นักรบพลังนิวเคลียร์

นักรบพลังนิวเคลียร์

(เริ่มภาค 1)บทที่ 1 ศึกสะท้านฟ้า

ภาค 1 วิวัฒนาการและวิทยาการ

*ยุคสมัยในเรื่องจะเริ่มที่ประมาณ ค.ศ.860,000+ นะครับ

\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=\=

ณ มุมหนึ่งของทางช้างเผือก

ในที่แห่งนี้ได้ปรากฏเป็นสองทัพกำลังเผชิญหน้ากัน บรรยากาศระหว่างทั้งสองทัพกำลังตรึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง ทันใดนั้นผู้นำของหนึ่งในสองทัพพลันเอ่ยขึ้นด้วยวาจาห้าวหาญ

"ข้ารอเวลานี้มานานแล้วเมฆฟ้า ข้าขอท้าเจ้าด้วยเกียรติของนักรบให้มาสู้ศึกกับข้าหนึ่งต่อหนึ่ง ศึกนี้หากชนะรอด แต่หากพ่าย...คือตาย!"

ผู้ที่กล่าวนี้ หน้าตาดูไปแล้วอายุสามสิบกว่าปี ร่างกายกำยำล่ำสัน สูงแปดฟุต สวมเสื้อเกราะสีทองอร่าม ไปดูแล้วคล้ายกับโกไลแอธในตำนานโบราณยิ่ง ทั่วทั้งร่างของมันเผยบารมีของราชันผู้ปกครองออกมา ทั้งยังเป็นบารมีที่องอาจและอหังการที่รุ่นแรงยิ่งนัก และชายผู้นี้มีนามว่าต้าเทียนฉาง หนึ่งในสี่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งทางช้างเผือกในยุคสมัยนี้!

ในทันทีที่ต้าเทียนฉางกล่าวจบ อีกทัพตรงหน้าของมัน ผู้นำของอีกกองทัพในรูปชายหนุ่มก็กล่าวตอบกลับมาทันที

"ได้! ข้ารับคำท้าเจ้าต้าเทียนฉาง ข้าเมฆฟ้าผู้นี้ก็อยากรู้ยิ่งนักว่าผู้ที่ได้ฉายาว่าสุดยอดเทพทำลายล้างเช่นเจ้า จะมีอิทธิฤทธิ์สักแค่ไหนเชียว"

ผู้ตอบคือชายหนุ่มร่างกำยำนามเมฆฟ้า เขาเป็นผู้นำของอีกทัพที่กำลังเผชิญหน้ากับทัพของต้าเทียนฉาง ซึ่งหน้าตาของเมฆฟ้า ดูไปแล้วยังหนุ่มก็ว่าต้าเทียนฉางเสียอีก เขาสวมเพียงเสื้อตัวบางสีเขียวเข้มและกางเกงยีนเขียวเกือบดำสนิท รอบตัวไร้บารมีผู้ปกครองอย่างสิ้นเชิง แต่แววของเขากลับดูไปแล้วลึกล้ำเกินหยั่งถึงอย่างแท้จริง

"ดี ดี ดี! มันต้องให้ได้แบบนี้ถึงจะเป็นคู่ต้อสู้ที่ควรค่าให้ข้าสู้ด้วย"ต้าเทียนฉางถึงกับคำว่าดีออกมาสามครั้งด้วยความดวงโอ่ เห็นได้ชัดว่าตอนที่เมฆฟ้าตอบคำถามของมัน ทำให้มันอารมณ์ดีได้ขนาดไหน จากนั้นก็หันไปกล่าวกับทัพของตนที่อยู่ข้างหลัง"ส่วนพวกเจ้า ตอนนี้ข้ากำลังจะสู้ศึกประลองใหญ่กับเมฆฟ้า ฉะนั้นจงถอยออกไปให้ไกลเสีย ไม่เช่นนั้นหากพวกเจ้าถูกลูกหลงเข้า ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!"

เสร็จสิ้นคำสั่งของมัน ก็ได้ยินเสียงขานรับอันก้องกังวาลไปทั่วสมรภูมิทันที"ขอรับองค์ราชัน!" จากนั้นกองทัพของต้าเทียนฉางก็ถอยห่างออกไปนับหลายล้านกิโลเมตรด้วยความเร็วในไม่กี่วินาที

ทางเมฆฟ้า เขาก็หันไปออกสำสั่งด้วนวาจาฉะฉานกับทัพของตน"พวกเจ้าก็ด้วย หากโดนแม้แต่แรงระเบิดจากการปะทะเสี้ยวหนึ่ง ร่างคงไม่เหลือแม้แต่ซากแน่ ฉะนั้นถอยออกไปให้ห่าง และฝากทัพไว้กับเจ้าด้วยไสยะ"

บุรุษนามไสยะที่อยู่ด้านข้างเมฆฟ้าพยักหน้า แล้วหันออกคำสั่งทัพอีกทอดหนึ่ง มันตะโกนด้วยเสียงกึกก้องว่า"ได้ยินที่องค์เหนือหัวสั่งแล้วหรือยัง? ถอยทัพออกไปให้ห่างจากสมรภูมิ!"

เมื่อได้รับคำสั่งจากรองผู้บัญชาการกองทัพ ทัพทหารที่มีนักรบนับล้านคนก็ถอยห่างออกไปไกลหลายล้านกิโลเมตรด้วยความเร็วเหนือจินตนาการเช่นเดียวกันกับทัพของต้าเทียนฉาง

หลังจากสองผู้ยิ่งใหญ่สั่งให้ทัพของตนให้ถอยห่างออกไปจากสมรภูมิแล้ว ตอนนี้ในสนามรบก็เหลือเพียงแค่พวกเขาสองคนยืนโดดเดี่ยวท่ามกลางความว่างเปล่าของห้วงอวกาศ

ในพวกเขาสองคน หนึ่งคือผู้ที่ได้รับฉายาว่าสุดยอดเทพทำลายล้าง ฉายานี้ต้าเทียนฉางต้องไม่ได้รับมาโดยง่ายแน่นอน เพราะในอดีตมันอหังการเหลือหลาย ท้าทายตัวตนในระดับขั้นเดียวกันไปทั่วจนสามารถพิชิตพวกมันทุกคนได้ อีกอย่างคือมันคูาควรแล้วที่จะได้รับฉายานี้ และเนื่องจากว่าตัวของต้าเทียนฉางเองนั้น มีพลังนิวเคลียร์ถึงเก้าแสนเมกะตัน หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ และพลังนิวเคลียร์ในขอบเขตเก้าแสนเมกะตันนี้ มันมีความรุนแรงในระดับกวาดล้างสรรพสิ่งในระยะสามปีแสงได้เลยทีเดียว

และอีกด้านหนึ่งคือเมฆฟ้า ถึงรอบกายจะไม่ได้เปล่งรัศมีของความองอาจอหังการ แต่ตัวเขาเองกลับแผ่แรงกัดดันอันหนักหน่วงสำหรับผู้ที่สามารถสัมผัมถึงมันได้

ซึ่งสำหรับในทางช้างเผือกแห่งนี้ น้อยคนนักจะรู้ว่าแท้จริงตอนนี้เมฆฟ้าบรรลุถึงกี่เมกะตันแล้วกันแน่

และพอเวลากับสถานที่พร้อมแล้ว เมฆฟ้าและต้าเทียนฉางก็พุ่งเข้ากันโดยไม่กล่าวคำมากความ

ฟ้าวววว!

ทั้งสองพุ่งทะยานเข้าหากันด้วยความเร็วที่ไม่อาจคาดคิดถึงได้ และเมื่อระยะห่างระหว่างกันเหลือแค่ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร ทั้งสองก็บรรจงประเคนหมัดปะทะกันแล้ว

ต้าเทียนฉาง"หมัดสวรรค์พินาศโลกาเจ็ดแสนหกหมื่นเมกะตัน!"

เมื่อหมัดสวรรค์พินาศโลกาถูกต่อยออกไป ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าของเมฆฟ้านั้น คือภาพของแดนสรวงที่ถูกทำลายล้างจนอยู่สภาพที่ไม่อาจฟื้นฟูกลับคืนมาได้ และเมื่อภาพมายาหายไป สิ่งที่เห็นกลับเป็นหมัดเปี่ยมไปด้วยกำลังของต้าเทียนฉางที่กำลังพุ่งเข้ามา

สำหรับผู้อื่น อาจมองว่าหมัดนี้ของต้าเทียนฉางมีอานุภาพยิ่ง แต่สำหรับเมฆฟ้าในตอนนี้แล้ว มันก็แค่หมัดที่มีพลังเจ็ดแสนหกหมื่นเมกะตันมิใช่หรือ?

เมฆฟ้าจึงโต้กลับด้วยหมัดที่มีพลังเทียบเท่ากัน

"หมัดถล่มฟ้าเจ็ดแสนหกหมื่นเมกะตัน!"

ตูมมมมมม!!

เมื่อหมัดของทั้งสองปะทะกัน ก็เกิดเป็นแรงระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นจนก่อเกิดลมสุริยะขึ้นมา และคลื่นพลังของหมัดที่ปะทะกันนั้นก็ทำให้เศษหินอวกาศที่อยู่รอบๆแตกละเอียดไม่เหลือซาก และยังทำให้ร่างของทั้งคู่กระเด็นออกมาด้วยเช่นกัน ถึงกระนั้น ดูเหมือนว่าทั้งคู่ยังอยู่ในสภาพปกติดี ไร้รอยขีดข่วน

ต้าเทียนฉางกล่าวหัวเราะขึ้น"ฮ่าฮ่า ไม่เลว ไม่เลวเลยทีเดียว! ตอนนี้ข้าชักอยากจะรู้แล้วสิ ว่าเจ้า เมฆฟ้า ที่ข้ากำลังสู้อยู่นี้จะมีความแข็งแกร่งสูงสุดที่แท้จริงมากเท่าไหร่เชียว?"

กล่าวจบต้าเทียนก็พุ่งซัดเข้าไปอีกหนึ่งหมัด หากแต่เพิ่มอานุภาพขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ!

"หมัดสวรรค์พินาศโลกาแปดแสนเมกะตัน!"

ในตอนที่ต้าเทียนฉางกล่าวนั้น เมฆฟ้าเพียงเงียบและฟัง และตอนนี้ต้าเทียนฉางก็พุ่งทะยานเข้ามาแล้วใช้หมัดสวรรค์พินาศโลกาอีกครั้ง หากแต่มีพลังทำลายล้างรุนแรงมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พลังเพียงแค่นี้ก็ไม่อาจทำให้เมฆฟ้ายิ้มด้วยความชมเชยเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ จากนั้นเมฆฟ้าจึงปล่อยหมัดออกไปปะทะกับต้าเทียนฉางอีกครั้งในระดับพลังที่เท่าเทียมกัน

"หมัดถล่มฟ้าแปดแสนเมกะตัน!"

บรึมมมมมมม!

เมื่อหมัดทั้งสองปะทะกันเป็นครั้งที่สอง ทำให้เกิดเป็นเสียงระเบิดเสียงทึบขึ้น และการปะทะครั้งนี้มันถึงรุนแรงในระดับทำให้ชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปประมาณสิบล้านกิโลเมตรเริ่มกระเพื่อมขึ้นทีเดียว

ครานี้หลังจากซัดหมัดใส่กันเป็นครั้งที่สอง ร่างของทั้งคู่ก็ไม่กระเด็นถอยหลังอีกต่อไป ร่างของพวกเขาอยู่ใกล้ชิดกันมาก และในเวลานี้เอง ดวงตาของต้าเทียนฉางก็สาดประกายวาวโรจน์ สิ่งที่มันทำต่อจากนั้น ก็คือการพุ่งเข้าไปแลกหมัดอีกครั้งกับเมฆฟ้า!

ต้าเทียนฉาง"หมัดเง็กเซียนสั่งฟ้าแปดแสนสี่หมื่นเมกะตัน!"

เมฆฟ้า"หมัดระเบิดสลาตันเมฆาสวรรค์แปดแสนสี่หมื่นเมกะตัน!"

เมฆฟ้าและต้าเทียนฉางใช้ออกด้วยพลังที่เทียบเท่ากันอีกครั้ง

เมื่อสองหมัดปะทะกัน คล้ายกับสองเทพทวยกำลังแลกกระบวนท่ากันอย่างดุเดือด เสียงกัมปนาทคำรามก้อง และด้วยแรงปะทะกันของสองหมัดที่มากกว่าครั้งก่อนหน้า ดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างออกไปสิบล้านกิโลเมตรจากตอนแรกได้รับเพียงชั้นบรรยากาศที่กระเพื่อม แต่ตอนนี้ภายในตัวดาวเริ่มเกิดคลื่นมรสุมโลกาวินาศแล้ว

เมื่อสิ้นสิ้นหมัดนี้ ก็ย่อมมีหมัดต่อที่ต่อยออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง!

ปัง! ปัง! ปัง!

เมฆฟ้าและต้าเทียนฉากแลกหมัดกันอย่างไม่หยุดยั้ง บางครั้งหมัดของเมฆฟ้าก็พุ่งเข้าใส่คางของต้าเทียนฉาก จนต้าเทียนฉางหน้าหันไปด้านข้าง

บางครั้งหมัดของเขาก็พุ่งไปที่ลำตัวหรือสีข้าง และบางครั้งหมัดของเมฆฟ้าก็ซัดเข้าใส่ใบหน้าของต้าเทียนฉากตรงๆ กระทั่งเริ่มมองเห็นว่าบนใบหน้าของต้าเทียน มีสายโลหิตสองสายไหลออกมาจากจมูกของมัน ส่วนชุดเกราะของมันเริ่มอยู่ในสภาพที่ซอมซ่อ โดยเฉพาะส่วนลำตัวที่ตัวเกราะหักงอไม่เหลือชิ้นดี แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ต้าเทียนฉางยิ่งคล้ายกับหมาบ้าตัวหนึ่ง มันเริ่มระดมปล่อยสองหมัดออกไปเร็วขึ้น

ส่วนทางของต้าเทียนฉางนั้น บางหมัดก็พุ่งซัดเข้าลำตัวของเมฆฟ้า บางหมัดพุ่งไปที่ปลายคาง และบางหมัดก็พุ่งไปที่ใบหน้า ถึงการโจมตีด้วยพลังระดับหลายแสนเมกะตันที่ปลดปล่อยออกไปของทั้งสองจะคล้ายคลึงกัน แต่ที่ไม่คล้ายก็โดยสิ้นเชิงก็คือวิชาที่ใช้

เพราะดูเหมือนกับว่าพลังโจมตีของต้าเทียนฉางยังไม่เพียงพอ เมฆฟ้าไม่ขมวดคิ้มและไร้เลือดตกยางออกแม้แต่น้อย

ทั้งสองปล่อยหมัดใสกันหมัดแล้วหมัดเล่า...

สิบกระบวนท่า

ร้อยกระบวนท่า

พันกระบวนท่า

หมื่นกระบวนท่า

จนกระทั่งถึงหนึ่งแสนกระบวนท่าถึงได้ผละออกจากกัน สภาพของยอดนักรบทั้งสองตอนนี้กล่าวได้ว่าไร้ราศีของผู้ยิ่งใหญ่ในตอนแรกเลยทีเดียว เพราะทั้งเสื้อผ้าฉีกขาดจนไม่เหลือเค้าเดิม ชุดเกราะถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี หรือจะเป็นทรงผมที่ยุ่งเหยิง หากให้ไปอยู่ในเขตสลัม ทั้งสองก็คงมีสภาพเหมือนกับขอทานอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน

และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดนั้น ก็คืออาณาบริเวณรอบตัวของพวกเขาในตอนนี้ ที่ว่าเปลี่ยนไปมากก็คือ ในระยะสิบล้านกิโลเมตรหรือมากกว่านั้น มองไม่เห็นดาวเคราะห์น้อยหรือเศษอุกบาตอีกแล้ว มันว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง เหมือนกับห้วงแห่งความว่างเปล่าที่ไร้กาลเวลา ไร้การดำรงอยู่ของสรรพสิ่ง เพราะพวกมันถูกทำลายล้างจากคลื่นพลังลูกหลงนั่นเอง

ส่วนกองทัพของสองผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังประหัตประหารกันนั้น ได้ถอยร่นออกไปมากกว่าหนึ่งร้อยล้านกิโลเมตรแล้ว เพราะหากยังอยู่ในระยะเดิม พวกมันคงถูกบดขยี้ด้วยคลื่นพลังที่เมฆฟ้าและต้าเทียนฉางปล่อยออกมาจนร่างแหละเละกลายเป็นเศษเนื้อผสมกระดูกแน่นอน

****

เหตุที่ต้าเทียนฉางได้ชื่อว่าสุดยอดเทพทำลายล้างนั้น มันไม่ได้เป็นเพราะว่าเขาชอบทำลายวัตถุ แต่เป็นเพราะพลังของเขานั้น บรรลุถึง 999,999 เมกะตัน!

ส่วนทางเมฆฟ้านั้น ใช่ว่าเขาจะไม่มีฉายา เพียงแต่มีแค่น้อยคนนักที่จะรู้ฉายาของเขาเท่านั้น และถ้าจะให้กล่าวฉายาของเมฆฟ้าออกไป ฉายานี้คงเป็นชื่อที่อหังการและยโสมากกว่าต้าเทียนฉางมากทีเดียว ซึ่งชื่อของฉายานี้คือ...ครึ่งราชันย์ฟ้า!

เป็นฉายาของผู้ที่มีพลังของ 999,999.9 เมกะตัน!

แต่นั่นคือฉายาของเมฆฟ้าเมื่อหลายสิบปีก่อน

ปัจจุบัน มีเพียงเมฆฟ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ทราบว่า พลังตนในตอนนี้เหนือกว่า 999,999.9 เมกะตันไปมากโขแล้ว!

****

หลังจากประหัตประหารกันไปนับแสนกระบวนท่าด้วยพลังงานที่มากถึงแปดสี่หมื่นถึงเก้าแสนห้าหมื่นเมกะตัน ทั้งสองก็ผละออกจากกันในที่สุด และในช่วงที่ทั้งสองถอยห่างออกจากกันนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขา.....เริ่มหอบขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว ถึงอย่างนั้นทั่วตัวก็ไร้บาดแผลจากการปะทะ มีเพียงโลหิตสองสายที่ไหลออกจากจมูกเท่านั้น

และจริงๆแล้วการปะทะของสองยอดนักรบนี้ ใช่ว่าจะไม่มีฝ่ายอื่นคอยมาสอดส่องดูสถานการณ์ ซึ่งพวกที่มาเฝ้ามองการปะทะของสองยอดนักรบระดับจักรวาลนั้น มีหลายฝ่ายหลายองค์กรยิ่งนัก

แต่ถ้าจะบอกแค่ว่าพวกตัวเป้งที่มามองการต่อสู้นี้มีฝ่ายไหนบ้าง ก็ต้องบอกว่าประมาณสี่องค์กร ซึ่งพวกนี้ก็คือ ชางหมางพ่าย อาณาจักรเทพอาณาจักรมาร และอาณาจักรขุนเขาทะเล….ถุย! ใช่ซะที่ไหนเล่า แม่งผิดเรื่องละ

มา เอาใหม่เอาใหม่

ถ้าจะบอกแค่ว่าพวกตัวเป้งที่มามองการต่อสู้นี้มีฝ่ายไหนบ้าง ก็ต้องบอกว่าประมาณสามองค์กร ซึ่งพวกนี้ก็คือ สำนักเซียนปาฏิหาริย์ สภาแห่งอิกดราซิลและจักรวรรดิจันทราทมิฬ ซึ่งผู้นำของทั้งสามกลุ่มมหาอำนาจนี้ล้วนบรรลุระดับที่สูงส่งยิ่ง

มารโลหิตจากสภาแห่งอิกดราซิล ครอบครองพลังนิวเคลียร์ที่มากถึง 999,990 เมกะตัน

จ้าวหมิงเยี่ย จักรพรรดิจักรววรดิจันทราทมิฬ ครองครอบพลังนิวเคลียร์เทียบเท่ากับมารโลหิตคือ 999,990 เมกะตัน

สุดท้าย เซียนศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักเซียนปาฏิหาริย์ หากไม่นับต้าเทียนฉางและการปรากฏตัวของเมฆฟ้าเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน นับว่ามันคนยอดคนอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง เพราะมันครอบครองพลังนิวเคลียร์ที่มากถึง 999,998 เมกะตัน!

ซึ่งในห้วงดาราจักรนี้ มีกลุ่มมหาอำนาจอยู่ห้าฝ่าย และสามตัวเป้งที่กล่าวมาข้างต้นคือสามในห้ามหาอำนาจ ส่วนอีกสองมหาอำนาจนั้นคือกองทัพของเมฆฟ้าและกองทัพของต้าเทียนฉางเอง

หลังจากที่สองยอดนักรบพักจนหายหอบแล้ว เมฆฟ้าก็ชิงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดอันดังก้องว่า"ต้าเทียนฉาง! นับแต่นี้ข้าเมฆฟ้า จะเริ่มใช้กำลังเต็มที่แล้ว และต่อไปนี้จะไม่มีการออมมืออีกต่อไป!"

แม้น้ำเสียงของเมฆฟ้าฟังแล้วราวกับผู้ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่เขาก็ยังไม่เผยรอยยิ้มของผู้ที่สนุกไปกับการต่อสู้แม้น้อย คล้ายกับว่าต้าเทียนฉางในตอนนี้ยังไม่สามารถทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่กล่าวมาข้างต้นได้

ด้านอีกฝั่ง ต้าเทียนยิ้ม ตอนนี้เลือดในกายเขาก็เริ่มเดือดพล่านถึงขีดสุดแล้วเช่นกัน"หึ ข้าก็จะรอดูว่าตอนไหนเจ้าจะเอาจริงเสียที"คำกล่าวต่อมาต้าเทียนกระแทกเสียงในคำกล่าว"ได้! ข้าต้าเทียนฉางผู้ได้ฉายาว่าสุดยอดเทพทำลายล้างก็จะเอาจริงแล้วเหมือนกัน ต่อไปนี้ไม่มีการกั๊กอะไรทั้งสิ้น"

ได้ยินต้าเทียนฉางออกปากรับคำอย่างหนักแน่นแล้ว เมฆฟ้าก็เริ่มยิ้มบาง แล้วตะโกนก้องว่า"เทพวิชา กายาราวัณ!"

ทันใดนั้นร่างของเมฆฟ้าก็ขยายใหญ่ขึ้น ยังมีศีรษะและแขนที่กำลังงอกเพิ่มออกมา

ห้าเมตร

สิบเมตร

ร้อยเมตร

หนึ่งกิโลเมตร

หนึ่งโยชน์[1]

สิบโยชน์

หนึ่งร้อยโยชน์!

ในตอนนี้ร่างของเมฆฟ้าขยายใหญ่ขึ้นจนมีความสูงทั้งสิ้นหนึ่งร้อยโยชน์ มีสิบเศียรและยี่สิบกร ซึ่งความสูงใหญ่และความแปลกปลาดด้านสรีระนี้ ไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนในเอกภพสามารถเทียบเท่าได้แน่นอน และรูปลักษณ์ของเมฆฟ้าในตอนนี้ ดูไปแล้วคล้ายกับพญายักษ์จากเรื่องแต่งจากอดีตกาลเป็นอย่างยิ่ง

ทางฝั่งของต้าเทียนฉาง เขาหัวเราะออกมาเมื่อเห็นคู่ต่อสู้ของตนเปิดไพ่ตายพร้อมรบให้ตายกันไปข้างอย่างเต็มที่ จากนั้นเขาก็ตะโกนก้องออกมาเช่นกัน"เทพวิชา สุดยอดกายาจ้าวสวรรค์!"

ทันใดนั้นร่างกายของต้าเทียนฉางก็ขยายขนาดขึ้นเช่นกัน! มันขยายสูงขึ้นเรื่อยๆจนมีขนาดเทียบเท่ากับเมฆฟ้าเลยทีเดียว ซึ่งก็คือหนึ่งร้อยโยชน์!

ตอนนี้ต้าเทียนฉางคล้ายกับกลายเป็นจ้าวสวรรค์ดังชื่อเทพวิชาของมันไปแล้ว แสงรัศมีและกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาพร้อมที่จะสะกดข่มสรรพสิ่งเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อแสดงไพ่ตายใบแรกของตนให้คู่ต่อสู้ได้ดูแล้ว ทั้งสองมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายแวบหนึ่ง แล้วพุ่งเข้าปะทะกันอีกครั้ง!

[1]1 โยชน์มีขนาดเท่ากับ 16 กิโลเมตร ซึ่งหนึ่งร้อยโยชน์ในเนื้อเรื่องนั้น มีขนาดเทียบเท่า 1,600 กิโลเมตร ถ้าจะให้เห็นภาพ ง่ายๆคือมีขนาดประมาณ 12-13% ของโลก เพราะโลกมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณที่ 12,000 กิโลเมตร

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!