ณ ห้องผ่าตัดชันสูตร เวลา 10:23 น.
เซียวฌอน หวังบรูคลิน และเอริคกำลังเตรียมตัวที่จะเริ่มทำการชันสูตรศพที่เซียวฌอนและหวังบรูคลินเจอเมื่อเช้า โดยเซียวฌอนรับหน้าที่เป็นผู้ผ่าตัดหลัก โดยมีหวังบรูคลินเป็นผู้ช่วยในการผ่าตัด และเอริครับหน้าที่จดถ่ายรูปทุกขั้นตอนการชันสูตร
“ยินดีที่ได้ร่วมงานอีกครั้งนะครับน้องเซียวฌอน” เอริคเอ่ยขึ้น เขาเคยร่วมงานกับเซียวฌอนหนึ่งครั้งสมัยที่ไปช่วยทำงานที่สหรัฐอเมริกาเมื่อสามปีที่แล้ว
“ครับ” เซียวฌอนยิ้มกว้าส่งให้เอริค
หวังบรูคลินที่เห็นรอยยิ้มของเซียวฌอนก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ที่กับคนอื่นยิ้มกว้าง ที่กับเขาแยกเขี้ยวใส่ตลอด ตัวก็แค่นั้นแต่สองมาตรฐานจริง ๆ “เมื่อไหร่จะเริ่มผ่า”
เซียวฌอนมองหวังบรูคลินตาขวาง “จะรีบไปไหนกันคุณ” แม้จะพูดแบบนั้นแต่เขาก็เริ่มลงมือชันสูตรทันทีเพราะเตรียมของเสร็จพอดี “เอาล่ะ เวลา10:24น. เริ่มชันสูตรศพนิรนามหมายเลข N48569”
เซียวฌอนเริ่มทำการชันสูตรโดยไล่ดูตั้งแต่บาดแผลบริเวณด้านนอกร่างกายเป็นอันดับแรก โดยมีเอริคตามถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพทุกขั้นตอน และมีหวังบรูคลินช่วยตรวจสอบเพื่อไม่ให้พลาดแม้แต่จุดเดียว เพราะหากพลาดแม้แต่จุดเดียวอาจเปลี่ยนรูปคดีให้เป็นอีกแบบหนึ่งได้เลยก็ว่าได้
“กล้ามเนื้อนั่นไม่ใช่เล่น ๆ เลยนะ” เอริคที่กำลังถ่ายรูปเพื่อเก็บหลักฐานเอ่ยขึ้น
“ทำยังไงให้มีกล้ามขนาดนี้เนี่ยผมนะทั้งคุมอาหารออกกำลังกายมีแต่พุง” เซียวฌอนก้มมองไปที่ท้องของตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมา
“อ้วน” หวังบรูคลินพูดออกมาเบา ๆ แต่เซียวฌอนก็ยังได้ยินอยู่ดี
ไอ้บ้า! อ้วนแล้วไง! อ้วนแล้วมันทำไม! ใครจะไปแห้งมีแต่กล้ามแบบคุณมึงกัน! เซียวฌอนอยากจะตะโกนตอบกลับไปแบบนี้มากแต่ก็ได้ข่มความโกรธและเก็บคำพูดเอาไว้เพราะไม่ตอนนี้คือเวลางานเขาไม่อยากเสียเวลาแท้แต่วินาทีเดียวฝากไว้ก่อนเถอะคุณหวังบรูคลิน
“ไกเนโคมาสเตีย1...” เซียวฌอนมองไปที่หน้าอกของผู้เสียชีวิตก่อนจะเปิดดูอวัยวะภายใต้ร่มผ้า
มันเล็กมาก เล็กอย่างผิดปกติ
แซะ แซะ เสียงกดซัตเตอร์กล้องถ่ายรูปดังขึ้นก่อนจะหยุดลง
“สเตียรอยด์” หวังบรูคลินเอ่ยขึ้นเบา ๆ ในหัวของเขากำลังครุ่นคิดสาเหตุการเสียชีวิตที่เป็นไปได้อยู่
เซียวฌอนให้ไปมองหวังบรูคลินก่อนจะพูดขึ้น” เรามาดูข้างในกันก่อนเถอะ”
หวังบรูคลินพยักหน้าตอบรับเซียวฌอน จากนั้นเซียวฌอนก็หยิบมีดผ่าตัดขึ้นมาถือ ก่อนจะกดตมมีดลงบนร่างของผู้เสียชีวิตด้วยความประณีต คมมีดผ่าตัดที่มีความคมเป็นอย่างมากกำลังลากตั้งแต่หน้าอกลงมาด้านล่างเลือดสีแดงไหลออกมาทันทีที่มีถูกคมมีดสัมผัสสร้างความตกใจให้กับบุคคลที่อยู่ในห้องชันสูตรและห้องสังเกตการณ์เป็นอย่างมาก
หวังบรูคลินและเซียวฌอนหันหน้ามาสบตากันอัตโนมัติโดยไม่ได้เอ่ยเอื้อนคำใดออกมา ราวกับว่าสายตาที่ส่งมานั้นเป็นตัวแทนของคำพูดของพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว
การผ่าตัดชันสูตรครั้งแรกใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงกว่าจะจบลงประตูห้องชันสูตรถูกเปิดออกจางอี้ชิงและหมอลู่จินเดินเข้ามาภายในห้องนั้น
“เป็นไงบ้างฌอน?” จางอี้ชิงเอ่ยถามขึ้น
“อาการทุกอย่างชี้ไปว่าผู้ตายใช้สเตียรอยด์เป็นเวลานานลายนิ้วมือจาง ลูกอัณฑะหดตัว มีภาวะเนื้อเยื่อเต้านมขยายตัวใหญ่ขึ้นตับมีภาวะเพลิโอทิสเฮพาทิช2 เกิดความผิดปกติในเส้นเลือดของตับทำให้เกิดถุงเลือดขึ้น” เซียวฌอนตอบกลับ
“นั่นเป็นที่มาว่าทำไมเมื่อลงมือผ่าตัดเลือดของผู้ตายถึงไหลออกมามากกว่าปกติ เนื่องจากถุงเลือดพวกนี้แตกเลือดก็เลยไหลนองออกมาจากช่องท้องของเขาตอนที่ถุงเลือดพวกนี้แตกหัวใจไม่รับรู้ยังคงสูบฉีดเลือดตามปกติแล้วสุดท้ายมันก็ทำให้เลือดทั้งหมดในร่างกายมารวมกันที่ช่องท้องผมพูดถูกไหมครับคุณฌอน” หวังบรูคลินเอ่ยเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติแต่สายตาของหวังบรูคลินที่ส่งให้เซียวฌอนนั้นไม่ปกติเลย
อีตาบ้าคนนี้กำลังท้าทายเขารึไงกัน! นั่นคือสิ่งที่เซียวฌอนรู้สึก
“ใช่แล้วครับคุณ-บรูค-ลิน” เซียวฌอนเน้นคำที่ตอบออกไปโดยเฉพาะชื่อของคนที่เอ่ยถามคำถามเขา
“สาเหตุการตายน่าจะเป็นการช็อกจากความผิดปกติของหัวใจถุงเลือดแตกทำให้ความดันต่ำลง จนเกิดภาวะหัวใจโตหัวใจเกิดการบีบรัดทำให้ร่างกายเสียสมดุลน้ำหนักเลยเทไปที่ขาข้างขวามากเป็นพิเศษ จากการคาดการณ์เบื้องต้นพบว่าผู้ตายน่าจะเป็นโรคกระดูกพรุนด้วย เพราะกระดูกที่แทงทะลุออกมานั้นไม่ได้เกิดจากสภาวะภายนอกที่ส่งผลกระทบจนทำให้กระดูกหักและแทงทะลุออกมาด้านนอก”
“ผมส่งให้ห้องแลปวัดความหนาแน่นของมวลกระดูกแล้ว รอผลการหาความหนาแน่นของกระดูกออกมาเพื่อทำการยืนยันอีกทีครับว่าการคาดการณ์ที่ไว้จะถูกรึเปล่า ว่าเมื่อขาข้างขวาหักความเจ็บปวดสร้างการกดที่หัวใจเมื่อหัวใจบีบรัดมากมากไม่ยอมคลายตัวจนสุดท้ายหัวใจหยุดเต้นเลยทำให้เสียชีวิต” เซียวฌอนเอ่ยความคาดเดาสาเหตุการตายของผู้เสียชีวิตที่เขาเพิ่งได้ทำการชันสูตรออกไป
“น้องเฮียทำไมมันเก่งจังวะ” จางอี้ชิงลูบหัวของเซียวฌอนด้วยความเอ็นดูน้องสายของจนเอง
“เฮียยยย” เซียวฌอนโวยวายขึ้นเมื่อมือที่ลูบหัวเขาเปลี่ยนเป็นขยี้ผมของเขาแรงแรง
“ไม่แปลกที่ไอ้อี้รีบดึงเซียวฌอนมาทำงานด้วย” ลู่จินอดกล่าวชมเจ้าหน้าที่น้องใหม่แต่เก๋าประสบการณ์อย่างเซียวฌอนไม่ได้ เพราะความเก่งของเซียวฌอนเป็นที่ประจักษ์อีกแล้ว
“พี่จินก็” เซียวฌอนเอ่ยอย่างเขินเล็กน้อย เขาไม่ใช่คนตายด้านที่จะไม่รู้สึกเขินอายเมื่อได้รับคำชม
“ฝีมือเข้ากับไอ้บรูคมากเลย คนเก่งกับคนเก่งทำงานด้วยกันแบบนี้หน่วยเราต้องได้สถิติการปิดคดีเร็วที่สุดแน่นอนเลย” เอริคอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมเช่นเดียวกัน เขาที่อยู่ในห้องชันสูตรด้วยเห็นการทำงานที่เขาขาของคนที่ไม่ชอบกันตั้งแต่แรกเห็นแล้วในใจมันรู้สึกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนทั้งสองคนทำงานด้วยกันมานานหลายปีมากกว่าคนที่เพิ่งทำงานด้วยกันเพียงไม่ถึงหนึ่งเดือน
นอกจากความเข้าขาด้านการทำงานแล้ว เขายังเห็นสายที่ทั้งสองคนมองกันแบบเหมือนมีอะไรในใจมากกว่าที่เขาเห็นแน่นอน งานนี้เขาต้องจับตาดูอย่างห้ามคาดสายตาเด็ดขาด
“ผมชอบทำงานคนเดียวมากกว่าครับพี่เอริค” เซียวฌอนพูดขึ้นก่อนจะกลอกตาไปด้านข้างมองหวังบรูคลิน
“ถ้าได้เพื่อนร่วมงานเอาแต่ใจหงุดหงิด ไม่ยอมทำงาน เพราะไม่ได้กินข้าวผมยอมทำงานคนเดียวดีกว่าเสียอีก” หวังบรูคลินตอกกลับเซียวฌอน
“หวังบรูคลิน!” เซียวฌอนตะโกนออกมาด้วยความโมโหถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ตัวเขาอยู่ต่อหน้าจางอี้ชิงเขาคงใช้มือในบีบคอไอ้คนที่หาเรื่องเขาเป็นแน่
“หึ” หวังบรูคลินหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“ใจเย็น ๆ ก่อนเซียวฌอน” จางอี้ชิงรีบเอ่ยห้ามอารมณ์โกรธของน้องชายของตนทันทีเมื่อเห็นว่าท่าไม่ดีแล้ว
“เฮียจะให้ผมใจเย็นอีกรึไง! ตั้งแต่เช้าแล้วนะที่เขากวนตีนใส่ผม!สงสัยต้องเอาเลือดหัวไอ้บ้านั้นออกซะหน่อยแล้ว!” เซียวฌอนบ่นออกมาอย่างโมโห เขาโดนหวังบรูคลินกวนตั้งแต่เช้าวิ่งชนจนเขาล้มได้แผล แม้อีกฝ่ายจะทำแผลให้เขา แต่ก็ไม่ได้ทำแบบดี ๆ เลยแม้แต่น้อย เอาแต่กวนเขาอยู่ได้ ไม่เอาแอลกอฮอล์เช็ดแผลตรง ๆ ก็ข่มขู่กัน ไหนจะถามที่อยู่ของเขาทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาพักอยู่ที่ไหน
แล้วก็ก่อนจะออกมาทำงานก็ยังบังคับให้เขาขึ้นรถมาทำงานด้วยกันอีก ระหว่างที่นั่งในรถก็ยัดแซนวิชใส่ปากของเขาไม่พอ ยังลำบากให้เขาต้องคอยป้อนแซนวิชอีกฝ่ายอีก เพราะอีกฝ่ายอ้างว่าขับรถอยู่ไม่ว่าง และอีกหลาย ๆ เรื่องที่หวังบรูคลินก็กวนเขา นี่ผ่านมาแค่ครึ่งวันอีตาบ้านั่นก็ทำให้เขาอารมณ์เสียได้มากกว่าตามหาคนร้ายไม่เจอเสียอีก
จางอี้ชิง ลู่จิน และเอริค มองหน้ากันก่อนจะพากันสายหัวไม่รู้ว่าจางอี้ชิงคิดผิดหรือคิดถูกกันแน่ที่จับหวังบรูคลินกับเซียวฌอนมาทำงานร่วมกัน
1. ไกเนโคมาสเตีย (Gynecomastia) คือ ภาวะเต้านมโตอย่างผิดปกติกว่าในผู้ชาย
2. เพลิโอทิสเฮพาทิช (Peliosis Hepatis) เป็นภาวะความผิดปกติทางหลอดเลือดตับ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 30
Comments