พอถึงบ้านท่านแม่ออกจากครัวมาดูถึงกับอ้าปากค้างไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาอธิบาย จึงได้แต่ช่วยขนข้าวของลงจากรถลาก
"เจ้าเอาตุ่มใส่น้ำมาทำอันใดมากมายถึงเพียงนี้"
ท่านแม่ที่ช่วยท่านพ่อยกลงด้วยความหนักใจเอ็ดนางไปหนึ่งที นี่ต้องเสียเงินมากเป็นแน่ เงินที่ได้มาจากท่านปู่มิใช่พวกเจ้าสองคนพ่อลูกใช้กันหมดแล้วกระมัง
"ข้าจะเอาไปใส่ปลาเจาคะ"
"ใส่ปลารึ"
"ใช่เจ้าคะ ตุ่มนี้จะเอาไว้ใส่น้ำในห้องครัวจะได้ใช้สอยสะดวก ข้าเห็นท่านแม่ต้องใช้ถังไปตักน้ำมาวันล่ะหลายๆครั้ง หากมีตุ่มใส่น้ำเราแค่คอยเติมน้ำให้เต็มก็จะสะดวกเวลาใช้สอย อีกตุ่มเอาไว้ใส่ปลาเจ้าค่ะข้าจะตกปลาตัวเล็กมาด้วยแล้วเลี้ยงมันไว้ในตุ่มน้ำพอขุดบ่อปลาเสร็จค่อยปล่อยมันลงบ่ ส่วนอีกตุ่มข้าว่าจะทำห้องน้ำเจ้าค่ะเพราะเรายังไม่มีห้องน้ำต้องอาบน้ำกลางแจ้งข้ารู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย"
เมื่อได้ยินคำตอบของบุตรสาวที่วางแผนอย่างดิบดีนางหวังยิ้มอ่อนให้บุตรสาวเข้าใจว่านางอยากช่วยให้แม่สบายขึ้นจึงตัดสินใจทำเช่นนี้ ถึงจะโมโหเพราะนางใช้จ่ายเกินตัวแต่ก็ต้องอมยิ้มกับความเอาใจใส่ของนาง
ส่วนอีกตุ่มหลี่หลิวแอบเก็บเข้ามิติไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่อยู่บนรถลากแล้ว
"ขอบใจที่เจ้าเป็นห่วงแม่ แต่คราหน้ามิต้องก็ได้ท่านพ่อเจ้าบอกว่าใช้จ่ายไปมากกว่าห้าสิบอีแปะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าครอบครัวเราใช้เงินห้าสิบอีแปะได้หลายปีเชียวนะ"
หวังลู่พยายามสอนลูกสาวให้นางรู้จักประหยัดและคิดคำนึงอย่างถี่ถ้วนจะได้ไม่ฟุ่มเฟือยเกินเหตุเช่นนี้ หากนางมีเงินในมือในภายภาคหน้าอาจจะใช้จ่ายเกินตัวก็เป็นได้
"ท่านแม่อย่างกังวน ข้ามีวิธีหาเงินคืนให้ท่านพ่อภายในสามเดือนเจ้าค่ะ"
"ไหนเจ้ามีวิธีอะไรบอกพ่อเจ้ามาหน่อย"
เมื่อหลี่หงได้ยินเช่นนั้นหลังจากคอตกมาพักใหญ่ถึงกับหูผึ่งขึ้นมาทันที อะไรจะดีไปกว่าการได้รับเงินที่เสียไปกลับคืนมา อย่างไรเสียเงินนี่สักวันหนึ่งเขาต้องนำไปคืนให้แก่บิดาอยู่แล้ว บุตรสาวมีความคิดสร้างสรรค์หากหาเงินได้เร็วก็จักเป็นผลดีต่อครอบครัวเรา
"ข้าจะทำกับข้าวแล้วไปขายตลาดเช้าเจ้าค่ะ"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นสองผัวเมียก็มองหน้ากันอย่างมีความหวังขึ้นมา ก็แน่ล่ะบุตรสาวทำอาหารอร่อยเช่นนี้ต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอย่างแน่นอน
"เจ้าจะทำอะไรไปขายเล่า"
ท่านแม่ถามอย่างอยากรู้ เด็กตัวแค่นี้กับรู้จักอยากทำมาค้าขายช่างเป็นบุญที่ได้มีนางคนลูกยิ่งนักเจ้าคือตัวนำโชคโดยแท้
"ผัดหน่อไม้เจ้าค่ะ"
"ผัดหน่อไม้ มันจะขายได้รึ คนไม่เคยกินเสียด้วยซ้ำ"
ท่านพ่อกล่าวพรางเกาท้ายทอย ก็เข้าใจว่านางทำอาหารออกมาได้ดี แต่คนที่ไม่เคยกินมาก่อนจะยอมควักเงินซื้อได้เช่นไรแล้วผัดหน่อไม้มันจะอร่อยได้สักแค่ไหนกันเชียว
"มิต้องห่วงเจ้าค่ะ คนจะซื้อข้าอย่างแน่นอนหน่อไม้เราเหลืออีกตั้งมากดังนั้นข้าซื้อกระทะกับหม้อมาพร้อมทำแล้วเจ้าค่ะ"
"เจ้าคิดน้อยไป หากเป็นผักปลายังพอใส่ตระกร้าได้แต่กับข้าวหน่ะจะใส่อะไร"
"เป็นคำถามที่ดีมากเจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะตัดไม้ไผ่อันใหญ่หน่อยทำกระบอกล้างเหยื่อไผ่ออกแล้วขูดข้างในดีดีจากนั้นนำกระบอกไปต้มผึ่งลมให้แห้ง เท่านี้ก็ได้กระบอกไม้ไผ่ไว้ใส่อาหารแล้วแค่ต้องทำให้สูงหน่อยกันพวกอาหารที่ใส่กระเดนออกมา ท่านว่าได้หรือไม่เจ้าคะ"
ความคิดของบุตรสาวเรียบง่ายไร้ข้อกังขา แถมยังไม่ต้องใช้หม้อดินให้สิ้นเปลืองเงินทอง ดีเหลือเกิน
"ได้อยู่แล้วแต่ต้องรอให้พ่อทำรั้วบ้านเสร็จก่อนค่อยทำกระบอกใส่อาหารของเจ้าได้หรือไม่"
เมื่อได้ฟังลูกสาวอธิบาย เขาก็ต้องเปิดใจยอมรับอีกครั้งว่าความคิดนางเปิดโลกทัศน์ของเขาอีกครา นอกจากหม้อดินใส่อาหารได้และราคาถูกกว่าหม้อเหล็ก ยังสามารถใช้ไผ่ทำเป็นภาชนะได้อีกสินะ
"ได้เจ้าค่ะ ยังไงซ่ะหน่อไม้ยังมีอีกมากที่กำลังจะโผล่อยู่แล้ว"
หลี่หลิวยิ้มอย่างพอใจเมื่อตกลงกันได้แล้วหลี่หลิวจึงโชว์ฝีมือการผัดหน่อไม้ ทอดปลาหมักซอลให้ทุกคนได้ลิ้มลองแน่นอนว่าทุกอย่างได้ท่านแม่คอยดูอยู่เพราะยังห่วงความปลอดภัยของลูกสาว น้ำมันนั้นอัตรายหากไม่ระวังอาจเกิดไฟลุกไหม้ได้ แต่พอเห็นบุตรสาวคล่องไม้คล่องมือจึงวางใจปล่อยให้นางได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่
"มีข้าวด้วยล่ะ พี่ใหญ่ๆข้าวข้าจะได้กินข้าวแล้วดูสิข้าวเป็นเม็ดๆเลยไม่ใช่น้ำข้าวด้วย"
หลี่เฉินตื่นมาจึงเดินมาที่ครัวตามที่ท่านแม่บอก เพราะมันเริ่มเช้าพระอาทิตย์ก็เริ่มขึ้นถึงจะครึ้มฟ้าครึ้มฝนแต่ถึงว่าอากาศดีมากไม่หนาวจนเกิน
"ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ มือไม่ล้างข้าไม่ให้เจ้ากินด้วยหรอกนะ"
หลี่หลิวเดินมานั่งที่นั่งของตนพร้อมกับช้อนและตะเกียบแล้วเตือนน้องชายให้รู้จักรักความสะอาด โดยมีท่านพ่อนั่งหัวโต๊ะท่านแม่นั่งข้างท่านพ่อทางซ้ายมือมีเจ้าเล็กนั่งข้างท่านแม่ ส่วนข้ากับพี่ใหญ่นั่งด้านขวามือของท่านพ่อแน่นอนว่าข้าได้นั่งติดกับท่านพ่ออย่างไม่ต้องสงสัย
"หึ!! รู้แล้วๆ ข้าไปล้างก่อนก็ได้ห้ามกินก่อนข้านะ"
หลี่เฉินหันมองทุกคนอย่างน้อยใจเดินสะบัดแขนขนน้อยๆของเขาเพื่อไปล้างมือ เพราะเขาตื่นทีหลังเพื่อนจึงล่าช้าครั้งหน้าเขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะตื่นให้ทันพี่ใหญ่อย่างแน่นอน เมื่อทุกคนนั่งที่ดีแล้วท่านพ่อกล่าวว่า มาทานข้าวเช้ากันเถอะ ทุกคนก็จับตะเกียบหยิบช้อนกินอาหารที่ตัวเองสนใจ
"เจ้าเล็กกินผัดหน่อไม้ด้วยสิอย่ากินแต่ปลาเดี๋ยวก็ขาดสารอาหารหรอก"
หลี่หลิวมองน้องเล็กที่ขอให้ท่านแม่คีบปลาให้อย่างเดียวถ้าเป็นเช่นนี้เขาจะกลายเป็นคนเลือกกินในภายหน้า เมื่อท่านแม่เห็นบุตรสาวน้อยใจที่น้องเล็กไม่ยอมกินผัดหน่อไม้นางจึงคีบหน่อไม้ใส่ถ้วยใบกลางของบุตรชายคนเล็ก
"พี่สาวของเจ้าลงมือทำเองแม่บอกได้คำเดียวคืออร่อย"
หวังลู่บอกพร้อมยิ้มหวานให้บุตรสาว นางทำได้อร่อยมากถึงเพียงนี้แค่ผัดหน่อไม้ธรรมดาที่ไม่มีใครเหลียวแลให้กลายเป็นเมนูแสนแพงได้ก็ว่าเก่งแล้ว ทว่ารสชาติเช่นนี้หาที่ไหนไม่มีอีกแล้ว นางจำได้ว่าบุตรสาวผัดกระเทียมพอสุกก่อนใส่หน่อไม้หั่นยาวผัดหน่อไม้จนหอมค่อยหยอดซอลถั่วเหลืองตามด้วยเกลือเล็กน้อยชิมรสชาติเสร็จใส่ต้นหอมผัดอีกนิดแล้วปิดไฟ กลิ่นหอมซอลที่โดนกะทะชวนให้คนหิวเป็นอย่างมากบุตรสาวมีพรสวรรค์ด้านนี้มากจริงๆ
"ท่านพี่ทำย่อมถูกปากข้า ข้าจะไม่ให้ท่านเสียน้ำใจข้าจะกินเยอะๆ ท่านอย่าโกรธข้าเลยนะ"
หลี่เฉินเริ่มเข้าใจว่าทำไมท่านพี่ถึงขยั้นขยอให้เขากินเมนูนี้แท้จริงแล้วนางเป็นทำนี่เอง
"อร่อยไม่แพ้ปลาทอดเกลือเลยขอรับ"
"ต้องอร่อยอยู่แล้วเพราะพี่เจ้าทำทั้งสองอย่างยังไงล่ะ แม่แค่หุงข้าวให้พวกเจ้าเพียงเท่านั้น"
ท่านแม่ถือตะเกียบปิดปากหัวเราะเบาๆ
หลี่จงมองน้องสาวที่เก่งข้ามวันข้ามคืนของเขาแล้วก็ต้องยิ้มบางๆให้นาง น้องของข้าเปลี่ยนไปแล้วดีกว่าเดิมเสียอีก เห็นทีข้าที่เป็นพี่ต้องทำประโยชน์ให้มากขึ้นจักได้เป็นหน้าเป็นตาได้บ้างเสียแล้ว หลี่จงวางตะเกียบลูบหัวน้องสาวที่ปล่อยผมยาวแล้วทัดหูให้นาง น้องข้าถ้าเจ้าโตจะต้องย้ายออกไปข้าไม่อยากให้เจ้าโตเลยอยากให้เจ้าอยู่กับข้าและพ่อแม่ไปนานๆ
"ท่านพี่ทำอร่อยทุกอย่าง ต่อไปข้าจะกินทุกอย่างที่ท่านพี่ทำข้าจะไม่เลือกกินอีกแล้ว"
หลี่เฉินเคี้ยวหน่อไม้เข้าปากลิ้มรสความกรุบกรอบมันหวานเค็มค่อยๆกัดยัดหน่อไม้ชิ้นกลางทีล่ะนิดจนหมดชิ้นปากของเขามันวาวเยิ้ม จนท่านแม่อดไม่ได้จึงต้องเช็ดปากให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่าจนเขากินอิ่ม
"ดูเจ้าสิกินมูมมามอะไรเช่นนี้ ไม่ต้องรีบกินขนาดนั้นก็ได้"
หลี่หงผู้เป็นพ่อเห็นแววตาที่เปี่ยมสุขของลูกคนเล็กจึงอยากแกล้งเขาขึ้นมา แต่พอได้ยินคำตอบทำให้ผู้เป็นพ่อถึงกับเจ็บหน้าอกแปล๊บๆ
"ก็มันอร่อยนิขอรับ ข้าต้องกินให้มากหน่อยข้าไม่เคยได้กินอิ่มท้องจนท้องแทบแตกแบบนี้เลย คริคริ"
เจ้าตัวน้อยหัวเราะร่า เอามือลูบท้องที่ป่องทะลุเสื้อไปมามันกลมเหมือนลูกแตงโมเลยทีเดียว
"ต่อไปเจ้าอย่ากินมากนักเดี๋ยวจะไม่สบายท้อง พ่อรับปากเจ้า ต่อไปเจ้าจะได้กินอิ่มทุกมื้อดีหรือไม่"
เมื่อท่านพ่อเอ่ยปากรับคำน้องเล็กยิ้มตาหยีแก้มยุ้ยอย่างพอใจ
"ท่านแม่ข้าช่วยท่านเก็บขอรับ"
ชายสามรู้ว่าน้องรองตื่นมาทำครัวช่วยแบ่งเบาภาระท่านแม่แต่เช้า ตนที่ตื่นช้าไม่ได้ช่วยอันใดจึงอาสาช่วยท่านแม่เก็บถ้วยชามไปล้าง
"ท่านพี่ ท่านไปตักน้ำมาใส่ตุ่มเถอะ ข้าจะช่วยท่านแม่ล้างเอง"
หลี่หลิวชี้ไปที่ถังน้ำที่ทำจากไม้และตุ่มที่ตั้งอยู่ข้างๆ ชายสามเห็นตุ่มยังใหม่อยู่เช้ามืดวันนี้น้องรองคงไปกับท่านพ่อที่ตลาดด้วยสินะ ชายสามรับคำขอของน้องสาวแล้วค่อยๆตักน้ำในบ่อโดยใช้เชือกย่อนลงไปในบ่อน้ำเล็กน้อยตะแคงข้างให้น้ำเข้ามาครึ่งถังแล้วจึงดึงขึ้นอย่างชำนาญ หากเขาเอาน้ำมาเต็มถังเกรงว่าคงยกไม่ไหวจึงทำเท่าที่ตนทำได้แม้ต้องเดินหลายรอบก็ตาม
"ท่านพ่อเราจะไปกันตอนไหนหรือเจ้าคะ"
หลี่หลิวนั่งแกว่งเท้าไปมากับน้องเล็กตรงขอบระเบียงบ้านด้านหลัง ท่านพ่อเห็นพี่ชายทำงานหลายรอบจึงเข้าไปช่วยส่วนางนั่งมองทิวทัศน์ทุ่งข้าวสีเขียวขจีที่คนเช่าปลูกไว้ก่อนหน้า ปีนี้ครอบครัวเราไม่ได้ทำนารออีกไม่กี่เดือนก็จะถึงฤดูเก็บเกี่ยวหลี่หลิววางแผนจะปลูกแตงโม ข้าวโพดและฟักทองหลังจากที่ผู้เช่าเกี่ยวข้าวเป็นที่เรียบร้อย
"ให้พ่อได้พักสักหน่อยก่อนค่อยไปได้หรือไม่"
ท่านพ่อที่เดินตักน้ำใส่จนเต็มตุ่มเดินปาดเหงื่อแต่เช้า นี่คงเป็นถังสุดท้ายแล้วที่ถูกเทใส่ตุ่มจนเต็ม ข้าก็รีบเกินไปจนลืมว่าท่านพ่อก็เหนื่อยล้าจากการยกน้ำเช่นกันให้ท่านได้พักสักหน่อยก่อนก็แล้วกัน ลมเย็นพัดผ่านมาเป็นละลอกต้นข้าวน้อยใหญ่พัดไปตามแรงลม ผีเสื้อตั๊กแตนบินไปมานกน้อยส่งเสียงออกหาอาหารอย่างกับว่าพวกมันร้องเพลงกล่อมคลอเคลียอยู่ข้างหู บรรยากาศดีอะไรเช่นนี้จะเสียก็แต่ช่วงนี้มีฝนตกเป็นบางช่วงจะไปไหนต้องใส่หมวกสานและเสื้อคลุมที่ทำจากใบลานเพื่อกันลมฝน เมื่อมันโดนน้ำแล้วหนักมาก หลี่หลิวคิดถึงชุดกันฝนที่ทำจากพลาสติกบางและร่มที่พกพาได้อย่างสะดวก
"ถ้าเรามีร่มคงดีไม่น้อย"
หลี่หลิวบ่นพึมพำเบาๆทว่าเสียงบ่นของนางทำให้น้องเล็กถามอย่างสงสัย
"ท่านจะซื้อร่มหรือขอรับ"
"มีร่มขายด้วยรึ?"
"มีสิขอรับ แต่มีแค่บ้านของผู้ใหญ่บ้านที่มีมัน เพราะไม่ค่อยมีคนนิยมซื้อกัน ท่านพ่อเคยบอกข้าว่ามีแต่พวกคนในเมืองเขาใช้กันพวกเราซื้อไม่ได้มันค่อนข้างแพงและไม่มีประโยชน์ เพราะพวกเราไม่สามารถถือร่มไปด้วยพร้อมกับทำงานได้ยังไงล่ะ"
น้องชายตัวน้อยอธิบายให้พี่สาวฟังด้วยเสียงสดใส เสียงเล็กๆน่ารักๆนั่นอีกทั้งแก้มสองข้างตอนนี้เริ่มยุ้ยๆเพราะเขากินมากขึ้นตอนนี้ก็เริ่มมีเนื้อมีหนังขึ้นมามากหน่อย แต่แก้มของเด็กน้อยนี่น่าหมั่นเคี้ยวจริงๆ หลี่หลิวใช้มือสองข้างดึงแก้มเจ้าตัวน้อยเบาๆ แก้มนุ่มๆนี่สบายมือดีจัง
"ท่านพี่เบาหน่อยแก้มข้าจะหลุดออกมาแล้ว"
หลี่เฉินทักท้วงเมื่อเห็นพี่สาวดึงแรงขึ้นเรื่อยๆ
"ฮ่าๆๆ ดูหน้างเจ้าสิแดงเหมือนตำลึงเลย"
หลี่หลิวชี้ไปที่แก้มน้องชายที่เป็นรอยจากฝีมือของนาง ก่อนจะเป่าเบาให้น้องชายด้วยความสงสาร
"ท่านพี่ห้ามดึงแก้มข้าอีกนะ ถ้าโตขึ้นข้าไม่หล่อขึ้นมาจะทำเช่นไร"
หลี่เฉินเอาสองมือน้อยๆคลำแก้มตนเองเบาๆพร้อมน้ำตาที่คลอติดอยู่ริมขอบตา มองแล้วน่าเอ็ดดูเหลือเกิน ตายจริงฉันเผลอบีบแรงไปหรือเปล่านะหลี่หลิวดึงน้อยตัวน้อยมากอดทว่ามือเล็กและแขนของนางก็มิอาจกอดน้องจนมิดได้แล้วกล่าวขอโทษไป แถมยังบอกอีกว่าโตขึ้นเจ้าต้องเป็นชายรูปงามอย่างแน่นอน
"น้องเล็กไปกันเถอะท่านพ่อให้มาตามเจ้า"
หลี่จงเดินมาเห็นสองพี่น้องกอดกันกลมจึงยิ้มแย้มแล้วเรียกนางไปให้ขึ้รถลาก หากไปสายอาจจะกลับมาล่าช้าเลยมื้อเที่ยงอีกเป็นแน่
"ข้าไปก่อนนะเจ้าอยู่บ้านช่วยทำท่านถางหญ้าไปนะ ข้าจะเอาของอร่อยมาให้เจ้าอย่างแน่นอน"
หลี่หลิวใช้ขาสั่นๆกระโดดลงพื้นยังดีที่ทรงตัวอยู่ไม่ล้มหน้าคะมำนางหัดหน้ามาโบกมือให้น้องเล็กก่อนจะหันหน้ารีบวิ่งตามพี่ชายไป
"ข้าก็อยาไปเหมือนกัน พวกท่านไม่อยู่ข้าเหงามากเลยนะ"
หลี่เฉินค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินลงบันใดหลังบ้านช้าๆอย่างระวังและไปโบกไม้โบกมือให้ท่านพี่อย่างอาลัย
"ดูเจ้าทำหน้าเข้าสิเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากเสียอย่างนั้น พี่เจ้าไปไม่นานก็กลับมาแล้ว"
"ข้าไม่มีเพื่อนนิขอรับ อยู่ในหมู่บ้านข้ามีเพื่อนเล่นมากมายแต่พอมาอยู่ที่นี่ข้าไม่มีเพื่อนเล่นด้วยเลย"
"อย่าห่วงไปเลย วันนี้เจ้าได้มีเพื่อนเล่นแน่ เจ้าจำท่านลุงกับท่านป้าสองคนที่เจอวันแรกได้หรือไม่ เขาบอกว่าวันนี้จะพาหลานๆมาด้วยทีนี้เจ้าก็จะไม่เหงาแล้วใช่ไหม"
หวังลู่มองบุตรชายที่หน้ามุ้ยในตอนแรกแล้วกลับมายิ้มแป้นก็อดสงสารไม่ได้ เพราะมาอยู่กลางดินกินกลางนาเช่นนี้เขาเลยเหงาหงอยจะเฮฮาหน่อยก็ตอนที่พี่ๆเขากลับมา
"ท่านแม่ท่านพูดจริงนะขอรับ"
"ใช่สิ แม่ไม่โกหกเจ้าแน่"
เมื่อได้รับคำมั่นจากท่านแม่เขาก็กลับมาร่าเริงและช่วยท่านแม่ถอนหญ้าออกจากแปลงมันโดยไม่ลืมที่จะชะเง้อดูว่าเพื่อนๆจะมาถึงตอนไหน
ที่ตีนเขา...
หลี่หลิวที่พกเบ็ดพร้อมถังไม้ที่ใส่น้ำลงไปด้วยนั่งตกปลาริมลำธารนางใช้ใบไม้วางหลายใบก่อนจะนั่งสมาธิถือเบ็ดหนึ่งอันด้วยมือสองข้างรอคอยปลามากินเบ็ดอย่างใจเย็น ส่วนท่านพ่อกับพี่ใหญ่ก็พากันตัดไม้ไผ่เหลากิ่งก้านเพื่อให้ประหยัดพื้นที่รถลาก วันนี้หลี่หลิวจะตกปลาแค่อย่างเดียวส่วนมื้อกลางวันคงนหนีไม่พ้นแกงปลาใส่หน่อไม้และผัดหน่อไม้ที่เหลือจากมื้อเช้าอีกหนึ่งจาน จะว่าไปแล้วอาหารที่มีแต่ปลามันก็น่าเบื่อหน่ายเกินไปต้องมีเนื้อมีผักด้วยถึงจะดี ไว้คราวหน้าถ้าท่านพ่อไปตลาดเช้าอีกจะขอให้ท่านซื้อลูกเจี๊ยบกลับมาด้วยจะได้มีไข่ไว้กินยามเช้า
"เล้าไก่ ต้องบอกท่านพ่อทำให้สักเล้าหวังว่าท่านพ่อจะยอมนะถึงจะขาดแคลนอาหารไก่แต่ถ้าให้อาหารมื้อเดียวแล้วปล่อยพวกมันออกหากินเองก็ใช่ว่าจะไม่ได้สักทีเดียวท่านพ่อต้องเห็นด้วยเป็นแน่"
แต่จะทำอย่างไรดีข้าพึ่งถลุงเงินท่านพ่อไปมาก หรือจะรอให้ขายอาหารได้ก่อนแล้วค่อยทำดีนะ
หลี่หลิวนำกิ่งไม้แห้งที่ผูกไว้หนึ่งคืบมันขยับสักพักปลาก็กระตุกเบ็ด วันนี้ปลาที่ได้มีแต่ตัวเล็กๆทั้งนั้นสงสัยว่าพวกปลามันจะเริ่มรู้แล้วว่ามีอันตราย
"ได้มาสี่ห้าตัวแล้วมีแต่ปลานิลทั้งนั้นเลย เอาล่ะพวกเจ้าอยู่ในถังน้ำนี่ไปก่อนนะข้าจะไปหาท่านพ่อก่อน"
หลี่หลิวใช้นิ้วน้อยๆจิ้มตัวปลาเบาๆพวกมันวิ่งว่ายวนหนีกันจนน้ำกระเด็นออกจากถัง หลี่หลิวพรางเดินและวิ่งไปตามทางที่ได้ยินเสียงตัดไม้ แสงแดดอ่อนๆยามเช้าเด็กน้อยที่วิ่งไปข้างหน้าพร้อมลมพัดผมที่ยาวปะบ่าสะบัดไปตามแรงเป็นอะไรที่ดูสบายตาอย่างยิ่ง ป่าไผ่เขียวชะอุ่มแต่ไม่ได้รกลุงลังต้นไผ่สูงใหญ่ให้ร่มเงามีเสียงลมพัดหวิดหวิวมาเป็นระยะคนที่ชอบสายน้ำภูเขาเช่นหลี่หลิวประทับใจทุกครั้งที่มาที่นี่
"ท่านพ่อ ท่านพี่"
เสียงหวานสดใสร้องนำก่อนที่ตัวคนจะปรากฏออกมา
"อ้าวเจ้าพอแล้วรึ?"
ท่านพ่อใช้ผ้าคล้องคอก้มซับเหงื่อก่อนจะหันหน้ามามองบุตรสาว
"ข้าพอแล้วเอาไปเยอะก็เท่านั้นเดี๋ยวปลาจะผอมตายก่อนที่มันจะได้ลงบ่อ"
หลี่หลิวหยิบก้านไม้ไผ่ที่หล่นพื้นมาแล้วนั่งลงไม่ไกลนัก เพราะกลัวจะเกะกะการทำงานของสองพ่อลูกเอาได้
"ดีแล้วๆ ถ้าขืนเจ้าเอาไปเยอะปลาได้หมดลำธารเป็นแน่"
หลี่หงพูดหยอกล้อบุตรสาวและหัวเราะเบาะถึงจะเหน็ดเหนื่อยทว่าบนใบหน้ากับมีรอยยิ้มแต้มอยู่เสมอ
"ข้าได้มาไม่กี่ตัว แถมลำธารก็ทอดยาวขนาดนั้นมันจะหมดได้เช่นไร"
หลี่หลิวจับไม้ไผ่นั่งวาดรูปเล่นไปพรางๆและพูดคุยกับท่านพี่และท่านพ่อจนพวกเขาได้ไม้ไผ่เพียงพอจึงได้ชวนพี่ชายไปเก็บผักป่าก่อนค่อยกลับบ้าน
สามสี่วันมานี้ก็เป็นเช่นเดิมสามพ่อลูกออกไปตัดไผ่และสร้างกำแพงจนเสร็จ ในที่สุดก็ได้เริ่มการทำกระบอกและทำกับข้าวไปขายในเช้ามืด ครั้งนี้ทุกคนออกจากบ้านมาพร้อมกันทั้งห้าคนพ่อแม่ลูก หลี่หลิวเตรียมเครื่องครัวตั้งแต่ช่วงเย็นและบอกให้ท่านพ่อยกเตาขึ้นรถพร้อมไม้ฟืนไว้ก่อไฟ นางได้บอกท่านพ่อท่านแม่ว่าจะทำไปด้วยขายไปด้วยลูกค้าจะได้กินของสดใหม่หากนำไปขายจากที่ทำจากบ้านกว่าจึงถึงตลาดกับข้าวก็ชืดไปหมดแล้ว ท่านแม่เห็นด้วยเช่นกันจึงตกลงทำตามที่นางว่า
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 40
Comments