เช้ารุ่งขึ้นของวันถัดมา ทุกคนนำข้าวของใช้ส่วนตัวของตัวเองที่เก็บใส่กระเป๋าเดินทางเข้าไปไว้ในรถและเริ่มออกเดินทางมุ่งหน้ากลับบ้าน ในระหว่างทางนั้น จากท้องฟ้าที่สดใสไร้เมฆพายุฝน จู่ๆก็เกิดฝนฟ้าคะนองอย่างกะทันหัน สายลมพัดอย่างรุนแรงดังพายุ สายฟ้าประกายทั่วท้องฟ้า ทำให้ดังสนั่นไปทั่วท้องนภา สายฝนเทกระนำลงมาอย่างรุนแรง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเพราะธรรมชาติที่เกิดการแปรปรวน ล้วนแต่เป็นฝีมือของสุธาราที่นั่งรถมาด้วยที่ใช้พลังอำนาจเวทย์มนต์ควบคุมสภาพอากาศให้เปลี่ยนไป
“ พ่อครับ ผมว่าเราควรกลับไปที่คฤหาสน์ก่อนนะครับ ฝนตกขนาดนี้ อาจเกิดอันตรายได้ “
เอกที่นั่งรถมาด้วยบอกเอกพจน์ด้วยความกังวลกับสถานะการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้
“ ไม่ลูก! เราต้องรีบกลับ จะได้รีบจัดงานแต่งงานให้กับชัย “
“ แต่ถ้าชัยแต่งงานได้สำเร็จ ชีวิตชัยก็จะเจอแต่สิ่งแย่ๆนะครับ “
“ มันก็ยังดีกว่าปล่อยให้เขาตายจริงไหม? “
เอกนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าเล็กๆด้วยใบหน้าที่มุ่งมั่น
“ ก็จริงครับ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากการแต่งงานของชัย ผมจะเป็นคนที่ปกป้องน้องเอง “
“ ไม่ต้องห่วงหรอกเอก ชายคนนั้นก็บอกอยู่ ว่าคู่ของชัยจะคอยปกป้องเขาจากอันตรายทั้งหมด “
“ แล้วพ่อแน่ใจแค่ไหนครับว่าลลินเป็นคู่ที่ถูกต้องของชัย? “
คำพูดของเอกนั้นทำให้เอกพจน์นึกคิดไตร่ตรองขึ้นมาทันที เอกจึงตัดสินใจพูดความในใจทุกอย่างออกมา เรื่องที่ชัยเขาไม่ได้รักลลิน เขาไม่อยากแต่งงานกับเธอ แต่เขายอมเพราะอยากให้พ่อกับแม่มีความสุข คำสัญญาที่เขาให้ไว้กับมิตรสหายตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นว่า ใครมีลูกสาวหรือลูกชายจะให้แต่งงานกัน แต่ส่วนตัวเอกแล้ว ถ้าชัยยอมแต่งงานไปแล้วแต่ไม่มีความสุข เขาก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้แต่ง เขาต้องการอยากเห็นน้องชายมีความสุขกับชีวิตคู่หลังแต่งงานมีความสุขกับคนที่เขารัก และอยากให้ชัยได้เลือกคู่ชีวิตของตัวเอง ซึ่งคนที่เอกหมายถึงก็คือปิ่นมณีคนที่ชัยตกหลุมรักเมื่อตอนอยู่ที่คฤหาสน์ เพราะเธอคนนั้นอาจเป็นคู่ที่ถูกต้องของชัย เอกพูดพร้อมกับแววตาและน้ำเสียงที่เศร้าลงมาก เอกพจน์นั่งคิดทบทวนในระหว่างขับรถไปด้วยกับคำพูดของลูกชายคนโต
“ เอาเป็นว่าให้กลับถึงบ้านก่อน ค่อยว่ากันใหม่ “
มันจึงทำให้เอกนั้นมีรอยยิ้มขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน ส่วนสุธาราที่นั่งอยู่ข้างๆเอกเธอเริ่มมีความรู้สึกไม่พอใจยิ่งนักแต่ไม่แสดงอาการออกมาให้ใครได้เห็น
“ อย่าหวังจะได้กลับ! “
เธอคิดในใจและเริ่มร่ายเวทย์มนต์ควบคุมสภาพอากาศให้เลวร้ายกว่าเดิมยิ่งขึ้น จนทำให้เนินดินบนหน้าผาทรุดตัวลงมาบดบังเส้นทางจนทำให้ไปต่อไม่ได้ ชัยที่ขับรถอยู่ข้างหน้าจึงรีบเหยียบเบรครถทันที แต่ถนนนั้นลื่นทำให้รถเบรคไม่อยู่รถจึงไถลไปกับถนนพุ่งเข้าหาตอไม้แหลมที่หล่นลงมาด้วย
ลลิน ชาวี สุภาพร มณีรัตน์ ทุกคนกรีดร้องด้วยความกลัวและตกใจ ชัยพยายามตั้งสติและยังคงเหยียบเบรครถไว้มิด และในวินาทีนั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างมาหยุดรถไว้ทำให้รถหยุดอยู่นิ่งทันที และตอไม้เกือบที่จะแทงทะลุกระจกหน้ารถเข้ามา เหลือเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้นที่จะทะลุเข้ามา เอกพจน์ เอกและสุธารารีบออกมาจากรถพร้อมกางร่มและรีบวิ่งไปหาทุกคนที่อยู่รถข้างหน้า เหลือเพียงสุธาราที่ยืนรออยู่ที่รถ เธอยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยอาการที่งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ มันเป็นไปได้ไง! มันไม่ควรที่จะหยุดรถได้สิ! “
เธอมีอารมณ์ที่ไม่พอใจอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นและมันทำให้ทุกอย่างต่างออกไปจากที่เธอคิด
“ ลูกพ่อ! เป็นไรไหม!? “
“ ไม่เป็นไรครับ “
ชัยตอบกลับเสียงสั่นเล็กน้อยด้วยความตกใจทุกคนในรถก็เช่นกัน
“ แล้วทุกคนล่ะปลอดภัยดีใช่ไหม!? “
ทุกคนในรถพยักหน้าอย่างแข็งๆเพราะยังคงมีอาการที่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เอกพจน์พยักหน้ารับรู้อย่างโล่งใจเล็กน้อยแล้วหันไปมองทางที่มีดินถล่มลงมาและต้นไม้ใหญ่ที่ขวางทางไว้ เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“ เอาล่ะ เรากลับไปที่คฤหาสน์ก่อนเพื่อความปลอดภัย “
เอกพจน์กับเอกรีบเดินกลับไปที่รถที่มีสุธารายืนรออยู่ทันที
“ ทุกคนเป็นไงบ้างคะปลอดภัยไหม!? “
“ ทุกคนปลอดภัยดี ตอนนี้เราจะรีบเดินทางกลับไปคฤหาสน์ก่อนครับ “
“ ดีค่ะ “
สุธาราทำทีมีความห่วงใยทุกคนขณะที่เอ่ยถามคำถามกับเอกก่อนที่ทุกคนจะกลับเข้าไปด้านในของรถ เอกพจน์ขับรถนำในการเดินทางกลับส่วนชัยขับรถตามหลังมุ่งหน้ากลับไปยังคฤหาสน์ และสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นฝีมือของสุธาราที่ร่ายเวทย์มนต์ดลบันดาลให้เกิดขึ้น แต่สิ่งทำให้รถหยุดได้นั้น เป็นฝีมือของปิ่นมณีนั่นเอง เธอได้ใช้พลังในการควบคุมน้ำฝนที่ตกลงมาสร้างเป็นที่ยึดล้อรถไว้จึงทำให้รถหยุดในทันที และเธอก็ไม่ได้อยู่ไหนไกล เธอยืนอยู่ที่ริมหน้าผา เพียงแค่ไม่มีใครสังเกตุเห็นเธอเท่านั้นเอง
.
.
.
.
เมื่อทุกคนได้กลับมาถึงคฤหาสน์จึงมารวมตัวกันที่โถงใหญ่ห้องรับแขกเพื่อปรึกษาหาลือกันเรื่องงานแต่งงาน เพราะว่าอีกสองวันก็จะถึงวันแต่งงานของชัยกับลลิน
“ เอายังไงดีคะพ่อ? เหลือเวลาอีกแค่สองวันเอง เรากลับไปเตรียมงานไม่ทันแน่ ถนนก็คงยังซ่อมไม่เสร็จ หรือเราจะเลื่อนออกไปดีไหมคะ? “
มณีรัตน์ถามสามีด้วยความกังวลใจอย่างมาก เอกพจน์นั่งนิ่งคิดทบทวนว่าจะเอายังไงกับสถานการณ์แบบนี้ และคิดทบทวนกับสิ่งที่เอกได้บอกกับตนตอนระหว่างขับรถ
“ ถ้าลูกเราแต่งงานไม่สำเร็จ ลูกเราต้องตาย แต่ถ้าแต่งงานสำเร็จ เขาจะไม่ตายแต่ต้องเลือกคู่ให้ถูก “
เอกพจน์ที่จู่ๆก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ทุกคนต่างหันมามองที่เอกพจน์เป็นตาเดียวเพราะต่างก็สงสัยว่าทำไมจู่ๆเขาถึงพูดแบบนั้นออกมา
“ พ่อพูดอะไรครับ? “
ชัยถามเอกพจน์ด้วยความงุนงงเล็กน้อย เอกพจน์เงยหน้าขึ้นมองชัยกับลลินพร้อมพินิจพิจารนาอย่างละเอียด
“ มีใครที่นี่พอที่จะดูดวงได้ไหม? “
“ คะ? “
เอกพจน์หันไปถามสุธาราที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เธอตอบพร้อมกับสีหน้าอย่างงุนงง
“ คือเธอไม่ใช่คนที่นี่น่ะครับพ่อ “
เอกบอกกับเอกพจน์ เขาพยักหน้ารับรู้เล็กน้อย แล้วหันไปเห็นปิ่นมณีที่กำลังยืนทำความสะอาดโต๊ะอยู่ไกลๆเขาจึงเดินตรงเข้าไปหาเธอทันที
“ หนู “
ปิ่นมณีหันมาหาเอกพจน์ที่เดินเข้ามาเรียกเธอ เมื่อเธอหันมาเขาได้เห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจนและเขารู้สึกถูกชะตากับเธอเหลือเกินอย่างที่ไม่เคยเป็นกับคนไหนมาก่อน
“ จะรับอะไรเหรอคะ? “
“ เปล่า ลุงอยากรู้ว่าที่นี่มีใครพอจะดูดวงได้ไหม? “
“ ที่นี่ไม่มีหมอดูหรอกค่ะ “
เอกพจน์มีใบหน้าที่สิ้นหวังทันทีเมื่อได้ฟังคำตอบของเธอ
“ แต่ก็พอจะมีอยู่ท่านหนึ่งค่ะ “
เมื่อเอกพจน์ได้ยินทำให้เขามีรอยยิ้มด้วยความดีใจอย่างมากและทำให้เขารู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที
“ ช่วยพาลุงไปที “ .
.
.
.
ณ วัดสุวรรณนาธาราม
ปิ่นมณีได้พาทุกคนมาที่วัดแห่งนี้และเดินนำทุกคนเดินเข้ามาในวัด ยกเว้นสุธาราที่ไม่ยอมเดินเข้าไปเนื่องจากเธอนั้นมีจิตใจที่เคียดแค้นเป็นจิตใจที่ยังไม่บริสุทธิ์อยู่จึงไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะถ้าเธอเข้าไปด้านในของวัดร่างกายของเธอจะมอดไหม้ลงไปทันที เอกหันมาเห็นเธอที่ไม่ยอมเดินเข้ามาพร้อมกับท่าทีที่ดูหวาดกลัวเล็กๆ เขาจึงเดินกลับไปหาเธอ
“ เป็นอะไรเปล่าครับ? “
“ เอ่อ..คือฉันรู้สึกเวียนหัวน่ะค่ะ ขอนอนพักที่รถดีกว่าค่ะ “
“ โอเคครับ ล็อครถไว้ด้วยนะครับ ปลอดภัยไว้ก่อน “
เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจคำสั่งของเอกและเดินกลับไปที่รถ เอกจึงรีบเดินตามทุกคนเข้าไป ปิ่นมณีพาทุกคนมาที่โบสถ์ที่อยู่เกือบติดกับทางเข้าของประตูวัด เมื่อเข้ามาแล้วก็พบกับพระวัยกลางคนรูปหนึ่งกำลังนั่งสมาธานศิลอยู่ต่อหน้าพระพุธรูปองค์ใหญ่สีทอง ทุกคนคลานเข่าเข้าไปพร้อมกับยกมือไหว้กราบสักการะท่าน
“ ว่าไงปิ่นมณี “
"ค่ะพระอาจารย์ “
พระอาจารย์ท่านออกจากสมาธานศิลแล้วมองไปที่ชัยกับเอกแค่สองคนเท่านั้น ทุกคนในที่นั้นมองหน้ากันด้วยความสงสัยแต่ไม่พูดอะไร เอกพจน์ที่เห็นพระอาจารย์ท่านมองลูกชายของเขาทั้งสองคนอย่างพินิจพิจารณาจึงเขยิบเข้าไปเล็กน้อย
“ มีอะไรหรือเปล่าครับหลวงพ่อ? “
“ ไหนล่ะคนที่ลูกชายของโยมจะแต่งงานด้วย “
ทุกคนเกิดอาการงุนงงกันมาก เพราะยังไม่มีใครพูดอะไรสักคำ
“ ลูกดิฉันค่ะหลวงพ่อ “
ลลินเขยิบขึ้นมาข้างหน้าพร้อมยังคงพนมมือไหว้ เมื่อพระอาจารย์ท่านได้เห็นเธอแค่ครู่เดียวท่านก็ส่ายหัวเล็กน้อย แล้วหันไปหาเอกพจน์
“ อาตมาบอกได้แค่ว่า คู่ที่ควรกับลูกชายโยม มิใช่นางคนนี้ ถ้านางผู้นี้ได้แต่งงานกับลูกชายโยม ชีวิตเขาจะสั้นลง “
เมื่อทันทีที่ทุกคนได้ยินต่างตกใจและอึ้งกับสิ่งที่พระอาจารย์พูดออกมา ลลินนั่งแน่นิ่งเหมือนคนสติหลุดเมื่อฟังคำพูดของพระอาจารย์ เอกพจน์กับมณีรัตน์และเอกต่างมีใบหน้าที่กังวลใจเอามากๆ ถึงขั้นที่ทำให้มณีรัตน์น้ำคลอ
“ แต่โยมมิต้องห่วงหรอกนะ คู่ที่คู่ควรกับเขา คนที่จะค่อยปกป้องดูแลให้เขาปลอดภัย เขากับนาง ได้พบกันแล้ว ใช่ไหม?”
พระอาจารย์ท่านพูดอย่างยิ้มๆแล้วหันไปที่ชัย เขานั่งนิ่งทำตัวไม่ถูกพลางหันไปมองปิ่นมณีที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา เธอมองชัยเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆหันหน้าไปทางพระอาจารย์อย่างไม่สนใจ
“ แล้วเธอ..คนที่กระผมสนใจ จะใช่เธอจริงๆเหรอครับ? “
“ โยมลองถามใจของโยมดู แล้วโยมจะรู้เอง “
พระอาจารย์ท่านยังคงพูดยิ้มๆ ชัยค่อยๆเกิดรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยแล้วหันไปมองปิ่นมณีอีกครั้ง เอกพจน์และมณีรัตน์ทั้งสองมองตามสายของลูกชายคนเล็กของพวกเขาที่จับจ้องไปที่เธอและรู้ทันทีว่าเขาคิดและรู้สึกยังไงกับเธอ ปิ่นมณีสังเกตุเห็นสายตาของเขาที่มองมาที่เธอทางชายตาจึงค่อยๆเขยิบออกไปเล็กน้อยก่อนจะกระแอมเล็กๆ
“ แต่โยมต้องแต่งงานกับนางก่อนอายุครบ 25 ปี มิฉะนั้น ชีวิตของโยมจะสิ้นสุดลง “
“ แล้วเธอจะยอมแต่งกับกระผมหรอครับ? “
“ อาตมาไม่รู้ อาตมามิใช่นาง โยมต้องถามนางเอง “
ชัยพยักหน้าอย่างช้าๆด้วยรอยยิ้มพลางชำเลืองมองปิ่นมณีเล็กน้อย
“ โยมก็เช่นกัน ต้องแต่งงานพร้อมน้องชายถึงจะดี มิฉะนั้น ชีวิตจะเจอแต่อันตราย และโยม ก็ได้พบเจอคู่ของตัวเองแล้วเช่นกัน คนที่อยู่ข้างๆโยม “
เอกนั่งมองตาปริบๆแบบงงๆว่าพระอาจารย์จู่ๆพูดเรื่องอะไรออกมา
“ อาตมาบอกใบ้เยอะมากแล้ว ถ้ายังมิรู้กัน ก็คงช่วยมิได้ “
ทุกคนนั่งมองหน้ากันแบบงุนงงกับทุกสิ่งที่พระอาจารย์เอ่ยพูดออกมา
“ ปิ่นมณี พาพวกเขากลับได้แล้ว อาตมาต้องสมาธานศิลต่อ “
“ ค่ะพระอาจารย์ “
ทุกคนก้มลงกราบลาพระอาจารย์แล้วเดินออกจากโบสถ์ไปมุ่งหน้าไปที่รถและเดินทางกลับคฤหาสน์ ในระหว่างทางนั้น เอกพจน์ได้คิดทบทวนทุกอย่างที่พระอาจารย์ได้พูดบอกใบ้มาอย่างละเอียดพร้อมนึกถึงสายตาที่ชัยมองปิ่นมณีที่เขาใช้มองเธอ แล้วมองกระจกรถมองหลังและเห็นเอกกับสุธารานั่งอยู่ข้างหลังด้วยกัน
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ทุกคนไปรวมตัวกันที่โถงใหญ่ ปิ่นมณีที่เดินตามหลังเข้ามาจึงจะเดินไปที่ครัวเพื่อจะไปทำตามหน้าที่ของตัวเองต่อเช่นเดิม
“ ปิ่นมณี “
เอกพจน์เรียกเธอทันที เธอหยุดแล้วหันกลับมามองอย่างสงสัยเมื่อเห็นใบหน้าของเขาที่ดูราวกับว่ากำลังมีอะไรอยู่ในใจ
“ ปิ่นมณีใช่ไหม? “
“ ใช่ค่ะ จะรับอะไรหรือเปล่าค่ะ? “
“ เธอช่วยแต่งงานกับชัยลูกชายฉันได้ไหม? “
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments