ข้าคือผู้ทำลายระบบแล้วเลือกที่จะสร้างเส้นทางด้วยมือของตนเอง

ข้าคือผู้ทำลายระบบแล้วเลือกที่จะสร้างเส้นทางด้วยมือของตนเอง

ตอนที่1:เห๋อจุน

ตอนที่1:เห๋อจุน

ในห้องสมุดอันเงียบสงัดของมหาวิทยาลัยในยามเย็น

ร่างของชายหนุ่มใบหน้าธรรมดา ใบหน้ามีแผลเป็นมากมายที่เกิดจะแผลไฟไหม้ ชายหนุ่มแว่นตาหนาคล้ายหนอนหนังสือ ผมของชายหนุ่มยุ่งเหยิงราวกับรังนก ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม ชายหนุ่มมองไปยังห้องสมุดเก่าๆที่เค้าได้อ่านหนังสือในที่นี้ จนเค้าอ่านหนังสือของที่นี้จนหมดทุกเล่มแล้ว ห้องสมุดนี้คือหนังสือของสงครามในยุคอาวุธเย็น ชายหนุ่มนั้นไม่พอใจกับโลกในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ในหัวใจของเค้าเต็มไปด้วยเปลวไฟของสงคราม แม้ว่าจะมีเกมแนวกลยุทธ์มสกมายออกมาให้เลือกเล่น แต่มันก็ไม่อาจตอบสนองความต้องการของเค้าได้ ไม่เป็นแค่เกมไม่ใช่สงครามจริงๆ ชายหนุ่มตัดสินใจจะหยุดทุกอย่างลง

"มันควรจะหยุดได้แล้ว โลกนี้คงไม่เหมาะกับฉันจริงๆ"

บนพื้นของห้องสมุดถูกราดไปด้วยของเหลวประหลาด ชายหนุ่มนำไฟแช็คออกมาจากกระเป๋าแล้วจุดไฟขึ้นมา เปลวไฟสีเหลืองส้มสะท้อนในดวงตาอันบ้าคลั่งของชายหนุ่ม ไฟแช็คถูกปล่อยให้ตกลงบนพื้น เมื่อไฟที่เกิดจากการเผาไหม้สัมผัสกับของเหลวบนพื้น ทันใดนั้นก็เกิดไฟลุกลามไปทั่วห้องสมุด ของเหลวบนพื้นคือน้ำมันที่ชาบหนุ่มได้ลักลอบนำมาราดไว้ในห้องสมุดร้างแห่งนี้ เปลวไฟเผาทุกสิ่งไปพร้อมร่างของชายหนุ่ม ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกทรมารจากไฟที่แผดเผาร่างกายของตัวเองแม้แต่น้อย ชายหนุ่มกลับรู้สึกอบอุ่นมากกว่าความทรมาร ชายหนุ่มหลับตาลงและปล่อยให้ร่างกายถูกเผาไหม้จนกลายเป็นขี้เถ้า

ณ โลกแห่งสงครามที่ไม่มีจุดจบ

ร่างของขอทานตัวน้อยนอนคดอยู่ในซอยแคบ ดวงตาของขอทานน้อยค่อยๆเปิดขึ้น ภายในดวงตามีประกายแห่งสงครามปรากฏขึ้น ขอทานตัวน้อยมองไปยังรอบบริเวณของมึนงง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นในหัวของขอทานน้อย

"ระบบเทพสงครามไร้พ้ายเริ่มการเชื่อมต่อ"

"ระบบเทพสงครามไร้พ้ายเชื่อมต่อเสร็จสิ้น"

"ยินดีด้วยท่านได้เป็นเจ้าของระบบเทพสงครามแล้ว เปิดแพ็คมือใหม่เพื่อทำให้ท่านแข็งแกร่งขึ้น"

ขอทานน้อยเมื่อได้ยินเสียงในหัวก็ประหลาดใจและได้รู้ว่าเค้าได้มาเกิดใหม่แล้ว เค้ารู้ว่าต่อไปเค้าควรจะทำอะไรต่อไป

"ระบบคุณจะทำตามคำสั่งของผมใช่ไหม"

"แน่นอน"

"ทำลายระบบสะ"

"หืม ข้อคำสั่งใหม่อีกรอบเพื่อยืนยันคำสั่ง"

"ทำลายระบบเทพสงครามไร้พ้าย"

"ท่านผู้ครอบครองได้โปรดไตร่ตรองให้ดี ในโลกนี้เต็มไปด้วยความโหดร้ายหากไม่มีระ-"

"ข้าขอสั่งให้ระบบเทพสงครามไร้พ้ายทำลายตัวเองสะ"

"รับคำสั่ง ระบบเทพสงครามไร้พ้ายกำลังทำลายตัวเอง"

ปัง!!!

เกิดเสียงดังภายในหัวของขอทานน้อย ดวงตาของขอทานน้อยไม่มีความเสียใจแม้แต่น้อย มือของขอทานน้อยกำจนแน่น

"ข้าจะสร้างทุกอย่างด้วยมือของข้าเอง ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือหรือตัวช่วยใดๆ มีเพียงขยะไร้ค่าเท่านั้นมี่จะพึ่งพาของพวกนั้น ข้าไม่อยากเป็นคนไร้ค่าเช่นนั้น และเพื่อพิสูจคุณค่าที่แท้จริงของตัวข้าเอง ข้าจะสร้างทุกอย่างด้วยตัวข้าเอง"

ขอทานน้อยลุกขึ้นจากพื้น ในดวงตาปรากฏไฟแห่งสงครามขึ้น สงครามคือสิ่งเดียวที่ผู้กลับชาติมาเกิดผู้นี้ต้องการ ใบส่วนลึกของความทรงจำถูกกระตุ้น เรื่องราวของขอทานน้อยอดีตเจ้าของร่างปรากฏขึ้นในความทรงจำของเขา

ขอทานน้อยผู้นี้ มีชื่อว่า เห๋อจุน ไม่มีแซ่ ครอบครัวของเห๋อจุนถูกภัยสงครามทำให้ครอบครัวทั้งหมดเสียชีวิตจากการถูกสังหารยกครัว เหลือเพียงเห๋อจุนที่เอาชีวิตรอดออกมาได้จากการใช้พี่ชายเป็นโล่เพื่อหนีออกมา ทว่าการเป็นขอทานในโลกนี้ช่างยากเย็นนัก ด้วยอากาศหนาวในค่ำคืนทำให้เห๋อจุนเสียชีวิตจากสภาพอากาศอันโหดร้าย คำพูดสุดท้ายของขอทานน้อยคือ

'ถ้าทุกคนกินอิ่มอยู่สบาย มันจะมีสงครามเกิดขึ้นรึไม่'

ข้อมูลที่ขอทานตัวน้อยรู้เกี่ยวกับโลกนี้เริ่มทำให้ผู้กลับชาติมาเกิดคนนี้เข้าใจโลกนี้มากขึ้น โลกนี้เต็มไปด้วยสงครามที่ไม่มีวันจบ ทุกๆที่ล้วนเต็มไปด้วยสงคราม ขอทานเด็กมีอยู่มากมายนับไปถ้วน ทุกๆคนในโลกนี้มีอัจฉริยะภาพในด้านสงครามมากกว่าโลกเก่าของเขา เมื่อได้รู้เรื่องราวทั้งหมด เขาก็พูดออกมาอย่างใจเย็น

"ข้าคงไม่สามารถทำให้ทุกคนกินอิ่มสบายได้ แต่หลังจากที่ข้าตายไปจะไม่มีสงครามเกิดขึ้นอีก"

ขอทานน้อยมองไปบนท้องฟ้าที่มีดวงจันทร์ทั้งสี่ลอยเด่นในยามค่ำคืน ร่างของขอทานน้อยก้าวออกจากซอยที่เต็มไปด้วยของเสีย

"ต่อแต่นี้ข้าคือเห๋อจุน"

ร่างของขอทานน้อยหายไปในม่านสีดำของรัติกาล

ในยามค่ำคืนอันเงียบสงัด

ร่างของขอทานน้อยเห๋อจุนก้าวไปบนถนนหินอันขรุขระ ร่างของเห๋อจุนตระเวณสำรวจพื้นที่ในบริเวณเพื่อหาขอทานคนอื่นๆ เค้าพบขอทานเด็กจำนวน14คน ไม่มีคนชราหรือวัยกลางคนแม้แต่คนเดียว คนพวกนั้นคงถูกจับไปเป็นทาส เพราะมีความทนทานมากกว่าเด็ก เห๋อจุนตัดสินใจเข้าหาเด็ดคนหนึ่ง

"เจ้าน่ะ อยากมีชีวิตรอดรึป่าว"

ขอทานน้อยที่กำลังนอนอยู่ก็ถูกปลุกด้วยเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ของเห๋อจุนทันที เมื่อขอทานน้อยได้ยินคำพูขอฃเห๋อจุนก็มองมาทันที

"เจ้าต้องการอะไร"

"สงคราม"

ขอทานน้อยตกตะลึกทันทีที่ได้ยินสิ่งที่เห๋อจุนตอบกลับมา ขอทานน้อยคิดว่าตนหูเพี้ยนจนได้ยินผิดไป แต่เมื่อมองไปยังดวงตาของขอทานน้อยตรงหน้าก็ต้องตกใจปนหวาดกลัว ภายในดวงตาเค้าเห็นเปลวไฟของสงครามและความโหดเหี้ยม ขอทานตัวน้อยรู้สึกเหมือนได้กลับไปในตอนที่เค้าเห็ครอบครัวตัวเองถูกสังหารจากโจรที่บุกเข้ามา แต่ทว่าคนตรงหน้าที่อายุรุ่นรางคราวเดียวกับเค้ากลับมีสาบตาที่น่ากลัวยิ่งกว่าโจรเถื่อนเหล่านั้นอีก

"ข้าจะได้ประโยชน์อะไรจากการเข้าร่วมกับเจ้า"

"ไม่ต้องเป็นขอทานอีก ไม่ต้องกลัวว่าจะหนาวหรืออดตาย ไม่ต้องเป็นเพียงขยะไร้ค่าที่ทำได้แค่รอวันตาย แต่ทั้งชีวิตของเจ้าจะต้องอยู่กับสงคราม ติดตามข้าไปทุกสงคราม จนกว่าเจ้าหรือข้าจะตาย"

"ก็ได้ อย่างน้อยก็ไม่ตายอย่างขยะ"

"ข้าชื่อเห๋อจุน แล้วเจ้าล่ะชื่อว่าอะไร"

"ข้าชื่อซ่งหนิว ตอนนี้พวกเราจะทำอะไร"

"เราจะรวบรวมคนให้ได้สัก30คน แล้วออกปล้นในคืนพรุ่งนี้"

"งั้นที่ต่อไปของเจ้าคือเขตไหน"

"รวบรวมขอทานบริเวณนี้ก่อน แล้วเราจะไปยังเขตตะวันตกที่ใกล้กับป่ามากที่สุด"

"ตกลง"

เห๋อจุนเดินนำซ่งหนิวไปรวบรวมขอทานรอบบริเวณ เด็กขอทานทั้งหมดล้วนติดตามเห๋อจุนมาทั้งหมด สิ่งที่ทำให้ทุกคนยอมติดตามเห๋อจุนมาคือความกลัวและความหวัง เมื่อเจอศพของขอทานเด็กที่ตายเพราะความหนาวหรืออดตาย เห๋อจุนก็จะให้ขอทานคนอื่นๆแบกมาด้วย

"เจ้าจะใช้ศพเหล่านี้เพื่ออะไร"

ซ่งหนิวถามอย่างสงสัย เพราะมันไม่คิดว่าคนอย่างเห๋อจุนจะกินศพอย่างแน่นอน

"นำไปเป็นเหยื่อล่อพวกสัตว์ร้ายในป่า ถ้าแค่พวกเราไม่มีทางปล้นใครได้อยู่แล้ว"

ขอทานน้อยรวมถึงซ่งหนิวต่างกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ทุกคนที่เห็นเห๋อจุนในตอนนี้ไม่ต่างกับการเห็นสัตว์ร้ายที่พึ่งถูกปล่อยออกมาจากกรงที่ขังมันมานาน เห๋อจุนในตอนนี้โหดร้ายจนถึงที่สุด ในโลกที่โหดร้ายเช่นนี้มันจะไม่เลือกวิธีการที่จะทำให้เป้าหมายของตนสำเร็จแม้แต่น้อย ความกระหายในสงครามของมันกำลังปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง รัศมีที่ปลดปล่อยออกมาเต็มไปด้วยความกระหายเลือดอันบ้าคลั่ง

เมื่อเห๋อจุนเดินทางมาถึงเขตตะวันตก มันก็สั่งให้รวบรวมคนอีก16คนทันที ซ่งหนิวถามเห๋อจุนด้วยความสงสัยในใจ

"ถ้าเรามีคนมากกว่า30มันจะไม่ดีกว่าหรือ"

"เจ้าคิดว่าจะจับตาดูคนมากกว่า40คนไหวหรือ"

"มันก็จริงตามที่เจ้าว่า"

เมื่อรวมรวมจนครบ30คน เห๋อจุนก็เรียกรวมขอทานทุกคนทันที

"ตอนนี้ข้าต้องการคนที่รู้เกี่ยวกับพืชมีพิษในป่าทางตะวันตก ข้าต้องการพืชที่มีฤิทธิ์มำให้รู้สึกผ่อนคลายหรือง่วงนอนผ่านการหายใจ"

ขอทานน้อยมองหน้ากันสักพัก ก่อนจะเป็นขอทานน้อยคนหนึ่งก้าวออกมา

"ข้าพอจะรู้จักพืชประเภทนี้อยู่บ้าง"

"เยี่ยม เจ้ามีชื่อว่าอะไร"

"ขะข้าชื่อหม่าเฉียว"

"ขะให้เจ้าคัดเลือกคน4คนไปเก็บพืชพวกนั้นกับเจ้า"

"ข้าจะทำหน้าที่นี้ให้ดีเท่าทีข้าจะทำได้"

หม่าเฉียวดีใจเล็กน้อย หม่าเฉียวในอดีตได้รับการศึกษามาแต่น้อย แต่เพราะภัยสงครามทำให้เค้าต้องกลายมาเป็นขอทานในเขตตะวันตก

"ต่อไปข้าต้องการคนที่มีสายตาดีสามารถมองเห๋นไกลกว่า40เมตร"

คราวนี้มีเด็กออกมาสองคนพร้อมกัน ทั้งสองคนมีหน้าตาเหมือนกัน แตกต่างกันตรงที่หว่างคิ้วของทั้งสองมีสัญลักษ์ที่แตกต่างกัน คนพี่คือคนที่มีรูปกากบาด ส่วนคนน้องมีรูปวงกรม นี้เป็นธรรมเนียมของโลกใบนี้ คนพี่ที่เปิดก่อนจะต้องปกป้องน้อง ส่วนคนน้องจะต้องคอยคุมพี่

"ชื่อของพวกเจ้าคืออะไร"

"ข้าคนพี่หน่านซือ"

"ข้าคนน้องหน่านซง"

"หน่านซือและหน่านซง พวกเจ้าจะต้องเป็นคนตรวจดูสิ่งต่างๆและคอยเตือนถึงอันตรายให้กับกลุ่มของหม่าเฉียว"

"พวกเราสองพี่น้องจะทำอย่างสุดกำลัง"

เห๋อจุนพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะเริ่มพูดอีกครั้ง

"ซ่งหนิว"

"ต้องการให้ข้าทำอะไร"

"ข้าต้องการรู้ว่ามีกลุ่มโจรไหนใกล้กับป่าตะวันตกมากที่สุด"

"มีอยู่กลุ่มหนึ่ง แต่พวกมันแข็งแกร่งไม่น้อย"

"ผู้ที่จะกลายเป็นศพจะแข็งแกร่งได้อย่างไร รีบพูดมา"

"พวกมันคือกลุ่มโจร ตี้ซาน หัวหน้ากลุ่มคือซานเป่า มันเป็นมีกำลังพลทั้งหมด126นาย"

"ในกลุ่มโจรตี้ซานมีผู้ใช้ธนูอยู่กี่คน"

"มีอยู่12คน"

"หม่าเฉียว ข้าต้องการพืชที่สามารถสร้างควันได้เป็นจำนวนมากในเวลาอันสั้นได้ เจ้าพอจะรู้ไหม"

"หญ้าเฮยเยียน เป็นพืชหาได้ทั่วไป พวกเราพอจะเก็บมันระหว่างทางได้อยู่"

"คนอื่นๆที่ไม่มีหน้าที่อะไรในตอนเช้าให้มากับข้า ฟัฃคำสั่งของข้าให้ดีไม่งั้นเจ้าจะกลายเป็นศพก่อนพวกมัน"

"คนที่ไม่ได้ทานอะไร เมื่อเราหาจุดปลอดภัยห่างค่ายของตี้ซานได้เมื่อไร ข้าจะหาอะไรให้ทานแก้หิวไปก่อน"

เมื่อลอบออกจากเมืองมาได้ ทุกคนก็เดอนมาไม่นานก็ถึงป่าตะวันตก ทุกคนเริ่มคนหาที่ปลอยภัย

"ไปหากิ่งไม้มาคนละ1ก้าน"

เห๋อจุนออกคำสั่งอย่างจริงจัง กิ่งไม้เป็นสิ่งสำคัญหาเดินป่ากันเป็นกลุ่ม เมื่อทุกคนได้กิ่งไม้มาครบทุกคนแล้ว เห๋อจุนก็ออกคำสั่งอีกครั้ง

"จับกิ่งไม้ของคนด้านหน้า หน่านซือมาอยู่หน้า หน่านซงมาอยู่หลัง พวกเจ้าทั้งสองจะต้องเป็นตานำทางให้แก่เรา"

"แล้วพวกเราจะหาที่พักที่ปลอดภัยได้อย่างไร

ซ่งหนิวมองไปยังเห๋อจุนอย่างสงสัย

"กลุ่มโจรตีซานมีผู้ใช้ธนู จุดที่ได้เปรียบของพวกเค้าคือที่ไม่สูงมาก เพราะพวกเค้ายังมีหน่วยภาคพื้นอยู่ หากอยู่ในที่สูงเกินไปจะทำให้พวกเค้ามีเปรียนแค่เรื่องที่พวกเค้ามีผู้ใช้ธนูเพียงเท่านั้น ทำให้หน่วยภาคพื้นที่เป็นกำลังพลหลักจะเสียเปรียบถ้าเกิดการต่อสู้ระยะประชิด และด้วยหน่วยภาคพื้นของพวกเค้าที่มีมากที่สุด การลดข้อได้เปรียบของผู้ใช้ธนูลงเล็กน้อย แต่หากเพิ่มความสามารถให้กับหน่วยภาคพื้นได้ มันจะทำให้พวกเข้าได้เปรียบมากกว่า เพราะพวกเค้าสามารถโจมตีและป้องกันได้ง่าย จะใช้หน่วยภาคพื้นเข้าระยะประชิดล้อมและให้ผู้ใช้ธนูยิงสกัดก็ได้ จะให้หน่วยภาคพื้นป้องกันแล้วให้ผู้ใช้ธนูโจมตีผู้นำของฝ่ายตรงข้ามก็ได้ กลยุทธ์ของพวกเค้าอาจไม่หลากหลายแต่แค่นึ้ก็มากพอแล้ว"

"เจ้าต้องการจะสื่อว่าอะไร"

เมื่อได้ยินการอธิบายของเห๋อจุน เหล่าขอทานน้อยคนอื่นๆก็รู้สึกกลัวกันแล้ว เห๋อจุนไม่สนใจอาการหวาดกลัวที่คนอื่นๆแสดงออกมา เค้าตอบคำถามกลับอย่างใจเย็น

"หินไง พวกเราต้องหาหินที่อยู่ในจุดที่จะกำบังพวกเราได้ทั้งหมด เราไม่สามารอยู่สูงกว่าพวกเค้าได้ การโจมตีจากที่สูงไม่ใช่เรื่องดีนัก พวกเค้ามีผู้ใช้ธนูอยู่ ความคิดที่จะโจมตีจากที่สูงคงเป็นไปไม่ได้ แม้จะมีสัตว์ร้ายบุกแต่พลธนูก็จะแบ่งเป็นหน่วยจู่โจมและป้องกันอยู่ดี ต้องอยู่ใกล้กับป่าเพื่อจะทำให้พวกเราเข้าไปหลบซ่อนตัวได้"

"พวกเราเข้าใจแล้ว"

"ต่อไปนี้พวกเจ้าห้ามส่งเสียงหรือตะโกน สัญญาณจะถูกส่งกันผ่านกิ่งไม้ หากพวกเจ้าทั้งสองพบสิ่งแปลกประฟลาดให้สั่นกิ่งไม้ คนที่ได้รับสัญญาณให้ทำเหมือนกัน หากทุกคนได้รับสัญญาณแล้วล้อมกันเป็นวงกลมทันที ในระหว่างนี้พวกเจ้าต้องควบคุมสติให้ดี ใครที่ควบคุมสติไม่ได้ข้าจะปล่อยคนผู้นั้นทิ้งไว้ มือข้างที่ว่างก็ช่วยแบกศพพวกนี้กันหน่อย"

ทุกคนพยักหน้ารับ ทุกคนทำตามสิ่งที่เห๋อจุนบอก เมื่อจัดระเบียบทุกคนจนเรียบร้อย ทุกคนต่างช่วยกันแบกศพของขอทานที่ตายไปโดยไม่มีอาการสะอิสะเอียนแม้แต่น้อย ซากศพเป็นสิ่งคนในโลกนี้คุ้นเคยจนไม่อาจคุ้นเคยไปกว่านี้ได้อีก เห๋อจุนที่เคยตายมาแล้วรอบหนึ่งก็ไม่รู้สึกใดๆกับศพเหล่านี้ กลุ่มของเห๋อจุนเดินลัดเลาะไปตามแนวชายป่า กลุ่มของเห๋อจุนเดินทางกันมาจนใกล้จะถึงบริเวณของกลุ่มโจรตี้ซานแล้ว ทว่าพวกเค้าโชคไม่ดีนัก สัตว์ร้ายที่มีคมเคี้ยวใหญ่ยื้นออกมาข้าหน้า ดวงตาสีเหลืองคล้ายแมวกำลังจับต้องกลุ่มของเห๋อจุนอยู่ หน่านซือที่นำหน้าหยุดเดินและสั่นกิ่งไม้ในมือทันที เมื่อได้รับสัญญาณทุกคนก็ล้อมรอบขบวนเป็นรูปวงกลมทันที เมื่อสัตว์ร้ายเห็นการเคลื่อนไหวของเหยื่อที่เปลี่ยนไปก็รู้แล้วว่ามันถูกค้นพบแล้ว สัตว์ร้ายไม่คิดซ้อนตัวอีกต่อไป มันค่อยๆย่างเท้าเข้าหากลุ่มของเห๋อจุนอย่างเชื่องช้า ลายขีดบนตัวและกล้ามเนื้อสี่ขาอันทรงพลังถูกเปิดเผยออกมาใต้แสงจันทร์

"เสือเขี้ยวเงิน!"

เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของสัตว์ร้าย ร่างกายของเหล่าขอทานน้อยต่างสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว นักล่าที่น่าหวาดกลัวที่สุดในป่าตะวันตกเขตกลาง เห๋อจุนสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ลนลานออกคำสั่งในทันทีทำเพียงรอจนกว่ากลุ่มของตนจะสงบลง เมื่อทุกคนกลับมาเป็นปกติก็รู้สึกละอายใจไม่น้อย เห๋อจุนที่เห็นทุกคนสงบลงแล้วก็ออกคำสั่งทันที

"วางศพไว้3ศพแล้วถอยหลังออกไปช้าๆสัก20ก้าวแล้วออกเดินทางต่อ"

ทุกคนทำตามที่เห๋อจุนสั่งอย่างระมัดระวัง พวกมันวางศพลงอย่างช้าๆก่อนจะค่อยๆถอยออกไป เมื่อถอยจนครบ20ก้าวทุกคนก็กลับมาเดินทางกันต่อ แม้ว่าจะต้องเดินไปเส้นทางอ้อม แต่ก็รอดพ้นจากอันตรายในที่สุด

"ทำไหมเจ้าถึงคิดว่ามันจะปล่อยพวกเราไปกัน?"

"เจ้าไม่สังเกตุเห็นจริงๆหรือ ขาหลังด้านซ้ายของมันก้าวอย่างประหลาด นั้นหมายความว่ามันได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ และที่มันมาโผล่ที่นี้ก็หมายความว่ามันถูกไล่ออกมาจากอาณาเขตของตัวเอง การที่มันออกล่าในเวลานี้ก็แสดงว่ามันกำลังหิวอยู่ ถือว่าคราวนี้เราโชคดีมากที่มันได้รับบาดเจ็บอยู่ ไม่เช่นนั้นพวกเราก็เตรียมตัวกลายเป็นอาหารในมื้อนี้ของมันได้เลย"

ดวงตาของเห๋อจุนตอนที่กำลังอธิบายนิ่งสงบไม่แยแสราวกับสิ่งที่พูดมาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวมัน ทุกคนต่างสูดลมหายใจเข้าด้วยความหวาดกลัว ผู้นำที่ชื่อเห๋อจุนผู้นี้นอกจากสงครามที่มันสนใจ ในหัวของมันคงไม่มีสิ่งใดนอกจากสงครามเป็นแน่แท้ พวกมันเริ่มมีความหวังที่จะมีชีวิตรอดกันขึ้นมาแล้ว

หลังจากเดินทางมานานในที่สุดมันก็เห็นค่ายของกลุ่มโจรตี้ซานอย่างรวดเร็ว เห๋อจุนเริ่มนำทีมไปสำรวจรอบพื้นที่ จนในที่สุดมันก็ได้พบกับที่พักที่ดีในที่สุด ทว่ามันก็ไม่ให้ใครเข้าไปใกล้หินกำบังก้อนนั้น มันให้ทุกคนรวมกลุ่มออกห่างจากหินก้อนนั้นมาไกล มันเริ่มจุดไฟขึ้นมา กิ่งไม้ที่ทุกคนนำมาได้กลายเป็นฟืนของกองไฟนี้ มันไปตรงป่าสำรวจดูต้นไม้สักพักมันก็เลือกมาต้นหนึ่ง

"หม่าเฉียว!"

หม่าเฉียวเดินออกมาหาเห๋อจุนอย่างมึนงง

"เก็บพืชที่พอมีประโยชน์ในบริเวณนี้หน่อย ข้าจะหาบางอย่างให้คนในกลุ่มทาน"

มันไม่รอการตอบรับจากหม่าเฉียว มันเริ่มนำหินที่ไม่รู้เก็บมาตอนไหนออกจากช่องเสื้อผ้า มันเริ่มลับหินให้คม เสียงการลับมีดเสียดสีกัน การลับมีดค่อนข้างทื่อด้านมาก แต่ในช่วงเวลาอันขัดสนเช่นนี้ ทักษะลับคมได้เท่านี้ก็ดีมากแล้ว

มีดหินหน้าตาไม่น่าดูชมคือผลลัพที่ได้จากการลับมีดของเห๋อจุน แม้ดูแล้วน่าเกียจไม่บ้างแต่ก็พอจะใช้งานจริงได้ เห๋อจุนใช้มือเคาะไปยังเปลือกต้นไม้ ก่อนจะหยิบใบไม้มาทดสอบความคมของมีด ใบไม้ถูกตัดขาดได้ไม่ยาก แม้รอยคมจะไม่นิ่งแต่ก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ

เห๋อจุนเริ่มเจาะเปลือกไม้ด้วยมีดหิน ช่างน่าแปลกที่พอเจาะเข้าไปกลับไม่พบยางไม้ เห๋อจุนยังคงเจาะเปลือกไม้ต่อไป เมื่อเจาะจนถึงเนื้อไม้ชั้นในได้สำเร็จ เห๋อจุนก็แงะเนื้อไม้ออกมาบางส่วน เห๋อจุนนำเนื้อไม้เข้าปากแล้วเคี้ยวทันที รสหวานอ่อนๆเข้ามาในการรับรสของเห๋อจุน ทำให้สิ่งที่เห๋อจุนคาดการไว้ถูกต้อง

"ต้นไม้ชนิดนี้เต็มไปด้วยพลังงาน ยังคล้ายกับต้นไม้ในโลกก่อนอยู่บ้าง"

เห๋อจุนเริ่มแงะเนื้อไม้ขนาดใหญ่ออกมา ตัดให้ขนาดเท่าฝ่ามือของตนเอง พร้อมกับเรียกคนในกลุ่มให้มาหาตนทันที

"เนื้อไม้นี้ทานได้ แต่ห้ามทานเกินปริมาณที่ข้ากำหนดให้ ไม่งั้นมันจะมีผลเสียกับร่างกายของเจ้า"

ทกุคนพยักหน้าและเริ่มทานเนื้อไม้กันเพื่อคลายความหิว เห๋อจุนก็ทานเนื้อไม้เพื่อคลายความหิวเช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ เมื่อรอไปสักพักในที่สุดหม่าเฉียวก็กลับมาพร้อมกับสมุนไพรห้าชนิดในมือ

"นี้คือหญ้าเคลิบเคลิ้ม มันฤิทธิ์ทำให้ระบบประสาทของผู้ที่สูดดมเข้าไปอยู่ในอาการมึนงง มันไม่มีพิษแต่จะค่อยๆกล่อมประสาทของผู้ที่สูดดมเข้าจนหลับไป"

หม่าเฉียวส่งหญ้าที่มีใบครามออกเขียวอ่อน ดูเป็นหญ้าธรรมดาๆที่พบเห็นได้ทั่วไป ทว่าตรงรากของมันมีความยาวมากกว่าหญ้าปกติมาก

"รากของมันมีไว้ทำอะไร"

"ต้าเหรินสายตาเฉียบแหลมมากขอรับ รากของมันหากนำไปล้างและตากให้แห้ง หลังจากนั้นก็นำไปบดให้เป็นผงจะสร้างเป็นยาชูกำลังได้ และเป็นหนึ่งในส่วนผสมยาถอนพิษระดับต่ำหลายชนิด"

"ส่วนที่เหลือล่ะ"

"นี้คือหญ้าเฮยเยียน มันเป็นหญ้าที่สร้างควันได้เป็นจำนวนมาก และเพราะมันมีจำนวนมากแถมยังไม่มีประโยชน์อะไรคนเลยไม่ค่อยใส่ใจมัน"

หญ้าเฮยเยียนมีสีดำทั้งต้น แถมรากยังสั้นมากแต่ใบที่มีสีดำขอมันเต็มไปด้วยเส้นใยพืชมหาศาลหนาแน่นเกินกว่าพืชปกติจะเทียบได้

"ส่วนที่คือดอกล่ออสูร น้ำของดอกไม้นี้เป็นตัวล่อเหล่าสัตว์ร้ายได้อย่างดี"

ดอกไม้มีสีม่วงสดใสส่งกลิ่นหอมอ่อนๆออกมา คาดว่าหากเข้นน้ำออกมากลิ่นหอมคงกระจายไปไกลหลายลี้

"นี้คือเถาวัลย์เหนียวขจีคราม หากจะกล่าวถึงสรรพคุณก็ตรงตาทชื่อของมันเลยล่ะ เพราะคุณสมบัติของมันคือเหนียวมาก มีความยืดหยุ่นสูงแต่เปราะบาง เพราะงั้นส่วนใหญ่จึงเอาไว้ทำธนูคุณต่ำเท่านั้น"

เถาวัลย์นี้ตรงตามชื่ออย่างยิ่งเพราะมันมีสีเขียวครามคล้ายหยกฟ้า ความเหนียวของมันถือว่าใช้ได้เลย เพราะขนาดใช้มีดหินฟันยังเกิดรอยขีดข่วนนิดเดียวเอง

"เหมาะจะทำเป็นอุปกรณ์สำหรับขว้างปามากกว่า"

ดวงตาของเห๋อจุนเป็นประกายราวกับคิดแผนบางอย่างได้ มันส่งสัญญาณให้หม่าเฉียวพูดต่อ

"ส่วนพืชสุดท้ายคือดอกไล่ดารา นี้เป็นพืชที่หากได้ยากมาก เป็นหนึ่งในส่วนผสมหลักของยาลูกกลอนระดับตูจวิน ฤิทธิ์ของมันมีความรุนแรงเป็นอย่างมาก หากรับประทานสดๆอาจทำให้เลือดภานในกายเดือดพล่านชีพจรแตกซ่านเสียหายหรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ในทันทีเลย"

เห็ตุนมองไปยังดอกไม้ที่มีกลีบสีฟ้า รอบๆดอกมีแสงสีน้ำเงินคล้ายกลุ่มแสงของดวงดาววนอยู่รอบๆ ให้ความรู้สึกสวยงามและน่าลุ่มหลง

"เก็บมันไว้อย่าได้นำไปขายหรือให้คนอื่นนอกจากกลุ่มเราได้เห็น สิ่งมีค่าแต่ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะใช้มัน แต่หากจะขายออกไปก็เป็นเรื่องยากเพราะอาจมีกลุ่มคนโลภเข้ามาหาพวกเรา"

เมื่อเห๋อจุนกล่าวจบก็หยิบหญ้าเฮยเยียนออกมาและตรงไปยังกองไฟ มันทำให้หญ้าเฮยเยียนติดไฟแล้วโยนไปยังหินที่พวกมันเลือกใช้เป็นที่พัก เวลาผ่านไปสักพักแมลงมากมายก็คลานออกมาจากหินยักษ์ก้อนนั้นตามมาด้วยควันที่ลอยออกมาเป็นจำนวนมาก เหล่าแมลงมีพิษและไม่มีพิษรีบออกไปให้ห่างจากบริเวณนั้นในทันที

"น่าเสียดายที่พวกเราไม่มีอุปกรณ์ที่พร้อมมากพอ ไม่เช่นนั้นแมลงมีพิษบางชนิดที่หนีไปเมื่อกี้คงเหมาะจะใช้ประโยชน์ได้อยู่บ้าง"

เห๋อจุนบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยโดยไม่แสดงอาการใดๆ มันเดินนำทุกคนตรงไปยังก้อนหินยัก์ที่เหมาะจะเป็นที่กำบังให้แก่พวกมัน เมื่อมาถึงมันก็ให้ทุกคนในกลุ่มนอนพักผ่อนเอาแรง ส่วนมันกับซ่งหนิวจะคอยดูสถานที่โดยรอบและประชุมแผนการกัน

"เห๋อจุนเจ้าคิดจะใช้วิธีการใดในการพิชิตกลุ่มโจรตี้ซาน"

"การรบทางจิตใจ"

"แต่ความแข็งแกร่งของกลุ่มโจรตี้ซานเจ้าก็รู้ดี พวกเราจะเอาอะไรไปทำให้มันวิตกกังวล"

"เสือเขี้ยวเงิน"

"นั้นคงทำให้พวกมันกังวลได้จริงๆ แล้วต่อไปเล่า"

"สงครามประสาทยังไงล่ะ ให้สองพี่น้องแซ่หน่านใช้หญ้าควันดำเพื่อสร้างสถานะการว่าบ้านบางหลังเกิดไฟไหม้ หากเป็นเช่นนั้นกลุ่มโจรตี้ซานจะต้องแบ่งความสนใจออกเป็นสองฝั่ง ส่วนพลธนูต้องใช้หญ้าเคลิบเคลิ้มจัดการ

ต่อไปเราต้องดูทิศทางลมว่าลมจะพัดไปในทางไหน แต่ถ้าดูจากการตั้งค่ายของมันแล้ว ลมที่จะพัดมาสมควรพัดมาจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

เราจะเริ่มเดินทางและจัดแผนการก่อนยามเฉิน แผนการจะเริ่มขึ้นเมื่อตะวันกำลังขึ้นจากขอบฟ้า ช่วงเวลานั้นคือช่วงที่สายตาของมือธนูมีประสิทธิภาพต่ำที่สุด นั้นคือโอกาสเดียวที่เราจะเป็นฝ่านกุมชัยชนะ"

ในดวงตาของเห๋อจุนมีดวงไฟสีแดงเต้นเร่าอยู่ภายใน มันทั้งโหดร้ายและบ้าคลั่งประดุจสัตว์ที่กำลังตื่นจากการหลับไหล นี้คือก้าวแรกของมันในโลกนี้

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!