“อืม ตอนเด็กว่าแสบแล้วนะ ตอนโตแสบกว่าเป็นเท่าตัวเลย” แม้จะเติบโตกันมาคนละประเทศ แต่เวลาว่างจางอี้ชิงก็มักจะบินไปหาเซียวฌอนเสมอ ทำให้เขารู้ว่าเซียวฌอนคนนี้แสบมากขนาดไหน และนับวันความแสบก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
“เฮีย ฌอนมันเพิ่งเดินทางมาถึงเหนื่อย ๆ นะไม่สงสารมันเหรอ” นิโคลินเห็นอาการของเพื่อนสนิทที่ถ้าหากนับชั่วโมงจริง ๆ เพื่อนของเธอไม่ได้พักผ่อนเลย ตอนอยู่บนเครื่องเซียวฌอนบอกเธอว่านอนไปนิดหน่อย กะว่าพอถึงประเทศตนเองจะกลับไปนอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่พอมาถึงเซียวฌอนก็ต้องโดนลากมาทำงานเสียก่อน ข้าวก็ยังไม่ได้กิน พักผ่อนน้อยอีก ไม่แปลกที่อารมณ์ของเซียวฌอนจะสวิงยิ่งกว่าเครื่องเล่นในสวนสนุก
“ไม่ คนอย่างเซียวฌอนต้องเจอหวังบรูคลิน” จางอี้ชิงพยายามไม่คล้อยตามกับคำที่เหล่าเพื่อนร่วมการทำงานบอกแกเขา
“เอาคนดื้อสองคนมาเจอกันมันจะไม่ดื้อเพิ่มเหรอเฮีย” ลิษาถามขึ้น เธอเองก็รู้จักนิสัยของหวังบรูคลินดีระดับหนึ่งเลยแหละ ถ้าคิดจะทำอะไรแล้ว อีกฝ่ายมักทุ้มไปสุดตัว ถ้าได้แกล้งก็แกล้งไปให้สุดเหมือนกัน
“ไม่มีหรอก ฌอนจะทำให้บรูคลินอยู่ภายใต้อำนาจของฌอน บรูคลินก็จะทำให้ฌอนอยู่ใต้อำนาจของเขาเหมือนกัน สองคนนั้นจะปราบกันเอง และจะทำตัวดีขึ้นเอง” จางอี้ชิงเอ่ยความคิดของตน เพื่อนร่วมทีมอาจจะรู้จักแค่นิสัยของหวังบรูคลินไม่รู้จักนิสัยของเซียวฌอน แต่เขารู้จักทั้งสองคน เขารู้ว่าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอย่างแน่นอน และเขาก็คิดว่าเซียวฌอนคงรู้เหมือนกันว่าโดนหวังบรูคลินแกล้ง แต่ก็ยังพยายามหาหลักฐานชิ้นอื่นมาแทน
“อีก 30 วิ” หวังบรูคลินยังคงทำตัวเป็นนาฬิกาแจ้งเตือนเวลาให้เซียวฌอน
“โว้ยยยยยยยยยยยยย” เซียวฌอนตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ
“เฮียก็ร้ายพอ ๆ กับฌอนเลย ยืมมือคนอื่นปราบน้องตัวเอง” นิโคลินหันไปแขวะจางอี้ชิง ปกติเธอเห็นจางอี้ชิงจะตามใจเซียวฌอนตลอด มีครั้งนี้นี่แหละที่เธอเห็นเขาไม่คิดจะตามใจอีกฝ่าย
“อย่าใส่ร้ายเฮียสินิค เฮียออกจะใจดี” จางอี้ชิงหันไปยิ้มหวานให้นิโคลิน
ให้ตายเถอะ รอยยิ้มกับความคิดไม่ได้สัมพันธ์กันเลยเฮีย!
“หมดเวลา” หวังบรูคลินตะโกนบอก พร้อมกับยกยิ้มอย่างผู้ชนะ
“โถ่เว้ย ไปแอบอยู่ไหนวะ” ส่วนเซียวฌอนที่รู้ว่าตนได้พ่ายแพ้แล้วก็ยังไม่หงุดหงิดเท่าที่เขาหาอะไรไม่เจอเลย ไม่ว่าจะก้มหน้ามองบนดินหรือเงยมองฟ้าสิ่งที่เขาได้คือความว่างเปล่าทั้งสิ้น
“ไม่ได้แอบ” หวังบรูคลินเดินเข้าไปหาเซียวฌอน
“อะไรของคุณ” เซียวฌอนไม่เข้าใจสิ่งที่หวังบรูคลินต้องการจะสื่อ
“คุณมองเห็นอะไรที่พวกเราพลาดก็จริง คุณเก่งนะฌอน แต่คุณไม่เฉลียวเลยแม้แต่น้อย” หวังบรูคลินกอดอกมองสำรวจเซียวฌอน
เซียวฌอน “คุณหมายความว่าอะไร”
หวังบรูคลินไขข้อกระจ่างให้เซียวฌอนได้ทราบในจุดที่เขาได้ทำพลาดไป “เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนคุณไม่เห็นรึไงว่าเจ้าหน้าที่ยกศพผู้เสียชีวิตขึ้นไปแล้ว”
เซียวฌอนอึ้งเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายให้เจ้าหน้าที่ยกศพผู้เสียชีวิตออกไปตอนไหน แต่บอกตามตรงว่าในใจของเขาก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่เขาคิดโอกาสความเป็นไปได้แค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพราะเขาก็สำรวจมองอยู่ตลอดเวลา แทบไม่มีจุดบอดในสายตาเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นจริงกันเล่า
หวังบรูคลินยังคงเกทับเซียวฌอนไม่หยุด “ถ้าคุณเอะใจสักนิดคุณก็จะเห็นว่าจำนวนห่อผ้ามันเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง ศพที่คุณเจอในป่าหรือคนรอดที่คุณเจออยู่บนต้นไม้ผมไม่รู้ว่าคุณหาเขาเจอได้ยังไง แต่ผมว่าคุณแค่บังเอิญเจอมากกว่าเพราะพอให้หาจริง ๆ คุณกลับหาไม่เจอก็เหมือนเจ้าหน้าที่พวกนั้น พวกเขาเองก็ตั้งใจหาเหมือนกัน ขนาดคุณยังพลาดได้แล้วคุณคิดว่าพวกเขาจะไม่พลาดรึไง พวกเขาเดินหาที่ป่านั้นแค่รอบสองรอบแต่คุณวนอยู่แถวนี้เป็นสิบกว่ารอบ”
เซียวฌอนรู้สึกหน้าชา เขาเหมือนโดนหวังบรูคลินตบหน้า ทั้ง ๆ ที่มือของอีกฝ่ายกอดอกแน่น “นั่นมันเป็นเพราะคุณ ทั้ง ๆ ที่คุณหาเจอแล้วแต่คุณกลับไม่บอกผม ปล่อยให้ผมเดินหาอยู่แบบนี้ได้ไง!”
“ผมบอกแล้วไงฌอน คุณฉลาดแต่คุณไม่เฉลียวเอง ช่วยไม่ได้” หวังบรูคลินกำลังจะเดินออกไปแต่ก็ถูกเซียวฌอนรั้งแขนเอาไว้ก่อน
“ไอ้!” เซียวฌอนกำหมัดแน่น เขาอยากจะอัดหวังบรูคลินให้น่วม
“หยุด” หวังบรูคลินเปลี่ยนมือของเซียวจับแขนของเขาเอาไว้ เป็นเขาเองที่จับข้อมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายเอาไว้แทน “ที่นี่ไม่เหมือนที่ทำงานเก่าคุณ คุณจะมาเอาแต่ใจที่นี่ไม่ได้ คุณโตแล้วนะคุณฌอน อย่าทำตัวงอแงเหมือนเด็ก”
“ผมไม่เหมือนเด็ก!” เซียวพยายามจะสะบัดเอามือของหวังบรูคลินที่จับข้อมือทั้งสองข้างของตนออกแต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายใช้กาวติดมือรึไงกัน ทำไมมันถึงสะบัดไม่ออกแบบนี้ “ผมเป็นพี่คุณนะหวังบรูคลิน”
“เหรอครับ?” หวังบรูคลินขำออกมา พอสู้แรงเขาไม่ได้ก็ยกเอาเรื่องอายุมาข่มกัน “แต่ตอนนี้คุณเหมือนเด็กสามขวบที่โดนขัดใจเลยนะ”
“ไอ้ลูกหมา!” เซียวฌอนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ปรี๊ดแตกทันที “ไอ้!”
“ด่าผมอีกผมจับคุณจูบแน่” หวังบรูคลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไอ้!” แม้เซียวฌอนจะตกใจกับท่าทางจริงจังของอีกฝ่าย แต่เขาก็ยังค้นหาคำด่าอีกฝ่ายในหัวของเขาอยู่
“ท้าทายผมเหรอ” หวังบรูคลินยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ ๆ เซียวฌอนขึ้นทีละนิด”
“เห้ย! อย่าเข้ามานะ”
ใกล้มาก ใกล้เกินไปแล้ว จิตใจของเซียวฌอนไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวใจของเขาเต้นเร็วมาก ราวกับว่ามันกำลังจะทะลุออกจากอกของเขา เซียวฌอนหลับตาลงแล้วกลั้นหายใจทันที
“หึ” หวังบรูคลินหยุดเอาหน้าเข้าใกล้เซียวฌอน ซึ่งมันห่างจากใบหน้าของฌอนเพียงไม่ถึงหนึ่งข้อมือด้วยซ้ำ “ไม่แน่จริงนี่หว่า” หวังบรูคลินถอนใบหน้ากลับแล้วบ่อยมือที่กอบกุมข้อมือของเซียวฌอนออก แล้วทิ้งเซียวฌอนที่ยืนหลับตานิ่งอยู่อย่างงั้น
เซียวฌอนที่รับรู้ว่าหวังบรูคลินเดินออกไปแล้วก็ค่อยลืมตาขึ้น “ฝากไว้ก่อนนะไอ้ลูกหมา ฮื้ย!” เซียวฌอนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
เขาต้องเอาคืนอีกฝ่ายเป็นแน่!
เวลา 21:23 น. ณ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
จางอี้ชิงขับรถมาส่งเซียวฌอนที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เขามีงานต้องไปทำต่อ แต่เขาก็เห็นอาการที่ไม่ได้พักของเซียวฌอนก็อดเป็นห่วงญาติผู้น้องของตัวเองไม่ได้ กลัวว่าจะเป็นลมเป็นแล้งไปตั้งแต่วันแรกที่กลับมาประเทศบ้านเกิด
“แน่ใจนะว่าจะไม่ไปนอนคอนโด” จางอี้ชิงถามขึ้น
เซียวฌอนตอบสั้น ๆ ก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยออก “จนกว่าจะปิดคดี”
“เฮียยังไม่ได้เตรียมห้องทำงานให้เราเลย ไปนอนห้องทำงานเฮียก่อนก็ได้ ไม่มีเตียงแต่มีโซฟากว้างอยู่นอนได้สบายมาก”
“แล้วเฮียไม่นอนรึไง?”
“นอนสิ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ฌอนไปพักเถอะ มาถึงเฮียก็ลากเราไปทำงานเลยทั้ง ๆ ที่เราเหนื่อยตัวแทบขาด”
“ก็รู้นะแต่ก็ยังลากน้องไป” เซียวฌอนแขวะพี่ชายเข้าให้ รู้ทั้งรู้ว่าเขาเหนื่อยจากเดินทางก็ยังลากเขาไปทำงาน ไม่พอตอนเขาโดนอีตาบ้าหวังบรูคลินแกล้งก็ไม่คิดจะช่วยกันเลยสักนิด
“เอาหน่าตอนนี้ก็ได้พักแล้วไง ไปพักเถอะ ห้องทำงานเฮียอยู่ชั้นแปดเดินตรงไปเลี้ยวขวาโอเคไหม?” จางอี้ชิงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ไม่อย่างนั้นเขาคงโดนน้องชายตัวแสบบ่นแน่นอน
“ครับผม ไปล่ะอยากอาบน้ำมาก” เซียวฌอนเปิดประตูออกแล้วลงจากรถไปทันทีพร้อมกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่เขาเอามาด้วย
เมื่อก้าวเท้าเข้ามายังตัวอาคารสายตาของเขาก็สอดส่องสำรวจบริเวณรอบ ๆ อย่างอัตโนมัติ แม้อาคารจะเล็กกว่าที่ทำงานเก่าของเขา แต่ก็เรียกว่าดูดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
ชั้นแรกกับชั้นที่สองการรักษาความปลอดภัยไม่ได้แน่นหนามากมีเจ้าหน้าที่ประจำตำแหน่งคนละมุม ตั้งแต่ชั้นสามเป็นต้นมาการรักษาความปลอดภัยจะแน่นหนาขึ้นเพราะเป็นชั้นที่เจ้าหน้าที่ใช้ปฏิบัติการ
“จะว่าไปที่นี่ก็แบ่งสัดส่วนห้องทำงานดีเหมือนกันนะเนี่ย” เซียวฌอนพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเดินมาจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นแปดที่เป็นห้องทำงานของจางอี้ชิงแล้ว
เซียวฌอนยังคงอดที่จะชมญาติผู้พี่ไม่ได้ “การทำงานเป็นระบบใช้ได้ เฮียเรานี้มันเก่งจังวะ”
ในระหว่างทางเซียวฌอนก็บังเอิญได้ยินเสียงหนึ่งชายหนึ่งหญิงคล้ายกับว่ากำลังทะเลาะกัน เขาจึงเดินไปแอบมองอย่างเงียบ ๆ
“บรูค แค่โทรหรือไลน์มาบอกเวนดี้ว่าไม่ว่างก็ได้รึเปล่า”
บรูค เวนดี้ อย่างงั้นเหรอ? คงไม่ใช่อีตาบ้าหวังบรูคลินหรอกนะ
เซียวฌอนลอบมองดูช่องประตูที่ปิดไม่สนิท ก่อนจะเจอคนที่เขาไม่คาดคิด
เป็นหวังบรูคลินจริง ๆ ด้วย แต่ว่าผู้หญิงสาวสวยคนนั้น แฟนอย่างงั้นเหรอ? เซียวฌอนคิดในใจ
“ทำไมถึงไม่ทำ ปล่อยให้เวนดี้รออยู่ที่อาหารเป็นชั่วโมงแบบนี้ได้ไง” เฉิงเวนดี้ตวาดใส่หวังบรูคลินด้วยความโมโห วันนี้เธอมีนัดกับหวังบรูคลินจะไปทานดินเนอร์ด้วยกัน แต่พอถึงเวลานัดอีกฝ่ายกลับไม่ยอมมา โทรหาก็ปิดเครื่อง เธอเลยต้องมาตามหาอีกฝ่ายที่ที่ทำงานแทน และก็มาเจอกับหวังบรูคลินที่เพิ่งกลับมาจากที่เกิดเหตุ
“มือถือผมแบตหมด ผมเลยไม่ได้บอก” ความจริงโทรศัพท์ของเขาไม่ได้แบตหมดหรอก เพียงแต่เขาปิดเอาไว้เพราะไม่อยากให้เฉิงเวนดี้โทรตามจิกเวลาที่เขาทำงานเท่านั้นเอง
“เพื่อนคุณก็มีโทรศัพท์ ยืมของเพื่อนคุณโทรบอกเวนดี้ไม่ได้รึไงกัน ทำไมแค่นี้คิดไม่ได้อะบรูค” หญิงสาวไม่ยอมแพ้ เธอทั้งโกรธ ทั้งหงุดหงิด เธอลดตัวไปคบหวังบรูคลินที่เป็นแค่เจ้าหน้าที่กินเงินเดือนธรรมดา แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจเธอมากอยากที่ควรเลยสักนิด
เซียวฌอนที่แอบอยู่ก็แคะหูตัวเองเบา ๆ จะว่าไปเสียงของแฟนไอ้ลูกหมานี่ก็หนวกหูฉิบหายเลย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 30
Comments