“เฮ้อ นี่ตราของผมเชื่อรึยัง” เซียวฌอนใช้มือที่อีกข้างล้วงหยิบตราประจำตำแหน่งออกมา
“ฌอน เซียว เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานระดับ 3?” หวังบรูคลินหลุดหัวเราะออกมา “ปลอมได้เนียนดีนะครับคุณ”
ไอ้ผู้ชายคนนี้มันจะอะไรกันหนักหนา! เฮ้อ ตั้งแต่เจอผู้ชายคนนี้เซียวฌอนไม่รู้ว่าตัวเขาถอนหายใจออกไปกี่ครั้งแล้ว อย่าให้รู้นะว่าเป็นเจ้าหน้าที่อะไร ระดับไหน ใช้เงินซื้อตำแหน่งรึเปล่า ทำไมโง่แบบนี้!
หวังบรูคลินหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมากดโทรหาจางอี้ชิงทันที “ฮัลโหลเฮีย เจอผู้เสียชีวิตป่าทางตอนใต้ประมาณสามกิโล แล้วก็เจอแมวของเฮียด้วย เดินมาได้ไงก็ไม่รู้ไม่กลัวเป็นลมรึไง ครับ รีบมาล่ะ” หวังบรูคลินกดวางสาย ก่อนจะหันไปสบตาของเซียวฌอนที่ตอนนี้ทำหน้าตกใจเป็นอย่างมาก
“คุณรู้ว่าผมเป็นใคร?” เซียวฌอนถามขึ้นด้วยความสงสัย
“อืม”
“รู้แล้วทำแบบนี้ทำไมไอ้บ้า!” เซียวฌอนใช้มือฟาดไปที่แขนของหวังบรูคลินทันทีอย่างโมโห
แต่หวังบรูคลินสามารถหลบได้ทัน “ทดสอบเจ้าหน้าที่คนใหม่ไง ว่าจะเก่งจริงสมคำเล่าลือกันมารึเปล่า แต่ดูทรงแล้วก็งั้น ๆ”
“ไอ้!” เซียวฌอนชี้หน้าหวังบรูคลินด้วยความโกรธ
หลังจากนั้นไม่นานจางอี้ชิงก็นำทีมเจ้าหน้าที่ตรงมายังบริเวณที่หวังบรูคลินและเซียวฌอนยืนอยู่
“ไขกุญแจให้ผมได้รึยังคุณบรูคลิน” เซียวฌอนยกมือที่โดนหวังบรูคลินใส่กุญแจมือยกขึ้นให้หวังบรูคลินดู พร้อมกับทำเสียงขู่
“...” หวังบรูคลินนิ่ง เขามองไปที่เซียวฌอนด้วยสายตานิ่ง ๆ คำพูดของเซียวฌอนเหมือนแมวขู่จัง หวังบรูคลินคิดในใจ
จางอี้ชิง “บรูค”
หวังบรูคลินรีบสะบัดไล่ความคิดแปลก ๆ ของตัวเองออกไป “ว่าไงเฮีย”
“ไขกุญแจมือก่อนไหม?” จางอี้ชิงชี้ไปที่มือที่โดนสวมกุญแจมือของเซียวฌอน
“โทษทีเฮีย ผมลืม” หวังบรูคลินเอ่ยขอโทษ
“ลืมนานไปนะคุณ” หวังบรูคลินก่อนจะไขกุญแจมือออกให้เซียวฌอน เมื่อเป็นข้อมือเป็นอิสระเซียวฌอนก็ทำเสียงฟึดฟัดอย่างไม่สบอารมณ์
ลืม?
พูดมาได้อย่างไง
เฮงซวย!
“หึ” หวังบรูคลินส่งเสียงในลำคอ ท่าทางของเซียวฌอนคงเป็นเด็กที่โดนเอาใจมาตั้งแต่เด็ก โดนอะไรที่ทำให้ไม่พอใจก็ฟึดฟัดเหมือนเด็ก
“กูไม่คิดว่ามึงจะเอามาทำงานด้วย ถ้าโซเฟียรู้กรี๊ดแตกแน่” ลู่จินก็ประหลาดใจเหมือนกันไม่คิดว่าคนที่พวกเขาได้พูดถึงในกลุ่มแชตไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะโดนลากมาทำงานจริง ๆ ด้วย
“ไม่อยากเสียคนฝีมือดีไป” จางอี้ชิงยักไหล่
“ก็เลยจับน้องเซ็นสัญญาหลังจากเจอหน้ากันไม่ถึงห้านาทีแบบนี้เหรอไอ้เฮีย!” เซียวฌอนกำลังจะปรี๊ดแตกอีกรอบ
“ข้าวก็ยังไม่กิน! หิวก็หิว! แล้วนี่อะไรกันทำงานกันช้ามาก! ทำงานไม่เรียบร้อย! ไม่ตรวจดูให้ดี ๆ ! เจ้าหน้าที่มีตั้งหลายสิบนาย ทำไมถึงไม่กระจายกันค้นหาให้ทั่ว! หลังจากได้รับแจ้งผ่านมาสองชั่วโมง การค้นหายังย่ำอยู่กับที่! ถ้าผมเป็นคนร้ายแล้วมาเจอศพแบบนี้....” เซียวฌอนพูดเบาลง ก่อนจะพูดเสียงดังอีกครั้งว่า “ไม่ได้เรื่อง!” เป็นการทิ้งท้ายประโยค
เมื่อได้ระบายอารมณ์เซียวฌอนก็พ่นหายใจคล้ายกับคนโล่งอก
เหล่าเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการอยู่แถวนั้นชะงักนิ่งด้วยความงง พวกเขาไม่เคยเจอใครที่ตำหนิการทำงานของพวกเขาแบบแร็ปเปอร์แบบนี้มาก่อน มาถึงก็ใส่ ๆ เอา หาช่องไฟเถียงไม่ทันเลยทีเดียว
จางอี้ชิงเอ่ยเรียกนิโคลินเบา ๆ” นิค”
“ค่ะ ฌอนไปกับกู” นิโคลินพยักหน้าอย่างเข้าใจโดยไม่ต้องให้จางอี้ชิงเอ่ยบอกอะไร ก่อนจะจับแขนของเซียวฌอนแล้วลากตัวเพื่อนสนิทให้เดินตามเธอมาทันที
“ไปไหน!?” เซียวฌอนที่โดนเพื่อนสนิทลากไปก็ถามขึ้นอย่างงงงวย “มึงจะให้กูทำงานไม่ใช่รึไง กูจะทำแล้วจะพากูไปอีก”
“ไปหาไรแดกไง ไปมึง”
“ไม่ไป” เซียวฌอนสะบัดมือออกจากการจับกุมของนิโคลิน
“เซียวฌอน” นิโคลินกดเสียงต่ำ เซียวฌอนจิปากเมื่อโดนขัดใจ แต่เขาก็เดินตามคนเป็นเพื่อนไปอยู่ดี
“เออ...” ลู่จินจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาดันพูดไม่ออก แล้วก็ลืมไปเลยว่าเขาจะพูดอะไร
“ขอโทษแทนน้องกูด้วย ฌอนมันก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าทำงานแล้วไม่ได้กินอะไรมันจะเหวี่ยง ทำงานช้าก็เหวี่ยง ทำงานไม่ได้เรื่องก็เหวี่ยง แต่ฝีมือมันดีนะ” จางอี้ชิงเอ่ยขอโทษผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง แม้ในประโยคนั้นเขาจะเผลอระบายออกไปด้วยก็ตาม แต่ก็จบประโยคด้วยดี
มั้งนะ?
“เพิ่งเคยโดนด่าแล้วเถียงไม่ทัน ใส่เอา ๆ เลย” เควินพูดอย่างตื่นเต้น ส่วนใหญ่พวกเจ้าหน้าที่แบบพวกเขาถ้าเพิ่งมาใหม่มักจะไม่กล้ามีเรื่องกับพวกรุ่นพี่หรอก จะกล้าเถียงหรือกล้าขัดก็ต้องทำงานอย่างน้อยสองถึงสามปี แต่นี่เพียงแค่ชั่วโมงแรกเท่านั้นก็ต่อว่าพวกเขาเลยเต็ม ๆ
“เพิ่งผ่านไปสองชั่วโมงคือช้าแล้วเหรอวะ?” ลู่จินถามด้วยความสงสัย พื้นที่เกิดเหตุวงกว้างแบบนี้ พวกเขาออกสำรวจแล้วตรวจพบเจออะไรมากมายแบบนี้ แต่ก็ยังช้าอยู่อีกเหรอ?
“ไอ้บรูคหน้าเป็นตีนเลย” ลิษาหันไปมองหวังบรูคลินหน้าหงิก คิ้วขมวดจนแทบจะชิดกัน “เป็นไรมึง?”
“ช้า...” หวังบรูคลินพึมพำออกมา ก่อนจะเดินออกไปทันที สร้างความงงงวยให้คนที่เหลือทันที
“อ้าว บรูคไปไหน ไอ้บรูค!” ลู่จินเอ่ยเรียกรุ่นน้องขึ้น คิดจะไปก็ไปแบบนี้มันได้รึไงกัน!
“เตรียมปวดหัวคูณสองได้เลย” เควินถอนหายใจอย่างรู้อนาคต คนหนึ่งก็ด่าพวกเขาไม่ยั้ง ส่วนอีกคนก็พูดอะไรจับใจความไม่ได้ว่าเหมือนถึงอะไร แต่ความรู้สึกที่ออกมาคือด่าพวกเขาแน่ ๆ
สวรรค์!! ส่งคนปกติมาไม่ได้รึไงกัน!
จางอี้ชิง “ฌอนกับบรูคน่าจะโมโหเรื่องเดียวกัน”
ลิษา “เรื่องไรเฮีย?”
จางอี้ชิง “ศพอยู่ห่างมาแค่สามกิโลทำไมไม่มีใครเจอ ทั้ง ๆ ที่กระจายกำลังกันหาแล้ว แถมกลับมารายงานด้วยว่าไม่เจอ”
“อืม...นะ” ลู่จินพยายามจะหาเหตุผล แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ระยะทางแค่สามกิโลเมตรไม่พอ แถมพื้นที่ตรงนี้เจ้าหน้าที่ก็ได้สำรวจไปแล้วด้วย แต่กลับมารายงานว่าไม่เจออะไรเลยจริง ๆ
เป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำผิดพลาดเอง ไม่แปลกที่โกรธ
ในอีกทางหนึ่งนิโคลินก็ยังคงจับแขนเซียวฌอนลากไปไม่ยอมปล่อย ราวกับว่าหากตัวปล่อยอีกฝ่ายไป อีกฝ่ายได้ดิ้นหนีไปแน่
“ปล่อยกูได้ยัง เดินมาไกลแล้วนะ” เซียวฌอนพูดเสียงอ่อนลง เดินมาตั้งไกลแล้ว แต่เพื่อนสนิทก็ไม่ยอมปล่อยเขาเสียที
“เอ่อ!” นิโคลินปล่อยมือที่จับเซียวฌอนออก “คิดว่ากูอยากจับมึงมากรึไง”
“ชิ” รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนพูดประชด แต่เซียวฌอนก็ไม่ค่อยพอใจอยู่ดี
“ฌอน”
“อะไร?” เซียวฌอนหวาดระแวงเมื่อเห็นสายตาเชิงกดดันของนิโคลิน
“มึงโวยวายแบบนั้นไม่ถูกนะ ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลย” นิโคลินตำหนิเพื่อนที่มีนิสัยเอาแต่ใจ เพื่อนของเธอก็เป็นแบบนี้แหละอารมณ์ไม่ค่อยคงที่เท่าไหร่ เธอและจางอี้ชิงนั้นชินกับเซียวฌอนแล้ว แต่คนอื่นที่ไม่ชินอาจจะมองเซียวฌอนไม่ดีได้ ที่ทำงานที่เดิมของเซียวฌอนกับที่นี่ไม่เหมือนกัน เธอเกรงว่านิสัยสุดโต่งของเพื่อนจะทำให้ชีวิตของเจ้าตัวลำบากเอง
“กูหล่อ ไม่น่ารักสักหน่อย” เซียวฌอนพูดอย่างไม่รู้สึกร้อนหนาว เขารู้ว่าเพื่อนของเขากังวลอะไร แต่ตัวเขายังไม่กังวลเลย นิโคลินมักจะกังวลแทนเขาทำไมกัน
“ยังจะเล่นอีกนะ” นิโคลินเรียก
“เอ่อรู้แล้วหน่า” เซียวฌอนเอ่ยเข้าใจเพื่อตัดรำคาญ ไม่งั้นอีกฝ่ายคงบ่นเขาไม่หยุดแน่นอน
“คนที่นี่เพิ่งเจอมึง เขายังไม่รู้ว่าการทำงานของมึงเป็นอย่างไง เพราะฉะนั้นมึงจะมาโทษว่าเขาทำงานช้าไม่ถูก เครื่องบินตกพื้นที่เกิดเหตุมันกว้าง มึงก็ต้องเขาใจจุดนี้ด้วย” นิโคลินพยายามอธิบาย
เซียวฌอนเปลี่ยนท่าทางเป็นจริงจังทันที “กระจายกำลังหาผู้รอดชีวิตห้ากิโลจากที่เกิดเหตุ รายงานไปที่ศูนย์แล้วไม่ใช่รึไงว่าไม่เจออะไร แล้วศพนั่นคืออะไรนิคแค่ระยะสามกิโลทำไมถึงหาไม่เจอ แถมยังนอนตายเด่นขนาดนั้น ถ้าหาดี ๆ ก็เจอแล้วไหม?”
เซียวฌอนจะไม่โมโหเลยหากเจ้าหน้าที่ที่มาสำรวจก่อนหน้าแล้วรายงานกลับที่ศูนย์ว่าไม่พบเจออะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ร่างของผู้เสียชีวิตก็นอนเด่นหราขนาดนั้น หากดูให้ดีอย่างละเอียดก็คงเห็นได้ชัดเจน แต่นี่เหมือนกับว่าพวกเจ้าหน้าที่สำรวจกันแบบขอไปทีเท่านั้น
“ตาคนไม่ใช่ตาเหยี่ยว มันก็มีข้อผิดพลาดกันได้นะคุณ” หวังบรูคลินที่เดินตามมาได้ยินประโยคที่เซียวฌอนพูดก็เกินอารมณ์เสียขึ้นเล็กน้อย
“หึ ตามมาแก้ตัวให้ลูกน้องของคุณรึไงกัน” เซียวฌอนแขวะเข้าให้
“ฌอน” นิโคลินพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับเพื่อนของเธอ
“ผมไม่ได้ตามมาแก้ตัวให้ใคร” หวังบรูคลินเอ่ยไปตามความจริง เพราะเรื่องที่อีกฝ่ายพูดก็เป็นเรื่องจริง แม้อารมณ์ของผู้พูดจะทำให้เขาไม่พอใจก็ตาม
“หึ แล้วตามมาทำไม?” เซียวฌอนกอดอกพูดโดยไม่มองหวังบรูคลิน
“เอาไป” หวังบรูคลินยื่นถุงขนมปังกับนมให้เซียวฌอน
“อะไร?” เซียวฌอนมองของที่หวังบรูคลินยื่นมาให้ด้วยความไม่เข้าใจ
“ตาคุณก็มีไม่รู้รึไงว่ามันคืออะไร”
“ไอ้!” เมื่อโดนว่าเซียวฌอนก็โมโหทันที
“มึงไม่เอา?” นิโคลินมองเพื่อนที่พยายามข่มอารมณ์โกรธของตัวเองอยู่ สงสัยเซียวฌอนคงได้เพิ่มหวังบรูคลินลงในบัญชีดำเรียบร้อยแล้วแหละอาการแบบนี้
นิโคลินยื่นมือไปรับถุงของขนมปังจากหวังบรูคลินแทนเซียวฌอน “ขอบคุณนะบรูคที่เอานมกับขนมปังมาให้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรำคาญคนบ้าแถวนี้ พูดมาก น่ารำคาญ มีอะไรยัดปากจะได้หยุดพูดสักที”
“ไอ้-อื้ออ” ว่าแล้วหวังบรูคลินก็หยิบขนมปังมาแกะซองออกแล้วยัดเข้าไปปากเซียวฌอนทันที “กินซะ จะได้หยุดบ้า”
“อื้ออ” เซียวฌอนส่งเสียงอู้อี้ โกรธก็โกรธ อยากจะด่ามากแต่ในปากของเขาก็มีขนมปังก้อนใหญ่ยัดอยู่ ส่วนอีกฝ่ายยัดขนมปังใส่ปากของเขาเสร็จก็เดินหนีกันไปเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า” นิโคลินยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะอย่างชอบใจ
เซียวฌอนหยิบขนมปังออกพร้อมกับตะโกนตามหลังหวังบรูคลินอย่างเดือดดาล “ไอ้บ้า! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” นิโคลินยังคงไม่หยุดขำ ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้เซียวฌอนมากขึ้นไปอีก
“นิคหยุดขำ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า กูชอบว่ะ”
“นิคโคลิน” เซียวฌอนส่งสายตากดดันไปให้เพื่อนที่สนิทที่ขำเขาไม่หยุด มันตลกมากรึไงกัน!
“เค ๆ” นิโคลินเห็นท่าทางไม่พอใจของเพื่อนก็พยายามที่จะหยุดหัวเราะ แต่เธอก็ยังคงแอบขำอยู่ดี
“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ลูกหมา” เซียวฌอนกำหมัดแน่นด้วยความแค้นใจ เขาต้องเอาคืนอีกฝ่ายแน่คอยดู!
“นาน ๆ ที่จะมีคนกล้าปะทะฝีปากมึง กูล่ะอย่างชอบเลย”
“มึงเพื่อนกูจริงปะเนี่ย”
“ก็เพื่อนมึงนั่นแหละ แดก ๆ เข้าไปจะได้หายโมโหหิวจะได้ไปทำงานต่อ แล้วเดี๋ยวตอนเย็นพาไปกินหม้อไฟ” นิโคลินหยิบขนมปังใส่ปากให้เซียวฌอน โดนไม่วายวางข้อเสนอพิเศษให้เซียวฌอนลงไปด้วย
“จริงนะ” เซียวฌอนดูอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย
“อืม”
“ดีใจ คิดถึงหม้อไฟ น้ำซุปร้อน ๆ เผ็ด ๆ ฟิน...” เซียวฌอนทำหน้าหลงใหลยามเมื่อนึกถึงหม้อไฟที่ตนเองรัก แค่นึกถึงกลิ่นก็ลอยมา รสชาติก็ตามมา อยากกิน อยากกิน อยากกินจริง ๆ
“แต่ระหว่างนี้ต้องทำตัวดี ๆ รีบกินเร็วจะได้รีบทำงานให้เสร็จแล้วไปกินหม้อไฟกัน”
“รู้แล้วหน่า” เซียวฌอนมองขนมปังในมือยังคงกรุ่นด้วยความโมโห แต่เขาก็ตัดสินใจหยิบขึ้นมากิน โกรธนะ แต่หิว ช่วยไม่ได้เอง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 30
Comments