Arthor : Banix
LTs : FrosZBit
Ilus : Gooble
ดาบที่ 2: คามาโดะ ฮารุโตะ (2)
ผมเริ่มร่ายรำ ระบำแห่งเทพไฟ
ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมไม่มีใครเชี่ยวชาญปราณตะวัน มันไม่ง่ายเลย แค่เคลื่อนไหวก็แทบหยุดหายใจแล้ว ผมนึกไม่ออกเลยว่าพ่อจะเต้นรำตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินจนถึงพระอาทิตย์ขึ้นทุกปีได้อย่างไงโดยไม่รู้สึกอะไรนอกจากความเหนื่อยล้าเล็กน้อย
ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มรู้ว่า ระบำแห่งเทพไฟ นั้นจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆ หน้อยๆ
มุมที่คุณวางเท้า ทุกๆ ลมหายใจที่คุณหายใจเข้าและออก ระยะเวลาหายใจเข้าและออกสั้นเพียงใด ความสูงหรือต่ำที่คุณยกแขนขึ้น ความแรงที่คุณวางลงในแขน
มีตัวแปรมากมายที่จำเป็นต้องทำให้ถูกต้อง เพื่อที่จะเชี่ยวชาญ ระบำเทพแห่งไฟ ได้อย่างแท้จริง ขาดรายละเอียดเพียงนิดเดียวก็ไม่สามารถทำให้สมบูรณ์ได้
แต่ผมต้องทำ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมอาจช่วยปกป้องครอบครัวจากอันตรายที่ผมมั่นใจว่าจะมาถึงสักวันหนึ่ง และตอนนี้ ผมก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วด้วย โชคดีอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นคือผมกลับหลงใหล ระบำแห่งเทพไฟ ขึ้นมามากจริงๆ ในเวลาว่างที่ผมมีก็ฝึกฝนระบำแห่งเทพไฟตลอดเวลา จนถึงขั้นที่พ่อแม่ล้อผมว่าหมกมุ่นกับมันเกินไป จริงอยู่ ผมมีความหลงใหลและแรงจูงใจในการเรียนรู้ระบำแห่งเทพไฟ แต่โชคดีที่ความหลงใหลนั้นไม่ใช่แค่ชั่วคราว แต่เป็นความหลงใหลอย่างแท้จริง
ดังนั้นผมจึงเต้นต่อไป เนะซึโกได้เกิดมาแล้ว ผทก็ยังคงเต้นต่อไป ในช่วงหลายปีที่ผ่านไป ทาเคโอะ ฮานาโกะ ชิเกรุ และ โรคุตะ พวกเขาเกิดมาในครอบครัวเดียวกัน และการได้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของพวกเขาทำให้ผมยืนยันสิ่งที่ผมคิดอีกครั้ง
เพื่อพวกเขา ผมต้องเต้นต่อไป
เพื่อพวกเขา ผมจะเต้นต่อไป
คุณพ่อป่วยได้ไม่นานหลังจากที่คุณแม่ตั้งครรภ์โรคุตะ ผมโตพอที่จะช่วยงานเลยช่วยงาน เช่น ผ่าฟืน เข้าเมืองไปขายถ่าน และซื้อของให้ครอบครัว ผมทำเท่าที่ทำได้โดยไม่ให้พ่อแม่ช่วย
ผมรู้ว่าสิ่งนี้กำลังจะเกิดขึ้น ผมรู้ว่าไม่มีทางหยุดสิ่งนี้ไม่ให้เกิดขึ้น แต่การได้เห็นมันเกิดขึ้นด้วยสองตาของผมเองนั้นก็ยังคงทิ้งรสขมไว้ในปาก
สักวันหนึ่งพ่อจะต้องตาย ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่และเร็วแค่ไหน แต่เขาจะตาย หลังจากช่วงเวลาที่แสนยากลำบากนั้น มุซัน ก็จะมาและครอบครัวของผมทั้งหมดจะตายและผมก็ไม่รู้ว่าจะหยุดมันอย่างไง…
ปีใหม่เวียนมาอีกครั้ง ครั้งนี้ผมขอพ่อ ให้ผมร่ายรำ ระบำเทพแห่งไฟ กับเขา เพราะผมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เต้นแบบนี้อีกหรือไม่ พ่อของผมทำเพียงแค่ลูบหัวด้วยความรักพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
ยามเย็นนั้น เราสองคนเต้นรำทั้งสิบสองรูปแบบของ ระบำเทพแห่งไฟ ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกจนถึงพระอาทิตย์ขึ้น โดยมีแม่และพี่น้องของฉันคอยดู คืนนั้นเราร่ายรำกันไม่หยุดจนกว่าตะวันจะขึ้นอีกครั้ง ในคืนนั้น ในที่สุดผมก็เชี่ยวชาญการร่ายรำ ระบำเทพแห่งไฟ
หลังจากโรคุตะเกิดได้ไม่นาน จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของผมก็มาถึง มันเป็นวันธรรมดาอีกวันหนึ่ง ผมสับฟืน ลงไปที่เมืองเพื่อขายมัน และซื้อสิ่งที่จำเป็นสำหรับครอบครัว วันนั้นใช้เวลานานเล็กน้อยเพราะผมตัดสินใจช่วยคุณยายแบกตะกร้าที่ดูหนักอึ้งที่เธอกำลังยกลำบาก เมื่อก่อนผมไม่เคยใส่ใจเลยสักนิด แต่การอาศัยอยู่กับครอบครัวคามาโดะ ต้องเปลี่ยนผมแน่ๆ ผมรู้แล้วว่าทันจิโร่ไปเอาความใจดีนั้นมาจากไหน พ่อเราก็คล้ายทันจิโระอยู่แค่เงียบกว่ามาก แม่ยังบอกอีกว่าฉันเหมือนพ่อมาก เงียบขรึม ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ แต่ก็เป็นผู้ชายที่ทุกคนรักใคร่
ผมคิดว่าแม่ยกย่องผมมากเกินไป แต่ผมไม่อยากพูดอะไรกระทบจิตใจแม่ จึงตอบรับคำพูดของเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส รอยยิ้มที่ไม่เสแสร้งโดยสิ้นเชิง
การช่วยเหลือคุณยายนั้นใช้เวลาไม่นานนัก แต่ก็ยังใช้เวลานานพอสมควร นานพอที่พระอาทิตย์จะตกดิน คุณยายเสนอให้ผมอยู่กับเธอในคืนหนึ่งและเพื่อนบ้านของเธอต่างก็ให้ข้อเสนอแบบเดียวกัน เพราะเป็นห่วงจริงๆ เกี่ยวกับอันตรายที่แฝงตัวอยู่ในป่าหลังจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า พวกเขาเชื่อในการมีอยู่ของอสูร ครึ่งหนึ่งของประชากรในเมืองเชื่อและอีกครึ่งหนึ่งปฏิเสธการมีอยู่ของมันและปัดมันออกไปราวกับภาพลวงตาในนิทาน ผมปฏิเสธข้อเสนอนี้เพราะว่าผมสามารถปีนภูเขาได้ในเวลาไม่นาน การควบคุมระบำแห่งเทพไฟได้สร้างความมหัศจรรย์ให้กับร่างกายของผม ผมสามารถวิ่งได้เร็วขึ้น กระโดดสูงขึ้น ทำสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ได้อย่างง่ายดาย หลายปีแห่งการพยายามหนักของผมไม่เสียเปล่า
ถึงกระนั้น ผมก็ไม่คิดว่าจะเอาชนะมูซันได้ สิ่งที่ดีที่สุดที่ทำได้คือรั้งไว้ให้นานพอที่ครอบครัวของผมจะหนีไปได้ ถ้าทำได้ ผมจะให้พวกเขาย้ายออกจากบ้านบนภูเขาลูกนั้น เพื่อที่มูซันจะไม่มีวันพบพวกเขา แต่นั่นมันคงเป็นไปไม่ได้ ตรงนั้นเป็นบ้านและที่ดินบรรพบุรุษของเราที่ครอบครัวคามาโดะเคยอาศัยอยู่มาหลายชั่วอายุคน ไม่มีทางที่คนในครอบครัวฉันจะย้ายออกจากที่นั่น คนในยุคนี้ล้วนมีความเชื่ออย่างหนักแน่นในการปกป้องสิ่งที่บรรพบุรุษได้ทิ้งไว้ให้ตนและครอบครัวของผมก็ไม่ต่างกัน
ดังนั้น ทางเลือกเดียวที่ผมมีคือใช้ ระบำเทพแห่งไฟ เพื่อปกป้องครอบครัวของผม หากต้องเจอเรื่องแบบนั้น สิ่งที่ผมต้องทำคือยื้อ มุซัน ไว้ให้นานพอที่ครอบครัวของผมจะหนีไปได้
ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นโชคร้ายหรือโชคดี แต่จุดเปลี่ยนจบลงที่การเผชิญหน้าครั้งแรกของผมกับอสูรจริงๆ ในคืนนั้น
ผมเพิ่งเดินทางกลับบ้านได้ครึ่งทาง ลัดเลาะผ่านป่าไปอย่างง่ายดาย ขณะที่วิ่งและกระโดดผ่านป่าไปอย่างสบายๆ ก็ได้พบกับอสูร คำพูดไม่สามารถอธิบายได้อย่างเต็มปากว่ามันพิลึกเพียงใด หลายครั้งที่ผมจินตนาการว่าปีศาจตัวจริงจะมีหน้าตาเป็นอย่างไง ตอนแรกผมคิดว่ารูปร่างหน้าตาของพวกเขาอาจจะทำให้รู้สึกขยะแขยงอย่างแรง
แต่น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกอะไรเลย
อสูรนั้นกำลังน้ำลายไหลอย่างควบคุมไม่ได้ขณะที่มันค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาหาผม ด้วยเหตุผลบางอย่างผมไม่รู้ว่าทำไม ผมถึงสงบแบบนั้น มือของผมค่อยๆ เอื้อมไปหาขวานที่ฉันพกติดตัวไว้เสมอเพื่อป้องกันตัวทุกครั้งที่ออกจากบ้าน และถือมันไว้ข้างหน้า ตลอดหลายปีที่ฝึกฝน ก็เพื่อปกป้องครอบครัวจากอสูร และตอนนี้ อสูรตัวนี้อาจหาทางมาที่บ้านของเราได้ ผมปล่อยให้มันเกิดขึ้นแบบนั้นไม่ได้ ผมแน่ใจว่าตามหลักการแล้ว ไม่มีอสูรตนไหนกล้าบุกมาที่บ้านของเราจนกว่ามูซานจะมา แต่ผมจะไม่เดิมพันชีวิตครอบครัวของผมด้วยความคิดครึ่งๆ กลางๆ แบบนั้น
"เข้ามาเลย เจ้าอสูร ผมจะฆ่าแกเอง!"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments