ศกุนี ตำนานปีศาจนก
ณ.วิหารเก่าที่มีชื่อว่า " สุรัตนาธา " เป็นสถานที่เก่าแก่และมีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ที่มิควรย่างกายเข้าไป และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนทั่วไปในอีกชื่อ " วิหารปีศาจนก " ใครที่เข้าไปแล้วจะไม่สามารถออกมาได้ และมีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าไป ล้วนแล้วต้องการสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด และมีพลังอำนาจมหาศาลที่สุดนั่นก็คือ " มณีสุธารา " แต่ก็ไม่เคยมีใครได้กลับออกมา เหตุผลง่ายๆ มณีสุธาราล้ำค่าเกินไปที่จะปล่อยไว้อยู่ในวิหารเพียงลำพัง จำเป็นต้องมีองครักษ์เพื่อปกป้องมณีสุธารา เพื่อมิให้คนชั่วได้ครอบครอง แต่....คนชั่วเหล่านั้นได้ศึกษาวิธีกำจัดศกุนีไว้แล้ว...
" แม่คะ "
เสียงเด็กหญิงตะโกนร้องเรียกผู้เป็นแม่ด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาผู้เป็นพ่อและแม่ที่กำลังไหว้สักการะมณีสุธารา ผู้เป็นแม่ได้หันมาหาลูกสาวด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นของเธอพร้อมกับอ้าแขนสองข้างออกเพื่อให้เด็กหญิงตัวน้อยลูกสาวของเธอนั่งลงบนตัก
" มีอะไรลูก ทำไมดูตื่นเต้นจัง "
เด็กหญิงหัวเราะอย่างร่าเริ่งพร้อมกับลุกออกจากตักผู้เป็นแม่
" ดูนะคะ "
เด็กหญิงตัวน้อยยืนหลับตาตั้งสมาธิทำจิตใจให้แน่วแน่ ไม่นานสายลมพัดโชยมาอย่างอ่อนโยน รอบตัว เด็กคนนั้นมีออร่าสีขาวนวลพร้อมแสงระยิบระยับที่สง่างามมากๆ ด้านหลังเธอมีออร่าสีขาวนวลระยิบระยับก่อตัวเป็นรูปปีกนก เมื่อแสงออร่านั้นส่องแสงสว่างจ้าและจางหายไป ปรากฏให้เห็นปีกนกขนาดที่ใหญ่ที่สมดุลกับร่างกายของเธอ ขนนกของปีกนั้นมีสีขาวสง่างามแสนบริสุทธิ์ ผู้เป็นพ่อและแม่หันไปมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มและความรู้สึกที่ตื้นตันใจอย่างมาก
" ลูกเราโตขึ้นแล้ว "
ผู้เป็นพ่อพูดด้วยรอยยิ้มที่สุขใจมากกับการเติบโตของลูกสาวตัวน้อยพร้อมกับเอื้อมแขนไปโอบไหล่ภรรยาเขา ผู้เป็นแม่เอื้อมมือออกไปจับมือลูกสาวของเธอด้วยรอยยิ้มที่ตื้นตันใจ
" ลูกแม่ ลูกเก่งมาก "
และในเวลานี้พวกเขาทั้งคู่ได้รู้แล้วว่าในตอนนี้เธอพร้อมแล้ว ที่จะรับช่วงต่อจากพวกเขาเพื่อดูแลปกป้องมณีสุธารา และรู้ว่าเธอจะทำได้ และจะทำได้ดีกว่าพวกเขาเสียอีก ผู้เป็นลูกเข้าสวมกอดพ่อกับแม่ด้วยความรู้สึกที่ภาคภูมิใจในการพัฒนาการของตนเอง แต่ก็ดีใจกันได้ไม่นาน เมื่อผู้เป็นพ่อได้สัมผัสถึงคนจิตใจชั่วร้ายที่ต้องการมณีและกำลังจะเข้ามาในวิหารของพวกเขา
" เจ้าพาลูกไปซ่อนก่อน "
ผู้เป็นพ่อหันไปบอกผู้เป็นภรรยา เธอพยักหน้ารับรู้และรีบพาลูกของตนไปหลบซ่อนที่โขดหินใหญ่ที่อยู่อีกฝากของวิหารในทันที เด็กสาวตัวน้อยเดินเข้าไปหลบหลังโขดหินใหญ่อย่างรู้หน้าที่
" ลูกซ่อนตัวอยู่ที่นี่นะ แม่จะไปช่วยพ่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกห้ามออกไป ไม่ว่าอะไรก็ตาม "
ผู้เป็นแม่สั่งเด็กหญิง เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนที่แม่ของเธอจะรีบเดินไปหาสามีของตน ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างรู้ใจ แล้วทั้งสองก็ได้กลายร่างเป็นศกุนีโดยที่ทั้งร่างกายของพวกเขานั้นเป็นร่างกายของนกยักษ์ที่ยืนสองขาและมีแขนทั้งสองข้างราวกับแขนมนุษย์พร้อมกรงเล็บที่ยาวและแหล่มคม ปีกสีขาวขนาดใหญ่ที่งอกออกมาจากทางด้านหลัง ซึ่งอยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะประจันหน้ากับคนชั่ว แต่แล้วก็ไม่มีใครเดินเข้ามา
ทั้งคู่ตั้งใจมุ่งมั่นจ้องมองไปที่ทางเข้าของวิหาร แล้วจู่ๆก็มีคลื่นเสียงความถี่สูงดังเข้ามาจากทางเข้า ทำให้ทั้งคู่นั้นเกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงจนทำให้ทั้งคู่ทนไม่ไหวจนต้องกลายร่างกลับคืนสู่ร่างมนุษย์เช่นเดิม สองสามีภรรยาล้มลงนอนกับพื้นพร้อมกับจับศีรษะตนเองด้วยความทรมานและทำให้ทั้งคู่หมดแรง และก็มีใครบางคนเดินเข้ามาจากทางเข้าพร้อมกับที่ครอบหูกันคลื่นเสียงที่เปิดไว้
ผู้เป็นสามีพยายามลุกขึ้นเพื่อที่จะต่อสู้ แต่ไม่มีแรงมากพอ คนชั่วสองคนเดินเข้ามาพยุงสองสามีภรรยาขึ้น และคนชั่วอีกคนเดินมายืนตรงหน้าทั้งสองแล้วจับมือทั้งคู่ขึ้นมาและใช้มีดที่ทำจากตะกรุดที่ปลุกเสกแล้ว กรีดมือทั้งสองและนำถ้วยมาลองเลือดไว้ ทั้งสองสามีภรรยากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด คนชั่วคนที่กรีดมือทั้งคู่ก็ได้นำเลือดส่งให้กับคนชั่วอีกคนที่เป็นหัวหน้า เขาได้นำเลือดไปเทลงบนแท่นบูชาและเกิดแสงส่องประกายออกมาปรากฏให้เห็นมณีสุธาราที่วางไว้บนแท่นบูชาอย่างสง่างาม เขาหยิบขึ้นมาดูอย่างระวัง ดวงตาทุกคนเป็นประกายด้วยกิเลสตัณหา
" เราจะรวยกันแล้วพวกเรา "
คนชั่วทุกคนหัวเราะชอบใจกันเพราะในที่สุดแผนที่พวกเขาวางไว้มันได้ผลทุกอย่างดังที่ใจหวัง
" แล้วสองตัวนี่ล่ะ? เอายังไง? "
คนชั่วที่เป็นหัวหน้าหันมามองดูแล้วยิ้มที่มุมปาก
" ฆ่ามันซะ "
คนชั่วที่ถือมีดตะกรุดพยักหน้าแล้วหันมาพร้อมใช้มีดตะกรุตแทงเข้าที่ท้องทั้งสองคน สองสามีภรรยานั้นล้มลงนอนลงกับพื้น เหล่าคนชั่วนั้นก็พากันเดินออกไปพร้อมมณีสุธาราพร้อมกับพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสำราญใจ
เด็กหญิงตัวน้อยที่หลบซ่อนตัวที่โขดหินใหญ่เห็นว่าสถานะการณ์ปลอดภัยแล้วจึงวิ่งมาหาผู้เป็นพ่อและแม่ด้วยน้ำตาที่นองหน้า เธอจับมือพ่อกับแม่ไว้ในมือน้อยๆของเธอ ผู้เป็นแม่หันมาหาเธอ
" ลูกต้องนำมณีสุธารากลับมาให้ได้ อย่าให้คนชั่วได้ครอบครอง..มิอย่างนั้น..โลกจะต้องพังทลาย... "
และทั้งสองคนนั้นก็ได้สิ้นลมหายใจและกลายเป็นโขดหิน เด็กหญิงนั่งร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจอย่างมากกับการจากไปของพ่อแม่ผู้เป็นที่รักของเธอ
" พวกเจ้าทั้ง 6 คน ต้องได้รับกรรมในสิ่งที่ได้กระทำไว้ ข้าจะมิมีทางปล่อยให้พวกเจ้าลอยนวล ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทุกคน ไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่ที่ไหน ข้าจะตามหาจนเจอ! "
เด็กหญิงจากที่มีแววตาที่เศร้าโศกเปลี่ยนเป็นความแค้นใจ ดวงตาและปีกของเธอได้กลายเป็นสีแดงฉานอันน่ากลัวพร้อมกับความรู้สึกที่อยากจะแก้แค้นให้กับพ่อแม่ของตนเองที่ต้องตายด้วยน้ำมือคนชั่วที่ต้องการในสิ่งที่ไม่ควรเอื้อม....
25 ปีต่อมา...
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในประเทศไทย มีครอบครัวหนึ่งที่มีฐานะมั่นคงและร่ำรวย ได้กำลังจัดเตรียมงานแต่งงานที่กำลังเข้ามาถึงอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“ นี่ชัย นายช่วยพักเรื่องงานก่อนได้ไหม มาช่วยดูเตรียมงานแต่งก่อน งานแต่งนายนะเห้ย อย่าทำเป็นไม่สนใจสิ “
“ คร้าบ พี่ชาย แต่ขอเวลานาทีหนึ่ง ตอบงานลูกค้าก่อนครับ “
เอกผู้เป็นพี่ชายยืนท้าวเอวข้างหนึ่งมองมาที่ชัย ผู้เป็นน้องชายที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอโน๊ตบุ๊คที่ห้องทำงานของเขา เอกส่ายหัวพร้อมถอนหายใจยาว
“ นายไม่กลัวลลินน้อยใจเหรอชัย? “
เอกพูดพร้อมกับถือสมุดจดรายการของและเช็ครายการของต่างๆในสมุด
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ลลินเธอเข้าใจ “
ชัยพูดพลางกดแป้นพิมพ์ไปด้วยและเหมือนไม่สนใจกับสิ่งที่เอกพูดสักคำ เอกวางสมุดรายการของลงบนโต๊ะใกล้ๆ แล้วเดินมานั่งข้างๆชัย
“ ฉันรู้ว่านายไม่ได้รักลลิน แต่นายก็ไม่ควรละเลยเธอนะ “
ชัยกับลลินทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ การแต่งงานครั้งนี้เป็นความต้องการของผู้ใหญ่ที่อยากให้ทั้งสองครอบครับเป็นหนึ่งเดียวกัน ถึงแม้ชัยจะไม่ได้รักเธอสักนิด แต่ที่เขายอมเพราะเห็นแก่หน้าพ่อแม่ของเขาที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เยาว์วัย เอกพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อย ชัยหยุดพิมพ์แล้วนั่งนิ่งคิดทบทวนกับสิ่งที่พี่ชายตนพูดแล้วถอนหายใจยาว
“ ก็ได้ครับ ถ้าทำแล้วพ่อแม่และพี่มีความสุข ผมจะทำ “
เอกยิ้มกริ่มในทันทีพลางเอื้อมมือออกมาจับที่ไหล่ของชัยเบาๆ
“ ไม่ต้องทำเพื่อพี่ ทำเพื่อลลินก็พอ “
ชัยพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย เอกตบที่หัวไหล่ของชัยเบาๆด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะลุกออกไปพร้อมหยิบสมุดรายการของและออกจากห้องทำงานของชัยไป ชัยนั่งมองหน้าจอโน๊ตบุ๊คก่อนที่หันไปมองกรอบรูปที่ตั้งไว้ข้างๆกัน นั้นก็คือรูปของตนที่ถ่ายคู่กับลลิน เขาถอนหายใจเล็กน้อยพลางพับหน้าจอลงแล้วลุกจากโต๊ะทำงานเดินออกจากห้องไป
ณ วิหารสุรัตนาธา
สายลมพัดเหล่าใบไม้ปลิวลอยขึ้นไปบนอากาศ เหล่าต้นไม้น้อยใหญ่สไวไปกับสายลมที่พัดอย่างรุนแรงแทบที่จะโค่นล้มลงกับพื้น สายฟ้าฟาดลงพื้นพสุธาจึงทำให้เกิดประกายไฟลามเป็นไฟป่าอย่างรุนแรง ชาวบ้านระแวกนั้นรีบพากันหนีอพยบออกไปด้วยความหวั่นกลัว
“ ศกุนี ท่านยังคงโกรธเกรี้ยวคนชั่วที่ทำผิดต่อท่าน และมันถึงเวลาที่คนชั่วต้องรับกรรมแล้ว “
พระอาจารย์ท่านหนึ่งพูดขึ้นพร้อมหลับตานั่งสมาธานศิลของท่านต่อเช่นเดิม
ที่วิหารสุรัตนาธา มีนกต่างๆมากมายบินมาเกาะ ทั้งบนต้นไม้ใหญ่และบนพื้นวิหาร และมีหญิงสาวคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดไทยห่มสไบสีแดงที่เปล่งประกายระยิบระยับอย่างสวยงามเมื่อกระทบกับแสงจันทร์ที่ส่องประกายเข้ามาในวิหาร เธอมีหน้าตาสะสวยงามอย่างมาก เธอยืนพนมมือไหว้แท่นบูชาและกราบลงบนแท่นถึงแม้จะไม่มีมณีแล้วก็ตาม เธอเดินออกมาหน้าวิหารพร้อมแหง่นหน้ามองพระจันทร์
เธอบำเพ็ญเพียรมาตลอด 25 ปีเพื่อเต็มเติมให้แก่พลังเธอให้แข็งแกร่ง เพื่อที่เธอจะได้แก้แค้นให้กับพ่อแม่ของเธอ และนำมณีสุธารากลับคืน และเธอได้ศึกษามนุษย์เป็นที่เรียบร้อย และถึงเวลาแล้วที่ทั้ง 6 คน ต้องรับกรรมที่ก่อไว้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments