ในขณะเดียวกันนั้น ภายในจวนหลังใหญ่ของเสนาบดีฝ่ายซ้าย ได้มีเสียงพูดคุยกันถึงเรื่องการหายตัวไปของเฟิ่งเซียนเช่นเดียวกัน
"พวกเจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ว่ามันตายแล้ว"
น้ำเสียงที่ฟังดูหน้ากลัวดังออกมาจากปากสตรีผู้หนึ่ง ในยามปกตินั้นนางจะมีน้ำเสียงที่อ่อนหวานเวลาอยู่ต่อหน้าผู้เป็นสามีเสมอ
แต่ในเวลานี้กลับเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน หากผู้เป็นสามีมาพบเข้าคงไม่เชื่อเป็นแน่ว่านี่คือภรรยาผู้ใจดีและอ่อนหวานของตน
"ขอรับฮูหยิน พวกข้าได้ทิ้งร่างนางไว้ที่ป่าร้อยอสูร คงมีสัตว์อสูรมากมายแย่งกันรุมทึ้งร่างนางเป็นแน่ แต่หากนางโชคดี ก็คงตายเพราะพิษเช่นเดิมขอรับ"
ฮูหยินรองที่ตอนนี้ขยับตำแหน่งขึ้นมาฮูหยินใหญ่ได้หลายปีแล้วยกยิ้มอย่างชอบใจ นางนั้นไม่หวาดกลัวการมีอยู่ของไป๋เฟิ่งเซียนเลยแม้แต่นิด แต่นางเกลียดชังใบหน้างามที่ส่อเค้างดงามนั่น ใบหน้าที่เหมือนกับนางหญิงแพศยาที่ทำให้นางเป็นแค่ฮูหยินรองของสามีอยู่หลายปี นางเกลียดมัน เกลียดมากจนอยากจะสับร่างมันสักหมื่นๆ ชิ้น!!
ป่าร้อยอสูร
สัตว์เทพทั้งสี่ที่ตอนนี้จัดแจงหน้าที่ที่ตนพึงกระทำอยู่ โดยมีมังกรฟ้าและเสือขาวเป็นผู้สร้างสำนัก แล้วสิ่งต่างๆ โดยรอบ จัดการทิ้งกลิ่นอายสัตว์เทพเพื่อไม่ให้สัตว์อสูรในป่ามาวุ่นวายและสร้างปัญหา
ส่วนหงส์แดงและเต่าดำนั้นได้รับหน้าที่ในการหาคนเข้าสำนัก โดยมีสองสถานที่ที่พวกนางต้องไปนั่นคือ โรงค้าทาสและวัดร้างในเมืองกว่างโจว
ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับป่าร้อยอสูร วัดร้างของเมืองกว่างโจวเป็นแหล่งรวมของขอทาน ผู้ไร้บ้าน ถือเป็นสถานที่ที่อันตรายพอสมควรสำหรับคนทั่วไป แต่ไม่ใช่กับสัตว์เทพเช่นพวกเขา
สัตว์เทพทั้งสี่มีความสามารถในการหยั่งรู้จิตใจคน เป็นความสามารถที่แม้ไม่ได้รู้ว่าคนผู้นั้นกำลังคิดสิ่งใดอยู่ แต่ย่อมรู้ว่าคนผู้นั้นมีจิตใจบริสุทธิ์และจงรักภักดีหรือไม่ เหมาะแก่การเสาะหาคนมาเข้าสำนักของนายหญิงเป็นที่สุด
เหตุผลหลักที่เลือกบุคคลเหล่านี้นั้นย่อมมีเหตุผล เหล่าทาสและขอทานส่วนมากจะไม่มีครอบครัวและเป็นคนที่ต้องการโอกาสในการหลุดพ้น เมื่อมีสิ่งที่ดีถูกยื่นให้พวกเขาจะคว้ามันไว้ และจะรักษามันให้ดีที่สุด
ฝั่งของเฟิ่งเซียนนั้นตอนนี้สามารถใช้ธาตุต่างๆ ได้แล้ว แต่เป็นเพียงพื้นฐานในการใช้ธาตุเท่านั้น ยังไม่เริ่มฝึกวรยุทธ์หรือเริ่มปรุงโอสถ
นางอยากใช้ธาตุต่างๆ ให้ชำนาญเสียก่อน หลังจากที่เริ่มฝึกมาตอนนี้นางมีพลังปราณอยูที่ ก่อเกิดขั้นกลางแล้ว
ถือว่าเร็วมากสำหรับผู้ที่เริ่มฝึกเพียงไม่กี่วันอย่างเฟิ่งเซียน โดยทั่วไปผู้ฝึกปราณเริ่มต้นนั้นต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากมายในการฝึก แต่สิ่งเหล่านั้นเฟิ่งเซียนมีมากมายเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้นภายในมิติของนางยังมีปราณบริสุทธิ์ที่มีมากกว่าโลกภายนอกมากนัก จึงเหมาะแก่การฝึกและทำให้เฟิ่งเซียนมีพัฒนาการที่รวดเร็วเช่นนี้
หลังจากเริ่มฝึกตอนนี้ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว เฟิ่งเซียนที่มีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด พลังของนางขึ้นมาอยู่ที่ ระดับหลอมรวม ขั้นต้นเป็นที่เรียบร้อย เป็นเวลาเดียวกับที่สัตว์เทพทั้งสี่กลับมารายงานกับนางว่า พวกตนจัดเตรียมบุคคลและสถานที่ ที่จะสร้างสำนักเรียบร้อยแล้ว
เฟิ่งเซียนและสี่สัตว์เทพจึงออกมาจากมิติ เฟิ่งเซียนมองไปโดยรอบพบกับลานกว้างที่เป็นสถานที่ ที่ใช้ฝึกสำหรับศิษย์ภายในสำนักของนาง ถัดไปนั้นมีอาคารหลังใหญ่หลายหลังตั้งอยู่ โดยตรงกลางนั้นเป็นโถงพิธี เป็นสถานที่ใช้จัดประชุมและงานสำคัญของสำนักในอนาคต
ฝั่งซ้ายเป็นหอคัมภีร์มีตำราศึกษาธาตุและวรยุทธ์และวิธีการปรุงโอสถอยู่มากมาย ส่วนฝั่งขวานั้นเป็นส่วนหอโอสถ มีห้องปรุงโอสถและตำราศึกษาศาสตร์ต่างๆ
ถัดไปด้านหลังของหอคัมภีร์เป็นเรือนนอนของศิษย์หญิงภายในสำนัก มีเรือนนอนมากกว่าสิบเรือนถูกสร้างไว้ บริเวณรอบเรือนนั้นมีดอกไม้ ต้นไม้ คอยให้ร่มเงาเหมาะแก่การพักผ่อน
แต่ละเรือนนอนนั้นสามารถบรรจุคนได้มากกว่าห้าสิบคน โดยมีห้องแยกมากกว่ายี่สิบห้อง มีห้องอาบน้ำด้านล่างอาคาร และมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน
เช่นเดียวกับเรือนนอนของศิษย์ชายที่อยู่ด้านหลังหอโอสถ บริเวณรอบสำนักนั้นมีพื้นที่ขนาดใหญ่สามารถใช้ฝึกได้ตามต้องการ
ศิษย์ในสำนักนั้นจะได้รับชุดกันคนละหกชุด โดยชุดที่ได้รับประกอบด้วยชุดสีดำขลับตัดด้วยไหมสีเงิน ปักลวดลายของดอกเฟิ่งเซียนสีแดงเพลิงที่อกซ้าย คนละสองชุด ชุดนอนสองชุด และชุดปฏิบัติภารกิจอีกสองชุด
แต่ละคนจะมีแผ่นป้ายประจำตัวโดยจะสลักชื่อไว้ด้านหลังแผ่นป้าย ด้านหน้าเป็นรูปดอกเฟิ่งเซียนสีแดงเพลิงงดงามล้อมด้วยสัตว์เทพทั้งสี่ และสัตว์เทพยังได้ทิ้งกลิ่นอายไว้ในแผ่นป้ายเพื่อป้องกันการเลียนแบบอีกด้วย
เฟิ่งเซียนเดินลึกลงไปด้านหลังของหอพิธีก็พบกับน้ำตกขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยตนไม้และดอกไม้นาๆ พรรณ ดูงดงาม
ลึกลงไปเป็นที่อยู่ของเจ้าสำนักและสัตว์เทพทั้งสี่ มีเรือนนอนรับรองแขกอยู่รอบข้างอีกสองเรือน โดยสำนักของนางนั้นมีกำเเพงที่ใหญ่โตล้อมรอบไว้ กินพื้นที่ถึงหนึ่งในสี่ของเขตป่าชั้นในเลยทีเดียว
เฟิ่งเซียนพยักหน้าอย่างพอใจ นางตั้งใจจะตั้งชื่อสำนักว่า สำนักเพลิงบุปผา โดยที่สำนักจะถูกแบ่งแยกออกเป็นสี่หน่วยโดยมีผู้ดูแลทั้งสี่คน
หน่วยแรกคือผู้ปรุงโอสถ มีมังกรฟ้าเป็นผู้รับหน้าที่ฝึกสอน และควบคุม
หน่วยที่สองหน่วยองครักษ์เป็นของเต่าดำ เป็นหน่วยที่เน้นการฝึกวรยุทธ์เป็นสำคัญมีความแข็งแกร่ง
หน่วยที่สามผู้รับหน้าที่คือหงส์แดง เป็นหน่วยข่าวกรอง ใช้ในการหาข้อมูลสำคัญต่างๆ ไม่ว่าเรื่องราวจะเล็กหรือใหญ่ก็ไม่สามารถเล็ดลอดหน่วยนี้ไปได้
หน่วยสุดท้ายเป็นของเสือขาว หน่วยนี้มีความคล้ายคลึงกับหน่วยแรก นั่นก็คือผู้ใช้พิษ เป็นผู้เชี่ยวชาญในการฆ่าด้วยพิษ หน่วยนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ปรุงโอสถก็สามารถเป็นได้ เพียงจะเป็นจะต้องศึกษาพิษอย่างชำนาญ
"นายหญิงในยามโหย่วข้าจะให้ศิษย์ของสำนักมาคารวะท่านนะเจ้าคะ"หงส์แดงเอ่ยกับผู้เป็นนาย
"พวกเจ้ามีชื่อหรือไม่"
"เรียนนายหญิงพวกเรามีชื่อเจ้าค่ะ ชื่อนี้เป็นชื่อที่นายหญิงเป็นคนตั้งให้ ตัวข้านั้นมีนามว่าจูเชวี่ย มังกรฟ้ามีนามว่า ชิงหลง เสือขาวมีนามว่าไป่หู่ และเต่าดำมีนามว่าเสวียนอู่เจ้าค่ะ"เฟิ่งเซียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ
"พวกเจ้าไปพักเถิด ยามโหย่วค่อยมาหาเรา"
สิ้นคำของเฟิ่งเซียน สัตว์เทพทั้งสี่ก็หายเข้าไปพักในมิติ โดยที่ตัวนางนั้นยังคงเดินสำรวจภายในสำนัก
*****
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 10
Comments