ตอนที่4:กองทัพสีชาด
เช้าวันต่อมาเห๋อจุนก็กำลังจัดทำแผนการรบ โดยมีซ่งหนิวคอยช่วยเหลือตนไม่ห่างกาย หลินฟ่านกับทีมของตนเองกำลังสร้างกระโจมไว้ใช้พักผ่อนตรงจุดที่ห่างจากลำธารไม่ใกล้ไม่ไกลจนมากเกินไป ส่วนกลุ่มสตรีของฮั่วหยุนห่าวกำลังจัดการทรัพสินของกลุ่มเห๋อจุนอย่างจริงจังเพื่อคำนวนงบแระมาณที่กลุ่มครอบครองอยู่ หม่าเฉียวนำทีมของตนเองไปตามหาสมุนไพรตั้งแต่ดวงตะวันยังไม่ขึ้นจากขอบฟ้า หม่าเฉียวต้องการหาสมุนไพรมาเพิ่มเพราะรู้สึกว่าสมุนไพรที่มียังไม่หลากหลายพอ ทีมของเล่าปีตรวจตรากันอย่างจริงจัง ส่วนคนที่เหลือที่ไม่มีงานมีการทำก็ต้างคร่ำเคร่งฝึกปรือฝีมือของตนเองอย่างเป็นระบบ ด้วยการกินอยู่ที่พัฒนาขึ้นย่อมทำให้ทุกคนสามารถดึงเอาศักกายภาพที่ตนมีออกมาได้มากขึ้น
"ต้าเหรินท่านอยากให้กลุ่มของเรามีชื่อว่าอะไร"
"กองทัพสีชาด"
เห๋อจุนตอบกลับมาอย่างรวดเร็วราวกับคิดเอาไว้นานแล้ว สายตาของมันยังคงจดจ้องอยู่บนแผนที่ไม่จากไปไหนราวกับกำลังพินิจวิเคราะห์อะไรบางอย่าง
"ทำไหมถึงเป็นชื่อนี้"
"เพราะเมื่อใดที่กองทัพของข้าไปยังที่ใด ที่นั้นจะต้องถูกอาบชโลมด้วยโลหิต ซ่งหนิวช่วยวงกลมจุดตรงนี้หน่อย"
"ได้ขอรับต้าเหริน"
ซ่งหนิวเข้ามาใกล้เห๋อจุนพร้อมกับวงกลมตรงจุดที่เห๋อจุนชี้นิ้วเอาไว้ ดวงตาสีแดงของเห๋อจุนยามนี้สงบราบเรียบไร้ระลอกความผันผวนใดๆ แต่คงเพราะเสื้อที่พวกมันมีเป็นล้วนเป็นของกลุ่มโจรตี้ซาน ทำให้การขยับร่างกายค่อนข้างยากลำบากทำให้ทั้งกลุ่มตกอยู่ในปัญหาเล็กๆที่ทำให้รุ้สึกลำคาญไม่น้อย เหล่าบุรุษจึงตัดสินใจถอดเสื้อเพื้อฝึกจะได้ลดความยุ่งยากในการขยับร่างกายในตอนฝึก แต่ไม่ใช่กับเหล่าสตรีที่ปัญหาข้อนี้มันยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าปัญหาข้อใดเสียอีก
"จู่เหริน ข้ามาขออนุญาติในการเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อหาเครื่องนุ่งห่มจะได้หรือไม่"
"ต้าเหรินท่านคิดว่าอย่างไร"
"ข้าอณุมัติเรื่องนี้ อ่ออย่าลืมหาซื้อเสื้อผ้ามาให้ข้าด้วย อย่าลืมซื้อถุงกระสอบมาด้วยล่ะ ในหมู่พวกเจ้ามีใครทำที่มัดผมได้บ้าง ข้าไม่ชอบเวลาที่ผมของข้ามันตกลงมาบังการมองเห็นของข้า"
"พวกเราพอจะมีของเช่นนั้นอยู่บ้าง ต้าเหรินต้องการเสื้อผ้าแบบไหนหรือเจ้าค่ะ"
"แบบใดก็ได้ข้าไม่สนขอแค่มันใส่ได้ก็พอ"
"รับทราบแล้วต้าเหริน"
"เอาเจ้าพวกที่ฝึกไปด้วยสักห้าคน น่าจะมีพวกที่เริ่มระมัดระวังและจับตาดูพวกเราแล้ว กลุ่มโจรหายไปโดยมีร่องรอยจากการบุกโจมตีจากสัตว์ร้ายแต่กลับไม่มีสิ่งของชิ้นใดหลงเหลือ ต่อให้เป็นสนัขป่วยก็ยังได้กลิ่นว่าเรื่องนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน"
"พวกเราจะทำตามที่ต้าเหรินสั่ง"
ฮั่วหยุนห่าวคำการคุกเข่าคาราวะก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ซ่งหนิวมองตามหลังฮั่วหยุนห่าวแล้วกล่าวขึ้นมา
"พวกนางน่าจะเป็นคนจากตระกูลขุนนางหรือพ่อค้าที่รุ่งเรืองจากที่ไหนสักแห่ง"
"แล้วนั้นมีใดสำคัญเล่า"
"ก็จริงนะขอรับ มันจะมีสิ่งใดสำคัญเท่าต้าเหรินอีกแล้ว"
"หยุดใช้คำพูดคำจากำกวมจะได้หรือไม่ หากในอานาคตข้ากลายเป็นตูจวินแล้วมีคนได้ยินคำพูดตอนเจ้าพูดกับข้า เดี๋ยวมันจะกลายเป็นหัวข้อครหาว่าเหตุที่ข้าไม่สนใจสตรีเพราะข้าชอบบุรุษเอา"
"มันคงจะเป็นตั้งแต่ที่เหล่าผู้ใต้บังคับบัญหาเห็นรูปโฉมท่านแล้วขอรับ ท่านควรหาหน้ากากมาสวมหรือไม่ก็อะไรที่ปกปิดหน้าท่านไว้จะดีกว่า"
"ข้าไม่เคยปกปิดซ้อนตัวตนหน้าตาและรูปโฉม ข้าไม่สนว่าคนจะเรียกข้าว่าอย่างไรเพราะในสนามรบมีเพียงแต่ผู้ชนะหรือผู้พ้ายแพ้เท่านั้น ซึ่งมันไม่เกี่ยวใดๆกับรูปโฉมของข้าสักนิด"
"ขอรับต้าเหริน"
ทั้งสองคนเริ่มพูดคุยกันถึงแผนการว่าจะทำอย่างไรดีกับชัยภูมิในตอนที่จะบุกโจมตีค่ายหลายเหลียง จะบุกโจมตีตอนเช้าก็ไม่ได้ จะบุกโจมตีตอนกลางคืนก็ยิ่งไม่ได้อีก ค่ายหลานเหลียงชำนาญในสถานที่และชัยภูมิของพวกมันประดุจมองดูฝ่ามือของตนเอง ต่อให้หลับตาสู้พวกมันก็ยังรู้ว่าพวกเราอยู่ในจุดไหน นี้ทำให้เห๋อจุนและซ่งหนิวปวดหัวกันอยู่อย่างที่เห็น ทันใดนั้นก็มีเสียงดังระงมทำให้ซ่งหนิวและเห๋อจุนที่กำลังพวกคุยปรึกษากันอยู่ต้องลุกขึ้นเดินไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมาถึงมันก็เห็นว่าท่าจะไม่ดีแล้วเพราะมันเห็นสภาพของเล่าปี่ที่ร่างโชกไปด้วยเลือด ตามมาด้วยเตียวหุยที่ถูกกวนอูแบกกับมาด้วยท่าทีไม่สู้ดี
"เกิดอะไรขึ้น"
"ตะต้าเหรินแย่แล้ว คนที่ไปในเมืองถูกพวกคนของกลุ่มหมาล่าเนื้อไล่มาจนถึงที่นี้"
ดวงตาของเห๋อจุนราวกับมีกองเพลิงุนแรงถูกจุดขึ้น มันมองไปยังกลุ่มที่ออกไปในเมืองก็พบว่าทีเพียงสามคนเท่านั้น ทั้งสามคนนี้ล้วนเป็นสตรีที่มีฝีมืออ่อนด่อยที่สุดแต่มีฝีเท้าว่องไว มันทราบทันทีว่าสตรีทั้งสามถูกส่งมาเพื่อแจ้งข่าว
"เตรียมอาวุธและตั้งขบวน วันนี้เราจะนำเลือดหมามาชำระล้างศาสตราวุธ"
เห๋อจุนเลือกหยิบพัดเหล็กที่เหล่าสตรีนิยมใช้ในการฝึกฝีมือไปกับตัว ทุกคนขึ้นควบม้ากันตัวละสองคน เหลือคนเฝ้าค่ายไว้เพียงแค่ทีมของหลินฟ่านซึ่งมีฝีมืออยู่ในแนวหน้าของกลุ่ม เมื่อพวกมันมาถึงกับพวกกับเหตุการณ์สิบสี่ต่อสามสิบในทันที ดวงตาของเห๋อตุนเย็นชาแล้วกล่าวเพียงคำเดียว
"ยิง"
ลูกธนูถูกยิงออกไปทำให้กลุ่มหมาล่าเนื้อไม่ทันละวังตัวถูกยิงจนบาดเจ็บไปเก้าและเสียไปชีวิตสอง สิ่งนี้ทำให้กลุ่มหมาล่าเนื้อแตกตื่นที่พบว่ากลุ่มเด็กเหล่านี้มีมือธนูและอาชา เห๋อจุนละคนอื่นๆที่ใช้อาวุธระยะประชิดลงจากม้าแล้วพุ่งเข้าหาการต่อสู้ในทันที
"รูปขบวนหัวลูกศรย้อนกลับ"
กลุ่มที่กำลังพุ่งเข้ามาโดยมีจุดศูนย์กลางคือเห๋อจุนจัดกลุ่มกันเป็นรูปตัววีทันที คนที่ถือโล่และอาวุธมือเดียวจะอยู่หน้าสุดเพื่อรับการปะทะเป็นอันดับแรก เมื่อคนที่นำหน้าสุดเข้าประทะกับเข้าหมายทั้งกลุ่มพลันแยกตัวออกล้อมกลุ่มหมาล่าเนื้อไว้ตรงกลางทันที พัดเหล็กในมือของซ้ายของเห๋อจุนถูกกางออก ดวงตาสีแดงสอดส่องไปยังกลุ่มของหมาล่าเนื้อที่กำลังต่อสู้กับคนในกลุ่มของตน ทันใดนั้นมีคนตาดีเห็นว่าเห๋อจุนเป็นสั่งการทั้งหมด มันเล็งโจมตีไปยังเห๋อจุนในทันที สีหน้ามันเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลนราวกับว่าชัยชนะเป็นของมันแล้ว ทับที่ฟันลงมาถูกรับโดยสันพัดอย่างง่ายดาย เห๋อจุนรวบกัดแล้วกางพัอีกอีกด้านทำให้ดาบนั้นฟันลงที่พื้น เห๋อจุนเหยียบตรงใบดาบแล้วหุบพักแล้วกางใหม่ ใช้ด้านคมปาดไปยังลำคอศัตรูในทันที เลือดของฝ่าสาดกระจายเปอะเปื้อนใบหน้างดงามของเห๋อจุน เห๋อจุนเลียคราบเลือดที่ตนได้รับเข้าไปแล้วยิ้มอย่างบ้าคลั่ง มันใช้ร่างของศัตรูที่กำลังกุมลำเป็นฐานเยียบกระโดดไปแล้วเยียบใบหน้าของคนที่มันเห็นในทันที นั้นทำให้ศัตรูเสียหลักและถูกคนในกลุ่มของมันสีงหารในทันที เมื่อเห็นคนในกลุ่มของมันกำลังพลาดท่าเห๋อจุนก็จะเข้าไปช่วย มันยังไม่อยากให้เกิดการเสียชีวิตภายในกลุ่ม ไม่เช่นนั้นอาจกระทบต่อแผนการและหน้าที่ที่คนผู้นั้นครอบครองอยู่ได้ ที่สุดแล้วมันก็เปิดทางให้คนในกลุ่มที่ถูกล้อมหลุดออกมาได้ในที่สุด เมื่อไม่ต้องกังวลอะไรแล้วกลุ่มก็พวกมันก็ทำการสังหารโหดคนกลุ่มนี้ในทันที
"สมกับที่เป็นแค่กลุ่มที่รวมเศษเดนและขยะเอาไว้ แม้จะมีคนทากแต่กลับไม่มีทักษะและความสามารถใดๆเลย ทำได้เพียงใช้คนหมู่มากเข้ากลุ้มรุมคนที่อ่อนแอเท่านั้น"
"ต้าเหรินจะสั่งทำลายกลุ่มของมันเลยหรือไม่"
"ตีงูต้องตีให้ตาย แล้วอาการของเตียวหุยเป็นอย่างไรบ้าง
"รับทราบแล้วต้าเหริน ส่วนเตียวหุยไม่เป็นไรอะไรมากมันเพียงเป็นลมเพราะตากแดดนานเกินไป"
เห๋อจุนกุมขมับมันไม่คิดว่าเตียวหุยจะเป็นลมเพราะตากแดดนานเกินไป
"ไปนำหญ้าเฮยเยียนกองใหญ่มา เราจะเผามันทั้งเป็น"
"ขอรับต้าเหริน"
"ต้าเหรินนี้ชุดของท่าน"
ฮั่วหยุนห่าวที่ร่างอาบเลือดยื่นชุดสีแดงดูดีที่ขนาดพอดีตัวมาให้เห๋อจุน แต่มันก็ต้องใบหน้ากระตุกเมื่อเห็นว่าเป็นเสื้อผ้าของสตรี ดวงตาของเห๋อนจุนมองไปยังฮั่วหยุนห่าวด้วยความสงสัย
"ขออภัยต้าเหรินในเมืองเสื้อที่ขนาดตัวเท่ากับท่านมีเพียงของสตรีเท่านั้น"
"ไม่เป็นไรข้าเข้าใจว่าข้าเป็นคนตัวเล็ก"
เห๋อจุนควบหลังม้าและกลับไปพร้อมกับซ่งหนิวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อมันกลับมาก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในกระโจมที่พึ่งสร้างเสร็จในทันที เมื่อซ่งหนิวเห็นเห๋อจุนที่ออกมาจสกกระโจงหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ มันก็พ้นน้ำที่กำลังดื่มจากขวดน้ำเต้าในทันที
"ตะ.ตะ.ต้าเหริน เหตุใดท่านถึงใส่ชุดของสตรี"
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของซ่งหนิวกันพลันหันหน้าพรึบพร้อมกันราวกับนัดกันมาในทันที ใบหน้าของเห๋อจุนไม่มีความเขินอายหรือรู้สึกอับอายใดๆ ทันเพียงตรวจดูการแต่งกายอย่างสนอกสนใจราวกับมันกำลังสนุกกับการแต่งตัวเช่นนี้
"ฮั่วหยุนห่าวบอกข้าว่าเสื้อที่พอดีกับตัวข้ามีแต่ของสตรี ซึ่งเสื้อผ้าชุดนี้ก็ใส่สบายไม่น้อยเลย การเคลื่อนไหวของข้าง่ายขึ้นดีกว่าเสื้อผ้าเส็งเคร็งที่เจ้าสวมอีกนะซ่งหนิว"
"เช่นนั้นหรือ ตามใจท่านก็แล้วกัน"
เสื้อที่เห๋อจุนสวมเป็นเสื้อแขนยาวสีแดงทำจากผ้าไหมที่ดีไม่น้อย เปิดเผยลำคอและไหล่ขับเน้นผิวขาวนวลของเห๋อจุนจนซ่งหนิวที่เป็นผู้มีอายุมากที่สุดในกลุ่มถึงกับน้ำลายไหล มีเพียงหน้าอกที่ราบเรียบและลูกกระเดือกที่แสดงให้เห็นว่าเห๋อจุนเป็นผู้ชาย ส่วนหน้าอกและด้านข้างลำตัวถูกปกคลุมด้วยชิ้นส่วนเกราะเหล็ก ส่วนด้านล่างเป็นเกราะขาที่ไม่หนักมากนัก ติดเพียงมีกระโปรงบานยาวถึงเข่าที่ทำให้เห๋อจุนรู้สึกขัดใจไม่น้อย เหตุผลที่ขัดใจคือมันบดบังทัศนวิศัยด้านใต้ของตน ทำให้มันไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ด้านใต้ของตนรึป่าว
"ไว้รอข้ากลายเป็จวินซื่อก่อนค่อยสั่งทำเกราะที่คล้ายชุดแบบนี้ก็ได้"
"ท่านยังจะหาชุดเช่นนี้มาใส่อีกหรือ"
"มันช่วยประหยัดได้ก็ประหยัดหน่อยมันจะเป็นไรไป"
"ข้าไม่ขอโต้เถียงกับท่านในเรื่องนี้"
เมื่อจัดเตรียมสิ่งของกันพร้อมแล้วเห๋อจุนก็นำคนไปเกือบหมด เหลือเพียงคนเจ็ดคนที่เฝ่าที่พักของพวกมันไว้ แน่นอนว่าคนทั้งหใดยังเป็นคนที่มีฝีมือมากที่สุดในกลุ่มเหมือนเช่นเคย พวกมันควบม้าอย่างรวดเร็วไม่นานก็มาถึงรังของหมาล่าเนื้อ เห๋อจุนทำการก่อไฟในทันทีทีก่อนจะเริ่มระดมส่งหญ้าเฮยเยียนที่ติดไฟเข้าไปในรังของอีกฝ่ายในทันที ด้วยความที่เป็นเพียงการรวมตัวของเศษสวะการเฝ่าระวังค่ายจึงต่ำทรามจนถึงที่สุด เมื่อควันโขมงไปทั่วมันก็สายไปแล้วที่พวกหมาล่าเนื้อจะตั้งตัว
"จุดไฟและเผามันทั้งเป็นไปเลย สวะเช่นนี้ไม่มีค่าใดที่จะต้องให้ความสนใจกับทรัพสินของพวกมัน"
"ทราบแล้ว"
พวกเห๋อจุนนำหญ้าจางเตอะมาจุดไฟแล้วโยนตามเข้าไป หญ้าจางเตอะเป็นหญ้าที่ไม่ค่อยมรประโยชน์อะไรนักนอกจากจะช่วยเร่งให้ไปรุนแรงขึ้น ทว่าด้วยความที่ด้านในรังของหมาล่าเนื้อเต็มไปด้วยควัน คาร์บอนในอากาศย่อมมีอยู่เต็มที่และด้วยหญ้าจางเตอะมีกาสพิเศษซึ่งที่พบได้เพียงในโลกนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาก็กลายเป็นโศกอนาถตกรรมในทันที ควันสีดำแปรเปลี่ยนเป็นเพลิงโหมอย่างรุนแรงเผาทุกอย่างในรังนี้ให้ไหม้เป็นจุน เสียงโหยหวนทรมานของชายและหญิงดั่งขึ้นราวกับเสียงกรีดร้องที่ดังออกมาจากขุมนรก ทว่าเห๋อจุนและกลุ่มของตนไม่มีความสงสารหนือเห็นใจที่อาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเสียชีวิตเลยแม้แต่น้อย ชีวิตของคนในโลกนี้จะมีค่าก็ต่อเมื่อได้รับความเคารพจากผู้คน กลุ่มโจรหมาล่าเนื้อเป็นเพียงเศษสวะที่เกิดจากการนวมตัวของผู้ใหญ่มีความสาทารถแต่ไร้ซึ่ความขยัน ทำตัวเฉกเช่นขยะผู้หนึ่งทำให้เห๋อจุนดูถูกเยียดหยามจนรู้สึกว่าสนัขยังมีดีกว่าคนกลุ่มนี้ ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้องมันก็ได้แต่ยิ้มเยาะให้เท่านั้น ในโลกนี้มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด พวกที่ต้องกลายเป็นทาสย่อมเป็นเพียงเศษสวะที่ไม่มีวันก้าวหน้าได้เท่านั้น
"กลับ"
"ขอรับต้าเหริน"
ทั้งหมดควบม้ากลับไปยังที่พักของตนโดยไม่ใส่ใจที่จะมองผลงานของตนแม้แต่น้อย เมื่อพวกมันกลับมาถึงค่ายก็ทำตัวปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกมันอาบน้ำชำระร่างกายที่เปื้อนสิ่งสกปรกออกก่อนจะไปทำหน้าที่ของตนต่อไป เห๋อจุนโยนพัดเหล็กกลับไปยังกองอาวุธเพื่อรอให้มันถูกนำไปชำระล้าง
"เมื่อไรเจ้าจะหยุดมองต้นคอของข้าซ่งหนิว"
"หืม ท่านกล่าวเรื่องอะไรหรือต้าเหริน"
"ท่านกล่าวเรื่องอะไรหรือ"
"ช่างเถอะสงสัยข้าจะหลอนไปเอง"
เห๋อจุนมักรูัสึกอยู่ตลอดว่าสหายข้างกายผู้นี้มักมองมายังต้นคอและไหล่ของตนอย่างแปลกๆ แต่มันก็หาได้ใส่ใจไม่ ในหัวของมันเต็มไปด้วยแนวคิดและแผนการที่จะใช้กับสงครามมากมาย สิ่งเดียวที่มันใส่ใจที่สุดคือสงคราม รองลงมาก็คือผู้ใดใต้บังคับบัญชาอย่างซ่งหนิว ในใจของมันมีพื้นที่ให้ซ่งหนิวไม่น้อยเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีพรสวรรค์เหมาะจะปั้นให้เป็นกุนซือของมันได้ ส่วนที่เหลือก็จะเป็นของสมาชิกทุกๆคน ภายในดวงตาสีแดงดุจอัญมณีมีเศษเสี้ยวของความอ่อนโยนแฝงอยู่ในส่วนลึกของในตา ทว่ามันก็ถูกลบหายไปอย่างรวดเร็วราวกับนั้นเป็นเพียงภาพมายา ความอ่อนโยนควรเปิดเผยในยามที่เหมาะสมเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะนำมาซึ่งปัญหาอันยากจะควบคุมมาให้แก่คนทั้งกองทัพ
ทั้งสองกลับมาพูดคุยกันถึงแผนการบุกโจมตีค่ายหลานเหลียงอีกครั้ง วันนี้ยังคงเป็นอีกวันที่แสนธรรมดาของเห๋อจุนและซ่งหนิว เพียงแค่ว่าเห๋อจุนไม่รู้เลยว่าในกองทัพสีชาด(ไม่เป็นทางการ)ของมัน เห๋อจุนได้ถูกตั้งฉายาว่าท่านหญิงเป็นที่เรียบร้อย เหตุมาจากความงดงามที่ดูจะล้ำหน้าสตรีในค่ายจนผู้ชายในกลุ่มอดแซวผู้นำที่มีอายุน้อยที่สุดในกลุ่มไม่ได้ แน่นอนว่าต่อให้เห๋อจุนได้ยินมันก็ไม่ได้คิดอะไรกับฉายานี้อยู่ดี เพราะตราบใดที่ทุกคนยังภักดีและมันยังได้ทำสงครามมันก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
"เจ้าช่วยขัดหลังข้าแรงๆได้หรือไม่ เจ้าเอาแต่ขัดหลังข้าเบาๆจนข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะสะอาดรึป่าวเนี้ย"
"ท่านนี้ชอบบ่นราวกับสตรีไม่มีผิด"
"อย่าทำราวกับข้าเป็นเด็กสิซ่งหนิว เจ้ากับข้าอายุห่างกันแค่ไม่กี่ปี เจ้าทำตัวราวกับว่าอายุของเจ้ามากกว่าข้าสิบยี่สิบปียังไงอย่างงั้น"
"ข้าขอโทษต้าเหรินแต่ในตอนนึ้ท่านบาดเจ็บอยู่ เหตุผลมันก็มาจากที่ข้าไม่ยอมถามท่าน ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่โทษตัวเองเหมือนเช่นทุกวันนี้หรอก"
"ข้าเข้าใจแล้ว เพราะงั้นก็ไม่ต้องสนใจมันเจ้าเคยให้สัญญาว่าจะมอบชีวิตของเจ้าให้กับข้าแล้ว จงติดตามข้าไปทุกสมอรภูมิรบแล้วช่วยข้าพิชิตพวกมันเถอะ"
"รับทราบแล้วต้าเหรินของข้า"
"ข้าเป็นผู้นำของทุกคนต่างหากไม่ใช่ของเจ้าคนเดียว"
"เพราะท่านเป็นต้าเหรินของข้า ในใจข้าจะมีใครสูงส่งไปกว่าท่านอีกเล่า"
"อืมมันก็จริงเพราะงั้นใจเจ้าจึงมีแต่ข้าสินะ เจ้าเป็นคนที่ภักดีต่อข้าจริงๆ"
"ท่านทำตัวไม่ต่างจากเด็กจริงๆ"
"แล้วแต่เจ้าจะคิดก็แล้วกัน"
ทั้งสองขัดถูและชำระล้างร่างกายเสร็จแล้วก็กลับมาทานมื้อเย็น โดยมีซ่งหนิวคอยดูแลการรับประทานอาหารของเห๋อจุนที่มือขวาได้รับบาดเจ็บ เมื่อทานกันเสร็จแล้วก็คุยเรื่องแผนการแล้วสรุปได้ว่าจะเริ่มบุกค่ายหลานเหลียงตอนที่มือขวาของเห๋อจุนหายดีแล้ว ทั้งสองเข้านอนพักผ่อนเติมพลังงานโดยมีการจัดเวณยามขึ้นโดยจะเป็นทีมของเล่าปี่ในตอนกลางวัน และทีมของหม่าเฉียวที่จะเป็นยามในตอนกลางคืน เห๋อจุนให้ร่างของซ่งหนิวเป็นหมอนก่อนจะหลับไปด้วยความสะบายใจ
"ท่านช่างไม่ระวังตัวในเรื่องของข้าเลยจริงๆ"
ซ่งหนิวแสดงใบหน้ากังวลก่อนจะนำผ้ามาคลุมร่างของเห๋อจุนไม่ให้ร่างบางต้องลมหนาวในค่ำคืนนี้ มันหลับตาลงแล้วเข้านอนไปอย่างเงียบงัน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 14
Comments