“เธอนะหูหนวกรึไงห๊ะ? “
แมรี่ยักคิ้ว สีหน้าเอือมระอา
ปัง!!! ว้าย!!!!
แมรี่เธอยิงเข้าไปที่ผนังใกล้ๆเด็กสาวเรียกเสียงโว้ยวายเธอออกมา
สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัว
“หนูไม่รู้ รู้แค่ว่าคนที่ตามหาพี่เป็นคนของกองกำลังป้องกันตนเองค่ะ!!”
หญิงสาวเอียงคอเล็กน้อยในหัวประมวลผลจากข้อมูลที่ได้รับ
ถ้าเป็นเรื่องอย่างทางการของกองกำลังป้องกันตัวเองล่ะก็คงไม่มาคนเดียวกับปืนลูกโม่ใส่ชุดลายพรางที่เด่นสะดุดตาขนาดนั้นมาอยู่ในที่ไม่ควรอยู่เป็นปกติวิสัยหรอก
คงเป็นเรื่องส่วนตัวล่ะสินะ
“คนอย่างเธอเชื่อได้รึเปล่า ไหนบอกสิกระเป๋าทีสะพายอยู่มีอะไร?”
“ข้าวกล่อง น้ำ เงินนิดหน่อย มีด ไม้ขีด จดหมายสามฉบับค่ะ”
เด็กสาวตอบอย่างฉับไว
“ชื่อล่ะ?”
“เอสเธอร์ค่ะ”
“ฉันแมรี่ ทีนี้เอาของออกจากกระเป๋าให้หมดวางไว้ที่พื้นแล้วก็สไลด์มีดเล่มนั้นมาให้ฉัน”
เอสเธอร์ทำตามอย่างว่าง่าย
แมรี่หล่อนมองของที่เด็กสาวเอาของออกมาจากกระเป๋าสะพายทีล่ะชิ้นพบว่ามีตรงตามที่พูดแต่เธอก็ยังทำสัญญาณมือให้เด็กสาวคว่ำกระเป๋าและเขย่ามันหลายครั้งเผื่อมีสิ่งใดซ่อนอยู่
แมรี่เก็บมีดที่เอสเธอร์สไลด์มาให้เหน็บไว้ที่เอว
“ทำไมเธอถึงร่วมมือกับทหารคนนั้น?”
เอสเธอร์ที่นั่งชูมือสองข้างเหนือหัวตกใจสะดุ้งเสียงของหญิงสาว
“เขาจะบอกรหัสลับที่ถ้าเอาไปพูดกับคนของกองกำลังล่ะก็จะได้น้ำอาหารและของที่ต้องการ”
แมรี่ถอนหายใจเหน็บปืนไว้คนล่ะฝั่งกับมีด
“ฉันเอาจริงนะ อย่าทำตัวตะหลบหลังฉันล่ะ”
ทั้งที่มีศพคนยืนโดนเหล็กเสียบคอตายแท้ๆ แมรี่นั่งยองๆข้างเอสเธอร์ที่กำลังยืนอยู่พลางใช้ช้อนตักข้าวผัดกับลูกชิ้นทอดในข้าวกล่องของเอสเธอร์กินอย่างสบายใจ
ข้าวกล่องกล่องแรกในรอบหนึ่งวันของฉัน
เอสเธอร์ทำได้แค่คิดพลางดูแมรี่กินอย่างเอร็ดอร่อย มองหญิงสาวอิ่มจากข้าวกล่องและดื่มน้ำของเธอจนหมดขวด
ช่วยไม่ได้ล่ะนะฉันหลอกพี่สาวคนนี้มาฆ่า ไม่โดนยิงก็ดีขนาดไหนแล้ว
จะว่าไปแล้วพี่สาวคนนี้ใจดีใช่ย่อยเลยนะ
“อะคือ .. พี่พอจะช่วยอะไรหนูได้ไหมค่ะ ถึงจะดูหน้าไม่อาย แต่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ”
แมรี่หันขวับมามองทางเด็กสาว
“คิดจะหลอกไปฆ่าทีไหนอีกล่ะ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น…
“แต่เธอพึ่งทำไปไม่ใช่รึไง?”
“จะพาไปเอากระเป๋าพี่คืน และก็ถ้าได้ของมาล่ะก็จะแบ่งให้พี่60%เลยค่ะ!!”
หญิงสาวชักเริ่มสนใจข้อเสนอ ข้อมูลเข้าหูเข้าหัวอย่างแจ่มแจ้ง
“แหละของที่ว่าคืออะไรล่ะ ?”
“อาหาร น้ำดื่ม ของจำเป็น แล้วก็เงินค่ะ”
“เธอรู้ใช่ไหมถ้าตุกติกโดนยิงแน่ เอ้านำไปสิ”
แมรี่เหยียดตัวยืนขึ้นเต็มความสูง ตบไหล่เด็กสาวที่ยืนอยู่เป็นสัญญาณในเก็บของและนำหญิงสาวไป
เอสเธอร์เดินนำเธอมายังบ้านผุพังหลังหนึ่ง เข้าไปข้างใน และ ออกมาพร้อมกระเป๋าสะพายสีดำของแมรี่ ยื่นให้กับเธอ
"วางแผนกันดีนิ ให้อีกคนกระซากกระเป๋าหลอกให้ฉันวิ่งตาม"
เอสเธอร์เกาหัว แกรกๆ
แมรี่เช็คของในกระเป๋าอยากละเอียดถี่ถ้วนพบว่าไม่มีอะไรหายไปจากกระเป๋า ทุกอย่างสภาพดีเหมือนเดิมของมัน
"อะใช่ เธอพอรู้จัก แลนด์มาร์คของเมืองนี้ไหมว่าอยู่ไหน กลางเมือง1717 น่ะ"
เอสเธอร์ใช้เวลาครุ่นคิดนิดหน่อยก่อนตอบคำถาม
"ก็ไกลใช้ได้เลยนะคะ แต่ทางเดียวกับที่จะไปเอาของพอดี ว่าแต่นี้ก็เย็นแล้ว พักที่นี่ก่อนดีไหมคะ "
หญิงสาวคู่สนทนาหรี่ตามองต่ำ
"จะหลอกฉันไปฆ่าหั่นศพรึไง "
"ไม่ทำอย่างนั้นหรอกค่ะ สำนึกผิดแล้วค่ะ พี่จะยิงหนูนี่น่า หนูไม่อยากตายซะหน่อย"
แมรี่พยักหน้า
เดี๋ยวนี้ฉันเชื่อคนง่ายเหมือนกันนะเนี่ยแต่เมื่อยตัวสุดเลยนี่หว่าอยากอาบน้ำแล้วด้วยสิ
"ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ เชิญเลยค่ะ"
แมรี่ไม่เคยให้ปืนและมีดห่างตัวแม้ตอนอาบน้ำ เธอจัดการตัวเองเสร็จก็มานั่งในห้องที่มีเพียงห้องเดียวของบ้านดูค่อนข้างแคบ เอสเธอร์เลือกจะไม่ใช่ไฟฟ้า เด็กสาวหยิบเทียนขึ้นมาจุดเทียนสองสามเล่ม
"นี่ค่ะ เข็มกับด้าย มีสีดำพอดีเลย"
แมรี่รับเข็มและด้ายจากมือเล็กๆ หญิงสาวหยิบสูทของเธอออกมา ลงมือซ่อมแซมมันให้ดีเท่าที่จะสามารถ
"อยู่คนเดียวหรอ ?"
เอสเธอร์พยักหน้า
"นานแล้วน่ะค่ะ ไม่มีแม่ค่ะ พ่อหายไปตอนที่เกิดการจราจลในเมือง "
แมรี่ลอบมองเด็กสาว เห็นแววตาที่ดูหม่นลงชั่วขณะ
"เก่งนิ "
"ขอบคุณค่ะ ไม่ได้คุยกับใครตัวต่อตัวเรื่องแบบนี้นานแล้วนะเนี่ย "
"ท่าทางอยากระบายไม่ใช่รึไง ดูจากภายนอก เธอน่าจะ 12-13 นะ"
เอสเธอร์นั่งกอดเข่า สายตามองไปข้างหน้าดูเลื่อนลอย
"12 ค่ะ จะ12 พรุ่งนี้ จะว่าอยากระบายก็ใช่อยู่ แต่ไม่มีคนฟังนี้แหละปัญหา"
"ก็ฟังอยู่นี่ไง"
เอสเธอร์หันขวับมามองหญิงสาวที่กำลังเย็บผ้าอย่างขมักเขม้น รังสีความอบอุ่นและอ่อนโยนแผ่ไปในบรรยากาศรอบๆตัวแมรี่ อาจเป็นเพราะหญิงสาวเคยเป็นแม่คนจึงแสดงความเห็นใจออกมา
"หลังจากนั้น ก็พยายามมาโดยตลอด ทำงานแลกอาหารเล็กน้อย ทำเรื่องไม่ดีไปมากมาย ขโมยของ หลอกลวงคนอื่น แต่วันนึงก็ได้รับจดหมายมาฉบับนึงที่สถานีรถไฟ"
"อืม"
หญิงสาวส่งเสียงในลำคอ บ่งบอกว่ากำลังฟังที่เด็กสาวพูดอยู่
"ใจความว่า มีเด็กคนอื่นๆ ที่จะหนีไปหมู่บ้านทางใต้ มันไกลมากพอที่จะไปเริ่มชีวิตใหม่ ที่ฟาร์มและสวนผักเล็กๆ พวกเราส่งจดหมายหลายฉบับ แลกกันโดยผ่านการซ่อนไว้ในรถไฟ"
เอสเธอร์ดวงตาเปล่งประกาย เธออมยิ้มออกมานิดหน่อย
"พวกเราต้องการเงินจำนวนนึงกับเสบียง พวกเราตกลงจะไปรับเพื่อนๆ คนอื่นๆอีกสามสถานี ก่อนที่จะมุ่งไปที่นั้น"
เด็กสาวหยิบ อูคูเลเล่ ออกมาจากข้างๆตัว ก่อนที่ดีดไล่โน๊ตที่ล่ะตัว
"พวกเราเขียนเพลงด้วยกันด้วย อยากฟังไหมค่ะ?"
แมรี่พยักหน้ารับ
"แน่นอน"
"คลื่นน้ำพัดผ่าน ความฝันแสนไกล ไขว้คว้ารึไม่ ฝักไฝ่ค่อยหา …."
เสียงอูคูเลเล่ใสก้อง เล่นออกมาด้วยความหวังของเด็กน้อยที่ล้นปรี่ พาผ่านค่ำคืนหนาวเหน็บนี้ไปด้วยความอบอุ่น
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 7
Comments