ก็รู้อยู่ว่าโรงแรมเขามีชื่อเสียงโด่งดัง วาดภาพความใหญ่โตไว้ประมาณหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะต้องมาอึ้งขนาดนี้...
ผมกำลังตื่นตาตื่นใจกับความใหญ่โตของตึกหลายสิบชั้น พื้นที่ภายในกว้างขวาง ให้บริการลูกค้าทั้งไทยและเทศ(ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว แขกบ้านแขกเมือง) ส่วนคนไทยชอบเข้ามาใช้บริการทางด้านอื่นๆมากกว่า
พี่เผ่าบอกว่าที่นี่มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด ลูกค้าแทบไม่ต้องออกไปตะเวนเที่ยวที่ไหนให้เหนื่อย มาที่นี่ครบจบพักผ่อนได้อย่างสบายใจ
เขาพาผมทัวร์โรงแรมด้วยตัวเองเลยครับ ภูมิใจนำเสนอสุดๆ ผู้จัดการเอย พนักงานเอย เดินตามกันเป็นขบวน ไม่เป็นอันทำอะไรเพราะต่างก็สงสัยใคร่รู้ว่าคนที่เดินอยู่ข้างเจ้านายคือใคร
เมื่อพอใจแล้วก็พาผมขึ้นมายังชั้นบนสุดซึ่งเป็นห้องของผู้บริหาร ภายในห้องทำงานตกแต่งหรูหราเชียวล่ะครับ โต๊ะทำงานตัวใหญ่ มีคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ เก้าอี้เองก็ดูท่าว่าจะซัพพอร์ตหลังอย่างดี ชุดโซฟารับแขกเป็นหนังแท้ พนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใสทั้งหมดสามารถมายืนชมวิวพักผ่อนสายตาได้
"เป็นไง ชอบไหม" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามหลังจากปล่อยให้ผมเดินสำรวจจนทั่ว
"ดีมากเลยครับ"
อารมณ์เหมือนห้องทำงานที่ฉันใฝ่ฝัน!
"แบบนี้น่าจะมาได้ทุกวัน"
"หืม? อะไรทุกวันนะครับ"
"ก็..."
"อย่าบอกนะว่าจะให้ผมมาด้วยตลอดน่ะ"
"ไม่ดีเหรอ เธอควรเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง"
พอจดจ่อกับงานเราจะลืมสิ่งรอบข้างไปชั่วขณะ ฉะนั้นสำหรับผมไม่ว่านั่งทำงานอยู่ที่ไหนก็มีค่าเท่ากัน
แต่ช้าแต่! คิดแบบนั้นมันออกจะขวางโลกไปหน่อยใช่ไหมล่ะ อีกอย่างคุณแฟนเองก็หวังดีขนาดนี้ถ้าปฏิเสธเขาคงเสียใจแย่
"เอางั้นก็ได้ แต่ผมอยากให้มีทีวีตั้งตรงนี้สักหน่อย" อันนี้ผมลองเอาแต่ใจดูอยากรู้จังว่าเขาจะตามใจไหม
"เดี๋ยวให้คนมาติดตอนนี้เลย" ตอบแบบไม่คิดเลยครับท่าน แถมยังเรียกเลขาที่นั่งประจำอยู่หน้าห้องให้เข้ามา จากนั้นก็สั่งให้เธอไปจัดการซื้อทีวีพร้อมกับเรียกช่างมาติดตั้งให้เร็วที่สุด
โอเค... ผมว่าถ้าผมขอมากกว่านี้เขาก็หามาให้ได้เดี๋ยวนั้น เลยเลี่ยงไปนั่งที่โซฟาทำตัวสงบเสงี่ยม มาไม่ทันไรหางานให้คุณเลขาเสียแล้ว
ขอโทษด้วยนะครับพอดีผมติดทีวี...
"อยากได้อะไรอีกไหม ปกติก็ไม่เคยขออะไรอยู่แล้วนี่นะ" พูดพลางเดินมานั่งข้างกัน ผมยิ้มแห้ง ยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเป็นการขอบคุณ
พอเห็นว่าผมมีทีท่าแปลกๆ เขาจึงหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ย้ำว่าดังลั่น! เพราะทำผมถึงกับสะดุ้งตกใจ ใบหน้าหล่อเหลามองมาที่ผมอย่างขบขันแบบปิดไม่มิด
"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันให้ได้หมดนั้นแหละ"
ครับพ่อรูปหล่อสายเปย์ ผมชอบเงินมากใช่ไหม(เคยพูดไปหลายครั้งแล้ว) ถึงอย่างนั้นจะมานั่งขอให้คนอื่นซื้อของให้มันก็ไม่ใช่นิสัย ...แต่ลืมไปไงว่าเขาเป็นพ่อบุญทุ่ม ขออะไรก็ให้
"คุณให้เงินผมอยู่ทุกวันแล้วน่า เมื่อกี๊แค่พูดเล่นอยากรู้ว่าคุณจะทำยังไง เฮ้อ~ กลายเป็นหางานให้คนอื่นซะงั้น"
"คิดไรมาก งานของพวกเขาอยู่แล้ว"
คนตัวใหญ่กว่าหอมขมับพร้อมกอดปลอบ สักพักคุณผู้ช่วย(มารู้ทีหลัง)เปิดประตูเข้ามา สิ่งแรกที่ทำคือการจับจ้องมายังผมอย่างเสียมารยาทจนพี่เผ่าต้องบอกเสียงดุว่าถ้าไม่เลิกจ้องจะลุกไปควักลูกตาทิ้ง
"ขออภัยด้วยครับ" เขาโค้งหัวเล็กน้อย
พี่เผ่าหอมแก้มแล้วบอกให้ผมตามสบายก่อนจะลุกไปคุยงานกับคุณผู้ช่วยที่โต๊ะทำงาน ผมเองก็ทำบ้างดีกว่า เลื่อนตัวลงบนพื้นพรม เปิดกระเป๋าหยิบเอาแล็ปท็อปขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ
งานแปลส่วนใหญ่ที่รับและสามารถทำเสร็จเร็วจะอยู่ในจำพวกแปลบทละครซีรีส์ แปลเอกสาร ใช้เวลาหน่อยก็พวกเรื่องสั้น นิยายเรื่องยาว สารคดี และยิ่งพวกที่ต้องตีความต้องเรียบเรียงคำให้สละสลวยนะยิ่งยาก
ถามว่ารับไหม... รับหมดครับ
ยิ่งยากยิ่งได้เงินดี ผมไม่ได้เพิ่งมาทำงานสายนี้เสียหน่อย เห็นก๊องแก๊งแบบนี้ทำมาแปดปีแล้ว อังกฤษ เกาหลี จีน สามภาษาเชียวที่ผมทำ เป็นไงล่ะ เห็นความเก่งกาจของผมหรือยัง
"พร้อม..."
เริ่มทำตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาปีหนึ่งนู้น เแปลจากอะไรง่ายๆ ไหนจะมีพ่อเป็นครูสอนภาษาอีก มีแม่เป็นหมอฟัน(อันนี้อยากอวดเฉยๆ) พูดแล้วก็คิดถึงพวกท่าน ถ้าตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ก็คงเป็นคนที่เก่งน่าดู
"พร้อมรัก!"
"หะ หืม?"
"เป็นอะไร เรียกตั้งนานไม่ตอบ"
เห็นไหมล่ะ! มัวแต่ชวนผมคุย
ยิ้มให้คุณแฟนที่ถึงกับเดินมาเรียกสติ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย คงกลัวว่าผมจะคิดมาก เหอะ! คนอย่างพร้อมรักเนี้ยนะคิดมาก ไม่มีทาง!
"เผลอคิดเรื่องงานน่ะครับ พี่นั่นแหละมีอะไรเรียกผมทำไม"
มือหนาลูบหัวพลางก้มลงมาหอม คุณผู้ช่วยออกจากห้องไปแล้วจึงเหลือแค่ผมกับเขา
"วันนี้อาจจะต้องกลับดึกหน่อย ตอนบ่ายฉันต้องเข้าโรงงาน เย็นจะพาไปทานข้าวที่บ้าน เธอโทรบอกเพียงรักไว้เลยจะได้ไม่ต้องรอ"
"อ่า... ครับ"
ตอนนั้นมันอึนๆด้วยครับ โทรบอกน้องเสร็จก็นั่งทำงานต่อ เขากระเตงไปไหนก็ไปด้วย รู้ตัวอีกทีผมก็มานั่งอยู่ในห้องอาหารของครอบครัวทวีโรจน์ศิริกุลแห่งนี้เป็นที่เรียบร้อย ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาไม่ว่าจะเป็นท่านเจ้าสัวบำรุง คุณหญิงพวงทอง ลูกสาวอย่างพวงแก้ว และลูกชายคนเล็กอย่างเผ่าเพลิง
"ทุกคนครับ นี่คือพร้อมรักคนรักของผม"
พี่เผ่าเอ่ยแนะนำผมท่ามกลางความเงียบ ถูกสายตาสี่คู่จับจ้องเสียจนขนลุก ตื่นเต้น ประหม่า บ้าบอกับสถานการณ์ตอนนี้มาก มันเกร็งจนปากสั่น มือไม้ยกขึ้นมาไหว้อย่างเก่ๆกังๆ
"สะ ส.. สวัสดีครับ"
ทุกคนยังคงนิ่งเงียบ มองผมอย่างพิจารณา ไม่รู้จะทำยังไงจึงหันหาตัวช่วยที่นั่งอยู่ข้างกัน พี่เผ่าลูบหัวผมพลางจ้องทุกคนกลับไป
"เลิกแกล้งเขากันได้แล้ว"
สิ้นเสียงดุทุกคนต่างก็พากันถอนหายใจก่อนจะส่งยิ้มมาให้ ผมที่งงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่
"อีกนิดเดียวจะร้องไห้แล้วแท้ๆ พี่เพชรไม่น่าขัดเลย" คุณพวงแก้วเอ่ย เธอทำหน้าเสียดายยกใหญ่
"นั่นสิ ถ้าพี่เขาร้องไห้ผมได้เงินพนันจากพ่อแล้วเนี่ย" คนน้องอย่างเผ่าเพลิงก็อีกคน
แสดงว่าทุกคนรวมหัวกันแกล้งเพื่อที่จะให้ผมร้องไห้สินะ อ่า... ก็เกือบแล้วล่ะ พี่เผ่าช่วยเอาไว้ก่อนฉะนั้นเลยรอดตัวไป
"ดูๆ ทำหน้างงใหญ่แล้ว" คุณหญิงพวงทองหัวเราะชอบใจ "สวัสดีจ้ะพร้อมรัก เธอเป็นคนแรกเลยนะที่ตาเพชรพาเข้าบ้าน พวกเราเลยตื่นเต้นกันยกใหญ่ คิดว่าจะทำยังไงให้เธอประทับใจดี"
ก็เลยแกล้งให้ร้องไห้เนี่ยนะ?
ประหลาดดีแท้
จะว่าไปคนบ้านนี้เขาเรียกพี่เผ่าว่าเพชรใช่ไหม ทำไมผมถึงได้เรียกเขาว่าเผ่าคนเดียวล่ะ สงวนไว้ให้คนในครอบครัวเรียกล่ะมั้ง
"เอาเถอะๆ ทานก่อนแล้วค่อยคุยกันดีกว่า พร้อมรักคงหิวแย่แล้ว" คุณหญิงว่า ทุกคนจึงเริ่มลงมือทานอาหาร มีแค่ผมคนเดียวที่ยังคงนั่งนิ่งมึนงง ในหัวมันตื้อๆอึนๆ มองคนนั้นทีคนนี้ที
พี่เผ่าตักอาหารให้ ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มเล็กน้อย ผมเลยปล่อยตัวตามสบาย นั่งกินไปหูก็ฟังท่านเจ้าสัวคุยเรื่องงานกับลูกชาย และแอบสังเกตคนอื่นบ้าง
กระทั่งย้ายจากห้องอาหารมายังห้องนั่งเล่น แม่บ้านเสิร์ฟผลไม้ ผมที่อิ่มแปล้ได้แต่นั่งมอง ยัดลงท้องต่อไม่ไหวแล้วครับ
"เอาไหม" เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางตั้งท่าจะหยิบใส่จานให้ ผมรีบส่ายหน้า เขาน่าจะรู้นะเพราะเอาแต่ตักนั่นตักนี่ใส่จานซึ่งผมก็กินทุกอย่างที่เขาตักมา
"ไม่ต้องเกรงใจนะคะน้องพร้อม ทานได้ตามสบายเลย" คุณพวงแก้วเอ่ยบอก เธอคงคิดว่าผมไม่กล้าหยิบไปกิน
"เขาอิ่มแล้ว" พี่เผ่าตอบแทน
"ไม่ต้องกลัวนะพร้อมรัก เพชรเขาก็วางท่าไปอย่างนั้น จริงๆไม่ใช่คนดุอะไร" คุณหญิงบอก
"แต่ก็ไม่ใช่คนใจดี" เผ่าเพลิงว่าพลางทำหน้าตาสยอง
"ตอนเด็กเจ้าเพลิงโดนตาเพชรแกล้งจนร้องไห้เป็นว่าเล่นเลยล่ะ" คุณพวงแก้วหัวเราะสนุก "แล้วพร้อมมีพี่น้องไหมหรือว่าเป็นลูกคนเดียว"
"ผมมีน้องครับ ชื่อเพียงรัก กำลังจะเข้ามาหา'ลัยปีนี้"
"งั้นก็รุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าเพลิงน่ะสิ นี่ก็กำลังจะเข้ามหา'ลัยเหมือนกัน"
"อ่า... ครับ"
"ได้ยินว่าเป็นนักแปลหนิใช่ไหม" ท่านเจ้าสัวเอ่ยถาม ดูท่าว่าผมน่าจะต้องนั่งตอบคำถามต่างๆอีกนาน
"ครับ ทำมาแปดปีแล้ว"
"หืม? นานขนาดนั้นเชียว อายุเท่าไรล่ะเรา" เขาถามต่อ
"ยี่สิบหกครับ"
"โหหหห ทำตั้งแต่ตอนเรียนเลยเหรอ" คุณพวงแก้วทำหน้าตื่นเต้น
"เป็นนักแปลก็ต้องมีสกิลด้านภาษา"
ผมพยักหน้าให้กับคุณหญิง อย่างที่เล่าให้ฟังเมื่อครั้งที่แล้ว ครั้งนี้เลยยกมาเล่าให้ทุกคนฟังด้วย เล่ายาวไปจนถึงหน้าที่การงานของพ่อแม่และเล่าว่าพวกท่านเสียชีวิตยังไง ผมกับน้องใช้ชีวิตมายังไง ไม่งั้นก็เอาแต่ถามกันไม่เลิกรา
อ้อ! แล้วก็เรื่องที่ผมเจอกับพี่เผ่าได้ยังไงนั้น... พี่เผ่าเป็นคนเล่าเองว่าเจอกันโรงแรม โดยการจ้างให้มาแปลเอกสาร โกหกหน้าตายอย่างที่ผมก็ทำไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือการตามน้ำ เพราะถ้าบอกคงามจริง... มันออกจะน่าอายไปหน่อยสำหรับผม
ขอบคุณมากครับที่รัก
ขอบคุณมาก
การที่พี่เผ่าพาผมมามันก็ชัดเจนแล้วว่าเขาต้องการที่จะเปิดตัวผมให้กับคนในครอบครัวได้รับรู้ เหมือนข้ามไปอีกขั้นของความสัมพันธ์
ในส่วนของฐานะที่แตกต่างกันนั้นพวกเขาไม่เอามาเป็นปัญหา เชิงว่าลูกรักใครตัวเองก็รักด้วย แล้วก็ไม่ใช่ผู้ใหญ่รังแกเด็ก หัวโบราณที่ต้องขวางโลกไปเสียทุกอย่าง
"ไม่ค้างซะที่นี่เลยล่ะตาเพชร"
หลังจากพูดคุยทำความรู้จักกันพอหอมปากหอมคอ พี่เผ่าก็ขอตัวพาผมกลับ ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำ เวลาที่หน้าจอมือถือขึ้นบอกว่าอีกห้านาทีสองทุ่ม เราหยุดยืนอยู่หน้าประตูบ้านโดยมีคุณหญิงเดินตามมาส่ง เธอมองลูกชายสลับกับมองผม
"พร้อมห่วงน้องมากครับ เห็นทีจะค้างไม่ได้"
"เหรอ... งั้นก็เถอะ แต่อย่าลืมพามาที่นี่บ่อยๆนะ ลูกคงไม่ลืมใช่ไหมว่านี่ก็บ้านของลูกเหมือนกัน"
"ครับ"
รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างแม่ลูกมันแปลกๆยังไงไม่รู้ครับ พี่เผ่าดูไม่สนิทใจที่จะพูดคุยด้วยเท่าไรนัก ระหว่างอยู่ที่นี่สองคนนี้แทบไม่คุยอะไรกันเลย
"ไปกันเถอะ"
ผมรีบยกมือไหว้คุณหญิงก่อนเดินตามแรงดึงของคนตัวสูงมาที่รถ อยากถามนะแต่ไม่กล้าบวกกับเขานิ่งมาก
สุดท้ายเข้ามานั่งในรถเงียบๆ เขาเองก็ขับเงียบๆจนถึงบ้าน ต่างคนต่างอาบน้ำ และแยกกันเคลียร์งานของตัวเองตลอดคืน...
Tbc.
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 13
Comments