ณ ตำหนักอิงฮวา
“ฝ่าบาททรงไปเยี่ยมฮองเฮารึยังเพคะ?” ไป๋อิงฮวาถามบุรุษที่กำลังโอบกอดเธอ อีกฝ่ายส่ายหัวเป็นคำตอบ “ฝ่าบาททรงอยากให้หม่อมฉันโดนมองว่าเป็นพี่สาวไม่ดีเพิ่มหรือเพคะ?”
“ใครจะกล้าว่าเจ้าอิงฮวา”
“ฝ่าบาทเพคะ ฮองเฮาเป็นภรรยาของฝ่าบาทและทรงเป็นน้องชายของหม่อมฉัน ฮองเฮาทรงประชวรแต่ฝ่าบาทและหม่อมฉันกลับไม่เคยไปเยี่ยมเยียนฮองเฮาเลย เหล่าขุนนางและประชาชนจะตำหนิว่าฝ่าบาทไม่สนใจฮองเฮานะเพคะ”
“ก็ถูกของเขาแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร เพราะเจิ้นสนใจแต่เจ้า” พูดจบหยางหลงก็ก้มหอมแก้มไป๋อิงฮวาทันที
“ฝ่าบาททรงแกล้งหม่อมฉันอีกแล้ว” ไป๋อิงฮวาทำท่าทางเขินอายเล็กน้อย
“ไว้พรุ่งนี้เจิ้นจะไปเยี่ยมฮองเฮาก็แล้วกัน” หยางหลงพูดตัดปัญหา เขารู้ว่าไป๋อิงฮวาเป็นห่วงน้องชายและรักน้องชายมากเพียงใด ซึ่งต่างจากไป๋เสวี่ยเฟินที่ตั้งแง่จงเกลียดจงชังผู้เป็นพี่สาวเสียยิ่งกว่าอะไร
“เพคะ” ไป๋อิงฮวายิ้มหวานให้กับชายอันเป็นที่รัก
ณ ตำหนักเฟิ่งหวง
ตอนนี้เป็นเวลายามซื่อแล้ว ไป๋เสวี่ยเฟินนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องทรงงาน การหมดสติไปเจ็ดวันทำให้ไป๋เสวี่ยเฟินมีงานมากมายในฐานะฮองเฮาต้องสะสาง
“ฮองเฮาเพคะ ฝ่าบาททรงเสด็จมาเพคะ” ผิงผิงรีบเข้าในห้องทำงานแจ้งฮองเฮาที่ตอนนี้กำลังทรงงานอยู่ในห้องหนังสือ
“อืม” ไป๋เสวี่ยเฟินวางพู่กันในมือ แล้วลุกขึ้นทันที
สีหน้าของไป๋เสวี่ยเฟินเรียบเฉยแถมยังดูติดรำคาญอีกด้วย ทำเอาผิงผิงขมวดคิ้วด้วยความงงงวยกับท่าทางของผู้เป็นนายอย่างไม่เข้าใจ
ฮองเฮายังไม่หายป่วยรึ? เหตุใดถึงได้ไม่มีท่าทางตื่นเต้นอย่างเมื่อก่อนเลย
ไป๋เสวี่ยเฟินเดินออกมาก็ประจบกับขบวนเสด็จของฮ่องเต้ก็มาถึงพอดี ไป๋เสวี่ยเฟินมองดูขบวนด้วยแววตานิ่งเฉย หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงยิ้มจนปากฉีกไปถึงใบหูเก็บอาการความดีใจไม่อยู่เสียแล้ว แต่หลังจากที่เขาป่วยและรู้ว่าอนาคตจะเกิดเรื่องอันใดบ้าง ไป๋เสวี่ยเฟินจึงเลือกที่จะตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม คงต้องขอบคุณไป๋อิงฮวาเสียแล้วกระมังที่ผลักเขาตกน้ำ เหมือนความเย็นของน้ำได้กัดกินหัวใจของเขาไปเสียแล้ว
ไป๋เสวี่ยเฟินไม่ได้รักหยางหลงอย่างที่เคยมาแล้ว ความรู้สึกรักที่เคยมีให้อีกฝ่ายเริ่มลดลงไปทีละนิดแล้ว เมื่อก่อนหากได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายหัวใจของไป๋เสวี่ยเฟินมักจะเต้นรัว แต่ตอนนี้มันกลับเต้นเป็นปกติไปแล้ว
“ถวายพระพรฝ่าบาท ทรงพระเจริญหมื่น ๆ ปี” ไป๋เสวี่ยเฟินย่อตัวทำความเคารพ ก่อนจะเชิญให้อีกฝ่ายนั่งที่ศาลาในสวนดอกไม้ที่ไป๋เสวี่ยเฟินเป็นคนปลูกเอง
“เจิ้นรู้ว่าเจ้าไม่สบาย เป็นอย่างไรบ้าง?” หยางหลงถามขึ้นด้วยเสียงเรียบ
“กระหม่อมสบายดีพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋เสวี่ยเฟินตอบเสียงเรียบเช่นกัน สายตาของไป๋เสวี่ยเฟินเรียบเฉย ไร้ซึ่งแววตาเสน่หา
“...”
“...”
ทั้งสองฝ่ายต่างเงียบไม่มีใครพูดอันใด ไป๋เสวี่ยเฟินก็ไม่สนใจฮ่องเต้แต่อย่างใด เขายกชาขึ้นดื่ม หยิบขนมขึ้นกินไปเรื่อย ๆ
แปลก
นั่นคือสิ่งที่หยางหลงคิด ไป๋เสวี่ยเฟินเป็นอันใดกัน ปกติหากเขามาหามักจะแสดงอาการตื่นเต้น พูดมาก หาเรื่องชวนคุยกับเขาให้ได้นานที่สุด แต่นี่กลับไม่มีท่าทางตื่นเต้น แต่เลือกที่จะเงียบ น้ำเสียงที่ตอบออกมาเรียบเฉย ท่าทางตอนนี้ของไป๋เสวี่ยเฟินบ่งบอกว่าไม่ได้ยินดียินร้ายที่เขามาหาเลยแม้แต่น้อย
โกรธที่เขาไม่หาตอนเจ้าตัวป่วยอย่างนั้นรึ หรือว่ายังไม่หายป่วยดี?
“เวินกงกง” สุรเสียงเข้มเอ่ยขึ้น
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” เวินกงกงก้าวเท้าออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าวเตรียมรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว
“เรียกหมอหลวงมาตรวจอาการฮองเฮาที”
“พ่ะย่ะค่ะ” เวินกงกงรับคำสั่งกำลังจะเดินออกไปแต่ถูกเสียงเรียกของไป๋เสวี่ยเฟินรั้งเอาไว้ก่อน
“ช้าก่อนเวินกงกง ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เมื่อเช้าหมอหลวงจูเพิ่งมาตรวจกระหม่อมไป กระหม่อมปกติดีทุกอย่าง อย่าเสียเวลาเรียกหมอหลวงคนอื่นมาเลยพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋เสวี่ยเฟินตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง เพราะคิดว่าจะเสียเวลาตรวจอะไรเยอะแยะ ตรวจครั้งหนึ่งก็ต้องกินยาตอนนั้นเลย เขาหาได้ใช่คนชื่นชอบการกินยาไม่
คิ้วของหยางหลงขมวดทันที “เสียเวลารึ? ฮองเฮาของเจิ้นป่วย เจิ้นเรียกหมอหลวงเพื่อมาดูอาการของฮองเฮา ฮองเฮาว่าเสียเวลาอย่างนั้นหรือ?” น้ำเสียงของหยางหลงเปลี่ยนเป็นเริ่มหงุดหงิดขึ้นแล้ว เหตุใดอีกไป๋เสวี่ยเฟินถึงกล้าปฏิเสธเขา ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายไม่เคยปฏิเสธสิ่งที่เขามอบให้เลยแม้แต่น้อย แถมบางทียังเรียกร้องเพิ่มอีกด้วย
ไป๋เสวี่ยเฟินแล้วว่าหยางหลงเริ่มมีน้ำโหจึงเอ่ยเลี่ยง ๆ ไป “อย่างนั้นเห็นแก่สมควรตามพระองค์เลยพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเวินกงกงก็รีบไปเรียกหมอหลวงมาดูพระอาการของฮองเฮาทันที
ไม่นานเวินกงกงก็พาหมอหลวงชราคนหนึ่งมาทำการตรงร่างกายของไป๋เสวี่ยเฟิน และก็วินิจฉัยไม่แตกต่างอะไรกับหมอหลวงจูจ้านจินเลยแม้แต่น้อย
“ทูลฝ่าบาท พระอาการของฮองเฮามิมีอันใดน่าเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ ทรงแข็งแรงดี เพียงแต่คงทรงเหนื่อยล้าจากการนอนหลับไปนานถึงเจ็ดวัน กินยาตามที่ท่านหมอหลวงจูจัดเตรียมไว้ให้ ครบเจ็ดวันอาการก็ทรงดีขึ้นดังเดิมพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงชรารายงานการตรวจร่างกายของฮองเฮาทันที
บอกแล้วไม่เชื่อเองว่าเสียเวลา ตรวจกี่รอบกี่คนก็เหมือนกันหมด ยังจะเรียกมาตรวจอีก ไป๋เสวี่ยเฟินบ่นในใจ
“นอนหลับถึงเจ็ดวันเลยรึ?” หยางหลงถามด้วยความตกใจ เขาทราบเพียงว่าไป๋เสวี่ยเฟินป่วยแต่ไม่คิดว่าจะป่วยหนักถึงขั้นนอนหลับไปถึงเจ็ดวัน
เขาคิดว่าอีกฝ่ายเพิ่งป่วยได้เพียงสองสามวันเท่านั้น ทำไมถึงไม่มีใครไปแจ้งเขาเลยว่า ไป๋เสวี่ยเฟินหมดสติไปถึงเจ็ดวัน หากเขารู้เขาคงมาเยี่ยมเจ้าตัวเร็วกว่านี้
“เพคะฝ่าบาท” ผิงผิงรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ผิงผิง” ไป๋เสวี่ยเฟินตวัดสายตามองไปทางผิงผิงสื่อความหมายว่าไม่ให้เธอพูดต่อ
แต่มีหรือผิงผิงที่รักคนเป็นนายยิ่งกว่าชีวิตตัวเองก็ฟัง “ฮองเฮาทรงหมดสตินานถึงเจ็ดวัน ตอนแรกร่างกายเย็นเฉียบ ผิวซีดเซียวเป็นอย่างมาก และยังทรงหยุดหายใจไปชั่วขณะเพคะ” เธอพูดไปความจริงที่เห็นอาการของไป๋ฮองเฮาจริง ๆ ตอนที่ไป๋ฮองเฮาทรงหมดสติเธอเป็นกังวลเป็นอย่างมาก เพราะยิ่งนานนับวันอาการของไป๋ฮองเฮาก็เหมือนคนตายมากขึ้น จนเธอเผลอคิดไปว่าไป๋ฮองเฮาของเธออาจจะไม่รอดแล้วก็เป็นไปได้
“ข้าหยุดหายใจด้วยรึ?” ไป๋เสวี่ยเฟินถามออกมาด้วยความตกใจ เพราะเขาก็เพิ่งรู้เรื่องข้อนี้เหมือนกัน
“เพคะ” ผิงผิงยืนยัน
ไป๋เสวี่ยเฟินลอบมองไปทางหยางหลงที่มีสีหน้านิ่งเรียบ ท่านคงคิดว่าทำไมข้าไม่ตายให้มันจบ ๆ ไปเสียใช่หรือไม่ หยางหลง
“คราวหลังก็ระวังตัวให้มากขึ้นนะฮองเฮา หากเจ้าเป็นอะไรขึ้นมา แผ่นดินเราจะขาดมารดาแผ่นดิน”
“พ่ะย่ะค่ะ” ไป๋เสวี่ยเฟินตอบรับ
เหอะ หากขาดข้าไปท่านก็แค่แต่งตั้งคนใหม่มิเห็นยากอันใด ทุกวันนี้ตัวข้าเหมือนมารดาของแผ่นดินมากหรือ ท่านให้ไป๋อิงฮวาหวงกุ้ยเฟยออกหน้าแทนข้าหมด ยังคิดว่าข้าเหมาะสมกับตำแหน่งนี้อยู่อีกหรือ ไป๋เสวี่ยเฟินได้แต่เอ่ยถามอยู่ในใจ
“เอาล่ะในเมื่อเจ้าไม่ได้เป็นอะไรมาก เยี่ยงนั้นเจิ้นขอตัวก่อน พักผ่อนเสียเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะ” ไป๋เสวี่ยเฟินยืนขึ้นทำความเคารพ มองแผ่นหลังของหยางหลงจนหลับสายตา ก่อนจะเดินกลับเข้าตำหนักและนั่งทำงานต่อในห้องหนังสือ
“เหตุใดฮองเฮาทรงไม่รั้งฝ่าบาทดังเช่นเคยล่ะเพคะ?” ผิงผิงถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ข้าเหนื่อยที่จะวิ่งตามแล้วผิงผิง ข้าว่าข้าควรพอได้แล้ว” ไป๋เสวี่ยเฟินตอบด้วยเสียงอ่อนแต่แฝงไปด้วยความจริงจัง
“ฮองเฮา...” ผิงผิงแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านั้นออกมาจากปากของฮองเฮาที่ทรงรักฮ่องเต้มากกว่าตัวเอง
ผิงผิงยืนน้ำตาตกกันเลยทีเดียว
“ดีใจที่เราตัดใจได้รึเด็กโง่” มือเรียวแสนจะอ่อนนุ่มลูบหัวคนที่เป็นดั่งสาวเบาเบาอย่างเอ็นดู
“คุณชาย...” ผิงผิงรีบเช็ดน้ำตาของเธอทันที
ไป๋เสวี่ยเฟินมองผิงผิงอย่างเอ็นดู นึกถึงไปถึงความฝันที่เห็นนางหยิบมีดขึ้นมาแทงตัวเองยอมตายไปกับเขานั้นทำให้เขาเจ็บหัวใจมากเหลือเกิน ความรักและความซื่อสัตย์ของผิงผิงที่มอบให้เขานั้น หาได้ยากแท้ในแผ่นดินแคว้นฉินนี้ที่จะเหมือนนาง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 50
Comments