ตอนที่2:ก้าวแรกของผู้มาเกิดใหม่

ตอนที่2:ก้าวแรกของผู้มาเกิดใหม่

ณ เวลายามอิ๋นอันเงียบสงัด

"ได้เวลาตื่นแล้ว ข้าให้เวลาพวกเจ้าเตรียมตัวกันห้านาที ผู้ใดล่าช้าจะถูกตัดส่วนแบ่งออกจากการปล้นครั้งนี้"

เสียงอันเย็นชาของเห็นจุนดังขึ้นทำให้เหล่าขอทานน้อยต่างตื่นและลุกขึ้นกันอย่างรวดเร็ว พวกมันเข้ามายืนเรียงแถวหน้ากระดานโดยไม่ต้องมีคำสั่ง

"แยกกันหั่นศพเหล่านี้เป็นหลายๆส่วน กลุ่มของหม่าเฉียวออกไปเก็บหญ้าเฉยเยียนมาเพิ่มสองกอง เถาวัลย์เหนียวขจีครามอีกหนึ่ง และดอกล่ออสูรชุดหนึ่ง ข้าให้เวลากับพวกเจ้าสิบห้านาที หากล่าช้าเกินกำหนดที่ข้าตั้งไว้ส่วนแบ่งหนึ่งในสามที่กลุ่มของเจ้าควรจะได้รับจะถูกหักออก"

"รับคำสั่งต้าเหริน"

กลุ่มของหม่าเฉียวรีบออกไปปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมายในทันที เห๋อจุนไม่กลัวเด็กเหล่านี้จะหนีไป เพราะมันรู้ดีว่าโลกนี้มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่เป็นตัดสิน พวกมันหนีไปก็ไม่เสียอะไรและไม่ได้อะไร แต่หากมันหนีไปก็อาจพลาดโอกาสที่จะทำให้มันหลุดพ้นจากการเป็นขอทานได้ สำหรับผู้ที่ไม่มีสิ่งใดจะเสียแล้ว การเดิมพันด้วยชีวิตย่อมทางเลือกเดียวของพวกมัน

"มาช่วยข้าแยกศพเหล่านี้หน่อย"

เห๋อจุนทำการลงมือแยกชิ้นส่วนร่างกายของศพขอทานตรงหน้าอย่างใจเย็น เหล่าขอทานน้อยในกลุ่มของเห๋อจุนก็ไม่ได้แหยแสเลือดที่เปราะเปื้อนมือและร่างกายสักเท่าไร สิ่งเหล่านี้ล่วนเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้ในชีวิตประจำวันของทุกคน ยิ่งพวกมันมองซากศพเหล่านี้ก็ยิ่งทำให้พวกมันรู้สึกมีความหวัง เป็นขอทานนั้นอานาคต แต่หากติดตามคนผู้นี้และการปล้นครั้งนี้สำเร็จ พวกมันจะมีอานาคตอย่างแน่นอน ผ่านไปสิบนาทีทีมของหม่าเฉียวก็กลับมาพร้อมกับพืชสมุนไพรที่เห๋อนจุนต้องการ เมื่อพบเห็นกลุ่มคนที่กำลังนั่งชำแหละซากศพกันอย่างขะมักเขม้นก็ถึงกับผงะ แต่พวกมันก็รีบวางสิ่งของลงแล้วไปช่วยชำแหละซากศพกันด้วยอีกแรงหนึ่ง ชิ้นส่วนแขนขาหัวและลำตัวถูกแยกออกมากระจัดกระจายไปทั่วพื้น ดินและหญ้าสีเขียวถูกอาบด้ายเลือกเหนียวข้นสีแดงจนดูแล้วน่าสะอิดสะเอียน เมื่อแยกส่วนซากศพเสร็จเป็นที่เรียบร้อยเห๋อจุนก็หันไปมองสองพี่น้องแซ่หน่านอย่างจริงจัง

"ข้ามอบหน้าที่สำคัญให้กับพวกเจ้า"

"พวกเราพร้อมรับคำสั่งต้าเหรินทุกเมื่อ"

"ดี จงถักเถาวัลเหนียวเป็นสลิงและทดบองฝึกให้คุ้นชินมือ พวกเจ้าจะต้องรับหน้าที่พลซุ่มยิงก่อนกวนให้กับพวกเรา"

"รับทราบต้าเหริน"

สองพี่น้องหน่านซือและหน่านซงเริ่มถักสานเถาวัลย์เหนียวขจีครามอย่างชำนาญ ผ่านไปไม่นานทั้งสองก็ทำสลิงขว้างปาได้สำเร็จ ทั้งสองเริ่มฝึกกันอย่างจริงจัง เห๋อจุนพยักห้าอย่างพึงพอใจพร้อมกับเรียกหาซ่งหนิวทันที

"ซ่งหนิว!"

"มีอะไรหรือเห๋อจุน"

"บอกให้ทุกคนยกเว้นหน่านซือและหน่านซงมารวมกัน"

"รับทราบ"

เหล่าขอทานน้อยเมื่อได้ยืนคำสั่งก็รีบวิ่งมารวมตัวกันในทันที เห๋อจุนนำมือของตนมาไพล่ไว้ที่ด้านหลังของตัวเอง ดวงตาสีแดงของมันเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมที่ปิดไม่มิด ภายในความคิดของทุกคนที่ได้มองเข้าไปในดวงตาของเห๋อจุนมีเพียงสามคำเท่านั้น เด็ดขาด โหดร้าย บ้าคลั่ง

"ข้าจะแบ่งพวกเจ้าออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกจะมีผู้นำกลุ่มเป็นข้าเพื่อเดินทางไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ กลุ่มที่สองจะมีผู้นำเป็นซ่งหนิวเพื่อปฏิบัติการบนพื้นที่ราบ กลุ่มของข้าจะประกอบด้วยข้าเห๋อจุน หน่านซง หน่านซือ และคนอีกเจ็ดคน ส่วนที่เหลือจะอยู่ในกลุ่มของซ่งหนิว ผู้ที่ทำหน้าที่อยู่บนพื้นที่ราบต้องสกัดดอกล่ออสูรแล้วนำมาทาบนตัวศพ จงอย่าใช้มือเปล่าสัมผัสน้ำสกัดดอกล่ออสูรถ้ายังไม่อยากตาย หลังจากนั้นให้นำศพไปวางไว้ใกล้ค่ายของกลุ่มโจรตี้ซาน ต่อไปคือหน้าที่ของหม่าเฉียว เมื่อดวงตะวันกำลังขึ้นจากขอบฟ้าให้เจ้านำหญ้าเคลิบเคลิ้มที่บดเป็นผงไปใกล้กับค่ายของกลุ่มโจรตี้ซานให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นให้จุดไฟอ่อนบนผงหญ้าเคลิบเคลิ้ม ไม่ใช่ให้เผามันเลยแต่ต้องค่อยๆไหม้คล้ายกำยานและเครื่องหอม ส่วนคนที่เหลือให้คอยขว้างหญ้าเฮยเยียนที่ติดไฟไปเรื่อยๆ ให้เหลือศพที่ยังไม่ได้ทาน้ำดอกล่ออสูรไว้สักหนึ่งร่าง เมื่อกลุ่มโจรตี้ซานแตกพ้ายให้นำน้ำดอกล่ออสูรทาบนตัวศพแล้วโยนมันออกไปให้ไกล หลังจากนั้นจะเป็นการบุกเข้าค่ายของกลุ่มโจรตี้ซาน ข้าขอเพียงอย่างเดียวจากพวกเจ้า จงมีชีวิตรอดกลับมาให้ได้มากที่สุด หากมีคนตายเกินสองคนส่วนแบ่งที่พวกเจ้าจะได้รับจะน้อยลง"

น้ำเสียงของเห๋อจุนที่ใช้ในการประกาศแผนการทั้งเย็นเยียบและแฝงมาด้วยจิตสังหาร มันกล่าวถึงกลุ่มโจรตี้ซานราวกับพวกมันเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือที่ถูกตัดสินให้ตายแล้ว ทุกคนที่รับรู้คำสั่งก็เริ่มจัดแบ่งคนเป็นสองกลุ่มในทันที เหล่าคนที่ว่างก็จัดเตรียมและเริ่มทำสิ่งของที่ถูกกล่าวในแผนเอาไว้ เมื่อเห๋อจุนเห็นว่าหน่านซือหน่านซงพร้อมแล้วก็ประกาศเคลื่อนพลในทันที

ณ เวลายามอิ๋นใกล้ยามเหม่า

ร่างของเหล่ามือธนูที่ยืนอยู่บนกำแพงกำลังสอดส่องสายตาไปยังความมืดด้วยสีหน้าระแวดระวัง

"เจ้าคิดว่าจะมีผู้มาโจมตีค่ายเราจริงๆ"

"ระวังไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย หากเกิดการลอบโจมตีจริงพๆวกเราที่ดันเกิดความไม่ระแวดระวังจะเป็นศพแรกที่ตาย"

"มันก็จริงอย่างที่เจ้าว่า หากเกิดเรื่องเช่นนั้นพวกเราก็ยากจะหนีพ้นความตาย"

"เพราะนี้คือกฏของโลกนี้ยังไงล่ะ"

"เจ้าเชื่อเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าที่สร้างโลกนี้ขึ้นมาด้วยหรือ"

"แล้วเจ้าคิดเห็นอย่างไรล่ะ"

"ข้าเพียงคิดว่าเพราะอะไรพระเจ้าถึงได้สร้างโลกเช่นนี้ขึ้นมา"

"ข้ามิอาจทราบได้ แต่ในยามนี้พวกเราควรจะเพิ่มการระวังเพราะใกล้จะยามเหม่าแล้ว ไปเรียกให้คนอีกฝั่งเตรียมมาสลับฝั่งกับเรา"

"ทราบแล้ว"

เหล่ามือธนูต่าทำหน้าที่ของตนอย่างเคร่งเครียด พวกมันเป็นเหมือนจุดตายของค่ายพักนี้ ยามใดที่พวกมันลดความระมัดระวัง เมื่อนั้นศัตรูก็พร้อมจะกระโจนเข้ามาบุกยังค่ายอย่างรวดเร็ว ในช่วงที่ให้กำเนิดค่ายพักขึ้นมาก็มีมาให้เป็นตัวอย่างแล้ว ดีที่ตอนนั้นต้าเหรินไหวพริบดีทำให้สามารถรอดพ้นจะวิกฤตได้สำเร็จ

เมื่อพระอาทิตย์กำลังขึ้นพวกมันก็รีบสลับฝั่งกันในทันที ทว่าเวลานี้ก็ได้บังเกิดเสียงคำรามของสัตว์ชนิดหนึ่งดังขึ้น ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเดียวแต่ยังตามมาด้วยเสียงร้องของสัตว์ที่ฟังแล้วก็แน่ใจได้ว่ากินเนื้อแน่นอน กำลังดังออกมาจากป่าและกำลัฃพุ่งเข้ามาใกล้ ทว่าทัศนวิสัยของพวกมันล้วนถูกบดบัฃด้วยดวงตะวันที่กำลังค่อยๆขึ้นจากฟ้า แสงของดวงอาทิตย์ทำให้พวกมันต้องรี่ตาลง นั้นเปิดโอกาสให้เหล่าขอทานน้ิยปฏิบัติตามแผนการอย่างรวดเร็ว

เห๋อจุนในดวงตาที่นิ่งเงียบปรากฏเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนขึ้น คนที่อยู่ในกลุ่มมันล้วนเป็นผู้ที่มีสายตาดีเยี่ยมหรือไม่ก็มีความสามารถทางสัมผัสที่พิเศษ เมื่อเสียงของเหล่าสัตว์ร้ายดังขึ้นพวกมันก็รู้ได้ทันทีแล้วว่าการปฏิบัติการเริ่มขึ้นแล้ว เหล่าทั่งจิตพกก้อนหินหนักมากับตัวตามคำสั่งของเห๋อจุน พวกมันเริ่มขว้างปาก้อนหินเพื่อสร้างเสียงก้าวเท้าลวง ทำราวกับว่ากำลังมีกลุ่มคนมากมายกำลังมั่งตรงไปยังค่ายของกลุ่มโจรตี้ซาน เหล่ามือธนูผู้มีประสาทสัมผัสดีเยี่ยมก็ยิ่งไปตามจุดที่เกิดเสียง แต่พวกมันก็ต้องตกตะลึงเมื่อมีนเสียงที่คล้ายฝีเท้าของผู้คนจำนวนมากกำลังมุ่งตรงเข้าหาค่ายของพวกมัน พวกมันพยักหน้าให้กันในทันทีพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดังปลุกให้กลุ่มโจรตี้ซานตื่นขึ้น

"ศัตรูบุก!!! มีศัตรุบุก!!!"

เฟล่าโจรมากมายจับอาวุธที่อยู่ข้างกายแล้วรีบวิ่งออกมาจากค่ายแล้วเริ่มจัดขบวนเตรียมรับการปะทะ ทว่าเมื่อออกมาพวกมันก็ต้องตกตะลึง ร่างของสัตว์ร้ายในป่าเขตนอกโผล่ออกมาจนแน่นขนัดเต็มแนวสายตา ตรงหน้าของกลุ่มสัตว์ร้ายคือเสื้อเขี้ยวเงินที่ยืนนำหน้า สายตาของเหล่าสัตว์ร้ายล้วนกลายเป็นสีแดงเลือดราวกับถูกบางอย่างกระตุ้น พวกมันรีบวิ่งรี่กันพุ่งเข้าหาค่ายของกลุ่มโจรตี้ซานราวกับมีความแค้นกันมากมาย ทันใดนั้นเหล่ากลุ่มโจรก็มองเห็นซากศพถูกวางกลาดเกลื่อนอยู่บนพื้น ในใจของพวกมันส่งสัญญาณร้องเตือนว่าแย่แล้วกันดังระงม แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดมากพวกมันต้องตั้งโล่พุ่งเข้าหาสัตว์ร้ายที่พุ่งเข้ามา เหล่ามือธนูพยายามยิงลูกธนูเพื่อช่วยเหลือ

ทว่าพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นจากขอบฟ้าสายตาของพวกมันยังถูกบดยังทำให้การยิงช่วยจะไม่มีผลอะไรมาก การห่ำหั่นสังหารของสองเผ่าพันธุ์ทำให้เกิดเสียงร้องดังระงม เมื่อเหล่ามือธนูได้รับการมองเห็นกลับคืนพวกมันก็รีบยิงธนูช่วยเหลือพวกพ้องทำให้สถานะการณ์พลิกกลับ ฝ่ายของสัตว์ร้ายเริ่มถูกตีโต้กลับอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นกลิ่นเหม็นไหม้ก็เข้ามาในประสาทการรับรู้ของเหล่ามือธนู พวกมันพลันตกตะลึงและมองไปยังที่มาของกลิ่นก็พบเห็นที่พักบางหลังเกิดควันสีดำคลุ้งโขมงราวกับเกิดไฟไหม้ พวกมันพลันร้องออกมาด้วยความรีบร้อนไม่สนใจจะตรวจสอบสถานะการณ์ใดๆ

"ไฟไหม้!!! ค่ายพักของพวกเราเกิดไฟไหม้!!!!!"

"บัดสบผู้ใดมันทำไฟไหม้วะ!!!!!"

"ท่านหัวหน้าค่ายเกิดไฟไหม้หลายหลังเลยขอรับ"

"จะมัวรออยู่ใยรีบแบ่งกำลังคนส่วนหนึ่งออกมาเพื่อไปดับไฟสิวะ!!!"

ในตอนนี้ทั้งค่ายพลันตกอยู่ในความระส่ำระส่าย เหตุไฟไหม้ครั้งนี้ดันมาเกิดในช่วงวิกฤติทำให้การรบของกลุ่มโจรเกิดความเสียหายอย่างหนัก ทันใดนั้นเหล่ามือธนูก็เริ่มรู้สึกมึนหัว ร่างกายของเหล่ามือธนูเริ่มโซเซและล้มลงสลบลงไปทำให้ทั้งค่ายกลายเป็นตื่นตระหนกยิ่งกว่าเก่า

"พิษ!!! เหล่ามือธนูได้รับพิษ!!!! รีบไปตามเหมี๊ยวซามา!!!"

"หัวหน้าแย่แล้ว หมอเหมี๊ยวซาอยู่ในบ้านที่เกิดไฟไหม้ เกรงว่าจะเสียชีวิตไปแล้วขอรับ"

"บัดสบ!!! มีศัตรูอยู่ในค่าย!!!! พวกเจ้าจงรีบหาตัวมันมาให้ไว้ที่สุด!"

นี้จะเรียกว่าโชคดีของเห๋อจุนได้ไหมกเรียกไม่ได้เต็มปาก เพราะบ้านของหมอคนเดียวในกลุ่มโจรตี้ซานมันเด่นพอๆกับบ้านพักของหัวหน้ากลุ่มตี้ซานเลย นี้ทำให้เห๋อจุนเลือกมันเป็นหนึ่งในบ้านที่จะถูกส่งหญ้าเฮยเยียนติดไฟเข้าไป ส่วนเหมี๊ยวซาอาจไม่ถูกไฟไหม้ตายแต่ก็น่าจะตายเพราะควันเป็นที่เรียบร้อย ฝ่ายกลุ่มโจรตี้ซานเริ่มเสียเปรียบและถูกบังคับให้ล่าถอยอย่างหนักหน่วง เสือเขี้ยวเงินเป็นราชาของป่าเขตกลาง มันมีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าสัตว์ร้ายทั่วไปหลายเท่า กำแพงไม้ที่ดูแข็งแรงพังถล่มลงมาราวกับเป็นเพียงหญ้าฟาง เหล่ามือถูกที่ตกลงมาจากกำแพงก็ถูกไม้ทับจนได้รับบาดเจ็บ บางรายเสียชีวิตทันทีเนื่องจากอยู่ในท่าที่เอาหัวลงดิน เหล่ากลุ่มโจรเริ่มสิ้นหวังคิดหาทางหลบหนีเพื่อรักษาชีวิตของตนเอง ทว่าก็สายไปแล้วร่างของเหล่าโจรเริ่มถูกสัตว์ขย่ำฉีกทึ้งเสียชีวิตมากขึ้นๆเรื่อยๆ เวลาผ่านไปสักระยะเาียงการต่อสู้ก็เงียบลง ทิ้งไว้เพียงซากศพของเหล่าโจรในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ เหล่าสัตว์ร้ายกัดกินร่างของกลุ่มโจรตี้ซานอย่างหิวโหย ทันใดนั้นพวกมัก็เงยหน้าขึ้นสูดหลิ่นอะไรบางอย่างในอากาศ พวกมักลุกขึเนแล้วรีบวิ่งกรูกันออกไปตามกลิ่นที่รับรู้ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ร้ายออกไปแล้วกลุ่มของขอทานราวๆสามสิบคนก็โผล่ออกมาจากสองทิศทาง นำหน้ามาโดยเห๋อจุนและซ่งหนิวที่เข้ามาเจอหน้ากัน ทุกคนคุกเข้าประกบมือทำท่าคาราวะให้แก่เห๋อจุนแล้วพูดออกมาเสียงดัง

"คาราวะต้าเหริน! พวกขอแสดงความยินดีกับการชนะในศึกครั้งนี้!!!"

"ลุกขึ้น ถึงเวลาเก็บกวาดสินสงครามแล้ว"

เห๋อจุนเดินนำหน้าทุกคนไปยังค่ายของกลุ่มโจรตี้ซาน เมื่อพวกมันเข้ามาก็พบกับฉากหนองเลือด ซากศะไม่สมประกอบกระจายเกลื่อนพื้น เลือดสีแดงเข้มอาบย้อมพื้นดินจนราวกับจะเปลี่ยนพื้นที่อห่งนี้ให้กลายเป็นขุมนรก ทว่าตนทั้งหมดกลับทำสีหน้าชินชาราวกับซากศพเหล่านี้เป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไป นี้คือโลกที่เต็มไปด้วยสงครามอันไม่มีวันจบสิ้น เรื่องเช่นนี้ย่อมพบเห็นได้ทั่วไปยิ่งกว่าหัวผักกาดขาวที่ขายกันตามท้องตลาด มันมันเริ่มคว้าจับสิ่งของแล้วน้ำมากองรวมกันเพื่อให้เห๋อจุนตัดสินใจ

"ก่อนอื่นคือตอนนี้เราต้องรีบทานอาหาร พวกเรายังไม่ได้ทานอะไรกันตั้งแต่เมื่อวาน หากรีบขนย้ายสินสงครามโดยที่ร่างกายยังหิวโหยอาจไม่ใช่เรื่องดี"

คำพูดของเห๋อจุนทำให้ทุกคนร้องเฮกันอย่างดีอกดีใจ พวกมันเริ่มทานอาหารกันอย่าตะกละตะกลาม แต่ทุกคนก็ไม่ได้กินจนอิ่ม ทำเพียงกินเพื่อเติมพลังก่อนจะเริ่มขนของกลับไปยังที่พักของพวกมัน เมื่อมาถึงพวกมันก็วางสิ่งของแล้วรอการแบ่งสรรปันส่วนจากเห๋อจุน ในโลกนี้พวกมันเคารพความแข็งแกร่ง แต่ที่พวกมันเคารพยิ่งกว่าความแข็งแกร่งคือผู้นำที่สามารถพาพวกมันไปสู่ชัยชนะได้ เห๋อจุนแยกประเภทสิ่งขงออกแล้วมองไปยังทุกๆคน

"ข้ายินดีมากที่พวกเจ้าไม่มีใครตาย ข้าขอมอบยุทโธปกรณ์ของมือธนูให้แก่กลุ่มของข้าเพราะพวกเค้ามีความเหมาะสมในด้านนี้มากที่สุด และยุทโธปกรณ์ของมือธนูให้ซ่งหนิวในฐานะที่ดูแลและทำหน้าที่ได้ดี ส่วนอีกหนึ่งอันที่เหลืออยู่ข้าจะเก็บไว้ผู้ที่มีผลงานดีเด่นในศึกถัดไป ต่อไปคือยุทโธปกรณ์ของทหารราบทุกคนจะได้เหมือนกัน อยู่ที่ความถนัดว่าเจ้าจะเลือกอาวุธชนิดใด ตอนนี้ใฟ้ทุกคนลุกขึ้นมาหยิบคนละหนึ่งชุด"

เหล่าของทานน้อยต่างลุกขึ้นมาหยิบอาวุธที่ตนคิดว่าถนัดมือที่สุด สุดท้ายก็เหลืออาวุธชิ้นเดียวซึ่งไปมีใครเลือกก็คือดาบใหญ่เล่มหนึ่ง เห๋อจุนพยักหน้าก่อนจะหยิบดาบใหญ่ขึ้นมาถือในมือ น้ำหนักของมันทำให้เห๋อจุนถึงกับตกตะลึงจนตาเบิกกว้าง เพราะดาบใหญ่ที่ดูธรรมดานี้หนักเกือบเจ็ดสิบชั่งเลยทีเดียว มันต้องใช้ทั้งสองมือถึงจะยกดาบที่ใหญ่กว่ามันไหว รอยยิ้มบ้าคลั่งประการหนึ่งผุดขึ้นมาที่มุมปากของมันจนทำให้ทั้งกลุ่มถึงกับขนลุก

"ต่อไปหน้าที่ในการกำกับดูแลสมุนไพรจะเป็นของหม่าเฉียว ผู้ใดที่อยากจะเป็นหมอให้ไปหามัน"

หม่าเฉียงดีใจเป็นที่สุดที่มันได้รับหน้าที่นี้จากต้าเหริน ทุกคนพยักหน้ารับรู้เพราะมีหม่าเฉียวเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ที่เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพร

"ต่อไปซ่งหนิวจะรับหน้าที่เป็นรองหัวหน้าค่อยรับรายงานและส่งมาหาข้า"

"ยินดีที่ได้ทำงานให้ต้าเหริน"

"ต่อไปให้หาคนมาเพิ่มอีกสิบคนในทุกๆสองสัปดาห์ หากหาคนมาเพิ่มเยอะเกินไปจะเป็นการดึงดูดสายตาผู้คนแล้วจะนำภัยมาสู่พวกเรา ข้าต้องการผู้ที่มีทักษะการเจรจาและชักชวนผู้คน ผู้ใดที่คิดว่าตนเองมีความสามารถมากพอให้ก้าวออกมา"

เมื่อทุกคนได้ยินก็มองหน้ากันเลิกหลั่กราวกับไม่ว่าพยายามหาคนที่ดูแล้วมีแวว ทันใดนั้นก็มีขอทานคนหนึ่งยืนขึ้นและก้าวออกมา ดวงตาสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์นั้นชวนให้ทุกคนนึกถึงอสรพิษร้ายที่พร้อมจะเข้ารัดพันเหยื่ออย่างเลือดเย็น เส้นผมสีขาวขับเน้นสภาวะน่าหวาดหวั่นจนผู้คนถึงกับคนหัวลุก ทว่าเมื่อเห๋อจุนเห็นก็อมยิ้มเหมือนกำลังกั้นเสียงหัวเราะเอาไว้อยู่ เห๋อจุนมองไปที่ทุกคนก่อนจะพูดออกมาอน่างจริงจัง

"ข้าขอแจ้งให้ทุกคนทราบ ผู้ใดที่เป็นสตรีและต้องการจะติดตามไปพิชิตสงครามกับข้าให้แจ้งมาโดยตรง ไม่เช่นนั้นข้าไม่อาจจัดสรรตำแหน่งกองพลให้เหมาะสมได้ หากเกิดเหตุการณ์เช่นถูกจับได้ระหว่างเตรียมตัวอาจทำให้ความสัมพันธุ์ของคนในกองพลเสียหายได้ สตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษเพราะกลัวว่าข้าจะไม่รับไม่ต้องกังวลไป สิ่งที่ข้าสนใจมีเพียงทำสงครามไม่ว่าจะบุรุษหรือสตรี หากจับดาบถือเกาทัณฑ์ได้ก็คือทหารของข้า "

เหล่าขอทานถึงกับอึ้งและมองไปยังขอทานที่ดูมีเอกลักษณ์ ร่างของเธอแข็งทื่อพร้อมกับเกาหัวอย่างอับอาย ก่อนจะมีคนอีกแปดคนลุกขึ้นยืน พวกนางล้วนแล้วแต่เป็นสตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษทั้งสิ้น เหล่าขอทานคนอื่นๆได้แต่อ้าปากค้าง ขอทานน้อยบางคนที่พอรู้ตัวว่าสหายด้านข้างตนเป็นผู้หญิงก็อดเกาแก้มด้วยความละอายไม่ได้ เห๋อนจุนไดเแต่ส่ายหน้าไปมาสตรีเหล่านี้ย่อมมีทักษะอยู่บ้างจริงๆ

"เอาล่ะตอนนี้ข้าขอรู้ชื่อเจ้าก่อน ส่วนเรื่อฃของพวกเจ้าให้ไปหาซ่งหนิวเขาจะจัดการทุกอย่างให้"

"ข้าชื่อฮั่ว หยุนห่าว เป็นบุตรสาวของข้ารับใช้ในตระกูลขุนนางตระกูลหนึ่ง พอจะมีความสามารถทางการค้าอยู่บ้าง"

"งั้นก็ดี ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ดูแลเรื่องกิจการภายนอก เจ้าคอยรับคำสั่งจากซ่งหนิว ข้าไม่เก่งอะไรนอกจากทำสงคราม หากจะให้ข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องอื่นคงไม่ใช่เรื่องดีนัก"

"รับคำสั่งต้าเหริน"

เห๋อจุนยิ้มให้ซ่งหนิวอย่างมีเล่ศนัย ซ่งหนิวคิ้วขวากระตุกมันเริ่มรู้แล้วว่าต้าเหรินกำลังจะโบ้ยงานมาให้มันเพิ่มอีกแล้ว ซ่งหนิวแม้จะอยู่กับเห๋อจุนไม่นานแต่ก็พอจะรู้นิสัยของเห๋อจุนแล้ว เห๋อจุนเป็นสิ่งมีชีวิตที่รู้จักแต่สงคราม มันไม่ชมชอบให้มีสตรีอยู่ภายใต้การดูแลของมันเพราะรู้ว่านี้จะทำให้ตนยุ่งยาก เหตุที่มันโบ้ยสตรีมาให้ตนคงหวังจะให้ตนรับภาระหน้าที่ในการดูแลสตรีเหล่านี้ เกิดวันใดพวกนางตกหลุมรักกับคนในกลุ่มทุกคนจะได้ไม่คิดว่าพวกนางเป็นสตรีของต้าเหริน แต่หากเป็นเช่นนี้คนที่รับเคราะห์แทนดูเหมือนจะเป็นมันเสียเอง หลังของมันเปียกโชกด้วยเหงื่อจนรู้สึกว่าจะเป็นลม ไฉนต้าเหรินบอกว่าตนไม่เก่งเรื่องอื่นแต่เพียงคำพูดเดียวก็ผลักมันไปอยู่ในจุดที่ถอยไม่ได้แล้วเล่า ดูยังไงความสามารถเช่นนี้ก็ไม่ควรมีอยู่ในการทำสงครามไม่ใช่หรือ ซ่งหนิวได้แต่ทำใจเมื่อต้องพบกับคนที่ในจิตใจมีเพียงความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เข่นฆ่าไปทั่วสารทิศ ในโลกเช่นนี้คนบ้าผู้นี้คือผู้ที่น่ากลัวที่สุดแล้ว ซ่งหนิวได้แต่ส่ายหน้าจำใจยอมรับหน้าที่นี้อย่างไม่เต็มใจ

'บางทีข้าอาจจะได้ภรรยาจากหนึ่งในนี้ก็ได้ ก็ถือว่าเห๋อจุนยังเป็นคนใจดีอยู่บ้าง'

เมื่อคิดได้เช่นนี้ความรู้สึกเหนื่อยก็หายไปนิดหน่อยก่อนจะหันไปมองสตรีทั้งสามอย่างจริงจัง

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!