ตอนที่3:เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง (เขียนใหม่เพราะไรท์มันโง่)
ซ่งหนิวมองไปยังเหล่าสตรีด้วยสีหน้าจริงจัง มันเดินไปหาสิ่งของแล้วหยิบกระดาษพุ่กันและหมึกออกมา มันเคยร่ำเรียนมาก่อนที่จะมาเป็นขอทานเหมือนเช่นวันก่อนหน้า
"บอกชื่อของพวกเจ้ามา"
"ข้าชื่อซู่เซียนจื่อ"
"ข้าชื่อหลงเปา"
"ข้าชื่อหว่านเอ๋อร์"
"ข้าชื่ออวี้เสียเซียน"
"ข้าชื่อหงส์เหยียน"
"ข้าชื่อหลันเห๋อเทียน"
"ข้าชื่อเทียนฝู"
"ข้าชื่อมู่เทียน"
ซ่งหนิวตกตะลึงกับชื่อของสตรีเหล่านี้ เพราะแซ่เหล่านี้ล้วนไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีได้ มันหันไปหาเห๋อจุนเพื่อขอความช่วยเหลือ เห๋อจุนทำราวกับมองไม่เห็นซ่งหนิวที่กำลังขอความช่วยเหลือจากตนเอง มันหยิบกระดาษและพู่กันจากมือของซ่งหนิว
"พวกเจ้าเข้ามาต่อแถวข้าจะเขียนชื่อของพวกเจ้าแล้วจดบันทึกเอาไว้"
เมื่อเห๋อจุนพูดจบเหล่าบุรุษก็เดินมาต่อแถวหน้่เห๋อจุนกันในทันที
"ไปนำโต๊ะมาให้ข้าหน่อย"
"รับทราบแล้วต้าเหริน"
ซ่งหนิวเดินไปหยิบโต๊ะที่ดูใช้ได้มาไว้หน้าเห๋อจุน เห๋อจุนส่งสัญญาณให้ยกโต๊ะตามมันมา เห็อจุนหาก้อนหินที่ใหญ่พอจะนั่งแทนเก้าอี้ได้แล้วนั่งลงไป ซ่งหนิวก็เดินมาวางโต๊ะต่อหน้าเห๋อจุนอีกครั้ง
"บอกชื่อของเจ้ามา"
"ข้าชื่อไท่ถ่าน"
"คนต่อไป"
"ข้าชื่อเทียนซ่ง"
"คนต่อไป"
"ข้าชื่อหลินฟ่าน"
"คนต่อไป"
"ข้าชื่อซื่อหม่า"
"คนต่อไป"
"ข้าชื่อถงเหลียง"
"คนต่อไป"
"ข้าชื่อซูถือ"
"คนต่อไป"
"ข้าชื่อฮองตง"
"คนต่อไป"
"ข้าชื่อลิบอง"
"คนต่อไป"
"ข้าชื่อจงหลี่"
"คนต่อไป"
"ข้าชื่อเล๊งบอง"
"คนต่อไป"
"ข้าชื่อหม่าเฉียว"
"ค-คนที่ข้ารู้ชื่อแล้วไม่จำเป็นต้องมาเข้าแถว ข้าได้จดชื่อพวกเจ้าลงไปตั้งนานแล้ว"
"ขอรับต้าเหริน"
เห๋อจุนทำหน้าไร้ความรู้สึกแล้วบอกกับหม่าเฉียวอย่างใจเย็น หม่าเฉียวเกาหัวเบาๆก่อนจะออกจากแถวไปพร้อมกับหน่านซงและหน่านซือ เมื่อเห็นคนทั้งสามออกไปแล้วเห๋อจุนก็กลับมาเขียนต่อ
"คนต่อไป"
"ข้าชื่อเล่าปี่"
"เจ้ามีพี่น้องร่วมสาบานชื่อว่ากวนอูและเตียวหุยรึป่าว"
"ไม่มีนะขอรับต้าเหริน"
"เช่นนั้นก็ไปได้"
"คนต่อไป"
"ช้าชื่อกวนอู"
"คนต่อไป"
"ข้าชื่อเตียวหุย"
เล่าปี่หันกลับมามองด้วยสีหน้าใบหน้าตกตะลึง มันเกาหัวด้วยความมึนงงราวกับไม่รู้ว่าเห๋อจุนรู้อานาคตหรือมันเป็นเรื่องบังเอิญกันแน่ แต่เล่าปี่ก็ไม่ได้ใส่ใจกลับไปฝึกกระบี่ของตนต่อ
"คนต่อไป"
"ข้าชื่อห่านถง"
"คนต่อไป"
"ข้าชื่อชิงหมิง"
"คนต่อไป"
"ข้าชื่ออวี้ถง"
เห๋อถอนหายใจแล้วได้แต่คิดว่าคนในกลุ่มมันนี้ช่างมีชื่อที่มงคลสะเหลือเกิน ยังดีที่ชื่อมงคลเหล่่นี้ไม่ได้มีกันหมดทุกคนไม่เช่นนั้นมันอาจกุมขมับเอาหัวโคกโต๊ะได้ มันตั้งสติก่อนจะเริ่มออกคำสั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเช่นเคย
"หมดแล้ว ต่อไปนี้คือคำสั่งของข้า ฮองตงไปสำรวจรอบบริเวณนี่ว่ามรแหล่งน้ำหรือไม่ ข้าให้เวลาเจ้าภายในครึ่งชั่วยามในการหาแหล่งน้ำ หากเจ้าไม่กลับมาภายในครึ่งชั่วยามข้าจะถือว่าเจ้าตายไปแล้ว"
"รับทราบแล้วต้าเหริน"
ฮองตงผู้เป็นหนึ่งในมือธนูผู้มีฝีเท้าว่องไว้สุดในกลุ่มทำการคาราวะเห๋อจุนพร้อมกับพุ่งร่างห่ยเข้าไปในป่า เห๋อจุนพยักหน้าก่อนะเริ่มกล่าวต่ออย่างเฉยเมยว่า
"ต่อไปข้าจะจัดทีมพิเศษให้สองทีมคือกลุ่มของเล่าปี่ที่มีสามาชิกคือเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ส่วนทีมสองประกอบด้วยหลินฟ่าน เทียนซ่ง ซือหม่า"
"รับทราบแล้วต้าเหริน"
"ทีมซือหม่าพวกเจ้าไปนำซากสัตว์ร้ายตัวใหญ่กลับมาสักตัวแล้วชำแหละมันหน่อย วันนี้ข้าจะทำอาหารให้พวกเจ้าทาน"
ดวงตาของทุกคนเป็นประกายเมื่อได้ยินว่าเห๋อจุนจะทำอาหารให้ทาน พวกมันส่งเสียงตะโกนดีใจเริงร่าอย่างดีอกดีใจ
"ทีมของเล่าปีต่อไปพวกเจ้าจะต้องคอยตรวจตราพื้นที่ในบริเวณ หากเกิดเรื่องใดขึ้นให้พวกเจ้ารีบมารายงานข้าโดยเร็ว"
"รับคำสั่งต้าเหริน"
"ซ่งหนิวให้พวกนางเข้าไปในเมืองแล้วซื้อของกลับมาหน่อย ข้าต้องการฟางมาเป็นเตียงให้กับพวกเราในคืนนี้ บอกให้พวกนางนำผู้คุ้มกันไปด้วยสามคน อ่อจริงสิข้าแนะนนำให้พวกเจ้าเปลี่ยนชุดก่อนจะดีกว่า หากแต่งตัวเข้าเมืองไปซื้อของในชุดนี้เกรงว่าจะถูกโกงเอา นำชุดของเหล่าโจรไปใส่จะได้ทำให้พวกเจ้าดูดีขึ้น"
"รับทราบแล้วต้านเหริน!"
เห๋อจุนยื้มสบายใจแล้วก็สั่งให้ซ่งหนิวไปนำแผนที่มาในทันที เมื่อซ่งหนิวนำแผนที่มาวางบนโต๊ะดวงตาของเห๋อเจุนก็ต้องตกตะลึง เพราะแผนที่นี้ใหญ่พอจะเป็นแผนที่ประเทศรัฐเซียได้เลย ด้านล่างซ้ายของแผนที่ประโยคเขียนเอาไว้ว่า'แผนที่ส่วนเสี้ยวที่เล็กที่สุดของทวีปพยัคหลับใหล' แม้จะเป็นเพียงส่วนเสี้ยวก็ใหญ่มากแล้วสำหรับมันในตอนนี้ บนแผนที่มีสัญลักษณ์กำกับไว้มากมายทำให้มันค่อยๆหาว่ามันอยู่จุดไหน ในที่สึดมันก็รู้ว่ามันอยู่แห่งหนไหนในแผนที่นี้ มันอยู่ที่เมืองตะข่ายฟ้าอันเป็นเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง มันเริ่มคาดเดาแล้วว่าโลกนร่คงใหญ่กว่าโลกมันหลายเท่าเป็นแน่ ประชากรในโลกนี้คงมีไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านล้านคนหรืออาจมากถึงแสนล้านล้านคนเลยก็เป็นไปได้ ดวงตาสีแดงของมันเป็นประกายอย่างดุเดือด ทันใดนั้นมันก็จำได้ว่าโลกนี้มีระดับการบ่มเพาะอยู่ ทว่าระดับการบ่มโเพาะในโลกนี้ไม่เหมือนกับในนิยาย เพราะที่นี้ระดับพลังจะเพิ่มขึ้นตามผู้ใต้บังคับบัญชาที่ภักดีต่อตน ระดับแต่ละระดับมีชื่อของตัวเองตามยศในสมัยอดีต
1.จวินซื่อ
2.ตูจวิน
3.ตูตู
4.ต้าตูตู
5.เจียงจวิน
6.ต้าเจียงจวิน
7.จงหลางเจี้ยง
8.โกวหวาง
9.หวงตี้
นี้คือระดับของคนในโลกนี้และเงื่อนไขในการเลื่อนระดับก็แสนจะทุกข์ทรมานเหลือเกิน ทุกๆการเพิ่มระดับยิ่งสูงยิ่งเพิ่มเป็นเท่าตัว ยิ่งอยู่ระดับสูงมากเท่าไรก็ยิ่งเลื่อนระดับยากขึ้นเท่านั้น เงื่อไขในการบรรลุระดับต่างได้แก่
1.จวินซื่อ ต้องมีผู้ใต้บังคับบัญชาหนึ่งพันนายถึงหกพันสามร้อยนาย
2.ตูจวิน ต้องมีผู้ใต้บัตับบัญชาเจ็ดพันถึงหนึ่งหมื่นจ็ดพันนาย
3.ตูตู ต้องมีใต้บังคับบัญชาสองหมื่นสี่พันนายถึงเจ็ดหมื่นเก้าพันนาย
4.ต้าตูตู ต้องมีผู้ใต้บังคับบัญชาหนึ่งแสนแปดหมื่นถึงเก้าแสนสามหมื่นนาย
5.เจียงจวิน ต้องมีผู้ใต้บังคับบัญชาหนึ่งล้าสามแสนนายถึงสิบหกล้านเก้าแสนนาย
6.ต้าเจียงจวิน ต้องมีผู้ใต้บังคับบัญชายี่สิบล้านจนถึงหนึ่งพันเก้าร้อยล้านนาย
7.จงหลางเจี้ยง ต้องมีผูัใต้บังคับบัญชาสิบหมื่นล้านนายขึ้นไป
8.โกวหวาง ปกครองหนึ่งทวีป
9.หวงตี้ ปกครองโลก
เป็นการไต่ระดับอันแสนน่าตกตะลึงแล้ว โดยหนึ่งทวีปจะมีการแบ่งเขตเป็นสี่สิบแปดเขตปกครอง โดยมีต้าเจียงจวินทั้งสี่สิบแปดคนเป็นผู้นำหนึ่งคนต่อหนึ่งเขตปกครอง เหนือกว่านั้นคือสี่ภูมิภาคของทวีปที่มีผู้นำคือสี่จงหลางเจี้ยงเป็นผู้นำ โดยแต่ละภูมิภาคจะมีหนึ่งจงหลางเจี้ยงดูแลอยู่ และทั้งหมดต่างรับคำสั่งจากโกวหวาง ทว่าในโลกนี้ยังไม่มีใครไปถึงระดับของหวงตี้เลยแม้แต่คนเดียว เห๋อจุนดวงตาเป็นประกายเจิดจร้าร้อนระอุด้วยไฟแห่งสงครามที่กำลังเต้นเร่าอยู่ในดวงตา ซ่งหนอวสัมผัสได้ถึงความต้องการของเห๋อจุนมันก็พูดขึ้นมา
"เจ้ากำลังคาดหวังสิ่งใด"
"ข้าต้องการไปให้ถึงตำแหน่งหวงตี้"
"เช่นนั้นข้าจะติดตามต้าเหรินไปจนถึงบั้นปลายชีวิต"
"เช่นนั้นข้าก็ยินดี"
"แล้วถ้าท่านกลายเป็นหวงตีแล้วท่านจะทำสิ่งใดต่อ ท่านคิดจะแต่งงานและมีภรรยาหรือไม่"
"ไม่ ข้ายังคงจะทำสงครามต่อไป ข้ารู้สึกว่าต่อให้ข้าไปถึงระดับของหวงตี้ก็ยังจะมีสงครามรอข้าอยู่ ช่างเถอะอย่าพูดถึงเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นเลยมาพูดถึงเรื่องปัจจุบันกันดีกว่า"
"นั้นสินะ ท่านคิดจะไปพิชิตสถานที่ใดเป็นที่ต่อไป"
"ค่ายหลานเหลียง!"
"ท่านต้องการพาหนะใช่หรือไม่"
"ถูกต้อง การมีพาหนะที่ดีย่อมสร้างประโยชน์ต่อแผนการของข้า หัวหน้าค่ายหลานเหลียงเป็นจวินซื่อผู้หนึ่งมันเป็นผู้ชำนาญการต่อสู้บนหลังม้า เพราะงั้นทั้งค่ายของมันจึงเป็นพลม้าทั้งหมด นั้นหมายความว่าพวกมันครอบครองผู้ที่มีความสามารถทางก้านการเพาะพันธุ์ม้าเอาไว้ แถมดูแล้วมันน่าจะมีสถานที่เพสะพันม้าชั้นดีเสียด้วย พวกมันคงไม่มีวันขายม้าให้กับพวกเราเป็นแน่เพราะงั้นทำได้แค่ชิงมา แต่การชิงมาเท่านั้นมันไม่สาแก่ใจข้าเท่าไร เพราะงั้นข้าตัดสินใจจะลงมือทำลายค่ายของมันทิ้งถึงจะทำให้ข้าพึงพอใจได้"
"เช่นนั้นเราก็จำเป็ต้องมีคนมากกว่านี้"
"เมื่อพวกนางกลับมาให้พวกมันรับหน้าที่หาคนเพิ่มสักสิบสองคนต่อสองสัปดาห์ หากทำทุกๆสัปดาห์เกรงว่าจะเป็นการหาปัญหาเข้าใส่ตัวเสียมากกว่า ฝากเจ้าไปบอกพวกนางด้วย"
"ข้ารับทราบแล้ว"
ทันใดนั้นพุ่มไม้ก็สั่นไหวพร้อมกับร่างของฮองตงที่กลับมารายงานข่าวดี
"ข้าฮองตงขอรายงาน ข้าพบแหล่งน้ำไม่ห่างไกลจากที่นี้สักเท่าไรขอรับ"
"ดีมาก นำพวกของซือหม่าไปยังแหล่งน้ำสะ"
"รับทราบแล้วต้าเหริน"
ฮองตงเดินนำทางทีมของซือหม่าไปยังแหล่งน้ำที่มันค้นพบในทันที
"เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับการบุกยึดเมือง"
"เจ้าเอาจริงรึ ถึงแม้เมืองตะข่ายฟ้าตะเป็นเมืองเล็กสุดแต่ก็มีผู้ปกครองคือตูตูผู้หนึ่งเชียว พวกเราจะเอาอะไรไปสู้กับพวกมัน"
"มันเป็นเพียงแค่ตูตูผู้หนึ่งจะกลัวไปใย เจ้าค่อยไปกลัวตอนที่ต้องเจอกับต้าตูตูจะดีกว่า"
เห๋อจุนเผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับซ่งหนิว นั้นทำให้ซ่งหนิวถึงกันเขินอาย มันรู้สึกว่าเห๋อจุนจะต้องเป็นบุรุษงดงามผู้หนึ่งอย่างแน่นอน เพียงแค่ตอนนี้ที่ใบหน้าและร่างกานเปื้อนไปได้ฝุ่นดินยังทำให้มันถึงกับเขินอายได้ รูปลักษณ์ที่แท้จริงของเห๋อจุนจะเป็นเช่นใดกัน เมื่อทั้งสองคุยกันไปสักพักกลุ่มของฮั่วหยุนห่าวก็กลับมาพร้อมกับสิ่งของที่เห๋อจุนสั่ง ซ่งหนิวเข้าไปบอกฮั่วหยุนห่าวเกี่ยวกับคำสั่งของเห๋อจุน เมื่อทุกคนกลับมากันครบแลเวมันก๋นำทางทึกคนตามร่องรอยของฮองตงไป เมื่อออกมาจากพุ่งไม้พวกมันก็ค้นพบกับลำธารใสพร้อมกับฮองตงและทีมของซื่อหม่าที่กำลังชำแหละซากสัตว์ร้ายที่ดูยังไงก็หมีชัดๆอยู่ หลินฟ่านกำลังก่อกองไฟยังงึกๆงักๆแต่ก็ทำสำเร็จพอดี
"คาราวะต้าเหริน"
คนทั้งสี่เมื่อหามามองตามเสียงก็พบกับเห๋อจุนจึงทำท่าคาราวะก่อนจะหันกลับไปทำงานของตนเองต่อ เห๋อจุนเดอนดูศพของหมีแล้วก็พยักหน้า
"ข้าต้องการส่วนอุ้งมือของหมีตัวนี้กับส่วนซี่โครงด้วย อ่อจริงสิข้าต้องการเนื้อหมีที่บดแล้วพวกเจ้าช่วยทำให้ข้าหน่อยนะ ก่อนนำเนื้อมาให้รีดเลือดออกมห้หมดด้วยเพราะเลือดของหมีมีกลิ่นเหม็นมาก มันอาจเป็นปัญหาระหว่างทานอาหารได้"
"ขอรับต้าเหริน"
เห๋อจุนพอจะคิดเมนูได้แล้วจริงหันไปหาหม่าเฉียวแล้วถามถึงเครื่องเทศที่พอมี
"พวกเราเก็บเครื่องเทศ ต้นแดง ใบหอมขจี องุ่นดำและหอมแดง"
"ไหนเอามาให้ข้าชม"
เห๋อจุนถึงกับมึนงงในชื่อแสนประหลาดของเครื่องเทศที่กล่าวมายกเว้นอันสุดท้าย เมื่อได้เห็นเครื่องเทศที่ชื่อแปลกแล้วหน้าของเห๋อจุนก็ถึงกับเหส๋อรับประทานในทันที เพราะเครื่องเทศทั้งสามคือพริก ใบกระเพราและพริกไทย มันยิ้มอย่างเหนื่อยๆก่อนจะมองไปยังลำธารใสแล้วก็ยิ้มขึ้นอย่างดีใจ
"ได้เวลาอาบน้ำแล้ว บนร่างของพวกเราคงมีเชื้อโรคไม่น้อยหากทำอาหารตอนนี้คงไม่ดี สตรีอาบที่ต้นลำธารส่วนบุรุษก็มาอาบที่ล่างลำธารก็แล้วกัน"
"รับทราบแล้วต้าเหริน"
ัทั้งกลุ่มแยกออกเป็นส่วน เห๋อจุนลงไปอาบน้ำที่ลำธารด้านล่าง ทั้งหใดต่างถอดเสื้อผ้าได้ไม่มีการอายหรือปกปิดส่วนลับของตนเองแม้แต่น้อย เมื่อเห๋อจุนร่างคราบต่างๆแล้วก็ทำให้บุรุษทั้งหมดต่างตกตะลึง เห๋อจุนมีใบหน้าน่ารักอ่อนหวานแฝงด้วยความงดงามที่สตรีไม่อาจเทียบได้ ดวงตาสีแดงนั้นราวกับอัญมณีอันแสนงดงาม รูปร่างของเห๋อจุนเล็กและบอบบางราวกับอิสตรี ผิวของเห๋อจุนขาวนวลมีรอยแผลเป็นเล็กๆประปลาย เห๋อจุนมีร่างกายผอมบางเล็กกว่าบุรุษทั้งหมดในที่แห่งนี้ บุรุษทั้งหมดต่างมองมายังเห๋อจุนด้วยดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความตกตะลึง เห๋อจุนไม่มีความอับอายใดๆทั้งสิ้นทำเพียงยิ้มอ่อนๆให้อย่างสบายใจ
"ชำระร่างกายเสร็จแล้วก็รีบกลับเถอะถ้าช้าเดี๋ยวจะได้ทานน้อยนะ"
บุรุษทั้งหมดต่างหันหน้าหนีแล้วเริ่มทำความสะอาดร่างกายของตนอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่ากรรมพันของคนในโลกนี้ดีไม่น้อยเลย เพราะแต่ละคนบ้างก็มีหน้าตาหล่อเหลาสง่างาม บ้างมีใบหน้าดูดีมีเสน่ห์ราวกับดารา บางคนมีหน้าตาธรรมดาสามัญแต่ก็ไม่น่าเกลียดอาจดูดีในโลกก่อนด้วยซ้ำ บางคนมีหน้าตาสัตย์ซื่อหล่อเหลา บางคนมีหน้าตาองอาจประหนึ่งเกิดมาเพื่อเป็นนักรบ ทุกคนล้วนมีร่างกายที่อาจไม่กำยำแต่ล้วนมีร่างกายแข็งแรงกว่าเห๋อจุนอย่างแน่นอน แต่แน่นอนสิเพราะคนในโลกนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าคนในโลกก่อนหลายเท่าเลย พละกำลังที่เด็กครอบครองอาจเกือบเทียบเท่ากับผู้ใหญ่คนหนึ่งด้วยซ้ำ
เมื่อคนทั้งหมดขึ้นจากลำธารแล้วแต่งตัวให้ดูดีก็เดินกลับไปยังกองไฟ เมื่อฝั่งบุรุษกลับมาฝั่งสตรีกลับมาพร้อมกับ ทุกนางล้วนมีใบหน้างดงามมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน ทว่าพวกนางก็ยังต้องตกตะลึงเมื่อเห็นใบหน้าของเห๋อจุน พวกนางบางคนกระทั้งมีความงดงามน้อยกว่าเห๋อจุนด้วยซ้ำ เห๋อจุนไม่พูดกล่าวสิ่งใดทำเพียงพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน
"หม่าเฉียวข้าขอกระเทียมหน่อย"
"หืมท่านจะเอาไม่ทำอะไรหรือ"
"ปรุงอาหาร"
"ต้าเหรินกระเทียมมันกินไม่ได้นะขอรับ"
"เอามาให้ข้าแล้วข้าจะทำของอร่อยจากมันให้ดู"
"ขอรับ"
เห๋อจุนรับเครื่องเทศจากหม่าเฉียว มันนำกระทะใบใหญ่จากซ่งหนิวแล้วใส่น้ำมันหมูลงไป หลังจากนั้นก็บดกระเทียมและใส่พริกลงไป หลังจากนั้นตามด้วยเนื้อหมีบด มันใช้ดาบประหนึ่งตะหลิวผัดไล่กลิ่นเหม็นสักพักก่อนจะใส่พริกและใบกระเพราเข้าไปอีก มันรู้ดีว่าคนบนโลกนี้ชอบทานอาหารเผ็ดมาก ยิ่งใส่พริกเยอะมันก็จะยิ่งอร่อยสำหรับคนบนโลกใบนี้ มันผัดจนเนื้อสุกก็ตักใส่หม้อที่เตรียมเอาไว้ หลังจากนั้นหาหินสองก้อนมาเพื่อเป็นฐานวานกระทะ มันใส่น้ำที่ตักมาจากลำธารสะอาดลงกระทะใบเดิมและเริ่มใส่หอมแดงกับพริก นำอุ้งมือหมีที่จัดการเรียบร้อนไปตุ๋นพร้อมกับซี่โครงหมี มันปิดฝาและเริ่มหุงข้าวโดยให้หม้อใบเหล็กหลายอัน
"ตอนนี้รอกันไปก่อนก็แล้วกัน"
เมื่อรอไปได้เกือบครึ่งชั่วยามเนื้อก็ตุ๋นเสร็จ มันไม่อาจเรื่องมากกับการตุ๋นเป็นชั่วโมงๆได้ เพราะนั้นจะเป็นการเสียเวลาเกินไปสำหรับทั้งกลุ่ม แม้จะสูญเสียรสชาติไปบ้างแต่ก็ถือว่ามากพอสำหรับขอทานกลุ่มหนึ่งแล้ว
"ไปนำชามไม้มาหน่อย น่าเสียดายที่พวกเราไม่มีตะเกียบคงได้แต่ใช้มือทานแล้ว ถึงมันจะดูไม่มีมารยาทแต่ก็ต้องจำใจล่ะนะ มีใครที่มีทักษะทางด้านช่างไม้บ้าง"
"ข้าพอมีบ้างขอรับ"
หลอนฟ่านเสนอตัวออกมา
"เช่นนั้นช่วยหาเวลาว่างทำอุปกรณ์ไม้ให้กับคนในกลุ่มหน่อยนะ ถ้าเจ้ารู้สึกเหนื่อยก็สอนคนที่อยากเรียนหน่อยก็แล้ว ข้าจะมอบพาหนะให้กับเจ้าเป็นคนแรกก็แล้วกัน"
"ขอบคุณต้าเหริน"
ทุกคนต่างนำชามไม้ไปล้างน้ำแล้วมารับข้าวแล้วหาที่นั่งลงทาน เมื่อแจกจ่ายเสร็จแล้วมันก็ตักให้ตัวเองแล้วนั่งลงใกล้กับซ่งหนิว เมื่อเห๋อจุนเห็นทุกคนกินอย่างมีความสุขมันก็ยิ้มออกมา นั้นทำให้ซ่งหนิวที่กำลังกินข้าแล้วมองมาทางเห๋อจุนตกตะลึงใบหน้าเป็นสีแดงจนแทบทำชามเข้าตก ดีที่มันมีสติแล้วรับไว้ทัน ทำให้มันยังมีข้าวกินอยู่
"เจ้าไม่ควรเกิดเป็นบุรุษจริงๆ"
"ข้าไม่รู้สิ แต่ในฐานะที่เจ้าเป็นจู่เหรินของข้าเจ้าก็ควรจะดูแลข้าดีๆหน่อยสิ"
"ข้าว่าเจ้าดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว"
"เช่นนั้นหรือเห้อ ข้ายิ่งรู้สึกว่าเจ้าไม่เหมาะจะเป็นบุรุษเลยจริงๆ"
"ศึกถัดไปเจ้าจะต้องไปยู่แนวหน้ากับข้า"
"ไม่ได้ ข้าขอร้องเจ้าเห๋อจุนเจ้าอย่าได้ไปอยูาแล้วหน้าเลย ให้ข้าอยู่แนวหน้าอาจไม่เป็นไรแต่ไม่ใช่กับเจ้า"
การอยู่แนวหน้าคือความภาคภูมิใจของคนในโลกนี้ แต่นี้เป็นคนละเรื่องเรื่องผู้นำต้องอยู่ด้านหน้า เพราะผู้นำเปรียบเสมือนหัวใจของกลุ่มหากหัวใจหายไปต่อให้สมองยังอยู่ก็ทำอะไรไม่ได้
"มันอาจทำให้คนไม่กล้าไว้ใจข้า"
"ใครกันจะกล้าถึงขนาดไม่ไว้ใจท่าน"
"มันอาจจะทำได้ถ้ากลุ่มเรามีไม่กี่พันคน แต่ถ้ามากกว่านั้ยเล่าหากทุกคนเห็นผู้นำหดหัวอยู่ในกระดองจะมีใครกล้าไว้ใจข้าเต็มร้อยกัน"
"เรื่องนั้น..."
"เพราะงั้นทำให่ทั้งกลุ่มคุ้นชินจะทำให้คนที่เข้ามาใกล้กล้าไว้ใจข้าสุดหัวใจ"
"งั้นก็เอาตามที่เจ้าว่าเถอะเห๋อจุน"
ทั้งหมดต่างทานอาหารกันอย่างสบายใจ ทันใดนั้นทีมของเล่าปี่ก็รีบวิ่งเข้ามาทันที เล่าปี่ กวนอูและเตียวหุยนำข้าวไปทานระหว่างเฝ่าตรวจตรา ทำให้พวกมันทำหน้าที่โดยทานข้าวไปด้วย
"ต้าเหรินคนของกลุ่มโจรตี้ซานที่ไม่ได้อยู่ในค่ายกำลังควบอาชากลับมา"
"ทุกคนเตรียมอาวุทธให้พร้อม จัดรูปขบวนจู่โจมแล้วตามข้ามา"
"รับคำสั่งต้าเหริน!!!"
ทั้งหมดต่าหยิบอาวุธของตนเองขึ้นมา ส่วนเห๋อจุนก็ลากดาบใหญ่เดินนำหน้ากลุ่ม พร้อมกับซ่งหนิวที่เดินตามมาอย่างตื่นเต้น พวกมันเดินเข้าไปในพุ่มไม้ เมื่อสายตาของเห๋อจุนพ้นจากพุ่มไม้ก็เห็นคนของกลุ่มโจรตี้ซานควบอาชามายี่สิบหกตัว ดวงตาของเห๋อจุนเป็นประกายลุกโชนราวกับเห็นเหยื่อยที่มันไม่คาดคิด
"ไปนำเชือกมาให้ข้า"
ซ่งหนิวให้คนไปเอาเชือกแล้วส่งให้กับเห๋อจุน เห๋อจุนให้ซ่งหนิวกำเชือกอีกข้างไว้
"จงกำให้แน่นที่สุดอย่าได้ปล่อย"
"รับทราบ"
เห๋อจุนยิ้มเมื่อเหล่าโจรควบอาชาใกล้เข้ามา เมื่ออยู่ในระยะที่คาดการไว้เห๋อจุนก็พุ่งตัวออกไปและสไลท์ไปกับพื้นก่อนจะยกเชือกแล้วดึง เหล่าอาชาตกใจไม่คิดว่าจะมีคนซุ่มโจมตีจากข้างทาง เหล่าอาชาด้านหน้าเบรกไม่ทันทำให้ใบหน้สล้มลงกระแทกกับพื้นทำให้ผู้ขี่ตกจากหลังม้าได้รับบาดเจ็บ อาชาที่ตามหลังมาพยายามเบรกรั้งร่างทวาาก็ถูดอาชาจากด้านหลังพลักล้มกระแกกับพื้นทำให้คนตกจากหลังม้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
"ฆ่า!!!!"
เสียงตะโกนของเห๋อจุนดั่งสนั่นเป็นสันญาญให้โจมตี เหล่าโจรที่มันทันระวังถูกสังหารก่อจะได้ตอบโต้หรือคกเข่าขอร้อง อาชาทั้งหมดถูกกลุ่มของเห๋อจุนจูงกลับไปยังข้างลำธาร เมื่อมาถึงทั้งหมดก็รวบตัวรอเห๋อจุนประกาศ
"เอาล่ะหลินฟ่าน ในเมื่อข้าได้สัญญากับเจ้าไว้แล้วเพราะงั้นอาชาตัวนั้นเป็นของเจ้า"
"ขอบคุณต้าเหริน"
เห๋อจุนชี้ไปยังม้าพันธุ์ดีตัวหนึ่งทำให้หลินฟ่านยิ้มออกมา
"มือธนูทุกคนจะได้รอาชาคนละตัว ต่อไปพวกเจ้าจะต้องฝึกยิ่งธนูบนหลังม้า"
"ขอบคุณต้าเหริน"
"ถัดไปคืออาชาของซ่งหนิวจู่เหรินของพวกเจ้า กลุ่มของเล่าปี่มีความดีงามสูงสุดจะได้อาชาคนละตัว ส่วนอาชาที่เหลือซ่งหนิวจะเป็นผู้เลือกว่าจะมอบให้ใครหรือเลือกที่จะใช้เป็นของส่วนรวม"
"มากับข้า"
เมื่อเห๋อจุนกล่าวเสร็จซ่งหนิวที่ทำหน้าเคร่งเครียดลากแขนเห๋อจุนไปหาหม่าเฉียวในทันที ในตอนที่มันดึงรั้งเชือกมันได้รับบาดเจ็บจนเป็นแผลไม่น้อย ขนาดมันที่มีร่างกายแข็งแรงที่สุดยังเป็นเช่นนี้เห๋อจุนที่อายุน้อยกว่ามันและร่างกายบอบบางที่สุดจะรุนถึงขั้นใด เมื่อเห๋อจุนแบมือขวาออกมาให้หม่าเฉีนวเช็คอาการซ่งหนิวก็แแทบจะเป็นลมชัก มือของเห๋อจุนเกิดแผลเหวอะหวะน่าหวาดกลัว
"เห๋อจุนทำไหมถึงไม่ให้คนอื่นทำ!!! เจ้ารู้ไหมว่าบาดแผลนี้มันร้ายแรงแค่ไหน"
"ก็มันไม่รวดเร็วทันใจข้าหนิ"
"ไม่รวดเร็วทันใจ!!! เพราะไม่รวดเร็วทันใจเจ้าถึงได้รับบาดเจ็บเช่นนี้เนี้ยนะ!!!!"
"เจ้าจะตะโกนทำไหมเนี้ย แถมบาดแผลแค่นี้มันไม่ร้ายแรงหรอก"
"จู่เหริน ต้าเหรินได้รับบาดเจ็บที่ฝ่ามืออาจต้องพักฟื้นมือข้างขวาสองสัปดาห์ โดยห้ามใช้มือขวาทำสิ่งใดโดยเด็ดขาดไม่เช่นนั้นบาดแผลอาจฉีกขาดได้ ดีที่บาดแผลนี้ไม่ร้ายแรงเกินไปไม่เช่นนั้นต้าเหรินอาจต้องตีดมือขวาทิ้ง"
"เห๋อจุน!!!!!!"
ทุกคนในกลุ่มเมื่อรู้เรื่องนี้ก็ถึงกับวางชามข้าลงสีหน้าดำทมึนกันถ้วนทั่ว พวกมันล้วนแค่นเสียงคำว่าไม่รวดเร็วทันใจออกมาก่อนจะเริ่มลุกขึ้นฝึกฝน พวกมันคับแค้นใจนักที่พวกมันไม่รวกเร็วทันใจต้าเหรินจนทำให้ต้าเหรินได้รับบาดเจ็บ ทั้งบุรุษและสตรีต่างฝึกฝนกันอย่างเข้มข้นราวกับต้องการลบคำนี้ให้หายไป
หลังจากนั้นเห๋อจุนก็ถูกซ่งหนิวประคบประหงมประดุจแม่ไก่ไม่ยอมออกห่างจากลูกไก่เลยทีเดียว ไม่ว่าจะอาบน้ำทานข้าวล้วนมีซ่งหนิวอยู่ข้างกายตลอด นี้ทำให้เห๋อจุนหน้ายู้จนแทบดูไม่ได้
"นี้ต้องโทษตัวเจ้าเองที่รีบร้อน"
"ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างงี้ข้าน่าจะใช้อีกวิธี"
"เหอะ จะมาเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว ไว้เจ้าหายดีแล้วจะทำอะไรก็ตามใจเจ้าเลย"
"ข้ารูแล้ว"
ในคืนนั้นเห๋อจุนหลับไปโดยข้างกายมีซ่งหนิวคอยดูแลและหลังข้างตนไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 14
Comments