ตอนที่ 2

ทักษกรหรือแทค(ต่อไปนี้จะขอเรียกว่าชื่อเล่นแทนชื่อจริง) ลูกชายคนรองของเจ้าสัวทองคำ เขามีพี่ชายที่อายุห่างกันสี่ปีหนึ่งคนชื่อทิค และมีน้องชายที่อายุห่างกันสามปีอีกหนึ่งคนชื่อโท

พ่อแม่หย่าร้างด้วยเหตุผลบางอย่างแต่ก็ยังไปมาหาสู่กันเสมอ ...เพราะพวกเขายังรักกันดีอยู่นั่นเอง(?)

"แม่โทรมาบ่นว่าพักนี้แกไม่โผล่หน้าไปให้เขาเห็นเลย"

ตอนนี้สองพ่อลูกกำลังนั่งเผชิญหน้ากันอยู่ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ นอกจากคุยเรื่องงานแล้วยังรวมถึงเรื่องชีวิตประจำวันทั่วไปด้วย

"ผมไม่ค่อยว่างพ่อก็รู้"

"เออ แล้วกูก็รู้ด้วยว่ามึงติดผู้หญิง"

"ติดก็แย่ละ"

เจ้าสัวทองคำนึกขำลูกชายคนรองอยู่ไม่น้อย คนอย่างมันจะหาความอ่อนโยนจากไหนให้ผู้หญิง ไม่ทำเขาร้องไห้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

"ยังไงก็หาเวลาไปหาแม่เขาหน่อย"

"ครับ"

ร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินออกมาเจอลูกน้องของพ่อซึ่งยืนรออยู่ก่อนแล้ว คนพวกนั้นโค้งหัวเคารพอย่างนอบน้อม ส่วนเขาทำเพียงพยักหน้าให้แล้วเดินผ่านไป

วันหยุดไม่ชอบออกไปไหน มักจะขลุกอยู่ที่อู่ซ่อมรถซึ่งเป็นอู่ที่เอาไว้ทำรถตัวเองโดยเฉพาะ หากใครสนใจอยากเอารถมาทำที่นี่ก็มีช่างฝีมือดีคอยให้บริการ แต่รับเฉพาะรถหรูเท่านั้นนะ มอเตอร์ไซค์ก็เช่นกัน

ร่างกายกำยำเลื่อนตัวออกมาจากใต้ท้องรถ คว้าผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดมือลวกๆก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องสวยในกระเป๋ากางเกงออกมากดส่งข้อความหาใครบางคน ส่งเสร็จก็ไปไล่ตรวจงานเพื่อฆ่าเวลา

สามสิบนาทีต่อมา... ทานตะวันอยากจะร้องไห้เป็นรอบที่ร้อยเมื่ออยู่ๆคุณเจ้าหนี้ที่น่ากลัวก็ส่งข้อความมาบอกว่าหิวข้าวพร้อมส่งโลเคชั่นมาให้

คนที่กำลังช่วยงานพ่อกับแม่อยู่เลยรีบจัดกับข้าวใส่ปิ่นโตเถาใหญ่ จากนั้นก็รีบขี่มอเตอร์ไซค์เอามาให้ยังสถานที่ที่ว่า ถูกสายตาหลายสิบคู่จับจ้องจนทานตะวันหวั่นกลัว ไหนจะพวกช่าง พวกลูกน้อง คนงานอีก แทบไม่กล้าขยับตัวลงจากรถ

เหงื่อตกด้วยความร้อนของอากาศผสมรวมกับความประหม่าจนตาพร่าแทบเป็นลม ใครก็ได้เอาคนพวกนี้ไปเก็บที!

"มาทำอะไร" เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่เจ้าของร่างจะเดินตรงมา ใบหน้าดุดัน รูปร่างสูงใหญ่กำยำเสียจนหญิงสาวตัวสั่นขวัญกระเจิง นี่มันรวมพลคนน่ากลัวทั้งนั้นเลยนี่นา

"อะ เอ่อ... หนูเอาข้าวมาให้คุณแทคค่ะ"

"ข้าว? อ่อ... งั้นก็เดินเข้าไปทางนั้นน่ะ เจ้านายน่าจะอยู่ในออฟฟิศล่ะมั้ง"

มองตามนิ้วชี้ของคุณพี่ท่านนี้ ทางค่อนข้างซับซ้อนเพราะถูกแบ่งเป็นบล็อกๆสำหรับรถแต่ละคัน ซึ่งตัวออฟฟิศอยู่ด้านในสุดนู้นแหนะ

คนไม่รู้ทางพยักหน้าตาลอยๆ แต่อย่างน้อยก็ยังพอฉลาดอยู่บ้างโดยการส่งข้อความกลับไปบอกคุณเจ้าหนี้ว่ามาถึงแล้วกำลังเดินเข้าไป

ระหว่างทางต้องอดทนต่อสายตาแทะโลมอย่างเปิดเผยของคนพวกนัั้น สามเดือนใครว่ามันง่ายอยากให้ลองมาเป็นเธอดูเหลือเกิน

ในที่สุดทานตะวันก็เดินมาถึงออฟฟิศ โดยมีเจ้าหนี้หน้าดุยืนกอดอกรออยู่นานแล้ว เธอยิ้มโล่งใจรีบสาวเท้าเข้าไปหา

"ช้า" คำแรกก็เอาซะรอยยิ้มปลิวหาย กว่าจะมาถึงได้คุณเจ้าหนี้รู้ไหมว่าไอ้ทานตะวันคนนี้ฉี่แทบราดกางเกง

"ขอโทษค่ะ" นี่ก็เร็วสุดเท่าที่จะทำได้แล้วค่าาาา อยากตอบแบบนี้มากแต่กลัวตาย

"ไหนล่ะ"

"นี่ค่ะ"

ส่งปิ่นโตให้ ดีแค่ไหนที่บ้านเธอเปิดร้านขายข้าวแกง ข้างกันเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวกกับข้าวมันไก่ของพ่อ ทำให้ไม่ต้องวิ่งหาร้านอาหารให้เหนื่อย ในย่านจึงมีแค่ร้านของบ้านเธอที่เปิดขายทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์

"กับข้าวจากร้านตะวันเอง"

"เหรอ? ทำสะอาดใช่ไหม"

"สะอาดสิคะ หน้าร้านสะอาดยังไงหลังร้านก็สะอาดอย่างงั้น ไม่เชื่อก็ไปดูได้"

ไม่ชอบใจเท่าไรหรอก พูดเหมือนว่าร้านของบ้านเธอสกปรกทั้งที่ไม่เคยไปกินเลยสักครั้ง ถึงจะไม่ใช่ร้านติดแอร์แต่ก็เป็นร้านที่ได้มาตรฐาน สะอาดถูกหลักอนามัยทุกอย่าง เปิดมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายเชียวนา

ฟึดฟัดฮึดฮัดพองแก้ม ทำปากงุบงิบบ่นในใจด้วยกลัวอีกฝ่ายจะได้ยิน ก็แหม... ทานตะวันจอมขี้ขลาดจะกล้าหือกับคุณเจ้าหนี้ที่น่าเกรงขามได้ยังไง

แทคมองหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังไม่พอใจ แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบคำพูดของเขาเป็นอย่างมาก ปกติเห็นทำหน้าจะร้องไห้ตลอด ดูตอนนี้สิยับยู่ขู่ฟู่ฟู่เหมือนลูกเจี๊ยบพยายามเบ่งอึ๊ ตลกชิบหาย...

"ใครจะไปรู้ ร้านอาหารเดี๋ยวนี้สักแต่จะเปิด"

"แต่ไม่ใช่กับร้านของตะวันแน่นอน ร้านตะวันเปิดมาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่รุ่นปู่นู้นแหนะ"

"ก็ดี"

ทานตะวันเดินตามร่างสูงใหญ่เข้ามาในออฟฟิศ เขาวางปิ่นโตไว้บนโต๊ะกระจกก่อนเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่ม

"แล้วคุณมีอะไรจะใช้อีกไหม"

"มี เธอเรียนบัญชีใช่ไหม"

"ค่ะ คุณรู้ได้ไง"

"ก็... เดาเอา สรุปว่าใช่?"

"ค่ะ"

"จัดการบัญชีให้หน่อยแล้วกัน กองนั้นเลย"

ทานตะวันอยากจะบ้าตาย สุดท้ายก็ไปนั่งทำให้ ส่วนแทคนั่งกินข้าวพลางมองร่างสมส่วนทำงานให้ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเหมือนกับกำลังห้ามตัวเองไม่อยู่

"อยากกินอะไรไหมล่ะ น้ำ? ขนม? บอกมาสิเดี๋ยวฉันสั่งให้ ถือเป็นค่าล่วงเวลาวันหยุด"

"เค้กค่ะ ขอโกโก้เย็นด้วย" แม้ในใจอยากจะบอกว่าช่วยลดเวลาการใช้หนี้ให้หน่อยก็เถอะ สามเดือนเหมือนสามปีไม่เกินจริง

"โอเค"

ราวกับมีความพอใจลอยฟุ้งไปทั่วห้องโดยที่คนบางคนไม่รู้ มือหนากดสั่งเค้กและเครื่องดื่มจากร้านใกล้ๆมาไว้ให้ จากนั้นก็นั่งกินข้าวเงียบๆจนหมด ยกไปล้างและวางคว่ำไว้ให้แห้ง

ทานตะวันคนดีใช้เวลาอยู่ที่อู่จนเย็นย่ำเพราะต้องช่วยงานแทคหลายอย่าง อีกฝ่ายขยันสรรหางานมาให้ทำ นี่ก็คอยเป็นลูกน้องหยิบจับเครื่องมือให้นายช่างใหญ่เขา

ดีนะส่งข้อความไปบอกพ่อกับแม่เรียบร้อยแล้วว่ากลับเย็นเพราะต้องช่วยงานกิจกรรมที่คณะ แน่นอนล่ะว่าโกหกคำโต รู้สึกผิดแต่มันเป็นวิธีเดียวที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันนั้นได้

"อีกนานไหมคะ นี่มันก็เย็นแล้ว" ถามพลางรับเครื่องมือที่อีกคนส่งมาให้ใส่กล่อง

แทคเลื่อนตัวออกมาจากใต้ท้องรถ ใบหน้าและมือเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมันเครื่อง เห็นดังนั้นทานตะวันลุกไปหยิบผ้าสะอาดมาเช็ดออกให้ เธอค่อยๆเช็ดคราบที่เปื้อนหน้าผาก แก้ม รวมถึงตรงคางออกอย่างเบามือ ทำโดยที่เขาไม่ต้องสั่ง

"เสร็จจากนี่ตะวันกลับได้เลยไหม" เธอถาม

"อือ" เขาเอ่ยตอบพลางนั่งให้เธอเช็ดมือต่อ

"ต้องอาบน้ำแบบดีๆเลย เลอะมาก"

"งั้นอาบให้หน่อยสิ"

มือบางชะงักค้างรีบเงยหน้าขึ้นมองคนพูดอย่างไม่เชื่อหู หัวใจที่กำลังดี๊ด๊าเพราะจะได้กลับบ้านเป็นอันสั่นระรัว จะต้องทำให้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ...

"มันก็ออกจะเกินไปหน่อยหรือเปล่าคะ ตะวันเป็นผู้หญิงส่วนคุณเป็นผู้ชาย..."

ไม่เหมาะอย่างแรง!

"เป็นเบ๊ต้องทำได้ทุกอย่าง"

"ตะ แต่..."

คราวนี้ทานตะวันทนไม่ไหวจริงๆ วันสองวันมานี้เธอเครียดมาก หากต้องทำถึงขนาดอาบน้ำให้อีกฝ่ายมันก็ออกจะมากเกินไป เกิดมายังไม่เคยอาบน้ำให้ใครเลยนอกจากน้องหมาของป้าข้างบ้านที่เคยเอามาฝากเลี้ยงเพราะต้องไปทำธุระต่างจังหวัด

เมื่อหาทางไปต่อไม่ได้ก็ร้องไห้มันเสียเลย ทานตะวันคนขี้ขลาดน้ำตาไหลพราก แหกปากเสียงดัง พ่อชอบบอกว่าเวลาเธอร้องไห้จะขี้เหร่มาก เธอจึงเถียงกลับไปว่าใครบ้างร้องไห้แล้วไม่ขี้เหร่ เจ็บปวดเสียใจใบหน้าคนเรามันต่างก็เหยเกกันทั้งนั้น ยิ่งเธอไม่ใช่คนสวยภาพลักษณ์เลยไม่ใช่เรื่องที่ต้องห่วง

แทคตกใจกับภาพตรงหน้า เป็นฝ่ายเขาบ้างที่นิ่งค้าง ในที่สุดก็ทำให้หญิงสาวขี้กลัวร้องไห้จนได้ ดีต่อกันมาทั้งวันดันพังเพราะอยากแกล้งแท้ๆ แล้วไม่รู้วิธีปลอบใจคนเสียด้วย เอายังไงดี...

"เธอคิดว่าฉันจะให้ทำแบบนั้นจริงๆหรือไง"

คนร้องไห้พยักหน้ารัว ก็คนอย่างทักษกรน่ะ...

"หยุดร้องไห้ได้แล้วน่า ฉันไม่ได้โรคจิตซะหน่อย"

ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะ! ทานตะวันคิดในใจ

แทคยื่นมือมาปาดเช็ดน้ำตาออกให้ หญิงสาวเบะปากปัดมือหนาออกทันทีที่แตะแก้มเธอ

"ฮะ ฮือออ มือเปื้อน!"

"อ่อ โทษๆ"

อยากขำแต่กลั้นไว้ ยัยนี่ตลกกว่าที่คิดแฮะ

สุดท้ายไม่ได้อาบน้ำให้ ใครมันจะบ้าขนาดนั้นกัน! ถ้าขนาดนั้นก็เข้าขั้นโรคจิตแล้ว แทคเดินออกมาส่งถึงหน้าอู่ เพราะทานตะวันบ่นว่าไม่อยากไปคนเดียว เพื่อไถ่โทษก็เลยเดินออกมาด้วย

เออ เข้าใจแล้วทำไมยัยนี่ถึงกลัว สายตาแต่ละคนมันไม่คิดจะปิดบังสักนิด เขาเลยยกแขนพาดบ่าคนตัวเล็กกว่าไว้พลางไล่สายตากดดันพวกมันทุกคน แน่นอนว่าได้ผล ไม่มีใครกล้ามองอีกต่อไปเพราะรู้ว่าถ้าทำให้โกรธจะเป็นอย่างไร

ทานตะวันขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ใจ หยิบหมวกกันน็อคมาใส่ก่อนหันมองคนตัวสูง เขายืนเท้าเอวมองเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเฉกเช่นทุกครั้ง

"ไปได้แล้ว" เสียงทุ้มดุเอ่ยไล่

"อื้อ แต่ว่าพรุ่งนี้ตะวันอาจจะไม่ว่างนะคะ"

แทคพยักหน้ารับรู้ ปัดมือให้กลับไปได้แล้ว หญิงสาวจึงขี่รถออกไป หัวใจกลับมาเบิกบานอีกครั้ง

"ตัดเงินทุกคน คนละสองพัน" พูดจบร่างสูงใหญ่ก็เดินกลับเข้าไป เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบและเงินเดือนที่ลดลงของเหล่าลูกน้อง

"ชิบหายละ คนนี้นายจริงจัง"

//

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!