พี่ปัทมาคนนี้จะปกป้องน้องรจนาเอง
*ณ อยุธยา
มีคนพายเรือพลุกพล่านมากมายแสนจะครึกครื้นและสบายตา เรือสำเภาค้าขนาดใหญ่จอดเทียบท่าที่หน้าท่าเรือ หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มและคมคายกระโดดลงจากเรือ ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ เธอสวมชุดไทยสีชมพู นุ่งโจงกระเบนสีเขียวขี้ม้า ผมสยายเป็นเงาสวย ผิวสีขาวผ่องนวลเนียนประหนึ่งเทพธิดา แต่ความแก่นและกวนของเธอนั้นไม่เป็นสองรองใคร
ปั้ก!!!
"โอ้ย! ป่าป๊า!"เสียงมือกระทบกับกบาลดังขึ้นหลังจากพ่อของเอากำปั้นทุบไปที่ศรีษะของหญิงสาวพอให้เกิดเสียง
"สำรวมลูก สำรวม~"เขาทำหน้าทะเล้นใส่ลูกสาวก่อนจะยิ้มให้แบบคาดโทษ
"ถ้าเจ้าพลาดตกลงมาบาดเจ็บจะทำยังไง! ม๊าเจ้าก็ทิ้งข้าไปแล้วจะให้ข้าเสียเจ้าไปอีกรึ"ดึงหน้าเศร้า
"เถอะน่าป๊าข้าไม่เป็นอะไรหรอกน่า น้าาา~"หญิงสาวเกาะแขนพ่อแล้วอ้อนใส่เขาเพื่อให้คนโกรธง่ายหายโกรธซะ
"เอาเถอะๆ ไปกัน"
พูดจบพวกเขาก็เดินไปนั่งเรือเล็กที่จอดเทียบท่ารอพวกเขาอยู่
"มู่อี่หลิง" เด็กสาวลูกครึ่งสยามกับจีนที่มีพ่อชื่อ"อนนท์"ที่เป็นคนสุโขทัยและเป็นเสนาบดีกรมคลังและแม่ชื่อ"มู่จื่อฮวาน"เป็นลูกสาวพ่อค้าชาวจีนด้วยกระนั้นเธอจึงพูดได้หลายภาษา และทำธุรกิจได้หลายอย่าง จึงได้รับตำแหน่งขุนนางที่สุโขทัย แล้วทั้งสองได้พบกันตอนที่ทำงานอยู่หลายคราจึงเกิดรักกัน จึงร่วมกันค้าขายและช่วยกันทำงาน ไม่นานนักมู่จื่อฮวานก็ตั้งครรภ์และทั้งสองก็ใช้ชีวิตกันมาถึงทุกวันนี้และมู่จื่อฮวานก็ได้เสียชีวิตลง
< ๑๙ ปีต่อมา >
*ณ ปัจจุบัน
ในปีนี้มู่อี่หลิงอายุจวนจะครบ ๑๘ แต่แม่ของเธอก็ได้จากโลกนี้ไปในวัยกลางคน ทำให้รู้สึกน่าเศร้ายิ่ง เพราะแม่ของเธอนั้นปกติทุกอย่าง แต่เธอก็มีความลับบางอย่างที่แม้แต่กับสามีและลูกของตนเองก็บอกไม่ได้ เธอดันด่วนจากไปเสียก่อนที่จะมีใครตั้งคำถาม ซึ่งสิ่งที่เธอปิดบังจะต้องเกี่ยวกับความตายนี้เป็นแน่แท้ ใครจะไปรู้กันหละ!?
*[มู่อี่หลิง]*
*ณ เรือนน้ำหวาน
หลังจากที่ข้าทราบข่าวเรื่องท่านแม่ข้าเข่าแทบทรุดลงเสียตรงนั้น ในใจเอาแต่นึกเสียดายในตอนที่ท่านอยากมาที่อยุธยาอีก เหตุใดข้าจึงมิรั้งท่านไว้กันนะ
เรือของข้ากับท่านพ่อจอดเทียบท่า
ข้ารู้สึกไม่อยากก้าวเดินเข้าไป มันจุกอกอย่างบอกไม่ถูก ใจเต้นระรัว น้ำตาก็ซึมพร้อมจะหลากลงทุกเมื่อ ทำได้แค่พยายามหายใจช้าๆไม่ให้ฟุ้งซ่าน
"เฮ้ออ~"ข้าถอนหายใจเพื่อให้ความหนักอกนี้ทุเลาลงไปบ้าง ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วหายใจเข้าไปอีกครั้ง
ข้าค่อยๆก้าวเดินขึ้นไปอย่างช้าๆ บันไดแต่ละขั้นเหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่ค่อยๆหนักขึ้นทุกย่างก้าว ทันทีที่ข้าเห็นร่างของท่านแม่หัวใจดวงนี้แทบแตกเป็นเสี่ยงๆ น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ได้ไหลลงมาตามร่องแก้ม มือเริ่มสั่น
ฝุบ~!
เข่าและขาของข้าดิ่งลงไปตรงพื้นไม้สีน้ำตาลอ่อน ทุกอย่างมันมืดบอดไปหมด ในหัวก็ขาวโพลน ข้าปล่อยโฮโฮกใหญ่ก่อนที่ทุกอย่างจะสว่างจ้า รู้สึกเหมือนได้ลอยอยู่ในอากาศ มันเบาไปหมด รู้สึกโล่งและว่างเปล่า ความเจ็บแปลบที่ขั้วหัวใจได้หายไปแล้ว
"คุ...."
อะไรหนะ?
"คุณ...หู...สิ"
ได้ยินไม่ชัด!?
"คุณหนู!!ฟื้นสิคะ!"
ใครหนะ?
ซ่าา~
เสียงสาดน้ำ?
ทันทีที่ข้ารู้ตัวทุกอย่างมันเลือนลางไปหมด หัวข้าปวด ปวดมากๆ เสียงในหัววิ๊งแบบไม่หยุดพักสลับกับเสียงบ่าวที่ตะโกนเรียก ทุกอย่างมันเริ่มหนักอึ้งขึ้น
"ปวด...หัว.."ข้ารวบรวมกำลังทั้งหมดเปล่งเสียงออกมา แต่ร่างกายของข้าเหมือนโดนทับด้วยหินก้อนใหญ่ มันปวดไปหมดและมีอาการชาร่วมด้วย ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะตัดอีกครั้งแต่คราวนี้รู้สึกเหมือนแค่หลับไป
< นี่! ท่าน! >
อะไร?ใครหนะ?
< ข้ามีชื่อว่า ผิ... >
มีลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งตรงมาหาเธอ
!!!?
"แฮกๆๆ!"สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ
"อะไรวะเนี่ย!? เฮ้อ~"ข้ารีบลุกขึ้นก่อนจะสาวเท้ารีบเดินออกไป
"ป่าป๊าๆข้าฝันประหลาดสะ..."
ข้าหยุดชงักเมื่อเห็นท่านพ่อของตนนั่งกุมมือท่านแม่อยู่ด้วยความโศกเศร้า ท่านเอามือของท่านแม่มากุมไว้ก่อนจะพรมจูบไปที่มือของท่านแม่ จากนั้นท่านก็เอื้อมไปหยิบปิ่นปักผมของท่านแม่ออกมา
"มานี่สิ.."ท่านพ่อบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ
ข้าเดินไปหาท่านก่อนที่ท่านจะ โบกมือลงให้ข้าก้มศรีษะ ท่านพ่อสางเส้นผมของข้าด้วยปิ่นก่อนจะม้วนมวยผมและปักมันลงในแนวเฉียง สีแดงสดที่เตะตาของมันทำให้ข้านึกถึงสีที่ท่านแม่ชอบที่สุด
"เจ้าช่างเหมือนนางจริงๆ ลูกสาวป๊า"ท่านลูบหัวข้าอย่างอ่อนโยน
ข้าพลันเหลือบไปเห็นตาของท่านที่บวมเล็กน้อย มันกลับมาอีกแล้วความหนักอึ้งที่อยู่ในอก รู้สึกทรมานเหลือเกิน..
ปล.ชื่อเรือนน้ำหวาน มาจาก ชื่อของ มู่จื่อฮวาน ที่คนอยุธยาจะเรียกเธอว่า น้ำหวาน นั้นเอง
โปรดติดตามตอนต่อไป
next episode <🔻>
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 20
Comments