บทที่ 2 ระลึกถึงอดีต

ทางด้านจวนแม่ทัพเมื่อเรื่องราวจบต่างคนต่างเดินกับเรือนนอนของตัวเองด้วยสีหน้าและแววตาที่ต่างกัน 

"ลูกแม่ แม่ได้กำจัดเสี้ยนหนามที่ขวางทางลูกออกให้แล้ว นับแต่นี้ไปลูกจงเข้าไปหา พ่อของเจ้าให้มากๆให้พ่อเจ้าเอ็นดูเจ้า เจ้าจะได้เป็นประมุขตระกูลคนต่อไป"ฮูหยินรองเอ่ยบอกกับลูกด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสุข 

"ท่านแม่ทำเช่นนี้ท่านไม่กลัวท่านพ่อจะจับได้รึ "

"พ่อของเจ้าไม่มีทางรู้หรอกเรื่องนี้มีแค่เราสองคนแม่ลูกที่รู้ถึง แม้พ่อเจ้ารู้มันก็สายไปแล้ว"

"แต่ท่านแม่"เด็กน้อยกล่าวอย่างกังวลใจ

"เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ไปหรอก เจ้าเตรียมตัวเพื่อที่จะปลุกจิตวิญญาณเถอะอีก 3 เดือนก็ถึงเวลาของเจ้าแล้ว"

"ขอรับท่านแม่ "เมื่อกล่าวจบ 2 คนแม่ลูกก็ได้เดินจูงมือกันไปยังเรือนเรือนท่านแม่ทัพเพื่อที่จะให้ลูกไปอ้อนบิดา เมื่อสองคนแม่ลูกเดินผ่านไปได้ไม่นานก็ได้ปรากฏตัวเงาสายนึง เงานั้นก็คืออนุ3 เมื่ออนุ 3 ได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความรู้สึกผิดในใจที่ตนนั้นไม่เอะใจเรื่องยาที่หล่นจากฮูหยินรอง เมื่ออนุ 3 คิดได้ดังนั้นจึงเดินทางไปที่เรือน หลี่เฉียนเจิน พร้อมทั้งเก็บของบางส่วนของ หลี่เฉียนเจิน ใส่ไว้ในกำไรมิติของตนและก็ได้เดินไปหา พ่อบ้านเกาเพื่อที่จะถามที่อยู่ของหลี่เฉียนเจิน

"พ่อบ้านเกาพอจะบอกข้าได้หรือไม่ ว่าท่านพาคุณชายใหญ่ไปไว้ที่ไหน" อนุ 3 เอ่ยถามพ่อบ้านทันทีเมื่อพบ 

" เออ...อนุ 3 ขอรับ "พ่อบ้านได้กล่าวออกมาด้วยความอึดอัด 

"เจ้าไม่ต้องห่วงข้าไม่คิดร้ายต่อคุณชายใหญ่หรอก ข้าได้รู้ความจริงบางอย่างข้ารู้สึกผิดจึงอยากเดินทางไปหาเขา เพื่อมอบของบางอย่างให้เขาเท่านั้น ท่านพอจะบอกเขาไปหรือไม่" อนุ 3 กล่าวอย่างจริงใจต่อพ่อบ้าน

"ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะบอกท่านขอรับอนุ 3เมื่อท่านเดินไปที่หลังจวนบ่าว จะให้ลูกไฟนำทางท่านไปหาคุณชายใหญ่ขอรับ "เมื่อกล่าวจบพ่อบ้านก็ได้เรียกลูกไฟขนาดเล็กแล้วปาไปยังหลังจวน

"ขอบใจเจ้ามาก"เมื่อกล่าวจบอนุ 3 ก็เร่งเดินทางไปยังหลังจวนทันที เมื่อมาถึงหลังจวนอนุ 3 ก็ได้ใช้จิตวิญญาณของนางทันทีจิตวิญญาณของนางมีชื่อว่า มิติสวรรค์ นางสามารถเปิดมิติไปที่ใดก็ได้ที่นางสามารถมองเห็น หรือที่ที่นางเคยไปมาแล้ว แต่ระยะทางที่จะเปิดมิติได้นั้นต้องไม่เกิน 100 ลี่(1ลี่\=500เมตร)ถึงจะสามารถเปิดได้ เมื่อนางตามลูกไฟมาเรื่อยๆก็ได้มาปรากฏอยู่ที่ริมแม่น้ำแห่งนึง เมื่อนางมองไปนางได้เห็นหุ่นไม้ 1 ตัวกับเด็กน้อยลี่เฉียนเจิน เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงพุ่งไปหาเด็กน้อยทันที

"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" อนุ 3 กล่าวกับเด็กน้อย ตรงหน้า

"ข้าไม่เป็นอะไรขอรับอนุ 3 "เด็กน้อยได้กล่าวกับผู้หญิงตรงหน้า เมื่ออนุ 3 ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกผิด

"ข้าขอโทษเจ้าด้วยที่ไม่สามารถช่วยอันใดเจ้าได้" อนุ 3 เอ่ยขอโทษอย่างจริงใจ

"ท่านจะขอโทษข้าทำไมท่านไม่ได้ทำอะไรผิดขอรับ" เด็กน้อยเอ่ยบอกแก่อนุ 3

''ไม่ข้าผิด ก่อนที่เจ้าจะเริ่มปลุกจิตวิญญาณนั้นข้าได้เห็น ฮูหยินรองเร่งเดินออกมาจากโถงบรรพบุรุษ แล้วทำยาเม็ดเม็ดนึงตกข้าจึงเก็บมาโดยไม่เอะใจ ถ้าตอนนั้นข้าเอะใจใจสักนิดนึงเจ้าก็คงไม่ถูกขับออกจากตระกูลเช่นนี้"อนุ 3กล่าว อย่างเสียใจ

"ไม่เป็นไรขอรับถึงยังไงมันก็สายไปแล้วข้าไม่คิดอันใดแล้วขอรับ"เด็กน้อยกล่าวด้วยใบหน้าที่ฝืนยิ้ม เมื่ออนุ3เห็นดังนั้นนางก็ยิ่งเศร้าใจ

"ข้าได้เอาของใช้ของที่คาดว่าน่าจะจำเป็นต่อเจ้าเอามาให้ มีเสื้อผ้าอาภรณ์ มีเครื่องประดับ มีข้าว มีแป้งและเนื้ออื่นๆอีกหลายอย่าง และข้าได้นำยาปลุกจิตวิญญาณที่แท้จริงมาให้แก่เจ้า และก็ตำราฝึกเดินลมปราณพร้อมตำราวิชาอีกหลายอย่างมาให้เจ้าถือว่าเป็นการชดเชยความผิดของข้า"เมื่อกล่าวจบอนุ 3 และยื่นกำไรมิติให้เด็กน้อยตรงหน้า

"อนุ 3 นี่มันจะไม่มากไปหน่อยรึขอรับ" เด็กน้อยกล่าวอย่างเกรงใจ

"ไม่นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่เจ้าต้องเสียไปทั้งชีวิต" อนุ 3 บอกอย่างจริงใจ

"เช่นนั้นข้าขอขอบคุณอนุ3 ท่านช่างดีกับข้านัก"

"งั้นข้ากลับก่อนก็แล้วกันออกมานานแล้วเดี๋ยวท่านแม่ทัพจะสงสัย "เมื่อกล่าวจบอนุ 3 ก็เร้นกายหายไปทันที เด็กน้อยก้มมองกำไรมิติที่มือแล้วได้เรียกเอายาปลุกจิตวิญญาณขึ้นมาแล้วหยดเลือดลงไปในโอสถปลุกจิต เสร็จแล้วก็ได้กลืนโอสถปลุกจิตทันที แล้วนั่งสมาธิรวบรวมพลังไปที่จุดตันเถียน ตามตำราที่เคยศึกษามาทันที่อึกเด็กน้อย กระอักเลือดออกมาทำ 'มั้ยมันทรมารขนาดนี้' หลี่เฉียนเจินคิดในใจ เมื่อผ่านมาราวๆหนึ่งเค่อ เด็กน้อยก็ทำสำเร็จ ตอนนี้ในจิตของหลี่เฉียนเจินใด้มีอัญมณีสีรุ้งปากดขึ้นหนึ่งดวง เมื่อเดินเข้าไปใกล้อัญมณี มันก็แตกออกแล้วรวมเป็นร่างคนขึ้นมา เมื่อแสงหายไปจึงได้เห็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งเป็นผู้ชายที่มีผมยาวสีรุ้งถึงกลางหลัง อาภรณ์สีรุ้งงดงาม ดวงตาสีรุ้งที่สดใส

"เจ้าเป็นจิตวิญญาณของข้าใช้หรือไม่" หลี่เฉียนเจินเอ่ยถาม

"ใช่ขอรับ นายท่าน" จิตวิญญาณเอ่ยตอบ

"แล้วพลังของเจ้ามีอะไรบ้าง" หลี่เฉียนเจินเอ่ยถาม

"ความสามารถของข้า มีนามว่าจักพรรดิแห่งธาตุ ขอรับ "จิตวิญญาณเอ่ยตอบ

"ถ้าเช่นนั้นข้าสามารถใช้ได้ทุกธาตุเลยหรอ"ลี่เฉียนเจินถามอย่างสงสัย

"ขอรับ แต่ตอนนี้ใช้ได้แค่ 4 ธาตุหลักคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ขอรับ เมื่อพลังของท่านเลื่อนระดับ ท่านก็สามารถใช้ ธาตุอื่นเพิ่มได้ขอรับ"เมื่อเด็กน้อยได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเขาใจ

"แล้วเจ้ามีชื่อหรือไม่ "

"ไม่มี ขอรับชื่อของข้านั้นท่านต้องมาเป็นผู้ตั้งให้'' 

"อืม ..ถ้าเช่นเอาเป็น เยียนซู่ ก็แล้วกันเจ้าชอบหรือไม่" หลี่เฉียนเจินถาม

"ชอบมากเลยขอรับ" จิตธาตุเอ่ยตอบพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใส

"ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว"ร่างบางยิ้มแล้วเอ่ยตอบ

"ข้าคงต้องขอตัวออกไปก่อน "เด็กน้อยเอ่ยข่าวกับจิตวิญญาณตรงหน้า

"ขอรับนายท่าน ขอให้นายท่านจงเร่งเลื่อนระดับเพื่อที่ให้ท่านแข็งแกร่งจะได้ไม่มีคนรังแกท่านได้ ''จิตวิญญาณเอ่ยบอกนายตน เด็กน้อยพยักหน้ารับรู้แล้วออกไปจากจิตของตน

เด็กน้อยค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นแล้วเริ่มไปสำรวจตำรา ที่อนุ 3 ได้ทิ้งไว้ให้ 

มีตำราฝึกลมปราณพื้นฐาน ตำราสมุนไพรเคล็ดวิชาดัชนี และวิชาเคลื่อนที่อย่างละเล่ม

"ตอนนี้ข้ามีระดับลมปราณอยู่ที่ระดับก่อกำเนิดขั้นที่1 ข้าคงต้องฝึกวิชาลมปราณพื้นฐานก่อน" เมื่อกล่าวจบเด็กน้อยก็เริ่มฝึกตามตำราทันที โดยเริ่มจากรวบรวมพลังไปยังจุดตันเถียนและกระจายไปรอบร่างกาย ทะลวงจุดลมปราณทีละจุด เมื่อเวลาผ่านไปได้ 2 ชั่วยาม(1ชั่วยาม\=2ชัวโมง) เด็กน้อยได้ทะลวงจุดลมปราณเริ่มต้นทั้ง 5 จุดใหญ่สำเร็จใน 1 จุดใหญ่ประกอบด้วย 12 จุดเล็ก เมื่อทะลวงสำเร็จเด็กน้อยก็ลืมตาตื่นขึ้นด้วยใบหน้าที่สดใส และลุกขึ้นเดินตรงไปที่แม่น้ำเพื่อล้างตัว เมื่อล้างตัวเสร็จเด็กน้อยก็ได้เดินเข้าไปยังเรือนไผ่หยกเพื่อทำอะไรกิน เมื่อกินเสร็จเด็กน้อยก็ได้มานั่งดูดซับลมปราณที่โขดหินข้างแม่น้ำทั้งคืน

"ในที่สุดระดับข้าก็เลื่อนแล้ว จากลมระดับ  ก่อกำเนิดขั้น 1เป็นขั้น 2 เช่นนั้นการฝึกจากตำราลมปราณพื้นฐานก็สำเร็จ งั้นถ้าฝึกวิชาเคลื่อนที่ต่อเลยแล้วกัน" เมื่อกล่าวจบเด็กน้อยก็ได้หยิบตำราวิชาเคลื่อนที่ออกมา แล้วเริ่มศึกษาทันทีวิชาลมปราณเคลื่อนที่นี้ มีชื่อว่า 'ท่าเท้าวายุ' ความสามารถของเคล็ดวิชานี้คือเมื่อฝึกสำเร็จจะสามารถเคลื่อนไหวได้ราวภูตผีเคลื่อนที่ไปมาไร้ร่องรอย แต่การจะฝึกสำเร็จนั้นยาก ขั้นแรกต้องเริ่มจากการถ่วงน้ำหนักที่ขาข้างละ 4 จิน แล้วเพิ่มไปเรื่อยๆจนถึงข้างละ 20 จิน แล้ววิ่งวันละ 10 ลี้จนกว่าจะไม่รู้สึกถึงความหนักที่เพิ่มขึ้นมา และหลังจากนั้นก็ให้ฝึกกระโดดพร้อมทั้งถ่วงน้ำหนักที่ขาข้างละ 4 จิน วันละ 100 ครั้งและเพิ่มไปจนถึงข้างละ 20 จิน พร้อมทั้งให้ปีนต้นไม้และหน้าผาพร้อมทั้งถ่วงน้ำหนักทั้ง 2 ข้างเช่นเดิมอีกวันละ 100 ครั้งเช่นกัน เมื่อฝึกครบทั้งหมด ให้ใส่ลมปราณแล้วฝึกไปซ้ำๆจนมั่นใจว่าตัวเองสำเร็จแล้ว ความสามารถของวิชานี้อยู่ที่ผู้ฝึกว่าฝึกชำนาญขนาดไหน

เมื่อเด็กน้อยอ่านเคล็ดวิชาทั้งหมดเสร็จจึงเริ่มฝึกทันที 

เวลาผ่านไปได้ 6 เดือน เด็กน้อยที่มานะฝึกจนสำเร็จบัดนี้เคลื่อนไหวไปทั่วป่าราวกับนกบิน ในเวลา 6 เดือนที่ผ่านมานั้นเด็กน้อยได้ฝึกเคล็ดวิชาเคลื่อนที่ในช่วงกลางวันและในช่วงกลางคืนเก็บน้อยได้ฝึกลมปราณพร้อมศึกษาตำราสมุนไพรจนแตกฉานทั้งหมด

"ในที่สุดข้าก็ฝึกสำเร็จ ตอนนี้ระดับของข้าอยู่ที่หลอมรวมขั้นที่ 1 แล้ว "เด็กน้อยได้กล่าวอย่างดีใจ

"งั้นต่อไปก็ฝึกวิชาดัชนี เอาล่ะมาดูซิว่าจะยากแค่ไหน "เมื่อพูดจบเด็กน้อยได้หยิบหยกวิชาดัชนีออกมา แล้วถ่ายเทลงไปในหยกวิชานั้นทันที เมื่อถ่ายเทลมปราณเข้าไปเด็กน้อยต้องตกตะลึงเมื่อรู้ว่าหยกวิชาในมือตนนั้นเป็นวิชาระดับสวรรค์

"โห วิชาระดับสวรรค์เลยงั้นรึ ท่านอนุ 3 ท่านช่างใจดีกับข้านัก" เมื่อกล่าวจบเด็กน้อยได้ยิ้มออกมาอย่างดีใจ แล้วเริ่มศึกษาวิชาในหยกทันที     'วิชานี้มีชื่อว่าดัชนีดีดอากาศ'  ความสามารถของมันคือใช้ลมปราณรวบรวมอากาศแล้วดีดออกไป วิชานี้เป็นวิชาไร้รูปไร้เสียง คนที่โดนเข้าไปเหมือนโดนอากาศกระแทกด้วยความเร็วสูง เมื่อฝึกจนสำเร็จพลังของมันจะสามารถเจาะทะลวงได้ทุกสรรพสิ่ง การจะฝึกวิชานี้นั้นผู้ฝึกต้องรวบรวมสมาธิแล้วรีดลมปราณไปที่ฝ่ามือใช้ลมปราณรวบรวมอากาศที่ฝ่ามือแล้วดีดออกไปแต่การจะสำเร็จได้นั้นเป็นอะไรที่ยากมาก ก่อนจะฝึกวิชานี้ นั้นผู้ฝึกต้องฝึกสมาธิจนมีระดับสูงก่อนถึงจะมีโอกาสฝึกสำเร็จได้ง่าย เมื่อเด็กน้อยได้อ่านดังนั้นจึงไม่รอช้าเร่งฝึกทันที โดยการรวบรวมลมปราณไว้ที่ฝ่ามือ แล้วบีบอัดอากาศให้เป็นเหมือนเข็มแล้วดีดออกไปเมื่อออกจากฝ่ามือ เข็มอากาศนั้นก็สลายไปทันทำให้เห็นว่าการจะฝึกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เด็กน้อยไม่ละความพยายามที่จะฝึก ในยามกลางวันก็ฝึกวิชาดัชนีทั้งวัน ในส่วนกลางคืนก็ดูดซับลมปราณทั้งคืน ฝึกแบบนี้ จนล่วงเลยผ่านไปอีก 6 เดือนเด็กน้อยจึงฝึกสำเร็จ โดยพื้นที่รอบเรือนไผ่หยกนั้น เต็มไปด้วยร่องรอยของการฝึกดัชนีดีดอากาศนี้ ทั้งโขดหินริมแม่น้ำทั้งต้นไม้ล้วนแล้วแต่มีร่องรอยของการฝึกดัชนีนี้

"เย้ ในที่สุดข้าก็สำเร็จ อีกทั้งตอนนี้ระดับพลังของข้านั้นได้ เลื่อนระดับจากหลอมรวมขั้น 1 มาเป็นปลุกจิต ขั้นที่ 1 แล้ว "เด็กน้อยกล่าวอย่างดีใจ แต่เมื่อนึกบางสิ่งออก รอยยิ้มของเด็กน้อยก็หายไป เมื่อคิดได้ว่าวันนี้เป็นวันครบรอบ 11 หนาวตนทำให้นึกหวนถึงวันเวลาที่ผ่านมา

"นี่มันก็ผ่านมาปีนึงแล้วสินะท่านพ่อท่านแม่จะคิดถึงข้าหรือไม่ "เด็กน้อยกล่าวอย่างเศร้าใจ เมื่อนั่งเศร้าได้สักพัก เด็กน้อยจึงเลิกคิดเรื่องนี้แล้วเดินไปอาบน้ำที่แม่น้ำ แล้วกลับมาคิดว่าจะทำเช่นไรต่อดี ตำราและวิชาทั้งหมดที่อนุ 3 และทิ้งไว้ให้ตนก็ฝึกสำเร็จหมดแล้ว 

"ถ้าเช่นนั้นข้าก็หาเก็บสมุนไพรลงไปขายที่หมู่บ้านดีกว่า "เมื่อกล่าวจบเด็กน้อยก็พุ่งตรงเข้าไปในป่าทันทีเมื่อผ่านมาได้สักพัก เด็กน้อยก็หยุดอยู่ ณ ที่หนึ่งที่มีสมุนไพรขึ้นอยู่มากมาย เด็กน้อยได้เดินไปที่สมุนไพรต้นนึง 

"นี่มันดอกน้ำค้าง 9 ยอดนี่นา วันนี้ข้าโชคดีจริงได้เจอสมุนไพรหายาก อย่างนี้ต้องขายได้หลายเหรียญแน่นอน "เมื่อเด็กน้อยกล่าวจบก็เริ่มขุดทันที และขุดสมุนไพรอีก 2-3 อย่างก็ได้เดินทางกลับไปยังที่พักของตนเพื่อเตรียมตัวลงเขาครั้งแรกในรอบ 1 ปี เมื่อเตรียมของครบเด็กน้อยก็เดินตามทางที่พ่อบ้านเคยบอกเอาไว้ว่าเดินไปตามทางนี้จะถึงหมู่บ้านที่อยู่ตีนเขา เมื่อลงมาถึงหมู่บ้านเด็กน้อยจึงได้เดินไปถามชาวบ้านว่า

"ท่านน้าท่านพอจะบอกเขาได้หรือไม่ว่าร้านขายยาอยู่ที่ใด" เด็กน้อยกล่าวอย่างสุภาพกับหญิงคนหนึ่งที่เดินผ่าน

"เด็กน้อยเจ้าจะไปทำอันใดที่ร้านขายยารึ" หญิงสาวคนดังกล่าวถาม

"ข้าจะไปขายสมุนไพรขอรับ "เด็กน้อยกล่าวตอบ

"แล้วพ่อแม่ไปไหนเล่า เหตุใดจึงเดินอยู่ผู้เดียว" หญิงสาวถามอย่างใคร่รู้

"ข้าไม่มีพ่อแม่ขอรับ"เด็กน้อยเอ่ยตอบอย่างไม่เต็มเสียง

"ข้าขอโทษเจ้าด้วยข้าไม่น่าถามอะไรที่ไร้มารยาทเช่นนี้เลย "หญิงสาวเอ่ยบอกอย่างรู้สึกผิด

"เจ้าจะไปที่ร้านขายยาใช่หรือไม่เดินตรงไปเรื่อยๆถึงแยกให้เลี้ยวขวาแล้วเจ้าจะเจอร้านขายยาอยู่ตรงหัวมุมเลย "

"ขอบคุณขอรับท่านน้า "

"ไม่เป็นไร "เมื่อกล่าวจบหญิงสาวก็เดินออกไปทันที เมื่อหญิงสาวเดินจากไปเด็กน้อยก็เดินไปตามที่หญิงสาวบอกทันที จนมาเจอกับร้านที่มีชื่อว่า เรือนโอสถเป็นร้านขายยา ร้านเดียวในหมู่บ้านเมื่อเห็นดังนั้นเด็กน้อยจึงเดินเข้าไปในร้านทันที

"เถ้าแก่อยู่หรือไม่ขอรับ"เด็กน้อยเอ่ยถามเมื่อเข้าไปถึง

"อยู่รอสักครู่ข้ากำลังออกไป เจ้ามาทำอะไรหรือเด็กน้อย"

"ข้าเอาสมุนไพรมาขายขอรับเถ้าแก่"

"สมุนไพรอะไรหรือเอาออกมาให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่"

"ได้ขอรับ" เมื่อกล่าวจบเด็กน้อยก็หยิบสมุนไพรในตะกร้าที่ตนถือมาให้เถ้าแก่ดู

"นี่ขอรับเถ้าแก่"

"โอ๊ะ นี่มันดอกน้ำค้าง 9 ยอดนี่ และนี่ก็ว่านลิ้นงู นี่ก็ว่านน้ำค้างหยกนี่นา เจ้าไปหามาจากที่ใดรึสมุนไพรหายากเหล่านี้" เถ้าแก่เอ่ยถามอย่างใคร่รู้

"ข้าเจอมันในตอนที่ข้ากำลังเดินลงจากยอดเขาขอรับ " เมื่อเถ้าแก่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าแม้อยากจะถามว่าขึ้นไปทำอะไรเป็นยอดเขาแต่ก็ไม่กล้า

"เช่นนั้นดอกน้ำค้าง 9 ยอดนี้ ข้าาจะซื้อเจ้าในราคา 50 เหรียญเงิน ส่วนส่วนว่านลิ้นงูกับว่านน้ำค้างหยกนั้นข้าจะซื้อเจ้าในราคาต้นละ 10 เหรียญเงินก็ตกลงหรือไม่ "เถ้าแก่เอ่ยถาม

"ขายขอรับเถ้าแก่ เถ้าแก่ขอรับไม่ทราบว่าสิ่งนี้ขายได้หรือไม่" เมื่อกล่าวจบเด็กน้อยหยิบเห็ดลักษณะประหลาดออกมาจากตะกร้า แล้ววางบนโต๊ะให้เถ้าแก่ดู 

"น...นี่มัน" เถ้าแก่มองเห็ดบนโต๊ะด้วยอาการตกตะลึงและตกใจ

"เจ้าไปได้เห็ดดอกนี้มาจากที่ใดกัน" เถ้าแก่เอ่ยถามเด็กชายตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น

"ข้าเจอมันอยู่ที่ข้างๆดอกน้ำค้าง 9 ยอดขอรับมันขึ้นอยู่ตรงขอนไม้ขอนนึงข้าเห็นหน้าตามันประหลาดดีจึงเก็บมาด้วย"

"เจ้ารู้หรือไม่ว่าเห็ดนี้คืออะไร เห็ดที่อยู่ตรงหน้าเจ้านั้นมันชื่อว่าเห็ด หมื่นพิษ เป็นสมุนไพรพิษหายาก เมื่อมีมันอยู่คนผู้นั้นจะไม่สามารถตายเพราะพิษ ได้และมันยังสามารถปรุงยาถอนพิษได้เกือบทุกชนิด" เถ้าแก่เลยกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น

"เจ้าจะขายข้าหรือไม่" เถ้าแก่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่มีความหวัง เด็กน้อยเห็นอย่างนั้นก็เอ่ยถาม

"ท่านจะซื้อในราคากี่บาทหรือขอรับ"

"ข้าจะซื้อเจ้าในราคา 10 เหรียญทองเจ้าจะขายหรือไม่" เมื่อเถ้าแก่เอ่ยจบเด็กน้อยก็ตกตะลึงในราคาของมัน

"ขายขอรับเถ้าแก่" เมื่อเด็กน้อยพูดจบเถ้าแก่ก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจพร้อมวิ่งเข้าหลังร้านนำเงินมามอบให้แก่เด็กน้อย 

"อันนี้เงินของเจ้า 10 เหรียญทองกับ 70 เหรียญเงินนับก่อน ว่าครบหรือไม่ "เถ้าแก่พูดจบก็มอบถุงเงินให้กับเด็กน้อยตรงหน้า

"ครบขอรับเถ้าแก่ขอบคุณขอรับ" เมื่อเด็กน้อยพูดจบก็เดินออกจากร้านขายยาทันที เมื่อออกมาได้พักนึงเด็กน้อยก็ได้เดินไปที่ตลาด 

"นี่ๆเจ้าได้ยินหรือไม่เรื่องที่บุตรชายคนโตของแม่ทัพใหญ่กับฮูหยินเอกนั้น ตายตอนปลุกพลังเมื่อปีที่ผ่านมา" แม่ค้าขายเนื้อเอ่ยถามแม่ค้าขายปลา

"ทำไมจะไม่ได้ยินเล่า ข่าวนั้นดังจะตายเห็นเขาว่าเกิดความผิดพลาดตอนปลุกพลัง จึงทำให้ไม่สามารถควบคุมพลังได้พลังจึงย้อนเข้าตัวตายช่างน่าสงสารนักเพิ่งเกิดมาได้ไม่ทันไรก็ตายเสียแล้วน่าสงสารท่านแม่ทัพจริงๆ"แม่ค้าขายปลา ตอบ เมื่อเด็กน้อยได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักแล้วหันตัวพุ่งตรงกับไปยังที่พักของตนพร้อมน้ำตาที่อาบไหลเต็มใบหน้า

"ฮึก ๆ  ๆ เหตุใดท่านพ่อท่านแม่ถึงใจร้ายเยี่ยงนี้" เด็กน้อยร้องไห้อย่างไม่เข้าใจ เด็กน้อยร้องไห้ไปสักพักจึงหยุดร้องไห้แล้วตัดสินใจว่า

"ในเมื่อท่านพ่อท่านแม่ ทิ้งข้าเช่นนี้ข้าก็จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกท่าน "เมื่อกล่าวจบเด็กน้อยก็ปาดน้ำตาแล้วเร่งดูดซับลมปราณรอบกายอย่างต่อเนื่องไม่หยุดพัก  

"นี่ท่านปล่อยข้านะนี่มันกลางป่าจะทำอะไรเกรงใจเจ้าป่าเจ้าเขาซะบ้าง "บุรุษรูปงามเอ่ยบอกแกบุรุษอีกคนนึง

"จะเกรงใจไปทำไมถ้าใครกล้ามีเรื่องก็เรียกออกมาสั่งสอนก็สิ้นเรื่อง "บุรุษร่างสูงเอ่ยตอบบุรุษรูปงาม

"บ้าอำนาจไร้ยางอายซะจริง "บุรุษรูปงามเอ๋ยตอบ

"เอ๊ะ ท่านนั่นเด็กน้อยที่ไหนน่ะมันนั่งดูดซับลมปราณ กลางป่ากลางเขาเช่นนี้"

"ข้าก็ไม่รู้เช่นกันถ้าเช่นนั้นลองไปถามกันดีหรือไม่" เมื่อกล่าวจบ บุรุษทั้งสองก็แปลงกายเป็นนักพรตเดินเข้าไปหาเด็กน้อยทันที

ก็จบไปแล้วนะครับ อ่านแล้วเป็นยังไงก็ คอมเม้น บอกกันได้ทุกอย่างเลยนะครับ

ผมขอย้อนอดีตอีกสักตอนนึงนะครับไปตอนที่ 4 ผมก็จะกลับไปสู่ปัจจุบันแล้วครับ

ยังไงก็ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!