“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท หากกระหม่อมรบกวนเวลาบรรทม กระหม่อมขออนุญาตไปทำงานข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ” พูดจบไป๋เสวี่ยเฟินก็วางพู่กันในมือแล้วลุกขึ้นทันที
“จะมาหาเจิ้นดี ๆ หรือจะให้เจิ้นไปลากตัวเจ้า?” หยางหลงเริ่มหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ชินเลยที่ไป๋เสวี่ยเฟินพยายามหลีกเลี่ยงเขา
น้ำเสียงที่กดดันของหยางหลงทำให้ไป๋เสวี่ยเฟินต้องพยายามอดกลั้นอารมณ์แล้วเดินไปหาหยางหลงทันที “ตอนนี้ยามห้ายแล้ว หากพระองค์ต้องการจะเสด็จกลับตำหนักเทียนเฉิงหรือจะไปตำหนักใดทรงโปรดบอกกระหม่อม กระหม่อมจะออกไปตามเวินกงกงให้” ไป๋เสวี่ยเฟินถามด้วยใบหน้าเรียบ
“เจิ้นจะค้างที่นี่ เจ้าต้องปรนนิบัติเจิ้น ฮองเฮา”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 50
Comments