[บริษัทฟ้าประกายดาว]
“สวัสดีค่ะคุณฟ้า มาหาคุณดินเหรอคะ” ประชาสัมพันธ์สาวเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร
“ค่ะ ฟ้ามาหาพี่ดิน พี่ดินอยู่ที่ห้องไม่คะ”
“อ..เอ่อ คือว่า...”
“อยู่ค่ะ คุณฟ้าขึ้นไปสิคะ คุณดินอยู่ในห้องน่ะค่ะ” เลขาสาวหน้าห้องเดินพามาเห็นนับฟ้าเข้าจึงบอกให้เธอเข้าไปได้
“เดี๋ยวสิเธอ ก็ตอนนี้คุณดินเขา...”
“เถอะน่า คุณฟ้ารีบไปเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวคุณดินมีประชุม”
“อ๋อ ขอบคุณมากนะคะ ฟ้าขอตัวก่อนนะคะ” นับฟ้ารีบขึ้นไปยังห้องประธานอย่างคุ้นเคย เมื่อตอนเด็กพ่อของเธอพามาเที่ยวเล่นที่นี่บ่อย ๆ จึงคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี
นับฟ้ายืนมองประตูบานใหญ่มีป้ายติดไว้ว่าเป็นห้องประธาน ตั้งแต่พ่อของเธอเสียไปเธอก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย
“คิดถึงจัง ไม่ได้มานานเลย” นับฟ้าเผยยิ้มเมื่อนึกถึงสมัยที่ครอบครัวเธอยังอยู่พร้อมหน้า ห้องตรงหน้าเต็มไปด้วยความอบอุ่นของครอบครัว นับฟ้าถอนหายใจถอนหายใจก่อนเปิดประตูเข้าไป
เพล้ง ปิ่นโตในมือหล่นลงกับพื้นห้อง เรียกให้คนทั้งสองที่กำลังกอดรัดกันต้องหันมามอง
“มาทำไม” ไอดินทั้งที่มือยังสาละวนอยู่กับสาวตรงหน้า
“ฟ้าเอาข้าวมาให้พี่ดินค่ะ”
“ไม่ต้อง ฉันหากินเองได้”
“เอ่อ..คุณดินค่ะ..”
“ไม่ต้องสนใจ เสร็จธุระก็ออกไปได้แล้ว” ไอดินพูดพลางถอดเสื้อของสาวตรงหน้า
“พี่ดินค่ะ ห้องนี้เคยเป็นห้องของพ่อ พี่ดินอย่าทำบัดสีในห้องนี้ได้ไหมคะ” นับฟ้าพูดปนสะอื้น
“ฉันจะทำ และฉันก็ทำมันมาหลายครั้งแล้วด้วย” เขาพูดพลางถอดกางเกงของตัวเองออก นับฟ้าทนดูไม่ไหวได้แต่วิ่งร้องไห้ออกมา
“โถ่! น่าสงสารจริง ๆ คุณฟ้า” ประชาสัมพันธ์มองเธออย่างสงสาร แต่ไม่ทันไรนับฟ้าก็ล้มหมดสติลงตรงหน้าบริษัท
“คุณฟ้า คุณฟ้าค่ะ ใครก็ได้ไปเรียกรถพยาบาลที คุณฟ้าเป็นลม”
“เดี๋ยวฉันไปบอกคุณดินก่อนนะ เธอพาคุณฟ้าไปส่งโรงพยาบาลคุณดินทีนะ” พนักงานอีกคนบอกก่อนวิ่งออกขึ้นไปยังห้องประธาน
“คุณดินครับ คุณฟ้าเป็นลมอยู่หน้าบริษัทค่ะ” หญิงสางร้องเรียกอยู่หน้าประตูไม่กล้าที่จะเปิดข้าไป
“ช่างสิ คนอย่างนั้นจะเป็นจะตายก็เรื่องของเขา ไม่เห็นเกี่ยวกับฉันเลย”
“เอ่อ...ตอนนี้ส้มจี๊ดประชาสัมพันธ์ กำลังพาคุณฟ้าไปส่งโรงพยาบาล คุณดินจะไม่ตามไปดูหน่อยเหรอคะ”
“ผมขอบอกอีกครั้ง ว่าผมไม่สนใจ ต่อให้ตายผมก็ไม่สนใจ ถ้าคุณไม่อยากโดนไล่ออกก็ไสหัวไปซะ” สิ้นเสียงไอดินพนักงานสาวรีบกลับลงไปข้างล่างทันที
“คุณดินจะไม่ไปดูจริง ๆ เหรอคะ”
“อย่าทำให้ผมอารมณ์เสียอีกคน มาจัดการเรื่องของเราต่อดีกว่า” ไอดินเริ่มบทรักของเขาต่อโดยไม่สนใจนับฟ้าเลยสักนิด
[โรงพยาบาลสายธารา]
คู่สามีภรรยานั่งร้อนใจถึงอาการของลูกสะใภ้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินภายในโรงพยาบาลของครอบครัว ใจจริงทั้งคู่ก็อยากเข้าไปตรวจอาการของเธอด้วยตนเอง แต่ติดที่กลิ่นทรายห้ามเอาไว้
“หนูฟ้าเขาจะเป็นยังบ้างคุณ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้เป็นลมไปอย่างนั้น”
“ไม่ต้องห่วงหรอกคุณ มานพกับทรายก็ลงมาดูด้วยตัวเอง อย่ากังวลเกินเหตุไปเลย”
“ค่ะ แล้วนี่ตาดินไปไหน เมียเข้าโรงพยาบาลแต่ไม่เห็นเงาหัวเลย”
“คุณก็น่าจะรู้ดี ผมละสงสารหนูฟ้าซะจริง ๆ ไม่รู้ทำเวรทำกันอะไรมา ถึงต้องมาเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้”
“นั้นสิคะคุณ เสียพ่อแม่ไป น้องสาวก็มาคิดสั้น แล้วนี่เกิดหนูฟ้าเป็นอะไรขึ้นมาฉันไม่รู้จะเอาหน้าที่ไหนไปสู้เพื่อนรัก แค่ฝากลูกไว้ยังดูแลให้เขาไม่ได้” ธาราตัดพ้อกับสามี
“ทราย หนูฟ้าเป็นไงบ้าง” นภดลถามลูกสาวทันทีที่ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก
“ม..ไม่..ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะคะ”
“อย่าโกหกพ่อนะทราย บอกมาหนูฟ้าเป็นอะไรทำไมจู่ ๆ ถึงได้เป็นลมเป็นแล้งไปแบบนั้น”
“ก็เพราะลูกชายตัวดีของคุณพ่อเอาสาวไปคั่วถึงในห้องประธาน ฟ้าไปเห็นเข้าเลยลมจับเอา”
“แค่นั้นจริง ๆ เหรอทราย” ธาราถามอีกคนเพื่อความแน่ใจ
“ก็ดูนับฟ้าของเราสิแม่ ผอมแห้งแรงน้อยแบบนั้น ข้าวปลาก็ไม่ค่อยจะกิน พักผ่อนก็ไม่เพียงพอ จะเป็นลมเป็นแล้งไปก็ไม่แปลก”
“ถ้านั้น เดี๋ยวหนูฟ้าดีขึ้นแล้วเราพาหนูฟ้ามาพักที่บ้านเราดีกว่า”
“ฟ้าคงไม่ยอมหรอกแม่ ทุกวันนี้หายใจเข้าหายใจออกก็มีแต่พี่ดิน คงไม่ยอมทิ้งพี่ดินไปง่าย ๆ หรอก”
“โถ่ หนูฟ้า เห็นทีแม่ต้องจัดการตาดินจริง ๆ ซะที”
“หมอทรายคะ เตรียมห้องพร้อมแล้วค่ะ”
“พ่อแม่ทรายไปก่อนนะคะ ถึงยังไงก็อยากตรวจฟ้าให้ละเอียดอีกที กลัวว่าตอนล้มอาจจะสมองกระทบกระเทือนไปได้”
“ดีลูกตรวจให้ละเอียดเลยนะ มีอะไรก็รีบบอกแม่ทันที”
“ค่ะ พ่อพาแม่ไปรอที่บ้านนะคะ เดี๋ยวถ้าฟ้าฟื้นแล้วทายจะโทรบอก” กลิ่นทรายบอกกับพ่อแม่ก่อนเดินตามพยาบาลสาวที่มาตาม ไม่นานนักก็มีเวรเปลมาเข็นนับฟ้าตามไป
[ห้องพักแพทย์]
มานพและกลิ่นทรายนั่งมองหน้ากับด้วยความเคร่งเครียดในห้องพัก ต่างกันตรงที่สายตาของมานพพยายามคาดคั้นความจริงบางอย่างกับหมอสาวรุ่นน้องตรงหน้าจนกลิ่นทรายต้องหลบสายตา
“มีอะไรจะบอกพี่ไหมทราย” มานพเอ่ยถามทำลายความเงียบ
“ม..มีอะไรเหรอ”
“หรือต้องให้พี่บอกคุณลุงคุณป้า”
“อย่านะพี่นพ ไว้ทรายจะเล่าให้ฟังอีกที แต่อย่าเพิ่งบอกพ่อกับแม่นะ”
“ทำไม จะปิดไว้ทำไมนี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยนะ”
“ทรายก็อยากจะบอกจะขาดแล้วพี่นพ แต่ฟ้านะสิขอไว้”
“หมายความว่าทรายรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แล้วไอ้ดินละรู้ไหม”
“ถ้ารู้ก็คงไม่ร้ายกับฟ้าแบบนี้หรอก”
“งั้นเล่ามา จะได้เป็นข้อมูลในการรักษา” กลิ่นทรายเล่าข้อมูลอาการของเพื่อนทั้งหมดที่เธอรู้ให้หมอรุ่นพี่
“เพราะอย่างนี้ใช่ไหมน้องทรายเลยตั้งใจศึกษาจนเป็นหมอที่เชี่ยวชาญด้านหัวใจ”
“ใช่ นับฟ้าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของทราย”
“แต่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ เป็นโรคหัวใจแล้วยังจะบริจาคไตให้น้องดาวอีก เขาคิดอะไรของเขาอยู่กันนะ”
“เพราะนับดาวมีกรุปเลือดพิเศษนะสิ แล้วฟ้าก็มีกรุปเดียวกัน แต่ไม่ทันได้บริจาคนับดาวก็...”
“แล้วน้องดาวเขาไม่รู้เรื่องนี้เหรอ”
“นอกจากคุณลุงคุณป้าที่เสียไปก็มีแต่ทรายที่รู้ นับดาวไม่รู้เรื่องของฟ้า แล้วที่สำคัญไม่ว่าจะเรื่องของดาวหรือฟ้า ตอนนี้มีแต่ทรายที่รู้คนอื่นไม่มีใครรู้เรื่องนี้”
“งั้นหรือว่าที่น้องดาวเขา...”
“ใช่ นับดาวไปได้ยินเข้าตอนฟ้าคุยกับหมอ เลยทำอย่างนั้น ถ้านับดาวรู้ว่าฟ้าเป็นโรคหัวใจและอาจมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน นับดาวก็คงไม่ทำอย่างนั้น”
“แสดงว่าไอ้ดินก็เกลียดน้องฟ้าโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหรอ”
“ใช่”
“แล้วทรายก็จะปล่อยให้เป็นแบบนี้เหรอ”
“ทรายอยากจะพูดใจจะขาด แต่ฟ้าเขา..”
“เข้าใจแล้ว แล้วทีนี้จะทำยังไงละ มีเนื้องอกในสมองเพิ่มขึ้นมาอีก ถ้าไม่รีบรักษาแย่แน่ ๆ โรคหัวใจก็แย่เต็มทน อาจจะ..”
“หยุด ทรายรู้ แต่ทรายจะต้องหาทางรักษาฟ้าให้ได้”
“แต่พี่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมน้องฟ้าเขาถึงไม่ยอมรักษา”
“เพราะหมดแล้วนะสิ ไม่ว่าจะเงินหรือสมบัติที่คุณลุงคุณป้าทิ้งไว้ให้ ฟ้าก็ขายมารักษานับดาวไปหมดแล้ว แม้แต่เรื่องเรียนนับฟ้ายังหยุดเรียนแค่ม.6 เพราะเก็บเงินไว้รักษานับดาว”
“ตัวเองเลยต้องเป็นแบบนี้”
“ทรายเลยต้องรักษาฟ้าให้ได้”
“แต่เผื่อใจไว้หน่อยก็ดีนะทราย”
“พี่นพก็ต้องช่วยทรายด้วยนะ ฟ้าเจอเรื่องร้ายมาเยอะแล้ว ทรายอยากให้ฟ้าเจอเรื่องดี ๆ บ้าง” ทั้งสองมองหน้ากันพลางถอนหายใจ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 14
Comments