“ผมไม่ทันคิด ผมขอโทษ” หวังบรูคลินไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เขาเลยเลือกที่จะเอ่ยขอโทษแฟนสาวแทน
แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่พอใจกับคำขอโทษนั้น “ขอโทษ? ขอโทษอีกแล้วเหรอบรูค คุณไม่เบื่อคำนี้รึไง เดือนนี้คุณผิดนัดเวนดี้มาห้าครั้งแล้วนะคะ เราเจอกันนับครั้งได้เลยและทุกครั้งที่เจอกันเวนดี้ต้องเป็นฝ่ายมาหาคุณตลอด” ใบหน้าของเฉิงเวนดี้แดงก่ำ ดวงตามีน้ำใส ๆ ไหลออกมา
หวังบรูคลินยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้แฟนสาวของเขาอย่างเบา ๆ “ไว้ผมปิดคดีนี้แล้วผมจะพาคุณไปเที่ยวดีไหมครับ?”
เฉิงเวนดี้ปัดมือของหวังบรูคลินที่เช็ดน้ำตาของเธอออกด้วยความไม่พอใจ “ปิดคดีอีกแล้วเหรอ? ปิดคดีคุณก็มีคดีเข้ามาตลอดอะบรูค บอกตามตรงเวนดี้เหนื่อยนะคะที่ต้องมาตามคุณแบบนี้”
“ถ้าเหนื่อยก็พอไหมเวนดี้?” หวังบรูคลินตัดสินใจเอ่ยออกมาในที่สุด
เฉิงเวนดี้ชะงักเล็กน้อยเธอไม่คาดคิดว่าจะได้ยินประโยคคำถามนี้ออกจากปากของหวังบรูคลิน “คิดจะเลิกกับเวนดี้เหรอคุณมีคนใหม่ใช่ไหมบรูค!? มันเป็นใคร!?”
“ไปกันใหญ่แล้วเวนดี้” หวังบรูคลินรีบเอ่ยห้ามความคิดของเฉิงเวนดี้ทันที “ผมไม่มีใคร คุณบอกว่าเหนื่อย ผมก็เลยให้คุณหยุด คุณจะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยกับผม” หวังบรูคลินพูดด้วยความใจเย็น
“เวนดี้ไม่เลิกและไม่ยอมเลิกเด็ดขาด!” เฉิงเวนดี้จ้องไปที่หวังบรูคลินและพูดเสียงแข็ง เธอไม่มีทางเลิกกับหวังบรูคลินเด็ดขาด
เฉิงเวนดี้หยิบกระเป๋าตัวเองขึ้น “เวนนดี้ขอตัวกลับก่อน อีกสามวันเวนดี้จะต้องเจอคุณที่ร้านอาหารฉลองวันครบรอบของเรานะคะ”
ปัง!
พูดจบเฉิงเวนดี้ก็เดินออกจากห้องทำงานของหวังบรูคลินไปทันที โดยไม่รอให้ชายหนุ่มได้ตอบกลับเธอเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเฉิงเวนดี้เดินออกไป หวังบรูคลินก็ทรุดตัวนั่งลงที่โซฟาพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
กี่ครั้งแล้วนะที่เฉิงเวนดี้มาตวาดใส่เขากลางที่ทำงานแบบนี้
กี่ครั้งแล้วนะที่เขาพยายามอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจเรื่องงานของเขา
เขาเหนื่อย เหนื่อยทั้งเรื่องงานและเรื่องหัวใจ
เซียวฌอนที่หลบออกมาได้สักพักก็เดินเข้าห้องทำงานของจางอี้ชิงทันที จากนั้นเขาก็ทรุดตัวนั่งลงที่โซฟาแล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ “ก็แค่บอกเลิกมันพูดยากมากรึไงไอ้ลูกหมา”
สองวันต่อมา
“ไอ้เฟียอาการหนักใช้ได้” เอริคมองดูอาการโซเฟียที่นั่งทำหน้าครั่งไคร้เซียวฌอนที่ยืนอยู่ในห้องชันสูตรจนแทบจะเอาหน้าติดกระจกห้อง
“แต่พี่ฌอนนี่สวยหล่อจริงนะพี่” โจวโคลินที่ไม่ได้เข้าไปด้วยแต่ก็มองดูดูอยู่เงียบ ๆ ก็อดที่จะเอ่ยเสริมไม่ได้
โชไมค์กี้ “ตอนตั้งใจทำงานเท่เป็นบ้าเลย”
ถ้าคนผ่านไปมาคงมองทั้งสี่คนด้วยความแปลกประหลาด สามหนุ่มหล่อ หนึ่งสาวสวย กำลังเกาะกระจกมองหนึ่งชายหนุ่มที่ทั้งสวยทั้งหล่อในคราวเดียวกัน
ในห้องชันสูตร
“เพื่อนไม่รักรึไงกันคุณ คนอื่นเขาอยู่ใกล้ ๆ กันหมด แต่คุณไปโผล่อยู่ที่นั่นคนเดียว” เซียวฌอนไม่ได้พูดกับคนเป็น เขายืนพูดอยู่กับร่างของผู้เสียชีวิต
หวังบรูคลินมองเซียวฌอนที่คุยกับร่าของผู้เสียชีวิตเป็นเรื่องเป็นราว ก็อดที่จะแขวะอีกฝ่ายไมได้ “คิดว่าเขาจะตื่นมาบอกคุณรึไงกัน”
“ถ้าตื่นมาบอกได้ก็ดี” เซียวฌอนแยกเขี้ยวใส่หวังบรูคลิน ก่อนจะหันกลับไปมองร่างของผู้เสียชีวิตอีกครั้ง
“ไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัย กระดูกหักหลายส่วนเลย แรงกระแทกของเครื่องบินน่าจะไม่ได้แรงขนาดนั้นจนกระดูกหักมากขนาดนี้ได้นะ” ลู่จินเอ่ยผลการชันสูตรคร่าว ๆ
“เขาไม่ได้โดนแรงกระแทกของเครื่องบินหรอกครับ กระแทกกับพื้นต่างหาก ศพนี่ห่างจากศพอื่นมาก ดูจากเส้นทางการบินผมว่าผู้ตายตกลงมาก่อนที่เครื่องจะตก” เซียวฌอนเอ่ยข้อสันนิษฐานของตน
“พลัดตกอย่างงั้นเหรอ?” ลู่จินถามขึ้น
“ก็เป็นไปได้ครับหรือมีคนทำให้ตก” หวังบรูคลินไม่ได้เอ่ยขัดข้อสันนิษฐานของเซียวฌอน เพราะเขาเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
“คนรอดที่ติดต้นไม้ฟื้นรึยังคุณบรูค” เซียวฌอนถามขึ้น
หวังบรูคลิน “ยัง”
เซียวฌอน “ถ้าฟื้นเมื่อไหร่บอกผมด้วยนะ”
หวังบรูคลิน “อืม”
ลู่จินมองทั้งสองคนที่กำลังคุยกันเวลาคุยเรื่องงานที่ความเห็นไปทางเดียวกันก็ไม่ได้ตั้งแง่ใส่กันเลยแม้แต่น้อย แถมยังใช้น้ำเสียงที่ไม่ได้ฟังแล้วตั้งใจกวนกันอีก ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ลู่จินคิดในใจ
“พี่จินครับ” เซียวฌอนเอ่ยเรียกขึ้น
ลู่จิน “ครับ?”
เซียวฌอน “ที่นี่เวลาเขานัดประชุมต้องทำยังไงครับ?” เพราะที่ทำงานเก่าของเขาจะมีกลุ่มแชตเอาไว้เรียกรวมตัวทีมเวลาต้องการที่จะประชุมหรือแลกเปลี่ยนข่าวสารกันภายในนั้น แต่บางทีก็เป็นกังวลเรื่องข้อมูลจะรั่วไหลจึงจำเป็นต้องมีการแจ้งเป็นหนังสือทุกครั้งก่อนเข้าประชุม เขาไม่รู้ว่าที่นี่จะเป็นแบบไหน
“ฌอนจะเรียกประชุมเหรอ?” ลู่จินถามขึ้น
เซียวฌอนตอบกลับ “ครับ แต่ยังไม่ใช่วันนี้”
ลู่จิน “เดี๋ยวพี่ลากเข้าไลน์กลุ่ม มีประชุมหรืออะไรก็แจ้งในกลุ่มได้เลย”
“ขอบคุณครับ” เซียวฌอนยิ้มก่อนจะก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นการขอบคุณ
“แต่กลุ่มค่อนข้างไร้สาระหน่อยนะ” ลู่จินบอกเซียวฌอนไปตามตรง กลุ่มนั้นเป็นทั้งกลุ่มงานและกลุ่มที่เอาไว้คุยเรื่องไร้สาระ เขาเองก็พอทราบจากที่เพื่อนสนิทอย่างจางอี้ชิงบอกเขาว่าเซียวฌอนคนนี้เป็นคนที่เคร่งการทำงานมาก ไม่รู้ว่าหากเข้ากลุ่มของเขาไปจะเป็นอย่างไงดี หรือว่าเขาควรสร้างกลุ่มใหม่ดี แต่ขนาดหวังบรูคลินยังอยู่ได้เลย งั้นเซียวฌอนก็คงอยู่ได้เหมือนกันแหละ
“สนุกดีสิครับ ทำงานไม่ควรเครียด” เซียวฌอนกล่าวไปตามความจริง เขาชอบกลุ่มแชตที่เป็นได้ทั้งกลุ่มงานและกลุ่มคุยเรื่องไร้สาระอยู่แล้ว ไม่ใช่อะไรหรอกนะ เขาแค่ไม่อยากมีกลุ่มแชตหลายกลุ่ม มันวุ่นวาย
“ครับ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นลู่จินก็ตัดสินใจว่าจะดึงเซียวฌอนเข้ากลุ่มที่มีอยู่แล้วดีกว่า
หลังจากออกจากห้องชันสูตร ลู่จินก็ตรงไปที่ห้องทำงานของเขาแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือในลิ้นชักของเขาออกมากดเพิ่มเซียวฌอนลงในกลุ่มแชตทันที
ลู่จิน เชิญคุณเข้าร่วมกลุ่ม ปอสอดอ (12)
เพิ่ม | ลบ | บล็อค
เซียวฌอนที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันที ก็เห็นว่าเป็นคำเชิญของแพทย์รุ่นพี่ที่กดเชิญเขาเข้าในกลุ่ม
ชื่อกลุ่มว่า ปอสอดอ คงย่อมากจากประสาทแดกสินะ ก็คงเหมาะกับคนพวกนั้นดีเหมือนกัน
คุณได้ร่วมเข้ากลุ่ม ปอสอดอ แล้วทักทายสิ
เซียวฌอนกดยืนยันเข้าร่วมกลุ่มทันทีก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋า แล้วก็หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มทันที
เซียวฌอนเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง เขาได้ยินเสียงคนร้องโอดครวญดังออกมาจากภายในห้องนั้น
ภายในห้องลิษากำลังนั่งกุมขมับตัวเองด้วยความหงุดหงิด “เครียด!”
“เฮียเป็นไรอะเฮีย” โซเฟียที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องก่อนหน้าที่ฌอนจะมา เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่ามาถึงก็เห็นสีหน้าของคนในห้องไม่ดีไปเสียแล้ว
บิลลี่ตอบกลับคำถามของโซเฟียแทน “กล่องดำหาย”
“ฮะ!” โซเฟียเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “หายไปได้ยังไง”
“ไม่รู้ แต่ให้เจ้าหน้าที่หาดูแล้วหลายรอบไม่เจอ” บิลลี่นั่งถอนหายใจอย่างจนใจ
“มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนวะ!” ลิษาทุบโต๊ะด้วยความหงุดหงิด
จางอี้ชิงรีบปลอบประโลมหญิงสาวทันที “ลิษใจเย็น Clam down”
“ลิษหาดูทั่วแล้วนะเฮีย เดินหาจนจำต้นไม้ได้ทุกต้นแล้ว!” ลิษาบ่นออกมาด้วยความคับข้องใจ เธอเดินดูทั่วแล้วจริง ๆ หาจนขาเธอจะลากได้อยู่แล้ว แต่เธอก็ไม่เจอแม้แต่เงาของกล่องดำ
“ตกในน้ำรึเปล่ามึง” บิลลี่ไม่อยากจะคิดแบบนี้ แต่มันดูเป็นทางที่เป็นที่สุด
“เป็นไปไม่ได้” เควินเอ่ยขึ้น เพราะระยะทางที่เขาคำนวณเอาไว้ไม่มีทางที่กล่องดำจะตกไปที่แม่น้ำได้แน่นอน
“นอกจากจะมีคนเอาไป” เซียวฌอนอดไม่ได้จึงเปิดประตูเข้าร่วมวงสนทนาด้วยทันที “ขอโทษนะครับที่เปิดประตูเข้ามา” เซียวฌอนเอ่ยขอโทษ เขาทนความอยากรู้ของตัวเองไม่ไหวจริง ๆ
โซเฟียที่เห็นรุ่นพี่สุดหล่อเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยก็เก็บอาการตื่นเต้นไม่อยู่ เดินเข้าไปเกาะแขนเซียวฌอนทันที “ไม่เป็นไรค่ะ พี่ฌอนสุดหล่อ”
เซียวฌอนยิ้มอย่างเขินอาย เขาโดนผู้หญิงชมต่อหน้ามาก็เยอะ แต่ไม่เขาไม่เคยเห็นใครส่งสายตาวิบวับที่ไม่ได้หมายจะชวนเขาเข้าห้องมาก่อนแบบโซเฟียเลย โซเฟียทำให้เขารู้สึกว่าหญิงสาวเหมือนเป็นเด็กหญิงที่คลั่งไคร้แบบไอดอล ดารามากกว่า
“ที่มีฌอนบอกว่ามีคนเอาไป?” ลิษารีบเอ่ยถามทันที ปกติหากเธอเห็นอาการบ้าผู้ชาย (?) ของโซเฟีย เธอมักจะต่อว่าไม่ก็ห้ามปราบอยู่บ่อย ๆ แต่ตอนนี้เธอไม่อารมณ์มาสนใจอะไรทั้งนั้น นอกเสียกล่องดำเจ้าปัญหาที่หายสาบสูญไป
“ตามนั้นเลยครับ” เซียวฌอนยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอย่างสบายใจ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าตั้งแต่ที่เขาเดินเข้าห้องมามีสายตาหนึ่งกำลังมองที่เขาจากประตูที่เข้าเพิ่งเปิดเข้ามา
“มีหลักฐานไหมล่ะ” หวังบรูคลินเดินเข้ามาในห้องต่อจากเซียวฌอน เขาเห็นหลังของอีกฝ่ายกำลังแอบฟังอยู่นอกห้องแต่ไม่ยอมเข้าไปเสียทีอย่างน่าสงสัย เขาเลยเลือกที่จะแอบดูอากัปกิริยาของอีกฝ่าย จนสุดท้ายอีกฝ่ายตัดสินใจเดินเข้าไป เขาเลยเลือกที่จะเดินเข้ามาด้วย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 30
Comments