ตอนที่ 2 ของตกทอดจากบรรพบุรุษ

นักบวชวัยกลางคนเดินเข้ามาหาไดนัส เพราะเขารู้ว่าไดนัสนั้นได้รับพรเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเด็กที่จะต้องมารับพรนั้นตามปกติแล้วก็จะต้องใช้เวลาประมาณสิบวินาที

เมื่อเดินมาจนกระทั่งห่างจากเด็กหนุ่มไปสองเมตร เขากล่าวขึ้นมาด้วยเสียงราบเรียบ"ได้อาชีพอะไรล่ะเจ้าหนู"

ไดนัสที่เริ่มฟื้คืนจิตใจนจากปริศนา'นั้น'แล้ว ก็หันหน้ากลับมาแล้วด้วยเสียงใสว่า"ข้าได้ฮาชีพ[ผู้ฝึกตน]ขอรับ"

อุ๊ปส์!

เด็กห้าขวบที่ต่อแถมกันเจ็ดแปดคนพลันหลุดขำทันที หนึ่งในนั้นโพล่งออกมาว่า"เจ้าได้อาชีพ'ผู้ฝึกตน'? ฮ่าฮ่าฮ่า ฝึกตนเรอะ!? ข้าเพิ่งจะเคยได้ยินอาชีพที่น่าหัวเราะขนาดนี้มาก่อนเลย ฮ่าฮ่า! เจ้าจะ'ฝึกตน'จนเก่งกาจอย่างงั้นเรอะ มีใครบ้างล่ะที่ไม่ฝึกตนเพื่อความแข็งแกร่งหรือเพื่อฝีมือกันบ้าง?"

เมื่อมีหนึ่ง สองสามสี่ก็ต้องตามา

"ใช่เลย! ทุกคนก็ฝึกตนเพื่อพัฒนาฝีมือกันทั้งนั้นแหละ แต่เจ้ากลับได้อาชีพผู้ฝึกตนเนี่ยนะ? ข้าอยากรู้จริงๆเลยว่าเจ้าจะพัฒนาตนเองยังไงกันแน่"

"ฮ่าฮ่าฮ่า กล่าวได้ดีสหาย ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าหมอนั่นจะทำยังไงเพื่อพัฒนาฝีมือกันแน่ หรือว่าอาชีพผู้ฝึกตนของหมอนั่นจะเพิ่มความเร็วในการพัฒนาอย่างงั้นรึ? ข้าว่าเป็นไม่ได้แน่"

เด็กหนุ่มได้ยินแบบนั้นหน้าของเขาก็เริ่มเผยความเย็นชาออกมาทันที แต่ทว่าก็สามารถกลับไปเป็นหน้าตาเรียบเฉยดังเดิมได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนเหตุที่เด็กห้าขวบสามารถเก็บอาการได้ดีแบบนั้นน่ะหรือ? ก็เพราะสกิลติดตัวที่ชื่อว่า[ใจเย็นดั่งเหมันต์เลือดเย็นดั่งปีศาจ]อย่างไรล่ะ

นักบวชวัยกลางคนไม่พูดอะไร เขาเดินไปหาพ่อและแม่ของเฟนนี่แทน แต่ตอนที่นักบวชหันหลังไปนั้นไดนํากลับสังเกตได้ว่า แววตานั้นมีความเหยียดหยันเจืออยู่เล็กน้อย

ณ เวลานั้นจิตใจของเด็กหนุ่มก็เริ่มเย็นชาขึ้นมาทันที!

เขาไม่สนใจคำกล่าวเย้ยหยันของเด็กวัยเดียวกัน แล้วจากนั้นออกมาจากลูกแก้วรับพร แล้วตรงดิ่งเข้าไปหาพ่อและแม่ทันที

พ่อและแม่ของเด็กหนุ่มก็เริ่มกังวล เพราะลูกของพวกเขายังเด็ก ซึ่งเด็กปกติมาเจอแบบนี้คงต้องจิตตกไปหลายวันแน่นอน แต่ความคิดนี้ก็หายไปทันทีเมื่อไดนัสมาหยุดอยู่ข้างหน้าพวกเขาทั้งสอง ทั้งสองสัมผัสได้จากแววตาลูกของพวกตนทันทีว่า"ไร้ระลอกคลื่นผันผวน"แม้แต่น้อย

จากกังวลก็กลายเป็นโล่งอก ผู้เป็นพ่อก็กล่าวขึ้น"เอาอย่างนี้ไหมลูกพ่อ ต่อจากนี้ลูกมาเรียนเรื่องของช่างตีเหล็กจากพ่อเถอะ แล้วเราก็จะได้รู้กันว่าอาชีพผู้ฝึกตนของลูกนั้นเป็นอย่างไร"

ได้ยินแบบนี้แม่ของได้นัสก็ไม่น่อยหน้าเช่นกัน นางโพล่งออกมาทันทีที่ดีกัสกล่าวจบ"เหอะ! เขาจะไปเรียนเรื่องการตีเหล็กอะไรจากคุณได้ล่ะ อายุก็เพิ่งจะห้าขวบเอง รอจนเขาโตกว่านี้สักสามสี่ปีไม่ได้หรือ?"จากนั้นจึงหันหน้ามามองบุตรของตน"ลูกมากเรียนกับแม่ดีกว่า แม่มีอาชีพเป็นถึงจอมพลัง เพราะงั้นเรื่องการป้องกันตัวและศักยภาพทางร่างกายของลูกต้องดีอย่างแน่นอน หลังจากนั้นก็ค่อยไปเรียนเรื่องของช่างตีเหล็กกับพ่อเป็นไง?"

ไดนัสส่ายหน้าทันที"ท่านพ่อ ท่านแม่ ตอนนี้ข้าขออยู่อย่างเงียบๆสักสองถึงสามวันได้หรือไม่?"

ทั้งสองไม่คิดว่าบุตรของพวกตนจะตอบมาแบบนี้ พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนในคำพูดนั้น แต่ก็อดเป็นกังวลไม่ได้ ใครจะไปรู้ละว่าบุตรของพวกตนอาจกำลังจิตตกก็เป็นได้ หลังจากทั้งสองไตร่ตรองแล้ว ก็หันหน้ามามองกันแล้วตอบไปว่า"ได้"

คำสั้นๆหนึ่งคำ แต่หารู้ไม่ว่านั่นถือเป็นหนึ่งในก้าวที่สำคัญที่สุดของไดนัส!

ตั้งแต่ตอนที่ไดนัสก้าวออกมาจากลูกแก้วรับพร ตอนนั้นระบบของเขาก็เกิดบางอย่างขึ้น และมันพึ่งจะเสร็จตอนที่พ่อแม่อนุญาตเขาเอง

"ติ๊ง!...ระบบส่งเรื่องพื้นฐานให้กับคุณเสร็จสิ้น"

ใตอนนั้นเอง ความรู้เกี่ยวกับการฝึก การบ่มเพาะและ ฯลฯ ก็ปรากฏขึ้นมาในสมองของเด็กหนุ่ม เขาได้รู้ว่าไม่เพียงต้องฝึกร่างกายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังต้องกิน'โอสถ' 'สมุนไพร' เดินลมปราณใก้ครบวงจร ดูดซับน้ำวิเศษและรับสบทอดมรดกของผู้ยิ่งใหญ่อีกด้วย

ตอนนี้พ่อและแม่ของไดนัสนั้นหันมามองหน้ากัน เหมือนกับรู้ใจกันอยู่ จากนั้นจึงพยักหน้าพร้อมเพรียง แล้วนำไดนัสกลับบ้านไป

หลังมาถึงบ้านแล้ว สิ่งแรกที่ไดนัสทำก็คือสูดหายใจเข้าลึกๆ เด็กชายรู้สึกถึงอากาศที่สดชื่น แล้วจากนั้นจึงมองหาต้นไม้ พอหาได้แล้วจึงเดินไปนั่งใต้ต้นไม้ที่เลือกทันที

เขานั่งในท่าขัดสมาธิ มือซ้ายทับมือขวาจากนั้นจึงเริ่มทำตามข้อมูลพื้นฐานที่ระบบให้มานั่นก็คือการเดินลมปราณให้ครบวงจร

ส่วนบุพการีทั้งสองของไดนัสนั้น ตอนนี้ได้เดินเข้าบ้านไปแล้ว ราวกับไม่แม้แต่จะแปลกใจที่ลูกของพวกตนไปนั่งเข้าฌานณใต้ต้นไม้แบบนั้น

เวลาใหลผ่านไปอย่างรวดเร็วปานกระพริบตา

ห้านาที

สิบนาที

สามสิบนาที

หนึ่งชั่วโมง

สามชั่วโมง

ห้าชั่วโมง

หลังจากผ่านมาห้าชั่วโมงก็เข้าสู่ยามบ่ายแล้ว ไดนัสลืมตาขึ้นมา ห้าชั่วโมงที่ผ่านมานี้เขาสามารถโคจรลมปราณตามเส้นชีพจรได้สิบรอบ นับได้หนึ่งครั้งต่อสามสิบนาที และเขายังรู้สึกได้อีกว่า ด้วยวิธีนี้ทำใก้เขาเหลืออีกเก้าสิบในร้อยส่วนก็จะสามารถทะลวงไปยังอีกขั้นได้แล้ว ในความคิดของเด็กหนุ่ม [ขอบเขตปราณเริ่มต้น]ต้องมีมากกว่าขั้นที่ 1 อย่างแน่นอน

เหตุผลในตอนแรกที่เขาสูดหายใจหลังจากมาถึงบ้านนั้น ก็เพราะเพื่อวัดความเข้มข้นของมานานในที่แห่งนี้ และหลังจากที่เขาไปนั่งเข้าฌาณห้าชั่วโมง เขาได้ดูดซับมานาเข้ามา แต่ที่แปลกก็คือว่าหลังจากที่ดูดซับเข้ามาในเส้นชีพจนแล้ว มันกลับเปลี่ยนเป็นลมปราณทันที ในความคิดของเขานั้นมันต้องเป็นเพราะว่าอาชีพผู้ฝึกตนของเขาแน่นอน ส่วนหนึ่งนั้นอาจจะเป็นเพราะพรสวรรค์ตามธรรมชาติก็ได้

หลังจากย่อยความคิดแล้ว ไดนัสก็เดินกลับเข้าไปในบ้านของตนทันที เมื่อเข้ามาแล้ว สิ่งแรกที่สัมผัสได้ก็คือ.....กลิ่นของอาหารที่ชวนให้น่าหลงไหลยิ่งกว่าเงินห้าพันเหรียญ

ไม่รอช้าเด็กหนุ่มรีบเดินไปทางห้องครัวทันที เดินมาถึงแล้ว ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็คือมารดาที่กำลังทำ'แกงฮังเล' ส่วนบิดานั้นก็กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะ ในมือถือดาบสั้นเล่มหนึ่งไว้ ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังวิเคราะห์หาข้อตำหนิของมันอยู่

ในตอนที่ไดนัสเดินมาถึงประตูของห้องครัว พ่อและแม่ของเขาก็สังเกตเห็นแล้ว เป็นพ่อที่เรียกให้เขามานั่งรอกินข้าว

*****

หลังจากกินข้าวเสร็จสัพแล้ว พ่อของไดนัสก็พูดขึ้นทันที พร้อมกับถือถุงสีน้ำตาลที่ดูเก่าแก่ออกมาวางบนโต๊ะไปด้วย"ไดนัส สิ่งที่พ่อจะกล่าวต่อไปนี้จงตั้งใจฟังให้ดี"เมื่อเห็นลูกของตนพยักหน้าแล้วก็ว่าต่อทันที"เมื่อนานมาแล้ว บรรพบุรุษของพวกเราได้มอบถุงที่เลอค่านี้ไว้ให้ ท่านได้บอกว่ามีแต่อาชีพผู้ฝึกตนหรือผู้คนจากโลกแห่งการบ่มเพาะเท่านั้นที่สามารถเปิดมันออกมาได้ และที่ผ่านมาตระกูลของเราได้ค้นหาลูกหลานที่ได้รับพรเป็นอาชีพผู้ฝึกตน ทว่าชะตาช่างเล่นตลกนัก มีแค่ท่านบรรพบุรุษเท่านั้นที่เป็น'ผู้ฝึกตน' แต่กลับลูกหลานนั้นไม่ปรากฏออกมาเลย"

เล่ามาถึงตรงนี้พ่อของเด็กหนุ่มก็เงียบไป เขามองไปที่ดวงตาลุ่มลึกของลูกชาย เมื่อก่อนนั้นดวงตานี้มักจะเปล่งประกายสดใสเสมอ แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไร้ก้นบึ้งดั่งมหาสมุทรลึกล้านลี้ก็มิปาน ดีกันถอยหายใจออกมาแล้วเล่าต่อ"ถุงสีน้ำตาลนี้ชื่อว่าพหุเซียน มันสามารถบรรจุแม้กระทั่งครึ่งนึงของโลกแห่งการบ่มเพาะลงไปได้ โลกแห่งการบ่มเพาะนั้นแตกต่างจากโลกแห่งเวทมนตร์และดาบที่พวกเราอาศัยอยู่ในตอนนี้มาก ในที่แห่งนั้นมีเผ่าพันธุ์แปลกประหลาดมากมาย เรียกได้ว่าแปลกกว่าในโลกของพวกเราเป็นไหนๆ และยังมีพวกกฏเกณฑ์การอยู่รอด สถานที่รวมกลุ่มกัน รวมไปถึงชื่อและแซ่ของพวกเขาด้วย"

พูดออกไปมาก แน่นอนว่าคอย่อมแห้งเป็นธรรมดา ดังนั้นดีกัสจึงหยิบแก้วที่มีน้ำขึ้นมาแล้วดื่มลงไปสองสามอึกให้ชุ่มคอแล้วเล่าต่อ"ในโลกแห่งการบ่มเพาะนั้น กฏเหล็กก็คือปลาใหญ่กินปลาเล็ก ชนะเป็นจ้าว แพ้เป็นโจร พวกเขาไม่มีสิ่งที่เรียกว่ากิลด์ แต่กลับมีนิกาย สำนัก และนอกจากนี้การแบ่งระดับความแข็งต่างก็เข้มงวดด้วย ส่วนเรื่องของชื่อนั้น พวกเขาจะใช้แซ่นำหน้าตามด้วยชื่อ ตัวอย่างเลยก็คือท่านบรรพบุรุษของเราที่มีแซ่เยานามว่าเจวี๋ยเทียน!"

เฮ้อ....

ถอนหายใจยาวเหยียดแล้วกล่าวปิดท้าย

"ท่านบรรพบุรุษของพวกเราได้กล่าวไว้แค่นี้ ท่านบอกว่าถ้าอยากจะรู้มากกว่านั้นก็จงหาทายาทที่มีอาชีพเป็นผู้ฝึกตนมาเปิดถุงพหุเซียนนี้ซะ"กล่าวจบดีกัสก็ดันถุงสีน้ำตาลที่แลดูเก่าแก่ไปข้างหน้าบุตรของตน จากนั้นจึงเดินออกห้องครัวไปพร้อมกับภรรยา เหตุผลก็คือ ให้เวลาไดนัสในการย่อยข้อมูลที่ตนพึ่งจะเล่าไป

ถุงพหุเซียนที่มีความสามารถในการบรรจุสิ่งของได้มากมาย

กฏเกณฑ์ของโลกที่แตกต่างกัน

และ...

บรรพบุรุษเยาเจวี๋ยเทียนผู้ลึกลับ!

เด็กหนุ่มนั่งหลับตาย่อยข้อมูลอยู่นาน สุดท้านจึงลืมตาขึ้นมา แล้วมองไปที่ถุงสีน้ำตาลที่ไม่มีอันใดต่างไปจากถุงที่ถูกทอขึ้นมาด้วยหนังสัตว์ธรรมดาเลย ในตอนที่ระบบส่งข้อมูลพื้นฐานให้ เด็กก็ได้รับรู้วิธีในการเปิดถุงเก็บของของผู้ฝึกตนเช่นกัน

ในตอนแรกเขาไม่รู้ว่าจะหาถุงเก็บของอันมีมิติเป็นเอกเทศที่ไหนมาเปิดดี แต่ตอนนี้เขากลับได้มันมาแล้ว แถมยังเป็นถุงเก็บของอันวิเศษที่บรรพบุรุษได้ตกทอดมาด้วย

กำถุงมาใกล้ตัว แล้วส่งพลังลมปราณเข้าไปเพื่อเปิดมันขึ้นมา

วูมมมมมมม!

ทันใดนั้นภาพที่ไดนัสได้เห็นตรงหน้าก็เปลี่ยนไป มันไม่ใช่ในห้องครัว แต่เป็นโลกอันเป็นเอกเทศใบหนึ่ง

เขาหันหน้ามองดูรอบด้าน สิ่งที่พบนั้นมีหยกสีขาวใสหลายชิ้น ซึ่งมันได้สลักตัวอักษรไว้เพื่อให้ง่ายแก่การจำแนก อย่างเช่นมีชิ้นหนึ่งที่สลักไว้ว่า[วิชาดัชนีดาราทมิฬ]

ในหยกหลายสิบชิ้นพวกนี้ มีหนึ่งชิ้นที่แตกต่างออกไปจากชิ้นอื่น เพราะว่ามันมีสีทองที่เปล่งรัศมีเรืองรองของผู้ยิ่งใหญ่ออกมา!

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!