เฮือก!! ไป๋เสวี่ยเฟินสะดุ้งตื่นขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ ผิงผิงที่นอนอยู่ข้างเตียงรับรู้ว่าคุณชายของเธอฟื้นแล้วก็ตื่นเต้นขึ้นทันที
“ฮองเฮาฟื้นแล้ว!” ผิงผิงตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
ฟื้นหรือ?
เรื่องราวเมื่อครู่คือเขาฝันร้ายอย่างนั้นรึ ทำไมมันช่างเหมือนจริงเสียอย่างนี้ ไป๋เสวี่ยเฟินคิดในใจ
“หมอหลวง!!!” ผิงผิงเปิดประตูตะโกนออกไปทันที หมอหลวงที่พักใกล้ ๆ ตำหนักของฮองเฮารีบตื่นขึ้นมาทันที และวิ่งไปตำหนักฮองเฮาอย่างรวดเร็ว
หมอหลวงรีบตรวจอาการของฮองเฮาทันที “ฮองเฮาทรงปลอดแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ระหว่างนี้กระหม่อมจะจัดเทียบยาบำรุงมาให้ท่านตอนเช้าและเย็นนานเจ็ดวัน รับรองฮองเฮาจะกลับมาแข็งแรงดังเดิมแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” จูจ้านจิน หมอหลวงประจำตัวของไป๋เสวี่ยเฟินโดยเฉพาะและยังเป็นสหายไป๋เสวี่ยเฟินอีกด้วย
“ข้าบอกแล้วไง อยู่กับคนสนิทเช่นนี้ ให้เจ้าเรียกเช่นไรจ้านจิน” ไป๋เสวี่ยเฟินตำหนิเพื่อนของตน
“เกิดคนอื่นมาได้ยินเข้า มีหวังข้าก็หัวขาดกันพอดีสิเสวี่ยเฟิน” จูจ้านจินทำท่าขนลุกทันที เห็นท่าทางอย่างนั้นของสหายทำเอาคนป่วยอย่างไป๋เสวี่ยเฟินและคนที่ไม่ป่วยอย่างผิงผิงหัวเราะออกมาทันที
“เจ้าคิดว่าตำหนักของข้า คนอื่นเข้ามาได้ง่ายหนักรึไงกัน” ไป๋เสวี่ยเฟินเอ่ยน้ำเสียงตัดพ้อ
ตำหนักของฮองเฮาในอยู่ลึกที่สุดในวังหลวง เรียกได้ว่าอยู่ท้ายสุดของวังหลวงเลยก็ว่าได้ แถมยังอยู่คนละมุมกับตำหนักของฮ่องเต้ ซึ่งมันก็เป็นเครื่องหมายบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าฮ่องเต้หยางหลงหาได้รักใคร่ฮองเฮาอย่างไป๋เสวี่ยเฟินไม่ ต่างจากสนมขั้นอื่น ๆ ที่ตำหนักอยู่ใกล้กันเกือบหมด ตำหนักของฮองเฮาจึงไม่ต่างอะไรกับตำหนักเย็น เงียบเหงาและโดดเดี่ยว บ่าวรับใช้ในเรือนมีเพียงแค่สิบคนถ้วน
“ว่าแต่ข้าเป็นอะไรถึงป่วยรึ?”
คำถามของไป๋เสวี่ยเฟินทำเอาจูจ้านจินและผิงผิงขมวดคิ้วทันที
“เจ้าจำไม่ไม่ได้รึ?” จูจ้านจินถามขึ้นด้วยความสงสัย
ไป๋เสวี่ยเฟินส่ายหัวเป็นคำตอบแทน เขาจำไม่ได้จริง ๆ
ผิงผิงรีบไขข้อข้องใจให้คุณชายของนางทันที “ฮองเฮาทรงพลัดตกสระบัวเพคะ เป็นความผิดของหม่อมฉันเองที่ดูแลฮองเฮาไม่ดี” ผิงผิงรีบก้มหัวร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถดูแลฮองเฮาของเธอได้
“ข้าพลัดตกสระบัวได้อย่างไรกัน?” ไป๋เสวี่ยเฟินถามขึ้น เขาพลัดตกไปองครักษ์และบ่าวรับใช้ก็ต้องมาช่วยเขาอยู่แล้ว หากตกเดี๋ยวเดียวเหตุใดเขาถึงป่วยจนสลบไปถึงเจ็ดวันเยี่ยงนี้เล่า
ทำไมยิ่งคิด เขาถึงยิ่งปวดหัวแบบนี้กันนะ
“หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ พระองค์ใช้ให้หม่อมฉันเดินไปตามองครักษ์หลิว พอหม่อมฉันกลับมาก็เห็นว่าพระองค์ทรงกำลังจมลงไปในน้ำแล้วเพคะ” ผิงผิงเล่าเหตุการณ์ที่เธอกลับมาเห็นเข้าพอดี
เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดฮองเฮาของเธอที่ว่ายน้ำไม่เป็น และไม่กล้าแม้แต่จะเดินเฉียดเข้าใกล้สระบัวเลย เหตุใดถึงได้ไปอยู่ที่สระบัวจนพลัดตกน้ำเสียอย่างนั้น หากเธอและองครักษ์หลิวมาช้าเพียงนิด คาดว่าเธอคงได้เสียฮองเฮาไปอย่างแน่นอน
“อ่า...ข้านึกออกแล้ว” ท่าทางของไป๋เสวี่ยเฟินทำเอาคนทั้งสองงงกันไปเลยทีเดียว ตัวไป๋เสวี่ยเฟินพอจะเริ่มประติดปะต่อเรื่องราวได้แล้วว่าเกิดอันใดขึ้น
“ข้าโดนหวงกุ้ยเฟยผลัก” ประโยคที่ออกมาจากปากของไป๋เสวี่ยเฟินทำเอาหนึ่งบ่าวที่เป็นดั่งน้องสาวและหนึ่งสหายสนิทกำหมัดแน่นทันที
“ข้าจะไปฟ้องฝ่าบาท!” จูจ้านจินตะโกนขึ้นอย่างโมโห ก่อนจะโดนรั้งแขนโดยมือของไป๋เสวี่ยเฟินเอาไว้
“อย่าเลยจ้านจิน” ไป๋เสวี่ยเฟินส่ายหัว
คำห้ามของไป๋เสวี่ยเฟินยิ่งทำให้จูจ้านจินอารมณ์ขุ่นเคืองมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
ไป๋เสวี่ยเฟินก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ แม้ตนจะถูกกลั่นแกล้งมากเพียงใด แต่ไม่เคยเอาเรื่องไปฟ้องฮ่องเต้เลยสักครั้ง ต่างจากสนมคนอื่นที่โดนไป๋เสวี่ยเฟินโต้ตอบหรือไม่ก็อ้างสร้างเรื่องทั้ง ๆ ที่ไป๋เสวี่ยเฟินยังมิได้กระทำอันใด พวกนางก็ไปยื่นร้องฟ้องฮ่องเต้เสียอย่างนั้น
และฮ่องเต้จะเลือกเชื่อใครเล่า หากไม่ใช่สนมพวกนั้น
ใครจะไปเชื่อคำพูดคนอย่างไป๋เสวี่ยเฟิน ฮองเฮาที่ฮ่องเต้ทรงไม่รักกันเล่า
ไป๋เสวี่ยเฟินจึงกลายเป็นฮองเฮาใจร้ายที่ชอบกลั่นแกล้งบรรดาเหล่าสนมและบ่าวไพร่ กิริยาท่าทางราวกับไม่ใช่คุณชายตระกูลสูงศักดิ์ ขี้อิจฉา ริษยา โดยเฉพาะไป๋อิงฮวาผู้เป็นพี่สาวของฮองเฮาที่ถูกตบแต่งเข้ามาเป็นหวงกุ้ยเฟย ซึ่งเป็นคนที่ฮ่องเต้ทรงรักแต่เพียงผู้เดียว หาใช่ไป๋เสวี่ยเฟินฮองเฮาไม่
“เจ้าจะยอมนางไปถึงเมื่อไหร่เสวี่ยเฟิน! นางทั้งแย่งคนรักเจ้า! ทั้งกลั่นแกล้งเจ้าสารพัดจนเจ้ากลายเป็นปีศาจในสายตาคนอื่นก็เพราะนาง!” จูจ้านจินระบายความอัดอั้นออกมา ตัวเขาที่ทราบเรื่องทุกอย่างอย่างละเอียดมีหรือที่จะไม่โกรธแค้นแทนสหาย
“ฟ้องไปแล้วได้อะไรเล่า มีใครเชื่อฮองเฮาปีศาจอย่างข้าบ้าง ให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่นางต้องการเสียเถิด” ไป๋เสวี่ยเฟินพูดออกมาอย่างปลงแล้วในที่สุด
ต่อให้เหตุการณ์ครั้งนี้เขาตายตกลงไปจริง ๆ คนส่วนใหญ่ก็คงไม่คิดที่จะเสียใจกับการจากไปของเขา คงจะเฉลิมฉลองเสียด้วยซ้ำ
“เจ้า!” จูจ้านจินไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาเถียงไป๋เสวี่ยเฟินแล้วจริง ๆ เขาไม่เข้าใจไป๋เสวี่ยเฟินเลย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเกือบตายแท้ ๆ ก็ยังไม่คิดจะทำอะไรคนพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย
“ข้าง่วงแล้ว ข้าขอนอนต่อก่อนนะ ผิงผิงข้าฝากไปส่งจ้านจินด้วยนะ” ไป๋เสวี่ยเฟินรีบเอ่ยตัดบทสนทนาทันที หากยังไม่รีบมีหวังเขาคงได้โดนจูจ้านจินโดนบ่นจนหูชาเป็นแน่
“เพคะ” ผิงผิงน้อมรับคำสั่ง ก่อนจะผายมือเป็นคำเชิญแก่จูจ้านจิน
จูจ้านจินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะสะบัดตัวเดินออกไปอย่างหงุดหงิด
ไป๋เสวี่ยเฟินนอนหันหน้าเข้าผนังก่อนจะคิดทบทวนเรื่องทั้งหมด
“ข้าไม่ได้ฝันอย่างนั้นหรือ? ข้าเพียงย้อนกลับมาอย่างนั้นหรือ?” ไป๋เสวี่ยเฟินขบคิดอยู่นานสองนาน จนในที่สุดเขาก็สรุปเรื่องราวเอาไว้ทั้งหมดแล้วว่า ความฝันที่ตัวของเขาฝันก่อนจะตื่นนั้นคือเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว แล้วเขาก็ย้อนเวลากลับมา
ทำไมเขาถึงทราบอย่างนั้นหรือ ก็เพราะเรื่องราวในห้องบรรทมของเขาเมื่อครู่อย่างไรล่ะ จู่ ๆ ก็มีภาพโผล่ขึ้นมาในหัวเป็นฉาก ๆ ที่ไม่ติดต่อกัน แต่นั่นก็ทำให้เขารู้ว่าหลังจากเขาพูดจบ จูจ้านจินกับผิงผิงจะพูดอันใดต่อ หรือแสดงสีหน้าท่าทางอย่างไร เขาเห็นมันก่อนที่จะเกิดขึ้น
เยี่ยงนั้นในความฝันคือเรื่องจริงอย่างนั้นสินะ เขาตายไปแล้วพร้อมกับลูกน้อยในครรภ์วัยห้าเดือนเศษ ที่เขาตัดสินใจปลิดชีพไปพร้อมกัน
ไป๋เสวี่ยเฟินนอนขบคิดเรื่องราวอย่างถี่ถ้วน เขาจะไม่มีวันให้เรื่องราวมันซ้ำรอยเดิมเป็นแน่ ในเมื่อฮ่องเต้ทรงไม่ได้รักเขาอย่างที่เขารักพระองค์ พวกเขาสองคนก็ไม่ควรยุ่งเกี่ยวให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่าเดิม
ท่านพี่หยางหลง...ต่อแต่นี้ไปข้าจะไม่อ้อนวอนขอความรักความเมตตาจากท่าอีกต่อไปแล้ว
ท่านอยากให้ข้าเป็นน้องชายของท่าน ข้าก็จะทำให้สมปรารถนา เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมข้าจะไปจากท่านทันทีอย่างไม่ลังเลเฉกเช่นที่ผ่านมา
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 50
Comments