วันถัดมา
หลังจากที่ผมได้นอนอยู่ในโรงพยาบาลอีกหนึ่งวันเต็มนับตั้งแต่ตื่นขึ้นมา โดยมีอลิซคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ แม้มันจะไม่จำเป็นก็ตามทีเถอะ แต่นั่นทำให้มได้รู้ว่าเธอนั้นเป็นคนที่ขี้อายคนหนึ่งเหมือนกัน ส่วนเหตุผลของเธอมันก็ง่ายมาก
“ เพราะทั้งชีวิตของฉันในตอนนี้ไม่เคยคุยกับใครนอกจากเรียวยะเลย ”
พอเธอให้เหตุผลแบบนี้ก็ทำให้รู้เลยว่า เธอชอบเจ้าซากาจิมากขนาดไหน บางทีความรู้สึกของเธอคงจะเพิ่มพูนขึ้นอยู่ตลอดเวลาเลยละมั้ง อีกอย่างเนื่องจากตกลงทางธุรกิจกันแล้วจึงทำให้อลิซตกลงมาอยู่ชมรมเดียวกับผม ชมรมที่มีสมาชิกแค่ผมเพียงคนเดียว ผมโคตรซาบซึ้งในน้ำใจของอลิซเชียวละ
สงสัยสินะว่าผมกับเธอไปสนิทถึงขั้นเรียกชื่อเล่นกันตั้งแต่ตอนไหน? กไม่มีอะไรมากหรอกเนื่องจากว่าเธอนั้นต้องการมีเพื่อนคนอื่นนอกจากซากาจิบ้าง นั่นจึงลงเอยด้วยการที่ผมนั้นต้องกลายเป็นเพื่อนคนแรก(ไม่นับเพื่อนสมัยเด็ก)กับอลิซนั่นเอง
แล้วด้วยเหตุผลที่ว่านั่นจึงทำให้ผมกับเธอสนิทกันอย่างรวดเร็ว แถมยังสนิทถึงขั้นยอมอยู่เฝ้าผมอีกวันเลยด้วย ทั้งที่แผลแค่นี้ไม่จำเป็นต้องเฝ้าก็ได้แท้ ๆ
แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องแบบนี้หรอกนะ
“ ว่าไปแล้วเหมือนจะมีผู้ชมบางคนสนใจในตัวของเราด้วย ”
ผมกล่าวออกมาระหว่างที่เดินอยู่ในโถงทางเดินของชั้นตามปกติ โดยที่ศีรษะยังคงมีผ้าพันแผลพันเอาไว้ แต่ว่าหากตาของผมนั้นก็เหลือบมองจ้าลูกบอลเรืองแสงทรงกลมที่ถูกเรียกว่า ‘ผู้ชม’ อยู่บ่อยครั้งด้วยความหวาดระแวง ทำอย่างไรได้ละก็ในเมื่อตัวผมนั้นถูกนางเอกรวบหัวรวบหางไปแล้ว ดังนั้น คงไม่แปลกหรอกมั้งที่จะมีผู้ชมบางคนสนใจในตัวผมนะ
แต่อีแบบนี้สามารถเรียกว่าตัวประกอบได้อีกรึเปล่านะ? คงได้ละมั้งเพราะมันก็มีเหมือนกันที่ตัวประกอบบางตัวจะกลายเป็นชนวนกระตุ้นพลังของตัวเอก สำหรับบทของผมคงเป็นบทจำพวกเพื่อนคนแรกที่เธอให้ความสำคัญละมั้ง แต่ว่าส่วนใหญ่ตัวประกอบที่รับบทนี้มันจะตายกันหมดก่อนช่วงเริ่มเนื้อเรื่อง เพื่อกลายเป็นปมภายในใจของนางเอกให้ลุกขึ้นสู้ หรือ ไม่ก็เป็นปมที่มีไว้สำหรับพระเอกให้คอยแก้ไขละนะ
เฮ้อ สุดท้ายแล้วไม่ว่าอย่างไหนผมก็เป็นตัวประกอบใช้แล้วทิ้งอยู่ดีสินะ
“ อะ มือขวาของเรียวยะโอนี่จังเป็นของนานะ ”
“ ขี้โกงค่ะ ถ้าเธอมือซ้าย ฉันก็จองมือขวา ”
“ นี่พวกเธอแบบนี้มันเดินลำบากนะ!! ”
“ ใช่แล้ว พวกเธอจะทำให้เรียวยะคุงลำบากทำไมกันเนี่ย? ”
“ คุณจิเซะเงียบไปเลยค่ะ คนที่ทำให้เรียวยะลำบากมันคือเธอต่างหาก นี่คิดจะใช้หน้าอกใหญ่ ๆ คู่นั้นดันเขาไปถึงไหนกันละค่ะ ”
“ แหม ๆ ก็พอดีของฉันมันใหญ่นี่นา ”
จิเซะที่เคยรักเนื้อรักตัวมากกว่านี้ได้กล่าวออกมาพร้อมกับดันหน้าอกของตัวเองขึ้นเพื่อประชันกับสองสาวที่เหลือ เพียงแต่ว่าคนที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้นั้นกลับเป็นตัวของซากาจิเสียเองเพราะ รอบด้านของเขาในตอนนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยสาว ๆ อย่างไรละ แต่ว่าถึงพวกเขาจะเสียงดังขนาดไหนพวกเขาก็สนใจเลยสักนิดว่านี่เป็นโถงทางเดินของชั้นที่มีนักเรียนอยู่มาก
หนำซ้ำพวกเขาคงไม่เห็นสีหน้าของเหล่านักเรียนในบริเวณนี้ด้วยละมั้งว่า พวกเขาแสดงสีหน้าแบบไหนอยู่ โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ด้านหลังของผมอย่างอลิซนั่นแหละ
“ ขอโทษแทนพวกเธอด้วยนะ ”
“ อืม... ”
อลิซตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแล้วฟุบลงกับทันที นี่นับเป็นอีกข้อตกลงของพวกเราเช่นกัน เนื่องจากเธอไม่อยากให้คนที่ชอบเข้าใจผิดจึงบอกกับผมว่าเวลาอยู่ในโรงเรียนให้ทำตัวปกติ ซึ่งปกติที่ว่าก็คือจะไม่พุดคุยกันอย่างชัดเจน แต่จะแอบคุยกันในโทรศัพท์นั่นแหละ ทว่าในตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเท่าไหร่ละนะ
แต่ว่าสำหรับคนที่เป็น ‘เพื่อนคนแรก’ ของเธออย่างผมนั้น ไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายเศร้าใจหรอกนะ ถึงแม้น้องสาว และอดีตเพื่อนของผมจะไม่ได้ผิดอะไรก็เถอะ แต่อย่างน้อย ๆ ก็อยากไถ่โทษให้กับยัยพวกนี้เหมือนกัน ด้วยเหตุนั้นผมจึงส่งข้อความไปหาอลิซทันที
[A] : ตอนเย็นไปคาเฟ่กัน
[อลิซ] : ?
[A] : ฉันไม่อยากเห็นเพื่อของตัวเองเศร้าหรอกนะเลยนัดไปคาเฟ่เพื่อผ่อนคลายยังไงละ อีกอย่างจะได้คุยเกี่ยวกับเรื่องการสอนทำอาหารด้วย โอเครึเปล่า?
[อลิซ] : โอเค...
[A] : ถ้าอย่างนั้นก็เลิกทำหน้าเศร้าได้แล้ว ถึงจะอยู่ข้างนอกแต่เห็นนะว่าเธอทำหน้าบูดคล้ายตูดลิงอยู่นะ
[อลิซ] : ไอบ้า
ทันใดนั้นผมก็เงยหน้าของตัวเองขึ้นมาพร้อมกับฉีกยิ้มกวนประสาทให้แก่เธอ ซึ่งทางด้านของเธอนั้นนก้ได้แต่ส่ายหัวไปมาพร้อมกับมองมาที่ผมด้วยความโกรธ น่าเสียดายที่ไม่ใช่ความโกรธแบบจริงจังทว่ากลับเป็นความโกรธแบบเด็ก ๆ เสียมากกว่า ในขณะที่ผมกำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่พูดคุยกับเพื่อนอยู่นั้น
เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของผม
“ A คุง ช่วยหลีกทางหน่อยได้รึเปล่า? ”
น้ำเสียงที่แสดงถึงความประหม่าของน้องสาวแท้ ๆ ของผมได้ดังขึ้น แต่กระนั้นถึงจะบอกว่าเรียกผมแต่สายตาของเอนั้นไม่ได้จ้องมาที่ผมเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่ผมพันผ้าพันแผลอยู่บนศีรษะอย่างชัดเจนแบบนี้ ต้องพูดเลยว่าในสายตาของพวกเธอคงไม่มีใครนอกจากตัวของซากาจิอีกแล้ว
มันน่าเจ็บปวดใจจริง ๆ แต่ก็ทำได้แค่ยอมรับมัน สำหรับผมเธอคงไม่เห็นเป็น ‘โอนี่จัง’ อีกแล้วละ ผมได้แต่คิดแบบนี้พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องทันทีพร้อมกับอาการปวดหัวที่เริ่มกลับมา โดยระหว่างนั้นก็ได้เดินผ่านอลิซไปเช่นกัน สำหรับอลิซเธอในตอนนี้คงมองแต่เพียงเจ้าซากาจิเหมือนกัน
สุดท้ายแล้วก็เหมือนเดิมสินะ ผมในตอนนี้ถูกทอดทิ้งเหมือนเคย
‘ นึกว่าจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างเสียอีก...สุดท้ายแล้วก็เหมือนเดิม ’
แกร๊ก ในระหว่างที่ผมกำลังทำใจเกี่ยวกับเรื่องการถูกทอดทิ้งอีกครั้ง ปากกาด้ามหนึ่งก็กลิ้งมาทางผม มันเป็นบางกาที่ดูหรูหรามากมาก ผมหยิบขึ้นมาพร้อมกับหันไปมองรอบ ๆ ห้องของตัวเอง แต่กระนั้นก็ไม่เจอเจ้าของปากกาเล่มนี้ ผมสัมผัสมันอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะพบว่ามันมีกระดาษถูกผูกติดไว้กับปากกาด้ามนี้
ผมดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมาอ่านทันที
[ ความเจ็บปวดจงหายไปเพี้ยง!! เพื่อนคนแรกของฉันอย่าทำหน้าเศร้าไปเลย แบบนั้นฉันก็พลอยเศร้าไปด้วยนะสิ...ถ้านายคืนปากกาให้ตอนนี้เดี๋ยวทุกคนจะสงสัยเอา นายค่อยคืนให้ฉันตอนไปคาเฟ่ก็แล้ว อ่านถึงตรงนี้ก็ยิ้มซะสิ เดี๋ยวหน้านายก็เป็นตูดของลิงจริง ๆ หรอกนะ ]
ผมกำกระดาษเอาไว้แน่นก่อนที่จะเก็บปากกาที่บังเอิญเก็บได้ไว้ใต้โต๊ะ ก่อนที่จะหัวเราะแล้วหันไปมอง ‘เพื่อน’ ของผมที่ตอนนี้กำลังส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มนั้นเล่นหัวใจของผมแทบจะละลายเลยละ
“ ยัยบ้า ”
ผมกล่าวออกอย่างไม่มีเสียงก่อนที่จะฟุบลงบนโต๊ะอีกครั้ง น่าแปลกอาการปวดหัวเมื่อกี้หายไปอย่างน่าประหลาด
มันเป็นเพราะอะไรกันนะ? ผมได้แต่คิดแบบนั้นจนกระทั่งคาบเรียนได้เริ่มต้นขึ้นมา
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments