ชมรมเหนือธรรมชาติ

       “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อแมดเดอลีน กรีมัวร์ เป็นนักเรียนใหม่ของมหาวิทยาลัยโบย่า ส่วนสูง157เซน น้ำหนัก45กิโลกรัม อายุ22ปี โดยส่วนตัวแล้วชอบเรื่องลี้ลับ เหนือธรรมชาติ และสุนัขค่ะ ส่วนคณะที่เรียน…”

เธอแนะนำตัวกับชมรมที่เธอนั้นได้เข้า นั่นก็คือชมรมเหนือธรรมชาติ ซึ่งมีกันอยู่4คน(อดีต)

        “นี่พวกนาย”จัสตินเรียกเพื่อนๆมาปรึกษาและปล่อยให้แมดเดอลีนยืนงง

        “อะไรวะ”จอสตอบ

        “ฉันว่าเราแนะนำให้เธอไปอยู่ชมรมอื่นดีไหม?”

เพื่อนในกลุ่มต่างคิดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ทำไม?”

        “ฉันว่าเธอดูอ่อนต่อโลกมากนะ อีกอย่างกิจกรรมชมรมของพวกเรามันค่อนข้างที่จะ… ไม่เหมาะกับสาวน้อยสักเท่าไหร่” จัสตินตอบด้วยจิตใจที่กังวล

        “เธอจะเข้าหรือไม่เข้านั้นให้เธอได้เป็นคนกำหนดเถอะ”ไวโอเลตตอบ

        “นั่นดิ จะไปบังคับเธอไม่ได้หรอกนะ พ่อหนุ่ม”จอสก็เสริมด้วยอีกคน

คริมสันเองก็พยักหน้าเห็นด้วยตามเพื่อนๆ

        “ม.. ม.. ไม่ได้บังคับสักหน่อย แค่เป็นห่วงเธอเท่านั้นเอง แต่เอาเถอะ ให้เธอเป็นคนกำหนดแล้วกัน”

จากนั้นเหล่าแก๊งก็ได้มานั่งสัมภาษณ์แมดเดอลีนต่อ ทั้งถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงอยากเข้าชมรมนี้? ชอบเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน? แล้วถ้าเข้ามาแล้วเธอจะทำกิจกรรมชมรมได้ไหม?

คำถามเหล่านี้ แมดเดอลีนนั้นตอบได้อย่างง่ายดาย แต่คำตอบของแต่ละช้อนั้นทำเอาเหล่าแก๊งนี้ตกใจอยู่เหมือนกัน

อย่างคำถามแรก “ทำไมถึงอยากเข้าชมรมนี้?” เธอได้ให้คำตอบมาว่า “มันน่าสนใจและฉันอยากลองใช้มันด้วย”

คำถามที่สอง “ชอบเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน?” เธอตอบ “มากที่สุด ถึงขนาดที่ฉันอยากจะร่ายเวทให้พวกเธอกลายเป็นกบเลยล่ะ”

คำถามที่สามซึ่งเป็นคำถามสุดท้าย เธอได้ตอบว่า “ได้แน่นอน เพราะเวทมนตร์นั้นเป็นเรื่องที่ต้องทุ้มสุดตัวเพื่อที่จะได้ครอบครองมันใช่ไหมล่ะ”

ถึงจะบอกอย่างงั้นก็เถอะ แต่แมดเดอลีนเองก็ไม่เข้าใจตัวเอเหมือนกัน ว่าทำไมถึงได้หลงใหลเรื่องพวกนี้แบบหัวปักหัวปำ บางทีเธออาจจะคิดว่าเป็นเพราะนามสกุลตัวเอง แต่นั่นมันก็แค่นามสกุล “ธรรมดาๆ”

        “เป็นไง ให้ฉันร่วมชมรมพวกเธอได้ไหม?” แมดเดอลีนถามด้วยรอยยิ้มน่ารัก

        “ถ้าใจเธอมันต้องการอย่างงั้น เราก็ยินดีต้อนรับ”ไวโอเลตตอบ พร้อมเดินไปกอดแมดเดอลีน จากนั้นก็เริ่มกล่าวแนะนำตัว

        “สวัสดี ฉันไวโอเลต แกรมม่า เป็นหญิงที่สนใจเรื่องลี้ลับเหมือนกับเธอนั่นแหละ ยินดีที่ได้รู้จัก”

        “สวัสดีผม คริมสัน”

        “จอส”

        “ผมจัสตินครับ”

        “ยินดีต้อนรับสู่ชมรมเหนือธรรมชาติ!” เหล่าแก๊งทั้ง4คนได้พูดพร้อมกัน พร้อมก้มศีรษะลงจากนอบน้อม

ลักษณะของห้องชมรม มีอยู่หลายมุมในห้อง แต่ส่วนใหญ่จัดเหมือนห้องสมุดโดยมีสมุดอยู่บนชั้นวางเป็นรอบๆ และมีขั้นบันไดให้เดินต่อขึ้นไปเรื่อยๆ

ชั้นล่างสุดจะเป็นที่ที่เหล่าแก๊งสัมภาษณ์แมดเดอลีน โดยชั้นนี้จะมีโซฟา ทีวี โต๊ะ เครื่องดื่ม อินเตอร์เน็ต สารพัดของเครื่องใช้

ส่วนด้านบนสุดจะเป็นหอดูดาว ซึ่งแต่ก่อนนั้นเอาไว้ใช้เป็นห้องประชุมของรุ่นพี่รุ่นก่อนๆ แต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้ เพราะมันอยู่สูงเกินไปและเหล่าแก๊งก็ไม่เคยขึ้นไปด้วย

ห้องแต่งตัวอยู่ระหว่างชั้นบนและล่าง เป็นชั้นที่ดูไม่มีอะไรมาก มีแค่ห้องน้ำห้องแต่งตัวและห้องประชุมใหญ่

        “ดูเป็นชมรมที่ดูสะดวกสบายดีนะ แต่ทำไมคนถึงน้อยจัง ทั้งๆที่เป็นชมรมที่น่าสนใจแท้ๆ” แมดเดอลีนกล่าวถาม

        ไวโอเลตทำหน้าเจื่อนก่อนพูดว่า “คนอื่นๆน่ะ มองเรื่องเหนือธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องตลก บ้างก็ว่าพวกเราที่เชื่อเรื่องพวกนี้เป็นพวกบ้าที่สติไม่ดีน่ะ”

        “แต่ว่าพวกเรา ได้พบเจอเรื่องเหนือธรรมชาติมาจริงๆนะ!” ไวโอเลตเปล่งน้ำเสียงที่ดูไม่ออกเลยว่าโกหก ซึ่งแมดเดอลีนคิดว่า เพียงแค่น้ำเสียงก็สามารถดูได้แล้วว่าใครนั้นโกหกหรือไม่

        “ไหนพวกเธอลองเล่าเหตุการณ์เหนือธรรมชาติให้ฉันฟังหน่อยสิ” แมดเดอลีนกล่าว

        “ไอ้จอสเห็นหมาบินได้ เป็นซุปเปอร์ด็อกเลย” คริมสันกล่าวพร้อมกลั้นขำสุดชีวิต คนอื่นๆในแก๊งยกเว้นจอสก็เหมือนกัน แต่แมดเดอลีนนั้นแสดงท่าทีต่างจากพวกนั้น

        “นั่นมันสุดยอดเลยนะ แล้วเรื่องของพวกเธอที่เหลือล่ะ?” ทุกคนต่างทยอยเล่าเรื่องราวที่ตนนั้นเจอมา ส่วนใหญ่ดูไม่ค่อยน่ากลัว “ทีนี้ตาเธอเล่าแล้วนะ แมด”ไวโอเลตกล่าว

ดูเหมือนคริมสันกับจัสตินจะยังติดใจกับหมาบินได้ของจอส “เรื่องของนายแม่งฮาสุดยอดเลยว่ะจอส”คริมสันกล่าว จัสตินไม่พูดอะไร เอาแต่หัวเราะอย่างเดียว

        “เงียบกันหน่อยจ้าาา” เสียงไม่พอใจของไวโอเลตคนเดียวก็ทำเอาสามหนุ่มนั้นเงียบได้

        “ขอโทษนะ ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะแบบว่า… น่ารำคาญขนาดนี้”

        “ไม่เป็นไรค่ะ งั้นจะเล่าแล้วนะ ถึงฉันจะไม่ได้เจอมาจริงๆ แต่นี่เป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาในตระกูลหน่ะ…”

ปี 1692 สหรัฐอเมริกา

ไดัมีการล่าแม่มดกันเกิดขึ้นในเมืองแห่งหนึ่ง เนื่องจากมีเด็กสาวเกิดอาการชัก กรีดร้องโหยหวน ระหว่างนั้นพวกเธอได้มีการพูดคล้ายๆว่าเหมือนโดนเข็มแทงและเจ็บตามร่างกาย ในด้านความรู้ของคนสมัยนั้น ทั้งชีววิทยา การแพทย์และจิตวิทยา สรุปได้ว่า พวกเธอนั้นโดนคำสาปของแม่

ทางศาสนจักรศักดิ์สิทธ์ ได้รับรู้เรื่องราว จึงได้ให้เด็กสาวที่บอกว่าโดนคำสาปของแม่มดมาชี้ตัวรายคน สรุปได้ว่ามีผู้ต้องสงสัย7ราย ซึ่งพวกเธอเหล่านี้เป็นเพื่อนกันและถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด

แต่ทว่าผู้ที่ถูกแขวนคอนั้นกลับมีแค่6คนเท่านั้น เพราะ1ในนั้นได้ติดสินบนไว้กับบาทหลวง

ก่อนที่พวกเธอจะถูกแขวนคอและย่างสดทั้งเป็น พวกเธอได้สาปแช่งบาทหลวง เมือง และคนทรยศไว้ว่า

        “ด้วยการจากไปของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ข้าขอสาปแช่งให้เมืองนี้เจอแต่ความวิบัติ และถึงคนทรยศ ไม่ว่าจะนานสักแค่ไหน พวกข้าก็จะตามหลอกหลอนเจ้าเรื่อยไป”

แมดเดอลีนเล่าจบ ทุกคนต่างพากันขนหัวลุก เพราะนี่ไม่ใช่แค่เรื่องเหนือธรรมชาติแล้ว แต่เป็นการฆาตกรรมสังหารหมู่

จากนั้น จู่ๆแมดเดอลีนก็ปวดหัวขึ้นมา พร้อมกับมีควันสีดำมาวนรอบตัวของเธอ ควันนั้นดูเหมือนจะเป็นรูปร่างคนสวมผ้าคลุมดำ มันพูดชื่อของแมดไปเรื่อยๆ

         “แมดเดอลีน… แมดเดอลีน… แมดเดอลีน…”เสียงของมันเริ่มจะบิดเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆ

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อแมดเดอลีน กรีมัวร์ เป็นนักเรียนใหม่ของมหาวิทยาลัยโบย่า ส่วนสูง157เซน น้ำหนัก45กิโลกรัม อายุ22ปี โดยส่วนตัวแล้วชอบเรื่องลี้ลับ เหนือธรรมชาติ และสุนัขค่ะ ส่วนคณะที่เรียน…”

เธอแนะนำตัวกับชมรมที่เธอนั้นได้เข้า นั่นก็คือชมรมเหนือธรรมชาติ ซึ่งมีกันอยู่4คน (อดีต)

“นี่พวกนาย” จัสตินเรียกเพื่อนๆ มาปรึกษาและปล่อยให้แมดเดอลีนยืนงง

“อะไรวะ” จอสตอบ

“ฉันว่าเราแนะนำให้เธอไปอยู่ชมรมอื่นดีไหม?”

เพื่อนในกลุ่มต่างคิดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ทำไม?”

“ฉันว่าเธอดูอ่อนต่อโลกมากนะ อีกอย่างกิจกรรมชมรมของพวกเรามันค่อนข้างที่จะ… ไม่เหมาะกับสาวน้อยสักเท่าไหร่” จัสตินตอบด้วยจิตใจที่กังวล

“เธอจะเข้าหรือไม่เข้านั้นให้เธอได้เป็นคนกำหนดเถอะ” ไวโอเลตตอบ

“นั่นดิ จะไปบังคับเธอไม่ได้หรอกนะ พ่อหนุ่ม” จอสก็เสริมด้วยอีกคน

คริมสันเองก็พยักหน้าเห็นด้วยตามเพื่อนๆ

“ม.. ม.. ไม่ได้บังคับสักหน่อย แค่เป็นห่วงเธอเท่านั้นเอง แต่เอาเถอะ ให้เธอเป็นคนกำหนดแล้วกัน”

จากนั้นเหล่าแก๊งก็ได้มานั่งสัมภาษณ์แมดเดอลีนต่อ ทั้งถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงอยากเข้าชมรมนี้? ชอบเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน? แล้วถ้าเข้ามาแล้วเธอจะทำกิจกรรมชมรมได้ไหม?

คำถามเหล่านี้ แมดเดอลีนนั้นตอบได้อย่างง่ายดาย แต่คำตอบของแต่ละช้อนั้นทำเอาเหล่าแก๊งนี้ตกใจอยู่เหมือนกัน

อย่างคำถามแรก “ทำไมถึงอยากเข้าชมรมนี้?” เธอได้ให้คำตอบมาว่า “มันน่าสนใจและฉันอยากลองใช้มันด้วย”

คำถามที่สอง “ชอบเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน?” เธอตอบ “มากที่สุด ถึงขนาดที่ฉันอยากจะร่ายเวทให้พวกเธอกลายเป็นกบเลยล่ะ”

คำถามที่สามซึ่งเป็นคำถามสุดท้าย เธอได้ตอบว่า “ได้แน่นอน เพราะเวทมนตร์นั้นเป็นเรื่องที่ต้องทุ้มสุดตัวเพื่อที่จะได้ครอบครองมันใช่ไหมล่ะ”

ถึงจะบอกอย่างงั้นก็เถอะ แต่แมดเดอลีนเองก็ไม่เข้าใจตัวเอเหมือนกัน ว่าทำไมถึงได้หลงใหลเรื่องพวกนี้แบบหัวปักหัวปำ บางทีเธออาจจะคิดว่าเป็นเพราะนามสกุลตัวเอง แต่นั่นมันก็แค่นามสกุล “ธรรมดาๆ”

“เป็นไง ให้ฉันร่วมชมรมพวกเธอได้ไหม?” แมดเดอลีนถามด้วยรอยยิ้มน่ารัก

“ถ้าใจเธอมันต้องการอย่างงั้น เราก็ยินดีต้อนรับ” ไวโอเลตตอบ พร้อมเดินไปกอดแมดเดอลีน จากนั้นก็เริ่มกล่าวแนะนำตัว

“สวัสดี ฉันไวโอเลต แกรมม่า เป็นหญิงที่สนใจเรื่องลี้ลับเหมือนกับเธอนั่นแหละ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“สวัสดีผม คริมสัน”

“จอส”

“ผมจัสตินครับ”

“ยินดีต้อนรับสู่ชมรมเหนือธรรมชาติ!” เหล่าแก๊งทั้ง4คนได้พูดพร้อมกัน พร้อมก้มศีรษะลงจากนอบน้อม

ลักษณะของห้องชมรม มีอยู่หลายมุมในห้อง แต่ส่วนใหญ่จัดเหมือนห้องสมุดโดยมีสมุดอยู่บนชั้นวางเป็นรอบๆ และมีขั้นบันไดให้เดินต่อขึ้นไปเรื่อยๆ

ชั้นล่างสุดจะเป็นที่ที่เหล่าแก๊งสัมภาษณ์แมดเดอลีน โดยชั้นนี้จะมีโซฟา ทีวี โต๊ะ เครื่องดื่ม อินเตอร์เน็ต สารพัดของเครื่องใช้

ส่วนด้านบนสุดจะเป็นหอดูดาว ซึ่งแต่ก่อนนั้นเอาไว้ใช้เป็นห้องประชุมของรุ่นพี่รุ่นก่อนๆ แต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้ เพราะมันอยู่สูงเกินไปและเหล่าแก๊งก็ไม่เคยขึ้นไปด้วย

ห้องแต่งตัวอยู่ระหว่างชั้นบนและล่าง เป็นชั้นที่ดูไม่มีอะไรมาก มีแค่ห้องน้ำห้องแต่งตัวและห้องประชุมใหญ่

“ดูเป็นชมรมที่ดูสะดวกสบายดีนะ แต่ทำไมคนถึงน้อยจัง ทั้งๆ ที่เป็นชมรมที่น่าสนใจแท้ๆ” แมดเดอลีนกล่าวถาม

ไวโอเลตทำหน้าเจื่อนก่อนพูดว่า “คนอื่นๆ น่ะ มองเรื่องเหนือธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องตลก บ้างก็ว่าพวกเราที่เชื่อเรื่องพวกนี้เป็นพวกบ้าที่สติไม่ดีน่ะ”

“แต่ว่าพวกเรา ได้พบเจอเรื่องเหนือธรรมชาติมาจริงๆ นะ!” ไวโอเลตเปล่งน้ำเสียงที่ดูไม่ออกเลยว่าโกหก ซึ่งแมดเดอลีนคิดว่า เพียงแค่น้ำเสียงก็สามารถดูได้แล้วว่าใครนั้นโกหกหรือไม่

“ไหนพวกเธอลองเล่าเหตุการณ์เหนือธรรมชาติให้ฉันฟังหน่อยสิ” แมดเดอลีนกล่าว

“ไอ้จอสเห็นหมาบินได้ เป็นซุปเปอร์ด็อกเลย” คริมสันกล่าวพร้อมกลั้นขำสุดชีวิต คนอื่นๆ ในแก๊งยกเว้นจอสก็เหมือนกัน แต่แมดเดอลีนนั้นแสดงท่าทีต่างจากพวกนั้น

“นั่นมันสุดยอดเลยนะ แล้วเรื่องของพวกเธอที่เหลือล่ะ?” ทุกคนต่างทยอยเล่าเรื่องราวที่ตนนั้นเจอมา ส่วนใหญ่ดูไม่ค่อยน่ากลัว “ทีนี้ตาเธอเล่าแล้วนะ แมด” ไวโอเลตกล่าว

ดูเหมือนคริมสันกับจัสตินจะยังติดใจกับหมาบินได้ของจอส “เรื่องของนายแม่งฮาสุดยอดเลยว่ะจอส” คริมสันกล่าว จัสตินไม่พูดอะไร เอาแต่หัวเราะอย่างเดียว

“เงียบกันหน่อยจ้าาา” เสียงไม่พอใจของไวโอเลตคนเดียวก็ทำเอาสามหนุ่มนั้นเงียบได้

“ขอโทษนะ ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะแบบว่า… น่ารำคาญขนาดนี้”

“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นจะเล่าแล้วนะ ถึงฉันจะไม่ได้เจอมาจริงๆ แต่นี่เป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาในตระกูลหน่ะ…”

ปี 1692 สหรัฐอเมริกา

ไดัมีการล่าแม่มดกันเกิดขึ้นในเมืองแห่งหนึ่ง เนื่องจากมีเด็กสาวเกิดอาการชัก กรีดร้องโหยหวน ระหว่างนั้นพวกเธอได้มีการพูดคล้ายๆ ว่าเหมือนโดนเข็มแทงและเจ็บตามร่างกาย ในด้านความรู้ของคนสมัยนั้น ทั้งชีววิทยา การแพทย์และจิตวิทยา สรุปได้ว่า พวกเธอนั้นโดนคำสาปของแม่

ทางศาสนจักรศักดิ์สิทธ์ ได้รับรู้เรื่องราว จึงได้ให้เด็กสาวที่บอกว่าโดนคำสาปของแม่มดมาชี้ตัวรายคน สรุปได้ว่ามีผู้ต้องสงสัย7ราย ซึ่งพวกเธอเหล่านี้เป็นเพื่อนกันและถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด

แต่ทว่าผู้ที่ถูกแขวนคอนั้นกลับมีแค่6คนเท่านั้น เพราะ1ในนั้นได้ติดสินบนไว้กับบาทหลวง

ก่อนที่พวกเธอจะถูกแขวนคอและย่างสดทั้งเป็น พวกเธอได้สาปแช่งบาทหลวง เมือง และคนทรยศไว้ว่า

“ด้วยการจากไปของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ข้าขอสาปแช่งให้เมืองนี้เจอแต่ความวิบัติ และถึงคนทรยศ ไม่ว่าจะนานสักแค่ไหน พวกข้าก็จะตามหลอกหลอนเจ้าเรื่อยไป”

แมดเดอลีนเล่าจบ ทุกคนต่างพากันขนหัวลุก เพราะนี่ไม่ใช่แค่เรื่องเหนือธรรมชาติแล้ว แต่เป็นการฆาตกรรมสังหารหมู่

จากนั้น จู่ๆ แมดเดอลีนก็ปวดหัวขึ้นมา พร้อมกับมีควันสีดำมาวนรอบตัวของเธอ ควันนั้นดูเหมือนจะเป็นรูปร่างคนสวมผ้าคลุมดำ มันพูดชื่อของแมดไปเรื่อยๆ

“แมดเดอลีน… แมดเดอลีน… แมดเดอลีน…” เสียงของมันเริ่มจะบิดเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆ

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!