ณ เต็นท์นิติเวช
“อ้าวมาแล้วเหรอฌอน” จางอี้ชิงเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นลูกพี่ลูกน้องของตนเดินเข้ามา
“ยังไม่มามั้ง” เซียวฌอนเอ่ยกวนกลับ ก็เห็นอยู่ว่าเป็นเขายังจะถามอีกนะเฮีย
“กวนตีน” จางอี้ชิงเอ่ยตำหนิเซียวฌอน แต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่อย่างกวน ๆ
“เมื่อกี้ยังไม่ทันได้แนะนำตัวเลย สวัสดีครับทุกคนผมชื่อเซียวฌอน เรียกฌอนเฉย ๆ ก็พอนะครับ” เซียวฌอนเอ่ยแนะนำตัวเอง ก่อนจะยื่นมือไปทางลู่จิน
“ครับ พี่ลู่จินนะ เป็นหัวหน้านิติเวช” ลู่จินจับมือทักทายเซียวฌอนโดยที่ไม่ลืมแนะนำตัวเองกลับเช่นกัน
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับหัวหน้า” เซียวฌอนส่งยิ้มให้อย่างเป็นธรรมชาติ ผู้ชายคนนี้นิสัยดูโอเคดี แถมยังเป็นเพื่อนพี่ชายของเขาอีก นิสัยก็คงพอ ๆ กันกับพี่ชาย ดูทรงแล้วน่าคบหาดี
“ลิษาค่ะ”
“เควินครับ”
เซียวฌอนก็จับมือทักทายกับลิษาและเควิน
ผู้หญิงคนที่ชื่อลิษาแม้รูปร่างจะผอม แต่ก็มีท่าทางที่คล่องแคล่ว แรงที่จับมือแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีทักษะการต่อสู้ด้วย นิสัยไม่ได้เป็นผู้หญิงจัด แต่ก็ไม่ได้ผู้ชายจัด จัดเป็นผู้หญิงห้าว ๆ คนหนึ่ง ไม่แปลกที่จะทำงานกับเหล่าชายฉกรรจ์พวกนี้ได้โดยไม่รู้สึกหลงใหล
ส่วนผู้ชายที่ชื่อเควิน ก็หล่อเหล่า รูปร่างดี มือหยาบกร้านเล็กน้อยคงเป็นเพราะงานที่เจ้าตัวทำ ตอนนี้ดูสุภาพ แต่ถ้าได้รู้จักกันไปนาน ๆ อีกฝ่ายคงแสดงตัวตนจริง ๆ ออกมา
น่าสนใจดี เซียวฌอนคิดในใจ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับทุกคน เมื่อกี้ต้องขอโทษด้วยนะครับที่เหวี่ยงใส่” เซียวฌอนเอ่ยขอโทษออกมา พอกินอิ่มแล้วได้สงบอารมณ์เขาก็สำนึกได้ว่าเมื่อกี้เขาอารมณ์เสียจนพูดไม่หยุด (?) กับคนที่เพิ่งได้เจอหน้ากันไปจริง ๆ
“ไม่เป็นไรครับ แม้จะตกใจนิด ๆ ก็ตาม” เควินบอกปัด โดนด่ามันก็รู้สึกเฉย ๆ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เอาบรรพบุรุษเขามาต่อว่าเสียหน่อย แล้วเรื่องที่อีกฝ่ายพูดก็เป็นเรื่องจริง
“นาน ๆ ก็ชินเอง” จางอี้ชิงตบไหล่เควินเบา ๆ ก่อนจะหันไปถามหวังบรูคลินที่ยืนนิ่ง “บรูคไม่คิดแนะนำตัวหน่อยเหรอ?”
“ไม่จำเป็น” หวังบรูคลินเอ่ยเสียงนิ่งเข้ม
“เหอะ คิดว่าอยากรู้จักมากเหรอ” เซียวฌอนพูดด้วยไม่มองหน้าของหวังบรูคลินเลยแม้แต่น้อย อีกฝ่ายไม่แนะนำตัวเองก็แล้วแต่ เพราะเขาก็ไม่ได้อยากจะรู้จักอีกฝ่ายเหมือนกัน
จางอี้ชิง “ไม่อยากรู้จักก็ต้องรู้จัก ขอบคุณบรูคด้วยเขาอุตส่าห์เอานมกับขนมปังไปให้เรานะฌอน”
เซียวฌอน “ไม่ได้ขอสักหน่อย”
จางอี้ชิง “ฌอน”
เซียวฌอนจิปากอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะหันไปมองหน้าหวังบรูคลินพร้อมกับเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายทันที “ขอบ...คุณ...มาก...มาก..นะ...ครับ...คุณ...หวัง...บรูค..ลิน” เซียวฌอนกัดฟันพูดเน้นทุกคำ
“หึ” หวังบรูคลินกระตุกยิ้มที่มุมปาก
ทำหน้ากวนแบบนี้ โคตรน่าโดนต่อยเลยจริง ๆ เซียวฌอนคิดในใจแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมามีเรื่องได้ เซียวฌอนจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “ว่าแต่ตอนนี้ได้เรื่องอะไรบ้างครับ?”
“เราคาดว่านักบินน่าจะโดนยิง ตอนนี้ตามหาร่างผู้เสียชีวิตได้เกือบครบแล้ว คนรอดก็พาไปส่งโรงพยาบาลเรียบร้อย” ลู่จินตอบกลับพร้อมกับยื่นแท็บเล็ตที่แสดงข้อมูลให้เซียวฌอนดู
เซียวฌอนรับแท็บเล็ตขึ้นมาดูก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “เกือบที่ว่าคือหายไปกี่คนครับ?”
จางอี้ชิงตอบกลับ “สองคน”
“เฮียแน่ใจเหรอว่าสองคน?” เซียวฌอนถามขึ้น
“บนเครื่องมีคนทั้งหมด 16 คน รอด 2 เสียชีวิต 12 หาย 2 ก็ถูกแล้วปะมึง” นิโคลินตอบกลับ
“รอด 3 หายหนึ่งต่างหาก” เซียวฌอนพูดอย่างไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่ ก่อนจะหันไปสนใจข้อมูลในแท็บเล็ตต่อ
แต่ไม่ใช่กับคนพวกนั้น “เอาคนรอดอีกหนึ่งคนที่ไหนมาฌอน? พวกเรายังไม่เจอใครเลยนะ” จางอี้ชิงถามขึ้นอย่างสงสัย
“พวกเฮียไม่เจอแต่ผมเจอ”
“ฮะ!” จางอี้ชิงตกใจ
“เดี๋ยวนะ” นิโคลินเองก็ตกใจเช่นกัน
เซียวฌอนไม่รอให้ถูกถามต่อเขาเลือกที่จะบอกไปก่อน “และผมก็ส่งเขาไปโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว”
จางอี้ชิงถามด้วยความตื่นเต้น “ฌอนไปเจอเขาที่ไหน?”
“ต้นไม้สักต้น” เซียวฌอนตอบอย่างไม่จริงจัง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นท่าทางจริงจังมองหน้าจางอี้ชิงแล้วพูด “ก้มหน้ามองแต่พื้น งมเอาแต่ในน้ำ ถ้าเงยหน้ามองขึ้นฟ้าสักนิดก็คงเห็นกัน หลังจากจบงานนี้ผมหวังว่าเฮียจะพิจารณาเจ้าหน้าที่ใหม่นะ”
“อืม เฮียให้ฌอนจัดการโอเคไหม?” จางอี้ชิงรับรู้ถึงความกดดันที่ถูกส่งมา เขาเลยเลือกที่จะให้คำตอบที่อีกฝ่ายต้องการ
“ไม่มีอะไรโอเคไปกว่านี้แล้วครับ” เซียวฌอนยิ้มร่าด้วยความดีใจ
“กูไว้อาลัยรอเลย” นิโคลินส่ายหัว เธอรู้ล่วงหน้าเลยว่าชีวิตในหน่วยทำงานของเธอจะไม่สงบสุขอีกต่อไป
หวังบรูคลินมองเซียวฌอนนิ่ง ๆ เขาคิดในใจว่าอีกฝ่ายก็มีฝีมือดีเหมือนกันเพียงแต่ว่าปากไม่ค่อยดีเท่านั้นแหละ รวม ๆ ก็ถือว่าดีอยู่ แต่ก็ต้องดูงานกันไปยาว ๆ
“ผมลืมบอกอีกเรื่อง คนรอดที่ผมเจอเขาไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยนะครับ แถมใส่ร่มชูชีพอีกมีสติใช้ได้เลย” เซียวฌอนกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ของเซียวฌอน ลิษากับเควินก็กระซิบกระซาบกันทันที
เควิน “ไอ้ลิษ”
ลิษา “อะไรเฮีย”
เควิน “น้องฌอนเป็นคนหรือเหยี่ยววะ ตาแม่งดีฉิบหาย”
ลิษา “เก่งมากได้เลยเฮีย แต่ติดอย่างเดียวแซะเก่งเหลือเกิน”
เควิน “ไอ้บรูคพูดตรง ๆ ว่าเจ็บแล้วนะ แต่โดนแซะแบบนี้เจ็บกว่าอีก”
ส่วนหวังบรูคลินที่ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบนั้นก็ไม่ได้สนใจ เขาเลือกที่จะเอ่ยถามเซียวฌอนแทน “ถ้าหาเก่งขนาดนั้นอีกหนึ่งคนที่หายไปก็หาให้เจอด้วยสิคุณฌอน”
“นี่คุณท้าผมเหรอ”
“แล้วแต่คุณจะคิด”
“ถ้าผมหาเจอผมจะได้อะไร” เซียวฌอนไม่ชอบที่สุดคือการท้าทายเขาแล้วไม่ยอมรับว่ากำลังท้าทายอยู่ อีกฝ่ายคิดว่าตัวเองแน่มากรึไงกัน
นิโคลินเห็นท่าทางไม่ดีจึงรีบกระซิบบอกจางอี้ชิงทันที “เฮียห้ามไอ้ฌอนหน่อยเร็ว”
แต่จางอี้ชิงไม่ได้คิดห้าม เขาเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ มวยถูกคู่ยังไงมันก็สนุกอยู่แล้ว “ไม่อะ เฮียชอบ”
หวังบรูคลินเอ่ยถามขึ้น “อะไรก็ได้ที่คุณต้องการ”
“โอเค” ยิ่งได้ยินข้อเสนอว่าอะไรก็ได้เซียวฌอนยิ่งชอบ จึงตอบตกลงไปอย่างรวดเร็ว
“แต่ถ้าภายในสองชั่วโมงคุณหาไม่เจอถือว่าคุณแพ้”
“ได้ ถ้าผมแพ้ผมจะยอมทำตามที่คุณขอเหมือนกัน” เซียวฌอนไม่ชอบให้อื่นเอาเปรียบตัวเขา และเขาก็ไม่ชอบเอาเปรียบใครเหมือนกัน ในเมื่ออีกฝ่ายยื่นข้อเสนอมาให้เขา เขาก็ต้องยื่นข้อเสนอกลับ
หวังบรูคลิน “ดีล”
เซียวฌอน “ดีล”
สองสายตาจ้องมองกันอย่างไม่วางตา ราวกับว่าศึกครั้งนี้เป็นตัวตัดสินชีวิตว่าใครจะได้อยู่ต่อไป
บอกตามตรงว่านิโคลินรู้สึกไม่ดีเลยสักนิด เพราะทั้งสองคนต่างมีนิสัยไม่ยอมคนเหมือนกัน เกิดแพ้แล้วไม่ยอมรับผลลัพธ์ที่ได้คงได้มีการวางมวยกันจริง ๆ แน่นอน “เฮีย”
“เอาหน่านิค นาน ๆ ที่จะมีคนกล้าท้าทายมัน” จางอี้ชิงปลอบใจหญิงสาวที่เหมือนน้องสาวของตนให้ใจเย็นลง แบบนี้สิการทำงานถึงจะสนุกมากยิ่งขึ้น
1 ชั่วโมง 55 นาที ต่อมา
“เหลือเวลาอีกห้านาที” หวังบรูคลินตะโกนบอกเซียวฌอนที่เดินเป็นหนูติดจั่น
“รู้แล้วหน่า จะย้ำอะไรหนักหนา!” เซียวฌอนตะโกนบอกกลับไปด้วยความหงุดหงิด ผู้ชายคนนี้ต้องการปั่นประสาทเขารึไงกัน! พูดย้ำเวลาอยู่ได้!
“มึงจะไม่บอกน้องมึงหน่อยเหรอวะ ว่าเราเจอศพแล้ว” ลู่จินถามจางอี้ชิง เขาเห็นสภาพที่หงุดหงิดของเซียวฌอนตอนนี้เขารู้สึกสงสารอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก
“ก้มหน้าก้มตาหาจริงจังมากเลยนะ ลิษเหนื่อยแทน” ลิษาเองก็เอ่ยความคิดของตน มันก็สมน้ำสมเนื้อกับทางสองฝ่าย แต่การที่ไอ้เพื่อนตัวดีของเธอกลั่นแกล้ง (?) อีกฝ่าย มันดูจะมากเกินไปหน่อย
“ปล่อยมันไป คนอย่างฌอนต้องมีคนมากำราบบ้าง ที่นี่ไม่ใช่เมกาฌอนจะทำตัวแบบนี้ไม่ได้” แม้ว่าจางอี้ชิงจะไม่เห็นด้วยมากเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่คิดจะห้ามหวังบรูคลิน เพราะน้องชายของเขานั้นดื้อยิ่งกว่าใคร มีคนที่พอจะต่อล้อได้เขาก็ยิ่งสนับสนุนอีกฝ่าย
“ที่ลาออกมาก็เพราะแบบนี้รึเปล่าเฮีย?” เควินเอ่ยถามขึ้น
จางอี้ชิงพยักหน้า “อืม ฌอนเก่งจริงแต่ก็เรื่องมากด้วย คู่หูของฌอนแต่ละคนเลยทนไม่ค่อยได้กัน เจ้าหน้าที่มาใหม่ทำงานได้ไม่ถึงสามเดือนก็เพราะฌอน”
“แสบใช่ย่อยเลยสินะ” ลู่จินเอ่ยขึ้น
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 30
Comments