ณ วิหารสุรัตนาธา
เด็กสาวตัวน้อยได้กำลังยืนดูรูปประติมากรรมข้างพนังของถ้ำในวิหารที่เธออาศัยอยู่ ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับรอยยิ้มพลางใช้มือทั้งสองข้างจับลงที่ไหล่ของเธอเบาๆ
" ดูอะไรอยู่ลูก "
" ลูกกำลังดูเหตุการณ์ในอดีตอยู่ค่ะ แต่ก็ยังไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ คุณแม่เล่าให้ลูกฟังได้ไหมคะ? "
" ได้สิ "
จากนั้นเธอเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างให้ลูกสาวตัวน้อยของเธอได้ฟัง เรื่องราวของมณี ที่ได้มารวมตัวกัน จากมณีที่มี 6 เม็ด ประกอบไปด้วย มณีแห่งเวลา มณีแห่งสายลม มณีแห่งพื้นน้ำ มณีแห่งความสมดุลย์ มณีแห่งเปลวเพลิง และมณีแห่งสัพสัตว์ ได้ถูกศกุนีในบรรพบุรุษที่เรียกว่า ไวท์ฟินิกซ์ ใช้พลังหลอมรวมมณีทั้ง 6 เข้าด้วยกันจนกลายเป็นมณีสุธารา เพื่อสร้างความสมดุลย์ให้แก่โลกใบนี้ ถ้าขาดมณีเม็ดใดเม็ดหนึ่งไป โลกก็จะเสียความสมดุลย์ ดังนั้นจึงต้องมีองครักษ์รักษาความปลอดภัยของมณีไว้ เพื่อไม่ให้คนชั่ว หรือ พ่อหมดแม่มดด้านมืดได้ครอบครอง ถ้าไม่อย่างนั้นโลกอาจจึงกาลอวสานได้ และผู้ที่จะสร้างหรือทำลายและต้านทานพลังมณีสุธาราได้ จะต้องเป็นทายาทสายบริสุทธิ์ของไวท์ฟินิกซ์เท่านั้น
" โห้ สุดยอด แล้วแม่ล่ะคะ? ได้เป็นไวท์ฟินิกซ์หรือเปล่า? "
" เปล่าหรอกจ่ะ แม่เป็นเพียงศกุนีธรรมดา มิมีพลังวิเศษหรือเวทมนต์ใดๆ ผู้ที่จะมี คือทายาทสายเลือดโดยตรงเท่านั้น เหมือนพ่อของลูก "
" ถ้างั้นก็แสดงว่าลูกมีโอกาสได้เป็นน่ะสิคะ! "
" อาจเป็นไปได้นะลูก "
ผู้เป็นพ่อพูดพลางเดินเข้ามาหาทั้งสอง ลูกสาวตัวน้อยวิ่งเข้าหาผู้เป็นพ่อในทันที ผู้เป็นพ่ออุ้มลูกสาวตัวเล็กขึ้นมาไว้บนแขนของตัวเองพร้อมกับรอยยิ้ม
" แต่ต้องห้ามคิดชั่ว ห้ามคิดร้ายกับใคร ปล่อยวางทุกสรรพสิ่ง ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ในสิ่งที่ควร "
" ค่ะท่านพ่อ "
ผู้เป็นพ่อหอมแก้มลูกสาวของเขาด้วยรอยยิ้มพลางใช้แขนอีกข้างโอบไหล่ภรรยาของเขาเข้ามาใกล้ๆ....
.
.
.
.
.
ณ ร้านชุดแต่งงาน ( ปัจจุบัน )
ชัยเดินออกจากห้องลองชุดที่ทางร้านเสื้อผ้าได้จัดเตรียมไว้ให้และชุดที่ส่วมใส่ออกมาเป็นชุดแต่งงานชุดไทยดั้งเดิมที่เป็นสีชมพูสีสันสวยสดงดงาม เขาเดินมาที่กระจกเงาเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของชุด
" โห้ หล่อมากไอ้น้องชาย ฉันไม่คิดว่านายใส่ชุดนี้แล้วจะหล่อขนาดนี้ แต่เสียใจ พี่หล่อกว่า "
เอกพูดชมน้องชายตนพร้อมหัวเราะขณะที่นั่งอยู่ที่โซฟาใกล้ๆ ชัยหัวเราะชอบใจพร้อมหันกลับมาหาด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
" พี่ชายผมหล่อที่สุดอยู่แล้วครับ "
ทั้งคู่หัวเราะชอบใจกันใหญ่ราวกับว่าพวกเขายังเป็นเด็กยังไงยังงั้น
" เป็นไงบ้างคะ ชุดพอดีไหม? "
เจ้าของร้านชุดแต่งงานเดินมาถามชัยที่กำลังยืนดูตนเองในกระจกเงาของร้าน เขาหันไปมองในกระจกอีกครั้งเพื่อตรวจดูให้แน่ใจ
" พอดีครับ ชุดโอเคเลย "
" โอเคค่ะ "
ชัยเดินกลับไปที่ห้องลองชุดแล้วเปลี่ยนชุดเป็นชุดปกติของตนเอง ไม่นานเอกกับชัยก็ออกจากร้านและมุ่งหน้าไปที่ต่อไป เมื่อเอกกับชัยไปทำธุระเกี่ยวกับเรื่องงานแต่งงานตามที่ต่างๆเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางกลับบ้าน และพอมาถึงก็พบกับลลินที่นั่งรออยู่ที่โซฟาห้องรับแขกพร้อมกับพ่อแม่ของเขา เมื่อเธอเห็นชัยที่พึ่งกลับมา เธอมีรอยยิ้มที่แสดงถึงความดีใจออกมาทันทีที่เจอเขา
" ทั้งคู่มานั่งนี่ก่อนสิ "
เอกพจน์ผู้เป็นพ่อเรียกทั้งสองคนที่พึ่งเดินทางกลับมาถึงในทันทีที่เห็นพวกเขา เอกกับชัยมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปและนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามลลิน ชัยมองเธอด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปหาพ่อของเขา
" มีอะไรครับพ่อ แล้วลลิน.."
" แม่โทรให้เธอมาเองแหล่ะ แม่รู้ว่ารบกวนเธอ เพราะเธอก็ยุ่งกับการเตรียมงานเช่นกัน แต่พ่อกับแม่มีเรื่องจะคุยด้วย "
มณีรัตน์ผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆเอกพจน์บอกกับชัยลูกชายของเธอ เขาพยักหน้าอย่างรับรู้เล็กๆ
" พ่อกับแม่กำลังคิดว่า ใกล้จะงานแต่งลูกกับลลินแล้ว เราก็เลยอยากพาครอบครัวเราและครอบครัวลลินไปที่ที่หนึ่ง "
สองพี่น้องมองหน้ากันด้วยความสงสัยในคำพูดของเอกพจน์ทันที
" ที่ไหนครับพ่อ? "
เอกถามเอกพจน์ผู้เป็นพ่อทันทีด้วยความสงสัย
" เป็นสถาที่ที่ปู่ทวดของพ่อเคยอาศัยอยู่มาก่อน และถ้าลูกอยากรู้ พรุ่งนี้ก็เตรียมตัวให้พร้อมละกัน เราจะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า "
สองพี่น้องนั่งยิ้มด้วยกันด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่กำลังจะได้ไปสถานที่ที่ปู่ทวดของพวกเขาเคยได้อาศัยอยู่
เช้ารุ่งขึ้น ทุกคนต่างก็จัดของขึ้นรถและออกเดินทาง เวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง รถทุกคันได้แวะพักรถที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งและทุกคนต่างก็แยกย้ายไปทำธุระของตัวเองให้เรียร้อยก่อนที่จะออกเดินทางอีกครั้ง
ชัยที่เดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อพร้อมกับขนมนมเนยต่างๆเพื่อมาแบ่งปันให้กับทุกคน สายตาของเขาได้เห็นชายวัยชราคนหนึ่งนั่งอยู่กับพื้นทางเดินใกล้ๆพร้อมชามที่มีเหรียญบาทอยู่ในนั้น ชัยเห็นจึงนำเงินออกมาจำนวนหนึ่งพร้อมกับขนม น้ำแล้วข้าวและเดินเข้ามาหา เขานั่งลงย่องๆตรงหน้าชายชราคนนั้นพร้อมกับยื่นของให้กับชายชราคนนั้นด้วยรอยยิ้ม
" รับไว้นะครับ "
ชายชราคนนั้นมองของในมือเขาเล็กน้อยก่อนที่จะรับมาแล้วมองชัยราวกับพิจารณาอะไรสักอย่าง ชัยเกิดอาการสงสัยกับสายตาที่ชายชราคนนั้นที่ใช้มองมาที่เขา
" มีอะไรหรือเปล่าครับ? "
" การที่มาที่นี่เป็นการกลับมาหาอดีต สิ่งที่ทำไว้ในอดีต จะกลับย้อนคืนสนองของคนกระทำ งานแต่งครั้งนี้หากสำเร็จ ชีวิตเอ็งจะพบเจอแต่ความชิบหาย ความสูญเสีย ทุกอย่างจะร้อนเหมือนไฟ และความจริงทุกอย่างจะปรากฎหากเลือกคู่ได้ถูก คู่ของเอ็งจะคอยป้องกันภัยทุกอย่างที่เข้ามา คู่ของเอ็งจะคุ้มครองให้ปลอดภัย หากไม่สำเร็จ ชีวีจะดับสูญ "
เมื่อชัยได้ยินสิ่งที่ชายชราคนนั้นพูดออกมาแบบนั้นก็ทำให้เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหัวเราะออกมาเล็กน้อย
" ลุงก็พูดไปเรื่อยน่ะครับ เดี๋ยวผมไปก่อนล่ะกัน ต้องเดินทางต่ออีก "
ชัยพูดจบเขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป ชายชรามองตามชัยไปในระหว่างที่เขากำลังเดินกลับไปที่รถที่มีคนอื่นรออยู่ด้วยสายตาที่เวทนา
" สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นเพราะเวรกรรมแท้ๆ กระทำเขาไว้และเขากำลังมาเอาคืน และคนที่รับกรรม มักจะเป็นคนดี "
ชายชรานั่งพูดด้วยสายตาที่จ้องมองชัยที่กำลังเดินกลับไปที่รถด้วยความสงสารและความรู้สึกที่เศร้าใจ ชัยเดินมาถึงรถด้วยท่าทีที่ครุ่นคิดเพราะในขณะนี้ในหัวของเขาคิดถึงแต่เรื่องที่ชายชราคนนั้นได้บอกกล่าวกับเขาก่อนหน้า เอกพจน์ผู้เป็นพ่อสังเกตุเห็นท่าทีของชัยเปลี่ยนไปหลังจากพูดคุยกับชายชราคนนั้น เขาจึงเดินเข้ามาหาชัยที่รถที่กำลังยืนอยู่ที่ประตูรถ
" ไงลูก คุยกับใครมาน่ะ "
" อ๋อ คนไร้บ้านน่ะครับ เขาพูดไปเรื่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอกครับ "
ชัยยิ้มออกมาเพื่อกลบเกลื่อนก่อนจะเปิดประตูเข้ารถไป เอกพจน์หัวเราะเล็กๆแต่สายตาเขาก็ยังคงแสดงถึงความอยากรู้ในสิ่งที่ชายชราคนนั้นได้บอกกับชัยลูกชายของเขาก่อนจะเดินกลับไปที่รถแล้วเริ่มออกเดินทาง
เมื่อทุกคนเดินทางมาถึงคฤหาสน์แห่งหนึ่งที่หรูหราพร้อมพื้นที่โดยรอบๆนั้นช่างกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาเหลือเกิน ทุกคนต่างก็เดินเข้าไปด้านในของคฤหาสน์ ทุกคนต่างตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็น ด้านในคฤหาสน์ที่ใหญ่โตกว้างขวางพร้อมเครื่องตกแต่งที่หรูหราได้ตกแต่งไว้อย่างสวยงามอย่างมาก
" ไม่เคยเห็นพ่อเล่าให้ฟังเลยว่าเรามีคฤหาสน์หรูขนาดนี้ "
เอกหันไปถามเอกพจน์ด้วยท่าทางที่ตื่นตาตื่นใจกับคฤหาสน์ที่พวกเขากำลังอยู่ในตอนนี้พลางมองไปพื้นที่รอบๆของคฤหาสน์
" ทำไมต้องเล่าล่ะ พามาให้เห็นเลยดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าพ่อโม้ "
สองพี่น้องหัวเราะชอบใจกันยกใหญ่กับคำพูดของพ่อของพวกเขา
" เอาล่ะทุกคน แยกย้ายกันไปเก็บของทำธุระส่วนตัว แล้วคืนนี้ทุ่มตรงมาเจอกันที่โถงใหญ่นะ "
มณีรัตน์บอกกับทุกคนและต่างก็แยกย้ายไปห้องของตัวเองที่แม่บ้านได้จัดเตรียมไว้ให้ล่วงหน้าก่อนที่พวกเขาทุกคนจะเดินทางมาถึง ชัยที่จัดเตรียมของตัวเองภายในห้องพักของเขาเรียบร้อยจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่สวนหลังคฤหาสน์ ระหว่างทางเดินนั้นต้องผ่านห้องครัวชัยจึงแวะหาน้ำติดไม้ติดมือไปดื่มด้วย
ชัยเดินเข้าไปในห้องครัวพร้อมกับเปิดประตูตู้เย็นออก เมื่อเขาได้น้ำที่ต้องการจึงปิดประตูตู้เย็นและกำลังจะเดินออกไป สายตาของเขาได้เหลือบไปมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเธอกำลังจัดเตรียมอาหารสำหรับมือค่ำของคืนนี้อยู่ที่โต๊ะห่างออกไปเล็กน้อย
เมื่อสายตาเขาจับจ้องไปที่เธอทำให้เขายืนนิ่งไป ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่เธอคนนั้นราวกับว่าตัวเองโดนมนต์สะกดทำให้เขาแทบจะไม่สามารถละสายตาจากเธอได้เลย ใจเขานั้นรู้สึกวูบวาบหวั่นไหวกับเธอตั้งแต่แรกเจอ ขณะที่เขากำลังยืนมองเธอนั้น เอกก็ได้เดินมาและสังเกตุเห็นท่าทีน้องชายตนเองแปลกไปเหมือนโดนแช่แข็ง
" ชัย...ชัย...ชัย! "
เอกตะโกนเรียกชัยดังขึ้นจนทำให้เขาสะดุ้งสุดตัวแล้วหันไปมองเอกที่ยืนมองตัวเองด้วยความงุนงง
" นายเป็นอะไร? ยืนนิ่งอย่างกะโดนแช่แข็งงั้นแหล่ะ "
" เปล่านิ แล้วพี่มาทำอะไร? หาของกินเหรอ? "
" เปล่าหรอก ฉันจะมาบอกนายว่าฉันจะออกไปข้างนอกแป็ปน่ะ จะไปหาอะไรมาทำกิจกรรมสนุกๆเล่นเลยมาบอกนายไว้ เผื่อพ่อแม่ถาม นายจะได้บอกท่านได้ ถ้าถามแล้วไม่มีใครรู้ โดนบ่นหูชาแน่ "
ชัยหัวเราะเล็กน้อยแล้วพยักหน้ารับรู้ เอกจึงเดินออกจากคฤหาสน์และขึ้นรถแล้วขับออกไป ชัยหันกลับไปที่เดิมที่ผู้หญิงคนนั้นอยู่แต่เธอก็หายไปแล้ว ชัยมองหาทั้งทางซ้ายและทางขวาแต่ก็ไม่เจอ เขายืนเกาหัวตัวเองและเดินออกไปที่สวนหลังคฤหาสน์
.
.
.
เอกที่ขับรถออกมาได้แวะร้านของชำพร้อมกับซื้อของต่างๆมามากมายเพื่อมาเล่นกิจกรรมคืนนี้ เอกนำของที่ซื้อมาไว้ที่ท้ายรถให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไป ในระหว่างขับรถมือถือของเอกดังขึ้น เขาชะเง้อมองดูหน้าจอมือถือเล็กๆเพื่อดูว่าเป็นสายเรียกเข้าของใคร
" แม่โทรมาทำไมนะ? "
เอกจึงหันไปพร้อมเอื้อมมือออกไปเพื่อหยิบมือถือที่วางไว้เบาะนั่งข้างๆ เมื่อเขาหันกลับมามองทางก็มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินถือกระเป๋าอยู่ด้านหน้ารถ เอกตกใจจึงรีบเหยียบเบรครถทันที เธอคนนั้นหันมาเห็น เธอร้องออกมาด้วยความตกใจแล้วล้มลงนอนกับพื้น ข้าวของของเธอหล่นกระจัดกระจายทั่วท้องถนน เมื่อเอกได้สติจึงรีบลงจากรถออกไปวิ่งไปหาผู้หญิงคนนั้นทันที
" คุณครับ! เป็นไรไหม!? เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ!? "
" ไม่เป็นไรค่ะ แค่ถลอกนิดหน่อยอ่ะ "
" มาครับ เดี๋ยวผมพาไปทำแผลที่โรงพยาบาล "
" ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไรจริงๆ และอีกอย่าง โรงพยาบาลก็อยู่ไกลมาก ต้องเข้าไปในตัวเมืองเลย "
" ถ้างั้น เดี๋ยวไปทำแผลที่บ้านผมดีกว่าครับ มาครับเดี๋ยวผมช่วยพยุงคุณขึ้น "
" ไม่เป็นไรคะ ไม่เป็นอะไรจริงๆ แค่นี่เล็กน้อยค่ะ "
เธอพูดพลางส่งรอยยิ้มให้กับเอก
" เถอะนะครับ ผมจะได้สบายใจ "
เธอมองเข้าไปในสายตาของเอกและรับรู้ถึงความรู้สึกผิดที่ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ เธอมีสีหน้าที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเล็กๆ
" เอ่อม...ก็ได้ค่ะ "
เอกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่เธอยอมไปกับเขา เขาพยุงเธอแล้วค่อยๆเดินไปที่รถและเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่ง เธอส่งรอยยิ้มขอบคุณให้เขา
" ขอบคุณค่ะ "
เอกพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มแล้วรีบไปเก็บของของเธอที่กระจายทั่วท้องถนนและขึ้นรถและขับออกไปมุ่งกลับไปที่คฤหาสน์ทันที
.
.
.
ชัยที่กำลังเดินเล่นอยู่สวนหลังคฤหาสน์พร้อมกับสูดอากาศที่บริสุทธิ์อย่างสบายใจพร้อมถือเครื่องดื่มพลางจิบทีละนิด เขามองไปที่ดอกไม้หลากสี ต้นไม้ นานาชนิดที่วางจัดเรียงตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
ขณะที่เขากำลังชื่นชมความสวยงามของสวนที่เป็นธรรมชาติมากอยู่นั้น เขาหันไปมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังยืนให้อาหารสัตว์ต่างๆ เช่น กระรอก นก พังพอน ดูเธอมีความสุขเอามากๆเมื่ออยู่กับสัตว์เหล่านั้น
ชัยยืนมองเธอและจำได้ว่าเธอคือคนที่เขาได้เจอเมื่อตอนอยู่ในห้องครัว เขามองเธอที่มีรอยยิ้มที่สดใสขณะที่กำลังให้อาหารสัตว์เหล่านั้นอย่างมีความสุขจนทำให้เขาเผลอยิ้มตามเธอไปด้วย เธอหันมาเห็นชัยที่กำลังยืนมองเธอด้วยรอยยิ้ม เธอมีท่าทีตกใจเล็กน้อยส่วนชัยเห็นเธอหันมามองเขาทำให้เขาก็สดุงเล็กน้อยแล้วทำทีเป็นเมินไม่สนใจเธอทันที
เธอจึงหันไปหาสัตว์เหล่านั้นแล้วก็เดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์ ชัยเหล่ตามองตามเธอจนเธอเข้าไปจนมองไม่เห็น ชัยหันกลับมาพร้อมอมยิ้มเล็กๆแล้วจิบเครื่องดื่ม
.
.
.
เมื่อเอกกลับมาถึงคฤหาสน์ เขาลงจากรถและเดินไปเปิดประตูให้กับผู้หญิงคนนั้นที่เขาได้พากลับมาด้วยพร้อมกับเอื้อมแขนเข้าไปหาเธอเพื่อพยุงเธอออกมาอย่างช้าๆ เธอเดินลงมาพร้อมกับมองคฤหาสน์หลังโตด้วยอาการอึ้งในสิ่งที่เห็น
" นี่...บ้านคุณเหรอคะ?...แบบนี้เรียกว่าบ้านได้เหรอ!? "
" ถ้าเอาจริงๆก็ไม่ใช่บ้านผมหรอก ของพ่อแม่ผมน่ะ "
" มันสวยมากเลยค่ะ ฉันไม่เคยได้เห็นกับตาตัวเองจริงๆสักครั้ง เป็นบุญตาจริงๆ "
" คุณก็พูดเว่อร์เกินไปครับ "
ทั้งคู่หัวเราะเล็กน้อย
" เราเข้าไปกันเถอะครับ "
เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจ เอกค่อยๆพยุงเธอเข้าไปในคฤหาสน์อย่างช้าๆ พอเมื่อเข้ามาแล้วมณีรัตน์ที่กำลังนั่งจัดเตรียมของกิจกรรมคืนนี้อยู่ที่โซฟารับแขกทางเข้าของคฤหาส์น เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเอกกำลังพยุงผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาอย่างช้าๆเธอจึงลุกขึ้นรีบเดินมาหาเอกอย่างร้อนใจ
" เกิดอะไรขึ้นลูก!? ทำไมเธอมีรอยถลอกล่ะ!? "
" คือ พอดีผมขับรถไปชนเธอน่ะครับ ผมไม่ทันได้ดู ผมหันไปหยิบมือถือน่ะ "
" ลูกนิก็ เวลาขับรถดูทางสิ มือถืออย่าเล่น "
" ไม่ได้เล่นครับ ผมจะรับสายแม่น่ะแหล่ะ "
มณีรัตน์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะแห้งๆออกมา
" งั้นเดี๋ยวพาเธอไปทำแผลนะเอก แม่จะเตรียมของงานคืนนี้ "
" ได้ครับ "
เอกที่กำลังจะพาเธอไปทำแผลรอยถลอกบนร่างกายของเธอที่ห้องของเขาเอกพจน์เดินมาพอดี
" พาใครมาน่ะลูก "
เมื่อเธอได้เห็นเอกพจน์แววตาเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อยแล้วจางหายไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments