ณ ลานประลองกลางเมือง
"ผู้อาวุโสข้ามาสมัครประลองขอรับ" ร่างบางเอ่ยแก่ชายชราตรงหน้า
"เจ้ามีสำนักหรือไม่ "
"ไม่มีขอรับ ข้าเป็นผู้ฝึกตนพเนจร "เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายชราตรงหน้าก็หยิบกระดาษแผ่นนึงมาให้กรอกชื่อ
"ค่าสมัคร 10 เหรียญเงินพร้อม เขียนชื่อตรงนี้ แล้วตามเข้ามาเพื่อที่จะวัดระดับพลังว่าผ่านหรือไม่ "
"เสร็จแล้วขอรับ" เมื่อกล่าวจบเด็กน้อยก็หยิบเงินให้ชายชราจำนวน 10 เหรียญเงิน
"งั้นตามข้าเข้ามา" เมื่อกล่าวจบชายชราได้เดินนำร่างบางเข้าไปข้างใน เมื่อเข้ามาถึงก็ได้พบลูกแก้วสีดำลูกนึง
"เจ้าเอามือวางบนลูกแก้วแล้วถ่ายพลังเข้าไป เมื่อลูกแก้วขึ้นสีเขียวแปลว่าผ่าน "เมื่อกล่าวจบร่างบางได้วางมือบนลูกแก้วพร้อมถ่ายพลังเข้าไปทันทีแล้วลูกแก้วปรากฏแสงสีเขียวขึ้นเป็นอันจบขั้นตอน
"นี่ ป้ายหมายเลขของเจ้า อีก 2 วันให้เจ้ามาที่นี่ในยามเฉิน(7.00-8.59) ถ้าเจ้ามาไม่ทันถือว่าเจ้าสละสิทธิ์เข้าใจหรือไม่ "
"เข้าใจขอรับ "เมื่อกล่าวจบร่างบางได้รับป้ายหมายเลขแล้วเดินออกจากห้องทดสอบทันที
"โห เหตุใดคนถึงมากขนาดนี้ ขนาดข้ามาถึงก่อนวันงานประลองตั้ง 2 วันข้ายังได้หมายเลขที่ 2,002 ก่อนจะถึงวันประลองนี่คนจะขึ้นไปถึงขนาดไหน" เมื่อร่างบางกล่าวจบก็ได้ออกนอกเมือง ไปอยู่ที่ริมแม่น้ำพร้อมเรียกเรือนไผ่หยกออกมาแล้ววางไว้ที่ริมแม่น้ำ พร้อมกับฝึกฝนตนเอง
2 วันผ่านไป เมื่อถึงยามเหมา ( 05.00-6.59)ร่างบาง ได้ลืมตาตื่นแล้วเก็บเรือนไผ่หยก เข้ากำไลมิติพร้อมทั้งเดินไปอาบน้ำล้างหน้าที่แม่น้ำ เมื่อเสร็จทั้งหมดก็มุ่งตรงเข้าเมืองทันที เมื่อถึงลานประลองร่างบางได้นำป้ายหมายเลขให้กับผู้ดูแลดู เมื่อผู้ดูแลเห็นก็อนุญาตให้เข้าไปได้ เมื่อมาถึงข้างใน ร่างบางก็พบเห็นผู้คนจำนวนมากต่างนั่งกันอยู่ข้างล่าง ลานประลองแห่งนี้มีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นบนสุดเป็นของเหล่าราชวงศ์ ชั้นที่ 2 เป็นของตระกูลใหญ่และเหล่าสำนักใหญ่ ชั้นที่ 3 เป็นของขุนนางและสำนักขนาดกลาง ส่วนชั้นสุดท้ายที่ร่างบางยืนอยู่คือชั้นที่ 4 เป็นของคนทั่วไปและสำนักขนาดเล็ก เมื่อมาถึงร่างบางก็ได้ไปหาที่นั่งเพื่อรอเวลาประลอง เวลาผ่านไปไม่นานเหล่าราชวงศ์ของแคว้นก็มาถึง ผู้ที่มานั้นคือ ฮ่องเต้ฮองเฮา เหล่าองค์ชายองค์หญิง ได้ขึ้นไปที่ชั้นบนสุด ฮ่องเต้ได้เอ่ย เปิดงานประลองเล็กน้อยแล้วการประลองก็เริ่มขึ้น
"เอาล่ะได้เวลาแล้ว ก่อนเริ่มงานประลองมีกฎต้องแจ้งให้แก่พวกเจ้าทั้งหมดทราบทั้งหมด 3 ข้อ
ข้อที่ 1 ห้ามทำให้ผู้ประลองตาย ข้อที่ 2 ห้ามทำลายแหล่งพลังของการฝึกตน ข้อที่ 3 ห้ามเรียกสัตว์อสูรออกมาช่วยต่อสู้ พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่!!!!" ผู้เป็นกรรมการตะโกนถามเสียงดัง
"เข้าใจขอรับ/เจ้าค่ะ "ผู้ร่วมประลองทั้งหมดตะโกนตอบ
"การประลองครั้งนี้จะประลองทั้งหมด 3 วันวันแรกให้ประลองจนเหลือ 510 คนวันที่ 2 ประลองให้เหลือแค่ 10 คน ส่วน 10 คนสุดท้ายประลองในวันที่ 3 เพื่อตัดสินที่ 1 เข้าใจหรือไม่ แล้วสนามประลองแห่งนี้มีมิติพิเศษเชื่อมอยู่สามารถประลองได้พร้อมกันได้ 100 คู่ ถ้าเข้าใจแล้วเริ่มประลองได้ หมายเลขที่ 1 ถึงหมายเลขที่ 200 ลงสนามประลองได้" เมื่อร่างบางได้ยินเช่นนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตามองคู่แข่งของตนทั้งหมดว่าแต่ละคนมีวิชาอะไรบ้าง เมื่อมองไปได้สักพักเด็กน้อยได้สบตากับชายผู้หนึ่งบนชั้นที่ 2 ชายผู้นั้นก็คือบุตรชายคนที่ 2 ของแม่ทัพ ชายผู้นั้นมองลงมาที่ร่างบางด้วยแววตาที่เย่อหยิ่ง แล้วมองเหยียดทุกคนที่อยู่ชั้นล่าง ทำตัวสูงส่งราวกับตนเป็นเทพ
"หึ ท่านแม่ทัพช่างสั่งสอนบุตรได้ดีจริงๆ "ร่างบางเอ่ออย่างแค้นใจ เมื่อเวลาผ่านไปได้ครึ่งวันก็ถึงหมายเลขของร่างบาง
"หมายเลขที่ 2,001 ถึง 2,200ลงประลองได้"
เมื่อได้ยินดังนั้นร่างบางก็ได้พุ่งตรงไปที่ลานประลองทันที เมื่อมาถึงลานประลองร่างบางก็ได้เห็นคู่ต่อสู้ของตนเป็นชายร่างใหญ่ ที่มาจากสำนัก เทวะอสูร ที่เป็น1ใน 7 สำนักใหญ่ เมื่อฝั่งตรงข้ามเห็นร่างบางจึงยิ้มเยาะเย้ย
''คนงาม เจ้าบอบบางถึงเพียงนี้ยอมแพ้ไปเถิดข้าไม่อยากรังแกคนที่อ่อนแอกว่า" ชายร่างใหญ่กล่าวอย่างดูถูก เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างบางก็ได้โจมตีทันที ร่างบางสะบัดมือ 1 ทีปรากฏเข็มอากาศ 10 เล่มพุ่งตรงไปที่ชายร่างใหญ่ทันที ชายร่างใหญ่เห็นดังนั้นก็ยิ้มอย่างดูถูกแล้วยืนเฉยๆ ทันใดนั้น ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก เสียงบางอย่างทิ่มแทงเข้าที่เนื้อของชายร่างใหญ่ แล้วชายร่างใหญ่ก็ล้มลงหมดสติทันที ผู้คนที่ได้เห็นเช่นนั้นต่างก็เงียบไม่มีใครพูดสิ่งใดออกมา เนื่องด้วยไม่รู้ว่าร่างบางโจมตีตั้งแต่เมื่อไหร่
"เจ้าเห็นหรือไม่ว่า คนนั้นโจมตีเมื่อไหร่ "ชาวบ้านคนหนึ่งถาม
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันข้าก็ยืนอยู่ข้างๆเจ้า" ชาวบ้านอีกคนเอ่ยตอบ
ทางด้านเหล่าสำนักใหญ่เมื่อเห็นดังนั้นจึงแสดงท่าทีสนใจร่างบาง
"ท่านเจ้าสำนักท่านสนใจเด็กคนนั้นรึ "
"ใช่ข้าคิดว่าเขามีความสามารถดีถ้าได้เข้าพวกกับเราย่อมดีแน่" เจ้าสำนักใหญ่ท่านหนึ่งเอ่ยบอกกับผู้อาวุโสของสำนัก
"ถ้าเช่นนั้นเมื่อจบการประลองเราไปชวนเขาเข้าสำนักดีหรือไม่ "หนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถาม
"ยังก่อนรอดูก่อนว่าเขาจะเข้าไปถึงรอบ 10 คนสุดท้ายหรือไม่ "
"ขอรับท่านเจ้าสำนัก "เหล่าผู้อาวุโสเอ่ยตอบ
กลับมาที่ร่างบาง ที่ตอนนี้ยืนอยู่บนสนามประลองด้วยท่าที่สงบนิ่ง
"กรรมการท่านจะประกาศผลแพ้ชนะได้หรือยัง "เมื่อกรรมการได้ยินเช่นนั้นก็คืนสติ
"การประลองรอบนี้ผู้เข้าประลองหมายเลข 2,002 เป็นฝ่ายชนะ" เมื่อกล่าวจบร่างบางก็ได้ออกจากสนามประลองทันทีส่วนชายร่างใหญ่นั้นถูกหน่วยพยาบาลหามไปรักษา
เมื่อการประลองรอบแรกจบร่างบางก็ได้ออกจากรางประลองทันทีเพื่อไปหาอะไรกินแล้วกลับไปที่ริมแม่น้ำเดิม เพื่อพักผ่อน
ในวันที่ 2 ของงานประลอง
ผู้เข้าประลองนั้น บางตาเป็นอย่างมากด้วยผู้เข้าประลองนั้นเหลือเพียง 510 คนและส่วนใหญ่เป็นคนของสำนักใหญ่กับตระกูลใหญ่ ผู้ฝึกตนพเนจรนั้นมีเพียงแค่ 10 คนเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือร่างบาง
"การประลองในวันที่ 2 นั้น มีกฎพิเศษ 1 อย่างนั่นก็คือผู้เข้าร่วมประลองสามารถใช้อาวุธได้ และเพื่อเป็นการไม่ให้เสียเวลาการประลองรอบที่ 2 เริ่มได้!! "กรรมการตะโกนบอกเสียงดัง
"การประลองคู่แรกในวันนี้ หมายเลข 114 กับหมายเลข 216 ลงสนามประลองได้ ''เมื่อได้ยินหมายเลขของการประลองทั้ง 2 คนก็ขึ้นมายืนอยู่บนลานประลอง ฝ่ายที่ 1 คือบุตรชายของแม่ทัพส่วนฝ่ายที่ 2 เป็นบุตรชายของขุนนางใหญ่คนนึงเมื่อได้เห็นทั้งสองคนอยู่บนรางประลอง ร่างบางก็ได้จับตามองทันที
"หึ ไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าเร็วขนาดนี้นะ อู่หมิง" บุตรชายท่านแม่ทัพเอ่ยบอก
"ข้าก็ไม่คิดเช่นกันว่าจะเจอเจ้าในรอบนี้ หลี่จินกัง "อู่หมิง เอ่ยบอก
"ถ้าเช่นนั้นก็มาเริ่มกันเถอะ" เมื่อกล่าวจบ อู่หมิงก็ได้เรียกจิตวิญญาณของตนออกมา จิตวิญญาณของเขาเป็นกระบี่เล่มนึง แล้วพุ่งตรงเข้าไปหาหลี่จินกังทันที ทางด้านของหลี่จินกังนั้น ได้เรียกอาวุธออกมาเป็นกระบี่ระดับปลุกจิตเล่มนึง แล้วเข้าปะทะกัน เคร้ง เคร้ง เสียงกระบี่ปะทะกันแล้วทั้งสองนั้นเข้าปะทะกันอย่างสูสีฝ่ายหนึ่งรุกฝ่ายหนึ่งรับเป็นอย่างนั้นผ่านไปหนึ่งเค่อ ผลแพ้ชนะก็ออกมานั้นคือ หลี่จินกังเป็นฝ่ายชนะ อยากหวุดหวิด
"เจ้าเก่งขึ้นอีกแล้ว" ฝ่ายที่แพ้เอ่ยบอก ฝ่ายที่ชนะแค่หัวเราะหนึ่งทีแล้วเดินออกไป ร่างบางมองการประลองครั้งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายฝีมือไม่ธรรมดา
"เช่นนั้นมารอดูกันเถอะ ว่าเจ้ากับข้าใครจะเก่งกว่ากัน "ร่างบางกล่าวออกมาอย่างหมายมั่น เวลาผ่านไปได้ไม่นานก็ถึงตาร่างบางได้ประลองรอบที่ 2
"หมายเลข 2002 กับหมายเลข 1989 ลงสนามประลองได้" เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างบางก็ไปยืนอยู่บนลานประลองทันทีโดยที่ไม่มีใครมองทัน คู่ต่อสู้ของร่างบางในครั้งนี้นั้นเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสมส่วนดั่งชายชาตรีมีใบหน้าที่หล่อเหลา
"คุณชายข้าคงต้องเสียมารยาทกับท่านแล้ว" เมื่อกล่าวจบเขาก็ได้ เรียกกระบี่ออกมา พร้อมตั้งท่าาเข้าโจมตี เมื่อเห็นดังนั้นร่างบางก็ได้ เรียกกระบี่ออกมา
"คุณชายท่านเรียกกระบี่ออกมาผิดหรือเปล่า กระบี่ไผ่ไร้คมเช่นนั้นจะทำอันใดข้าได้" คุณชายท่านนั้นกล่าวยังสงสัย
"ทำได้หรือไม่ ก็ลองดูเองก็แล้วกัน" ร่างบางเอ่ยกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้นคุณชายท่านนั้นก็พุ่งกระบี่เข้ามาทันที ร่างบางเอนกายหลบอย่างพลิ้วไหวเหมือนตัวเองนั้นไร้ซึ่งกระดูก นี่คือเคล็ดวิชาประโยคแรกของกระบี่ไผ่หยก เมื่อผ่านไปได้สักพักร่างบางรู้สึกเบื่อหน่ายจึงตวัดกระบี่เข้าโจมตีทันที ฉึก ร่างบางได้แทงกระบี่เข้าที่หัวไหล่ของคุณชายท่านนั้นทันที อึก คุณชายท่านนั้นเสียหลักแล้วเอนกายหลบกระบี่ที่สอง ที่กำลังจะแทงซ้ำเข้ามาอย่างหวุดหวิด
"เป็นเช่นไรบ้าง ทำอันใดท่านได้หรือไม่ ''ร่างบางเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
"เป็นข้าที่เสียมารยาทกับท่าน เช่นนั้นขออภัยด้วย ถ้าเช่นนั้นข้าจะเอาจริงแล้วขอท่านโปรดเตรียมตัวรับมือ" เมื่อกล่าวจบรอบตัวของเขานั้นเริ่มมีอากาศที่บิดเบี้ยวแล้วปรากฏกระบี่นับร้อยเล่มขึ้นที่ข้างหลังเขา ตอนนี้เขานั้นได้ใช้จิตวิญญาณของตนแล้ว จิตวิญญาณของเขาก็คือหมื่นกระบี่สังหาร เมื่อร่างบางเห็นเช่นนั้น ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจัง เมื่อเห็นเช่นนั้นคุณชายเขาก็ได้บังคับกระบี่เข้าโจมตีทันที เคร้ง เคร้ง เคร้ง ร่างบางก็ได้ ตวัดกระบี่ในมือรับการโจมตีจากกระบี่ร้อยเล่มที่พุ่งมา อย่างไม่หยุดหย่อน ผ่านไปได้สักพักร่างบางก็ได้ เปลี่ยนกระบี่ในมือให้กายเป็นใบไผ่นับร้อยใบเข้ารับการโจมตีจากกระบี่ทั้งหมด ใบไผ่หยกนั้น ยิ่งถูกฟันเท่าไหร่ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากเท่านั้น จากตอนแรกมีแค่ร้อยใบตอนนี้มีนับพันใบแล้ว เมื่อร่างบางเห็นดังนั้นก็บังคับใบไผ่ทั้งหมดให้เป็นวงกลมรอบตัวตนแล้วพุ่งกระจายออกไปรอบด้านด้วยความรุนแรง แล้วหนึ่งในทั้งหมดนั้นก็พุ่งตรงไปที่คุณชายท่านนั้นทันที อึก คุณชายท่านนั้นกะอักเลือดออกมาด้วยความเจ็บที่หน้าอกจากการถูกใบไผ่โจมตี เมื่อเป็นเช่นนั้นกระบี่ทั้งหมดที่คุณชายเรียกออกมาก็หายไป เมื่อร่างบางเห็นเช่นนั้นก็ได้รวมใบไผ่ให้กลับคืนเป็นกระบี่ทันที
"เป็นเช่นไรบ้างท่านจะยอมหรือไม่ ''ร่างบางเอ่ยถามกับบุรุษตรงหน้า เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็ได้หัวเราะอย่างสมเพชตตนแล้วเอ่ยว่า
"ข้ายอมแพ้" เมื่อได้ยินเช่นนั้นกรรมการก็ประกาศว่าผู้ใดชนะ เมื่อได้ยินเช่นนั้นทั้งสองฝ่ายก็ได้ลงจากลานประลองแล้วกลับไปนั่งที่ของตน แท้จริงแล้วคุณชายท่านนั้น ก็เป็นคนที่มาจากตระกูลชาง 1 ใน 4 ตระกูลใหญ่ของแคว้น การประลองครึ่งวันเช้ารอบแรกผ่านไป ครึ่งวันบ่ายก็ได้ทำการประลองหาผู้ชนะเพียง 10 คนเพื่อที่จะไปประลองในวันพรุ่งนี้ ครึ่งวันบ่าย ร่างบางได้ประลองอีก 2 รอบ ผู้ที่มาประลองด้วยนั้น 1 เป็นตระกูลขุนนางใหญ่ แล้วอีก 1 เป็นคนจากสำนักใหญ่ ร่างบางก็เอาชนะมาได้อย่างสบาย เมื่อการประลองทั้งหมดจบลงก็ได้ผู้เข้าประลองรอบสุดท้ายทั้ง 10 คนแล้ว คนที่ 1มาจากสำนักพยัคฆ์ขาว คนที่ 2 มาจากสำนักกระบี่วายุ คนที่ 3 มาจากสำนักเมฆา คนที่ 4 มาจากสำนักเทวะอสูร คนที่ 5 มาจากตระกูลชาง คนที่ 6 มาจากตระกูลขุนนาง คนที่ 7 มาจากสำนักบุปผา คนที่ 8 คือ หลี่จินกัง คนที่ 9 คือป๋ายเฉียนเจิน และคนที่ 10 เป็นผู้ฝึกตนพเนจร
เช้าวันที่ 3 ในงานประลองตอนนี้นั้นหนาแน่นเต็มไปด้วยผู้คนที่มาดู ว่าใครจะได้เป็นผู้ชนะในการประลองครั้งนี้ เมื่อถึงเวลากรรมการได้ประกาศเรียกคนขึ้นมาประลอง
"คู่ประลองคู่แรกในวันนี้คือหมายเลข 2002 กับหมายเลข114 ขึ้นมาประลองได้" เมื่อร่างบางได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจเป็นอย่างมากเนื่องด้วยตนจะได้สู้กับคนที่ตนแค้น
"ได้เวลาเปิดม่านการแก้แค้นแล้วสินะ หึ หึ หึ ........"
เป็นยังไงบ้าง นี่เป็นฉากการต่อสู้ครั้งแรกของผมเลยนะครับถ้ามีความคิดเห็นอะไรที่ไม่ชอบใจก็บอกได้นะครับผมจะพยายามปรับปรุงขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ
แล้วก็ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากนะครับทุกคนที่เข้ามาอ่านเป็นกำลังใจให้ผมอย่างมากครับ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments